ThaiPublica > เกาะกระแส > คำต่อคำ “ผยง ศรีวณิช” เอ็มดีแบงก์กรุงไทย แจงกรณีเอิร์ธ ย้ำยึดหน้าที่ปกป้ององค์กร – Stakeholders

คำต่อคำ “ผยง ศรีวณิช” เอ็มดีแบงก์กรุงไทย แจงกรณีเอิร์ธ ย้ำยึดหน้าที่ปกป้ององค์กร – Stakeholders

26 กุมภาพันธ์ 2019


นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย

สืบเนื่องจากการที่ธนาคารกรุงไทยซึ่งเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ด้วยวงเงิน 12,000 ล้านบาทได้รับความเสียหายจากการให้เงินกู้บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด (มหาชน) จนคณะกรรมการธนาคารสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จริงการปล่อยกู้ นอกเหนือจากการที่ธนาคารได้แจ้งความดำเนินคดีบริษัทต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ

ขณะที่ธนาคารกรุงไทยยังไม่มีการเปิดเผยผลการสอบสวนอย่างเป็นทางการ แต่ในปลายปี 2561 ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร ในฐานะประธานกรรมการธนาคารเปิดเผยเพียงแค่ว่า จากการสอบสวนผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ของธนาคารที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากไม่มีอำนาจสอบบุคคลภายนอก พบว่ามีผู้กระทำความผิดหลายรายในทุกระดับชั้น

ต่อมาเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2562 นายกิตติพันธ์ อนุตรโสตถิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารซีไอเอ็มบี และอดีตรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ หัวหน้าสายงานสินเชื่อลูกค้ารายใหญ่ ธนาคารกรุงไทย ได้แถลงข่าวในนามส่วนตัว เกี่ยวกับเรื่องผลการสอบสวนและข้อกล่าวหาว่าบกพร่องและทุจริต เกี่ยวกับการให้สินเชื่อบริษัท เอเนอร์ยี่ เอิร์ธ (เอิร์ธ) โดยระบุว่าได้มีหนังสือกล่าวโทษจากธนาคารกรุงไทยแจ้งมาเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2561 หลังจากนั้นได้มีการโพสต์เฟซบุ๊กชี้แจงและตั้งข้อสังเกตในหลายประเด็น

  • “กิตติพันธ์ อนุตรโสตถิ” อดีตผู้บริหารแบงก์กรุงไทย แจงข้อกล่าวหากรณีปล่อยกู้ “เอิร์ธ”
  • “กิตติพันธ์ อนุตรโสตถิ” แจงข้อกล่าวหาปล่อยกู้เอิร์ธ (ตอนที่1) : การค้นหาความจริงว่าความเสียหายเกิดจากอะไร?
  • “กิตติพันธ์ อนุตรโสตถิ”ยื่นลาพักชั่วคราว “บทบาทกรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร” 2เดือนครึ่ง
  • “กิตติพันธ์ อนุตรโสตถิ” แจงข้อกล่าวหาปล่อยกู้เอิร์ธ (ตอนที่2) : ความจริงปิดกันไม่ได้…
  • “กิตติพันธ์ อนุตรโสตถิ” แจงข้อกล่าวหาปล่อยกู้เอิร์ธ (ตอนที่3) : เปรียบเทียบการให้สินเชื่อกับการขายหุ้นกู้
  • “กิตติพันธ์ อนุตรโสตถิ” แจงข้อกล่าวหาปล่อยกู้เอิร์ธ (ตอนที่ 4) : ระเบียบ…มีไว้เพื่ออะไร?
  • “กิตติพันธ์ อนุตรโสตถิ” แจงข้อกล่าวหาปล่อยกู้เอิร์ธ (ตอนที่ 5) : หมื่นสองพันล้านเกิดขึ้นอย่างไร…?
  • “กิตติพันธ์ อนุตรโสตถิ” แจงข้อกล่าวหาปล่อยกู้เอิร์ธ (ตอนที่ 6) : ตัวละครลับ กับมาตรฐานที่แตกต่างกัน?
  • ยึดหน้าที่ ปกป้ององค์กรและ stakeholders

    ล่าสุด หลังเสร็จสิ้นการแถลงข่าวทิศทางการดำเนินธุรกิจประจำปีเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2562 นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่ร่วมงานแถลงว่า “มีคำถามหนึ่งที่กระซิบถามกันอยู่ บางเรื่องเป็นเรื่องที่ดูเป็นข่าวกันเยอะ ผมขอพูดสั้นๆ ว่า อยากจะพวกเราให้เข้าใจว่า หนึ่ง บางทีในโลกยุคปัจจุบันเราต้องนั่งนิ่งๆ ตอนที่ผมเรียนถึงกรุงไทยคุณธรรม สะท้อนถึงกิจกรรมที่ธนาคารกรุงไทยตอบสนองต่อสิ่งต่างๆ เหล่านี้พอสมควร อันที่หนึ่งอย่าลืมว่า ธนาคารกรุงไทยเป็นผู้เสียหาย อันที่สอง เราเป็นหนึ่งในผู้ถูกกระทำ อันที่สามพวกเราชาวกรุงไทยทุกคนมีหน้าที่ ที่จะต้องปฏิบัติปกป้ององค์กรและดูแลลูกค้า และ stakeholders ทุกภาคส่วน”

    พร้อมย้ำว่า “ เราต้องทำในสิ่งที่ต้องทำภายใต้นโยบายกรุงไทยคุณธรรม ไม่ใช่คนใดคนหนึ่ง แต่เพื่อองค์กรของพวกเราทุกคน ทุกสิ่งอย่างที่เราทำ เรามีหน้าที่ต้องทำและเราต้องทำ กลไกการตรวจสอบ ตรวจเช็ค ในโลกปัจจุบันจะปกปิดอะไรไม่ได้หรอก ถ้าเราจะลำเอียงด้านใดด้านหนึ่ง หนีไม่รอด ก็จะถูกตรวจสอบ เพราะฉะนั้นต้องมีความชัดเจนว่าเรายึดองค์กรเป็นหัวใจ เราเป็นองค์กรที่อยู่มา 50 ปี กว่า เคารพในกฎเกณฑ์ กติกาของบ้านเมือง เคารพในกฎเกณฑ์ขององค์กร เราต้องเคารพในหน้าที่ที่พวกเราทุกคนมีเพื่อองค์กรและเราต้องตระหนักรู้อยู่ตลอดเวลาว่าใครคือ stakeholders ของเรา” นายผยงกล่าว

    นายผยงกล่าวต่อว่า “ผมขอแตะในประเด็นกว้างๆ เหล่านี้ทุกอย่างที่เราทำ พวกเราคงนึกภาพออกว่าผมไม่ทำเพื่อนายผยง คุณ ก ก็ไม่ได้ทำเพื่อคุณ ก ทุกอย่างที่เราทำเพื่อองค์กร กรุงไทยที่เป็นธนาคารพาณิชย์ของรัฐและมี stakeholders beyond รัฐ และความมีเสถียรภาพขององค์กรธนาคารกรุงไทยกระทบกับประชาชนทุกภาคส่วนทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นบนดอยเต่า บนสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ บนเกาะในตราด บนจังหวัดสตูล บนหนองบัวลำภู บนอำนาจเจริญ นั่นคือหน้าที่ของธนาคารกรุงไทย และ stakeholders ของประชากรฐานรากทุกจุด นั่นคือ stakeholders ของเรา ผมก็ขอฝากพวกเราให้ช่วยกันสอดส่องดูแล มีความหนักแน่นว่า อะไรคือสิ่งที่ใช่และอะไรคือสิ่งที่ไม่ใช่”

    “ผมยินดีถูกตรวจสอบถ้าคิดว่าผมหรือฝ่ายจัดการเราทำอะไรไม่ถูกไม่ควร ไม่เหมาะสม ไม่เป็นไปตามกฎเกณฑ์กติกา กฎหมายบ้านเมือง หรือแม้กระทั่งหน้าที่ที่พวกเรามี เพื่อองค์กรของเรา อันนี้ฝากให้พวกเรามีความเข้าใจตรงนี้ตรงกันก่อน”

    พร้อมกล่าวต่อว่า”เราเข้าใจถึงพลังของโซเชียลมีเดีย เราเข้าใจถึงการตื่นเต้นของข่าวบางข่าว บางชิ้นบางเนื้อหา แต่เราต้องไม่หวั่นไหวบนหลักการบนปรัชญาบนทิศทางกรุงไทยคุณธรรมที่พวกเราทั้งองค์กรกรุงไทยมี และเราก็ตระหนักรู้อยู่ตลอดเวลาว่าพวกเราถูกจับตามองจากหลายภาคส่วน ทั้งประเทศ อันนี้คือสิ่งที่พวกเราตระหนัก และผมก็ต้องการคำถามในมิตินี้ ก็คิดว่าน่าจะเข้าใจตอบโจทย์และพวกเราเข้าใจว่าผมแปลว่าอะไร”

    ยันกรุงไทยไม่เคยเปิดเผยผลสอบ

    จากนั้นมีผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่มีอดีตผู้บริหารกรุงไทยออกมาเรียกร้องในการไต่สวนหรือการสอบเกี่ยวกับคดี จะต้องเข้าไปตรวจสอบกระบวนการปล่อยสินเชื่อหรือกระบวนการทั้งหมดใหม่หรือไม่

    นายผยงถามกลับว่า ผู้บริหารท่านนั้นคือใคร ซึ่งได้รับคำตอบมาว่าคือ คุณกิตติพันธ์ (นายกิตติพันธ์ อนุตรโสตถิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารซีไอเอ็มบี และอดีตรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ หัวหน้าสายงานสินเชื่อลูกค้ารายใหญ่ ธนาคารกรุงไทย)

    นายผยงถามต่ออีกว่า ใครเป็นบอกว่าคุณกิตติพันธ์โดน ผู้สื่อข่าวรายเดิมตอบว่า กรุงไทยมีการทำหนังสือส่งที่คุณกิตติพันธ์

    นายผยงถามอีกว่า เห็นจดหมายฉบับนั้นหรือเปล่าครับ ผู้สื่อข่าวตอบว่า นายกิตติพันธ์ได้มีการนำมาโชว์ให้ผู้สื่อข่าวดู

    นายผยงกล่าวว่า ” ผมถึงถามไงว่าพวกเราต้องมีสตินะครับ ธนาคารกรุงไทยไม่เคยไปเปิดเผยหรือระบุตัวตนผู้ใด อย่างไร ที่ไหน ผมย้ำนะครับในฐานะกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย ผมยืนยันว่าทางธนาคารกรุงไทยไม่เคยไปเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงาน หรืออดีตพนักงาน หรือลูกค้าของธนาคารกรุงไทย เพราะฉะนั้นการที่พวกเราได้ข้อมูลมาแล้วผมจำเป็นที่ผมจะต้องให้ความกระจ่าง ผมต้องขออภัยที่ผมต้องถามว่าแหล่งข้อมูลที่ได้มาคือแหล่งไหน เพราะผมจะได้ทราบถูกว่าเป็นข้อมูลที่ถูกให้โดยใคร มีวัตถุประสงค์อย่างไร และเป็นข้อมูลที่ถูกต้องหรือไม่ และผมก็ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ที่เขาโชว์ ไม่ว่าจะเป็นท่านไหนทั้งสิ้น การที่เขาโชว์ เขาโชว์อะไร เขาโชว์ครบไหม เขาโชว์ทุกอย่างหรือไม่ ผมตอบไม่ได้”

    นายผยงกล่าวต่อว่า “ความเห็นที่จะให้มีความละเอียดอ่อน และเป็นสิ่งที่เราเป็นธนาคารพาณิชย์ของรัฐและเคารพในกฎเกณฑ์กติกา ทั้งกฎหมายบ้านเมืองและกฎระเบียบภายในธนาคารกรุงไทยอย่างเข้มงวด เราจำเป็นต้องมีความระมัดระวัง ที่จะดำรงคงไว้ถึงความมั่นใจ ความวางใจของคนไทย 70 กว่าล้านคนทุกคน ไม่ใช่คนใดคนหนึ่ง ผมต้องย้ำ เพราะเราคือองค์กรของรัฐหนึ่งเดียวในฐานะธนาคารพาณิชย์ของรัฐและถือหุ้นใหญ่โดยรัฐ รวมถึงภาษีพวกเราทุกคนในที่นี้ที่จ่าย ครอบครัวกรุงไทยอีกกว่า 22,000 คน

    พวกเราต้องหนักแน่น และผมต้องให้กำลังใจพนักงานทุกคน และหลายครั้งก็ตั้งคำถามว่าทำไมเราไม่ตอบโต้ พนักงานเราบางคนรู้สึกว่าเราเป็นผู้ถูกกระทำ พวกเราต้องคิดว่าธนาคารกรุงไทยโดยเงินภาษีประชาชนเสียหายหมื่นกว่าล้านบาทในเคสกรณีหนึ่ง จะให้เราอยู่เฉยๆ เหรอครับ ฝากคิดประเด็นนี้ด้วย”

    ประสานงานทุกหน่วยงานต่อเนื่อง

    ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า กระบวนการตรวจสอบว่า วิธีการปล่อยสินเชื่อ ว่าความเสียหายมาจากตรงไหน อันนี้ถือเป็นการสิ้นสุดหรือไม่ว่ากรุงไทยตรวจเสร็จแล้ว ว่าต้นตอมาจากอะไรถึงทำให้ความเสียหายเกิดขึ้น

    นายผยงกล่าวว่า ในสิ่งที่เกิดขึ้นในกระบวนการภายในธนาคารกรุงไทย ตอบกว้างๆ ลำบาก ต้องถามว่าชิ้นไหน ข้อมูลประเภทไหน มิติอะไร ของใคร บนกิจกรรมไหน เมื่อไร เสร็จสิ้นหรือยัง ผมถึงจะตอบได้ อันนี้ไม่ใช่ปล่อยสินเชื่อ 1 แสนบาท 1 หมื่นบาท การปล่อยสินเชื่อในวงเงินที่มากมีมิติที่ซับซ้อนมากมาย

    ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ถ้าพูดถึงกรณีที่ธนาคารกรุงไทยยกระดับคุณธรรม เมื่อยกระดับขึ้นมาแล้ว ในส่วนที่กรุงไทยถูกกระทำ พนักงานถูกกระทำและกรุงไทยมีหน้าที่ปกป้ององค์กร ณ ขณะนี้การปรับกระบวนการแก้ไขปัญหาเพื่อที่จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์ fraud ในลักษณะนี้ขึ้นมาอีก มีการปรับตรงไหนบ้าง และความคืบหน้าในเรื่องกระบวนการตรวจสอบ การเอาผิดกับตัวบุคคล ในเมื่อธนาคารเสียหายตั้งหมื่นกว่าล้าน

    นายผยงกล่าวว่า เรื่องที่หนึ่งถ้าเป็นคำถามที่ถามว่าการจัดตั้งกลไกตำรวจแบบไหนที่ประเทศจะไร้ซึ่งขโมย ผมไม่มี ทุกสังคมทุกประเทศคงไม่มี แต่ถามว่ายกระดับไหม ยก ถ้าเป็นความพยายามบางรูปแบบที่เกิดขึ้นในอดีตในบางมิติ เราเชื่อว่ากลไกในวันนี้เรามีประสิทธิภาพขึ้นมากมาย แต่แน่นอนคนที่จะกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อประโยชน์ของตัวเอง หรือของกลุ่มหรือพวกพ้องตนเอง โดยที่ผิดกฎกติกา ไม่ว่าจะเป็นกฎบ้านหรือกฎอะไรก็ตาม ก็มีการพัฒนา เป็นยุคแต่ละสมัย เพราะฉะนั้นผมตอบยืนยันได้ว่า วันนี้กลไกภายในธนาคารกรุงไทย ถ้าเป็นรูปแบบที่เราเรียนรู้จากการเกิดขึ้นจากบางสิ่งบางอย่างในอดีต เรายกระดับขึ้นมากมาย

    ผู้สื่อข่าวถามย้ำอีกครั้งว่า ความเสียหายหมื่นล้านกระบวนการตรวจสอบและการเอาผิดในทางแพ่งและตัวบุคคลตอนนี้อยู่ในกระบวนการไหน

    นายผยงกล่าวว่า กระบวนการพิจารณาวินัยหรือความเสียหายของหนี้ แน่นอนการปล่อยสินเชื่อและมีหนี้เสีย เป็นเรื่องปกติของธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ไม่ใช่เราไม่ทราบ ไม่ใช่ว่าทุกบาทจากการเสียของหนี้จะเป็นเรื่องไม่ปกติ ไม่ใช่ แต่เมื่อไรที่เกิดความเสียหายไม่ว่าจะเงินใหญ่ขนาดไหน แต่ถ้าเป็นเรื่องใหญ่เราจำเป็นต้องเข้าไปเรียนรู้ ค้นหาข้อเท็จจริงสิ่งที่เราคิดว่าเกิดอะไรขึ้น เราต้องควรพัฒนาอะไรแค่ไหนเราจำเป็นต้องที่จะค้นคว้าลงไป และไม่มีธงว่าทำแต่ละกิจกรรมจะต้องเสร็จเมื่อไร เสร็จก็คือเสร็จ ไม่เสร็จคือไม่เสร็จ

    ทุกกระบวนการ ขั้นตอน จะมีกฎกติกาไม่ว่าจะเป็นกฎบ้านหรือกฎประเทศอยู่ว่า ทันทีที่ตรวจพบอะไรบางอย่าง มีหน้าที่ที่จะต้องทำอะไร อย่างไร เมื่อไร กฎบ้านเมือง กฎภายในธนาคารมี เราไม่สามารถเพิกเฉยละเลย หรืออิดออด เพื่อประโยชน์ขององค์กร บางกรณีเราเห็นเรามีข้อมูลเพียงพอ เราก็รู้ว่าเราไม่มีอำนาจ และเรารู้ว่าข้อมูลเราอาจจะไม่ครบถ้วน เราก็ไปหาหน่วยงานรัฐที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายที่จะสืบค้นสืบตรวจ ตรวจเช็ค ตามอำนาจหน้าที่ที่มี ที่กฎหมายหรือสังคมให้หน้าที่ไว้ เราไม่ทำเกินหน้าที่ของเราแน่นอน บางเรื่องถ้าเราจำเป็นต้องไปอาศัยเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ เราก็ต้องไป ทุกวันนี้เราถูกขู่อยู่ตลอดเวลา แต่ตราบใดที่เราต้องทำตามสิทธิและหน้าที่ที่เราต้องทำ เรายึดหลักการนั้นและเดินไป

    ผู้สื่อข่าวถามว่า การดูแลผู้ถือหุ้นกู้ของเอิร์ธที่ธนาคารได้มีส่วนในการช่วยเหลือผู้ถือหุ้นกู้รายย่อยบางรายไปในปีที่แล้ว มีความคืบหน้าเพิ่มเติมอีกหรือไม่

    นายผยงกล่าวว่า การดูแลผู้ถือหุ้นกู้ พวกเรากรุงไทยมีความเห็นใจผู้ถือหุ้นกู้ ในมุมของกระบวนการที่เกี่ยวกับผู้ถือหุ้นกู้ ทางเราเองก็มองว่าเขาเป็นผู้เสียหายเหมือนกับธนาคารกรุงไทย แต่เราจำเป็นที่ต้องให้ข้อมูลให้ความชัดเจนเขาเป็นระยะ ให้ความช่วยเหลือเท่าที่เราจะให้ได้เต็มที่ แต่ขณะเดียวกันต้องอยู่ในกรอบกฎเกณฑ์ กติกา ของธนาคารกรุงไทยว่าเราทำอะไรได้ ทำอะไรไม่ได้ เรื่องของการตรวจเช็คในเรื่องของหุ้นกู้ สิ่งที่ผมแปลกใจคือ ตอนนี้เวลาพูดถึงรายย่อยมีทั้งผู้ถือหุ้นกู้ มีทั้งผู้ถือหุ้น และมีทั้งผู้ลงทุน B/E ซึ่งเราไม่เคยขายเลย วิ่งมาที่ธนาคารกรุงไทยอยู่เป็นระยะ สิ่งที่ผมตอบได้คือ เราได้ประสานให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเต็มที่ เพื่อที่ให้สามารถเข้าใจและมีดุลยพินิจและดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ที่แต่ละหน่วยงานมี เราทำเต็มที่และเราไม่หยุดนิ่ง ทุกครั้งที่เราเจอ การ take action ในกระบวนการทางกฎหมาย เราทำครั้งแรกเมื่อหลายเดือนก่อนและเรายังทำอย่างต่อเนื่องไม่ได้หยุด เรื่องในส่วนของเราเราทำเต็มที่

    “ผมพูดกว้างๆ แล้วกัน เพราะไม่อยากระบุหน่วยงาน ทุกหน่วยงานกำกับดูแลที่มีหน้าที่ตามกฎหมาย เราประสานกับทุกหน่วยงาน ไม่อยากเจาะจงลงไปว่าหน่วยใดเมื่อไร เพราะเราเข้าใจว่าทุกหน่วยงานทำเต็มที่ แต่เข้าใจว่าการสืบค้นให้ได้มาถึงข้อเท็จจริงที่เพียงพอที่จะนำไปสู่การใช้ดุลยพินิจอาจจะต้องใช้เวลา และอาจมีมุมมองเพิ่มเติมที่เราอาจจะไม่มีความรู้ เหมือนกับหน่วยงานที่จะต้องมีข้อมูลเพียงพอใช้ดุลยพินิจและดำเนินการต่อภายใต้อำนาจหน้าที่และกระบวนการที่มี แต่เรายืนยันว่าเราทำเต็มที่ทุกๆ มิติ ในหน่วยงานรัฐกำกับดูแลเราทำหมด” นายผยงกล่าว