ThaiPublica > สู่อาเซียน > “ปฏิบัติการ 1027” เขย่า ‘ระเบียงเศรษฐกิจ จีน-เมียนมา!’

“ปฏิบัติการ 1027” เขย่า ‘ระเบียงเศรษฐกิจ จีน-เมียนมา!’

8 พฤศจิกายน 2023


ปัณฑพ ตั้งศรีวงศ์ รายงาน

ทหารตะอั้งเข้าควบคุมพื้นที่บริเวณจุดชมวิวหุบเข้าก๊กเทคในเมืองหนองเขียว ที่มาภาพ : Ta’ang Tea Hills

“ปฏิบัติการ 1027” (Operation 1027) เป็นรหัสที่กองกำลังติดอาวุธชาติพันธุ์ 3 กลุ่มซึ่งรวมตัวกันในนาม “พันธมิตรภาคเหนือ” ใช้เรียกปฏิบัติการที่พวกเขาได้บุกโจมตี ยึดฐานที่มั่นของทหาร ตำรวจพม่า กับกองกำลังพิทักษ์ชายแดน (BGF) ที่กระจายตัวอยู่หลายจุด หลายเมือง ในภาคเหนือของรัฐฉาน อย่างพร้อมเพรียงกัน ในช่วงเช้ามืดวันศุกร์ที่ 27 ตุลาคม 2566 โดยไม่เปิดโอกาสให้กำลังพลฝ่ายความมั่นคงของพม่าได้ทันตั้งตัว

พันธมิตรภาคเหนือประกอบด้วย กองทัพโกก้าง (Myanmar National Democratic Alliance Army หรือ MNDAA), กองทัพตะอั้ง (Ta’ang National Liberation Army หรือ TNLA) และกองทัพอาระกัน (Arakan Army หรือ AA) มีกำลังทหารรวมประมาณ 15,000 นาย

ปฏิบัติการ 1027 เริ่มขึ้นเมื่อเวลา 04.00 น. ของวันที่ 27 ตุลาคม พันธมิตรภาคเหนือแบ่งกำลังเป็นชุดๆ โดยทหารตะอั้งและอาระกันได้ร่วมกันบุกโจมตีและยึดฐานของฝ่ายความมั่นคงพม่าที่ตั้งอยู่ตามแนวทางหลวงหมายเลข 3 ตั้งแต่เมืองหมู่เจ้ เมืองน้ำคำ ชายแดนรัฐฉาน-จีน ผ่านเมืองน้ำผักกา ลงมาถึงเมืองก๊ตขาย เมืองแสนหวี และพื้นที่โดยรอบเมืองล่าเสี้ยว

ทหารตะอั้งอีกส่วนหนึ่งยังได้บุกโจมตีฐานทหาร ตำรวจพม่าในเมืองหนองเขียว จังหวัดจ๊อกแม เข้ายึดสะพานก๊กตวิน ที่อยู่ด้านล่างสุดของหุบเขาก๊กเทค จุดเชื่อมต่อระหว่างเมืองปินอูลวิน ภาคมัณฑะเลย์ กับจังหวัดจ๊อกแม ของรัฐฉาน

ส่วนกำลังพลของกองทัพโกก้างได้บุกโจมตีและยึดฐานที่มั่นของทหาร ตำรวจพม่า ตามแนวทางหลวงหมายเลข 34 ตั้งแต่หน้าด่านชิงส่วยเหอ และเมืองกุ๋นโหลง ในเขตพิเศษหมายเลข 1 พื้นที่ปกครองตนเองชนชาติโกก้าง ต่อมาถึงเมืองแสนหวี

ด่านเก็บเงินบนทางหลวงหมายเลข 3 ในเมืองแสนหวี ถูกทหารโกก้างเข้าควบคุมไว้ได้ตั้งแต่วันที่ 27 ตุลาคม 2566 ที่มาภาพ : Shwe Phee Myay News Agency

ทหารโกก้างอีกส่วนหนึ่งได้บุกเข้าโจมตีและยึดฐานที่มั่นของฝ่ายความมั่นคงพม่า ที่ตั้งอยู่โดยรอบเมืองเล่าก์ก่าย เมืองหลวงของเขตปกครองตนเองโกก้าง ต่อขึ้นไปถึงเมืองโกและเมืองป่างซาย ชายแดนรัฐฉาน-จีน ในจังหวัดหมู่เจ้

ผลจากปฏิบัติการ 1027 ทำให้เกิดสงครามขยายวงกว้างไปทั่วภาคเหนือของรัฐฉาน การต่อสู้ดำเนินต่อเนื่องตั้งแต่วันศุกร์ที่ 27 ตุลาคม จน ณ เวลาปิดต้นฉบับนี้ ในวันจันทร์ที่ 6 พฤศจิกายน 2566 หลายพื้นที่ยังรบกันอยู่ ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงไปยังทุกภาคส่วน…

วันจันทร์ที่ 30 ตุลาคม 2566 พันธมิตรภาคเหนือเผยแพร่เอกสารแถลงผลปฏิบัติการ 1027 ระบุว่าช่วง 4 วันแรก กำลังพลพันธมิตรภาคเหนือสามารถบุกโจมตี ยึดที่มั่นของทหาร ตำรวจพม่า และ BGF ได้มากกว่า 80 จุด สังหารและจับเป็นเชลยที่เป็นทหารพม่าได้นับร้อยคน

วันเดียวกัน (30 ตุลาคม 2566) สำนักงานเพื่อการประสานงานด้านมนุษยธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNOCHA) รายงานผลกระทบเบื้องต้นจากปฏิบัติการ 1027 ช่วง 4 วันแรก ระบุว่ามีอย่างน้อย 8 เมืองได้รับความเสียหายจากอาวุธหนัก ชาวบ้านในเมืองชิงส่วยเหอ แสนหวี ก๊ตขาย ล่าเสี้ยว และน้ำคำ เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 7 ราย ในนี้ 2 รายเป็นเด็ก มีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกอย่างน้อย 9 คน ชาวบ้านกว่า 6,200 คน ต้องยอมทิ้งบ้านเรือน ไร่นา โดยกว่า 5,000 คน ได้ไปอาศัยวัดในเมืองหมู่เจ้ ก๊ตขาย แสนหวี ล่าเสี้ยว จ๊อกแม เป็นที่พักพิง และอีกกว่า 1,000 คน ได้เข้าไปหลบซ่อนตัวอยู่ในป่า นอกจากนี้ ยังมีชาวเมืองเล่าก์ก่ายและชิงส่วยอีกกว่า 500 คน ที่หนีข้ามชายแดนเข้าไปหลบภัยอยู่ในเขตจีน

UNOCHA ยังได้รายงานอีกว่า ถนนทุกสายที่ออกจากตัวเมืองล่าเสี้ยวขึ้นไปยังพื้นที่ทางตอนเหนือถูกปิดตาย การสื่อสารในเมืองแสนหวี ก๊ตขาย หมู่เจ้ น้ำคำ และในพื้นที่ปกครองตนเองชนชาติโกก้างถูกตัดขาด และในตัวเมืองก๊ตขาย ซึ่งตั้งอยู่ริมทางหลวงหมายเลข 3 จากเมืองแสนหวีขึ้นไปยังชายแดนหมู่เจ้ ไม่มีไฟฟ้าใช้

ด่านเก็บเงินบนทางหลวงหมายเลข 3 ในเมืองแสนหวี ถูกทหารโกก้างเข้าควบคุมไว้ได้ตั้งแต่วันที่ 27 ตุลาคม 2566 ที่มาภาพ : Shwe Phee Myay News Agency

วันเสาร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2566 National Unity Government of Myanmar เพจทางการของรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (NUG) หรือรัฐบาลเงาที่ตั้งขึ้นโดยสมาชิกพรรค NLD เผยแพร่ข้อมูลว่า ช่วง 8 วัน ของสงครามในภาคเหนือของรัฐฉาน นับจากวันที่ 27 ตุลาคม ถึงวันที่ 3 พฤศจิกายน 2566 มีชาวบ้านซึ่งไร้ที่อยู่อาศัยเพราะต้องอพยพหนีภัยจากสงคราม 32,445 คน ชาวบ้านเสียชีวิตแล้ว 18 ราย ส่วนใหญ่เป็นเด็กและผู้หญิง ชาวบ้านได้รับบาดเจ็บ 44 คน บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย 80 หลัง และวัดกับศาสนสถานอีก 12 แห่ง เสียหายจากกระสุนและระเบิด

ชาวบ้านซึ่งไร้ที่อยู่อาศัย 32,445 คน แบ่งเป็นเป็นผู้ที่ลี้ภัยไปอยู่ตามป่าและหมู่บ้านที่อยู่โดยรอบพื้นที่ซึ่งมีการสู้รบกัน 9,106 คน ลี้ภัยอยู่ในตัวเมืองแสนหวี 9,023 คน ในตัวเมืองล่าเสี้ยว 6,716 คน ในพื้นที่เขตปกครองตนเองชนชาติว้า 5,000 คน ในเมืองก๊ตขาย 1,100 คน ในเมืองเล่าก์ก่าย 1,000 คน ในเมืองจ๊อกแม 440 คน และในเมืองหมูเจ้อีก 60 คน…

นอกจากความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินที่เกิดขึ้นแล้ว ผลกระทบที่สำคัญในอีกด้านหนึ่งของปฏิบัติการ 1027 คือการค้าขายระหว่างจีนกับเมียนมาที่ทำผ่านด่านชายแดน 2 แห่ง คือด่านหมู่เจ้และชิงส่วยเหอ 2 ประตูการค้าหลักที่มีมูลค่าการค้ารวมแต่ละปีหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ

เมืองและที่ตั้งทางทหารของฝ่ายความมั่นคงพม่าที่พันธมิตรภาคเหนือบุกโจมตีและยึดครองไว้ได้นั้น เป็นพื้นที่ตามแนวระเบียงเศรษฐกิจจีน-เมียนมา ทางหลวงหมายเลข 3 และ 34 คือเส้นทางหลักสำหรับขนส่งสินค้าที่เมียนมากับจีนซื้อขายกันผ่านด่านชายแดนหมู้เจ้และชิงส่วยเหอ โดยเฉพาะสินค้าจากจีนทุกชิ้นที่ส่งเข้าไปกระจายขายทั่วประเทศเมียนมาจากด่านชายแดนทั้ง 2 แห่ง ล้วนต้องลำเลียงผ่านทางหลวง 2 สายนี้ (โปรดดูแผนที่ประกอบ)

หลังเสียงปืนนัดแรกดังขึ้นจากปฏิบัติการ 1027 ในตอนเช้ามืดของวันที่ 27 ตุลาคม 2566 ไม่กี่ชั่วโมงถัดมา ทางหลวงสาย 3 และ 34 ตั้งแต่ชายแดนหมู่เจ้ ชิงส่วยเหอ ลงมาถึงสะพานก๊กตวิน ได้กลายเป็นอัมพาตไปแทบจะโดยทันที ไม่มีใครกล้าขับรถผ่านเพราะกลัวอันตราย โดยเฉพาะรถบรรทุกสินค้าจีน-เมียนมา จากช่วงปกติ ที่บนทางหลวง 2 สายนี้ ต้องมีรถขนส่งสินค้าวิ่งขึ้น-ล่องหลายร้อยคันในแต่ละวัน

ระเบียงเศรษฐกิจจีน-เมียนมา ตามแนวทางหลวงหมายเลข 3 และ 34 จากชายแดนรัฐฉาน-จีน ลงไปถึงจุดเชื่อมต่อรัฐฉาน-มัณฑะเลย์ ซึ่งถูกพันธมิตรภาคเหนือควบคุมไว้

วันที่ 31 ตุลาคม 2566 Popular News Journal รายงานว่า ศูนย์ขนถ่ายสินค้าหลักไมล์ 105 ในเมืองหมู่เจ้ ชายแดนรัฐฉาน-จีน ซึ่งเป็นด่านการค้าหลักของเมียนมาและจีนที่มีมูลค่าการค้าสูงที่สุด จำเป็นต้องปิดทำการชั่วคราวอย่างไม่มีกำหนด เนื่องจากฝ่ายบริหารศูนย์ฯ กลัวว่าผู้คนจะได้รับอันตรายจากสถานการณ์สู้รบที่เกิดขึ้นหลายพื้นที่ในภาคเหนือของรัฐฉาน

ศูนย์ขนถ่ายสินค้าหลักไมล์ 105 เป็นจุดบริการครบวงจร ที่รถบรรทุกสินค้าจีนกับเมียนมาทุกคันต้องมาจอดพักเพื่อทำพิธีศุลกากร ขนถ่ายสินค้า รวมถึงเปลี่ยนหัวรถคอนเทนเนอร์ ในยามปกติ แต่ละวันศูนย์ขนถ่ายสินค้าแห่งนี้จะมีรถบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่วิ่งผ่านเข้า-ออก ระหว่างจีนกับเมียนมา มากกว่า 200 คัน มูลค่าการค้าระหว่างจีน-เมียนมา ผ่านด่านแห่งนี้แต่ละปี มีมากกว่า 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ก่อนมีปฏิบัติการ 1027 ศูนย์ขนถ่ายสินค้าหลักไมล์ 105 เคยตกเป็นเป้าหมายที่กองทัพโกก้างและกองทัพตะอั้งมักบุกมาโจมตีเพื่อก่อกวนการทำงานของเจ้าหน้าที่ความมั่นคง โดยมีการปะทะกันสั้นๆ เกิดขึ้นเป็นระยะในบริเวณพื้นที่โดยรอบ เมื่อเกิดปฏิบัติการ 1027 ฝ่ายบริหารศูนย์ขนถ่ายสินค้าหลักไมล์ 105 จึงตัดสินใจปิดทำการไปก่อนเพื่อความปลอดภัย ทำให้มีรถบรรทุกสินค้านับพันคันต้องจอดตกค้างอยู่ภายในศูนย์

เช่นเดียวกับที่ด่านการค้าชิงส่วยเหอ หลังจากปฏิบัติการ 1027 เริ่มต้นขึ้น การขนส่งสินค้าข้ามแดนที่ด่านแห่งนี้ก็หยุดชะงักไปเลยเช่นกัน

Popular News Journal ยังมีรายงานอีกว่า ในอีกด้านหนึ่ง ที่เมืองมัณฑะเลย์ มีรถบรรทุกผักผลไม้นับร้อยคันที่ปกติต้องขนส่งข้ามชายแดนเข้าไปขายในจีน จำเป็นต้องจอดรอไว้ก่อน เพราะไม่มีใครกล้าขับข้ามหุบเขาก๊กเทคขึ้นไปยังชายแดนหมู่เจ้และชิงส่วยเหอ เนื่องจากกลัวจะได้รับอันตรายจากการสู้รบที่เกิดขึ้นตลอดแนวทางหลวงหมายเลข 3 ตั้งแต่เมืองหนองเขียว จ๊อกแม ล่าเสี้ยว แสนหวี และทางหลวงหมายเลข 34 จากแสนหวีขึ้นไปถึงชิงส่วยเหอ

เจ้าหน้าที่สมาคมผู้ส่งออกผักผลไม้มัณฑะเลย์บอกกับ Popular News Journal ว่า ตามปกติ จีนนำเข้าผักผลไม้หลัก 25 ชนิดจากเมียนมา ซึ่งต้องขนส่งผ่านทางหลวงหมายเลข 3 กับ 34 และช่วงนี้เป็นฤดูกาลที่ผลผลิตแตงโม ซึ่งเป็นผลไม้ชนิดหนึ่งที่จีนนำเข้าไปเป็นปริมาณมาก กำลังออกสู่ท้องตลาด การสู้รบที่เกิดขึ้นทำให้การขนส่งต้องหยุดชะงักและจะทำให้ผักผลไม้เหล่านี้ต้องเน่าเสีย เพราะไม่สามารถรอสถานการณ์ให้สงบลงไปก่อนได้…

วันที่ 29 ตุลาคม 2566 พล.อ. ติ่นอ่องซาน กรรมการสภาบริหารแห่งรัฐ (SAC) รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม เมียนมา ได้ประชุมทวิภาคีกับ จางโยว่เสีย (Zhang Youxia) รองประธานคณะกรรมาธิการทหารส่วนกลาง สาธารณรัฐประชาชนจีน ที่กรุงปักกิ่ง

พล.อ. ติ่นอ่องซาน เดินทางไปร่วมประชุมด้านความมั่นคงเซียงซานฟอรัม (Xiangshan Forum) ซึ่งจัดขึ้นที่ปักกิ่ง ระหว่างวันที่ 29-31 ตุลาคม 2566 โดยมี 90 ประเทศ ส่งตัวแทนเข้าร่วม

พล.อ.ติ่นอ่องซาน(ซ้าย) รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม เมียนมา พบกับจางโยว่เสีย (ขวา) รองประธานคณะกรรมาธิการทหารส่วนกลาง ของจีน ที่กรุงปักกิ่ง เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2566 ที่มาภาพ : Popular News Journal

แม้เชื่อว่าการประชุมทวิภาคีครั้งนี้ ได้ถูกกำหนดโปรแกรมไว้ล่วงหน้านานแล้ว แต่จังหวะที่ผู้นำทางการทหารของจีนและเมียนมาได้พบปะพูดคุยกัน เกิดขึ้นหลังมีปฏิบัติการ 1027 ของ 3 กองกำลังติดอาวุธในนามพันธมิตรภาคเหนือเพียง 2 วันเท่านั้น

เนื้อหาการประชุมระหว่างรองประธานคณะกรรมาธิการทหารส่วนกลางของจีน กับรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมเมียนมา ซึ่งสถานีโทรทัศน์ CCTV ของจีนเผยแพร่ออกมา เริ่มด้วยการกระชับความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้องระหว่างจีนและเมียนมา การกระชับความสัมพันธ์และความเชื่อมั่นระหว่างกันของกองทัพพม่าและกองทัพปลดแอกประชาชนจีนในพื้นที่ชายแดน โดยจีนจะให้การสนับสนุนกระบวนการสันติภาพในเมียนมา รวมถึงการรักษาความสงบเรียบร้อยตลอดแนวชายแดนของทั้ง 2 ประเทศ

ขบวนรถหุ้มเกราะที่ออกลาดตระเวนตามจุดสำคัญในเมืองรุ่ยลี่ เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2566 ที่มาภาพ : Shwe Phee Myay News Agency

วันที่ 31 ตุลาคม 2566 วันเดียวกับที่ศูนย์ขนถ่ายสินค้าหลักไมล์ 105 ประกาศปิดชั่วคราวแบบไม่มีกำหนด ชุมชนออนไลน์ในรัฐฉานได้มีการเผยแพร่คลิปขบวนรถหุ้มเกราะของกองทัพปลดแอกประชาชนจีน หลายคัน ที่ออกวิ่งลาดตระเวนไปตามพื้นที่ต่างๆ ในเมืองรุ่ยลี่ เขตปกครองตนเองชนชาติไตและจิ่งพัว เต๋อหง มณฑลยูนนาน ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับเมืองหมู่เจ้

มีการให้ข้อมูลว่า ขบวนรถหุ้มเกราะของกองทัพจีนได้ออกลาดตระเวนไปตามจุดสำคัญของเมืองรุ่ยลี่ เช่น ในเขตเจ้เก่า หรือเจี่ยเก้า ที่อยู่ตรงข้ามกับตัวเมืองหมู่เจ้ เขตว่านติง ซึ่งอยู่ตรงข้ามข้ามเมืองป่างซาย ตามแนวริมฝั่งแม่น้ำมาวที่ถูกใช้เป็นเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างเมืองรุ่ยลี่กับหมู่เจ้ รวมถึงหน้าประตูเมือง 3 แห่ง ซึ่งถูกใช้เป็นช่องทางเข้า-ออกของผู้คนจากทั้ง 2 ฝั่ง ที่เดินทางข้ามไปมาหากัน

การนำรถหุ้มเกราะออกมาแล่นลาดตระเวนไปทั่วเมืองเช่นนี้ เป็นเรื่องที่ไม่ได้เกิดขึ้นในเมืองรุ่ยลี่มานานแล้ว จึงสร้างความตื่นเต้น ตกใจ ให้กับผู้คนที่พบเห็น มีการถ่ายภาพนิ่งและคลิปวิดีโอเผยแพร่ไปตามสื่อออนไลน์อย่างกว้างขวาง ในฝั่งจีนและถูกส่งต่อมายังฝั่งรัฐฉาน

หวัง เสี่ยวหง รัฐมนตรีกระทรวงรักษาความมั่นคงสาธารณะของจีน นำคณะเข้าพบและประชุมร่วมกับ พล.อ.อาวุโส มินอ่องหล่าย ประธานสภาบริหารแห่งรัฐเมียนมา ในกรุงเนปยีดอ เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2566 ที่มาภาพ : Popular News Journal

วันที่ 31 ตุลาคม 2566 วันเดียวกับที่มีการนำรถหุ้มเกราะออกวิ่งลาดตระเวนไปทั่วเมืองรุ่ยลี่ ที่กรุงเนปิดอ เมืองหลวงของเมียนมา หวัง เสี่ยวหง (Wang Xiaohong) มนตรีแห่งรัฐ และรัฐมนตรีกระทรวงรักษาความมั่นคงสาธารณะ ของจีน ได้เดินทางเข้าพบกับ พล.อ.อาวุโส มินอ่องหล่าย ประธานสภาบริหารแห่งรัฐ (SAC) และนายกรัฐมนตรี เมียนมา

ตามข่าวที่เผยแพร่ผ่าน The Global New Light of Myanmar (https://www.gnlm.com.mm/senior-general-min-aung-hlaing-state-councillor-of-china-public-security-minister-discuss-bilateral-cooperation-including-northeast-region-conditions-of-myanmar/) สื่อทางการของรัฐบาลเมียนมา หวัง เสี่ยวหง ได้พูดคุยกับ พล.อ.อาวุโส มินอ่องหล่าย ถึงสถานการณ์สู้รบที่กำลังดำเนินอยู่ในภาคเหนือของรัฐฉาน ตามแนวชายแดนรัฐฉาน-จีน โดยเฉพาะในเมืองเล่าก์ก่าย เมืองหลวงของเขตปกครองตนเองโกก้าง

ทั้งคู่ยังยืนยันความสัมพันธ์ที่แนบแน่นและความเชื่อมั่นที่มีต่อกันและกันของ 2 ประเทศ โดยจีนและเมียนมา จะยังคงเดินหน้าอย่างจริงจัง ในการปราบปรามอาชญากรรม โดยเฉพาะการฉ้อโกงผ่านระบบออนไลน์ ทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์และบ่อนการพนันออนไลน์ ซึ่งอาชญากรชาวจีนหรือพวกเจีนเทา ได้เข้ามาใช้พื้นที่ตามแนวชายแดนรัฐฉาน-จีน เป็นฐานก่ออาชญากรรม

……

ปฏิบัติการ 1027 เป็นภาพซ้ำกับเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ในช่วงเดือนสิงหาคม-ตุลาคม 2562 ที่กลุ่มพันธมิตรภาคเหนือมีปฏิบัติการลักษณะเดียวกัน ในพื้นที่เดียวกัน คือแนวทางหลวงหมายเลข 3 และ 34 ซึ่งเป็นเส้นทางหลักในการขนส่งสินค้าที่จีนกับเมียนมาซื้อขายกัน

ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น เป็นแบบเดียวกับที่กำลังเกิดขึ้นขณะนี้ นั่นคือ หลังเหตุการณ์เริ่มปะทุขึ้นในตอนเช้าของวันที่ 15 สิงหาคม 2562 การค้าขายระหว่างจีนกับเมียนมาที่ทำผ่านด่านชายแดนหมู่เจ้และชิงส่วยเหอ เป็นอัมพาตไปนานถึงกว่า 1 เดือน เพราะสินค้าทุกชิ้น ไม่สามารถขนส่งข้ามชายแดนได้

จากเหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้ทางการจีนต้องเข้ามาเป็นตัวกลางจัดให้มีการเจรจากันหลายรอบ ระหว่างตัวแทนรัฐบาลเมียนมา กองทัพพม่า ตัวแทนพันธมิตรภาคเหนือ ตลอดจนตัวแทนกองกำลังติดอาวุธชาติพันธุ์ที่มีความสัมพันธ์พันธมิตรภาคเหนือ เพื่อหาทางออก โดยใช้เมืองเชียงตุงเป็นสถานที่พูดคุย

อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดการระบาดของโควิด-19 ในจีนในปลายปี 2562 และลามเข้าสู่เมียนมาในต้นปี 2563 กระบวนการทุกอย่างที่กำลังดำเนินอยู่ ทั้งการเจรจาและการรบ ได้เงียบหายไป


……

จนถึงขณะนี้ ปฏิบัติการ 1027 ยังคงดำเนินอยู่ สถานการณ์ในภาคเหนือของรัฐฉานยังไม่สงบ การสู้รบยังคงเกิดขึ้นอยู่ในหลายจุด จำนวนชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ ผู้ไร้ที่อยู่อาศัย ผู้ลี้ภัย ยังเพิ่มสูงขึ้น

ถนนหลายสาย โดยเฉพาะทางหลวงหมายเลข 3 และ 34 ยังคงปิด ไม่มีใครกล้าขับรถผ่าน การค้าระหว่างจีนและเมียนมาที่ทำผ่านด่านชายแดนหมู่เจ้และชิงส่วยเหอยังคงหยุดชะงัก

การพูดคุย เจรจากัน “อย่างเป็นทางการ” ระหว่างรัฐบาลเมียนมา กองทัพพม่า และพันธมิตรภาคเหนือ ยังไม่เกิดขึ้น

หากมีความคืบหน้าใดๆ มีนัยสำคัญ จะรวบรวมข้อมูลมาเสนอต่อไป…

เดินหน้าระเบียงเศรษฐกิจ “จีน-เมียนมา” กรุยเส้นทางสั้นที่สุดสู่มหาสมุทรอินเดีย

จีนเริ่มเล่นบทผู้ไกล่เกลี่ยความขัดแย้ง”บางส่วน”ในเมียนมา

“เป้าหมาย” ของจีนในฐานะผู้ไกล่เกลี่ยความขัดแย้งที่คู่ขนานกับ”ระเบียงเศรษฐกิจจีน-เมียนมา”

บทบาท “กองทัพว้า” กับ “ระเบียงเศรษฐกิจจีน-เมียนมา”

ดินแดนต้องห้ามของหญิงสาวไทย…ที่ชายแดนรัฐฉาน-จีน

“จีน-เมียนมา-ลาว-ไทย” ส่งสัญญานเอาจริง! … ปราบปราม “จีนเทา”