ThaiPublica > เกาะกระแส > โอกาสเศรษฐกิจของเวียดนามมาถึงแล้ว เมื่อมูลค่าตลาด VinFast มากกว่า Volkswagen

โอกาสเศรษฐกิจของเวียดนามมาถึงแล้ว เมื่อมูลค่าตลาด VinFast มากกว่า Volkswagen

17 สิงหาคม 2023


รายงานโดย ปรีดี บุญซื่อ

ที่มาภาพ : https://www.forbes.com/sites/jonathanburgos/2023/08/15/vietnams-wealthiest-tycoon-becoms-asias-fifth-richest-person-as-vinfast-surges-on-nasdaq-debut/?sh=d18307aa62bf

เว็บไซต์ bbc.com รายงานว่า ในวันแรกของการซื้อขายหุ้นที่ตลาด Nasdag นิวยอร์ก เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม มูลค่าหุ้นของ VinFast บริษัทรถยนต์ EV ของเวียดนาม พุ่งขึ้นมากกว่ามูลค่าตลาดของ Volkswagen Ford และ GM ทั้ง ๆที่ VinFast ยังไม่มีผลกำไรในการดำเนินงานเลย แต่หุ้นของ VinFast กลับพุ่งขึ้นถึง 255% ทำให้มูลค่าตลาดของ Vin Fast มีถึง 85 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่มูลค่าตลาดของ Volkswagen และ Ford Motors อยู่ที่ 69.7 และ 48 พันล้านดอลลาร์

หุ้นของ VinFast เปิดตลาดที่ 22 ดอลลาร์ จากราคาเสนอขายที่ 10 ดอลลาร์ และปิดที่ 37 ดอลลาร์ การซื้อขายยังเบาบาง เนื่องจาก 99% ของหุ้น VinFast ถือครองโดย Pham Nhat Vuong มหาเศรษฐีของเวียดนาม ที่เป็นทั้งประธาน Vingroup และ VinFast ราคาหุ้นที่พุ่งขึ้นทำให้ มูลค่าทรัพย์สินของเขาเพิ่มขึ้นถึง 39 พันล้านดอลลาร์

Bill Russo จากบริษัทที่ปรึกษา Automobility ในเซี่ยงไฮ้กล่าวว่า นักลงทุนยังเชื่อว่า อนาคตคือรถไฟฟ้า และประเทศต้นทุนต่ำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะสามารถเป็นคู่แข่งในตลาดสหรัฐฯ ตลาดเชื่อว่า เมื่อมองในมุมของโอกาสทางภูมิรัฐศาสตร์ สิ่งนี้คือเวียดนาม ไม่ใช่จีน VinFast เป็น start-up ด้านรถยนต์ EV ที่มีโอกาสูง เพราะสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากกลุ่ม Vingroup ที่เป็นบริษัทแม่

  • ASEAN Roundup: Vinfast บริษัทรถยนต์ไฟฟ้าเวียดนามบุกสหรัฐฯ วางแผน IPO ใน 2 ปี
  • ASEAN Roundup : VinFast เวียดนามส่งรถ EV ล็อตแรกไปตลาดต่างประเทศ
  • VinFast จากเวียดนาม อีกสีสันหนึ่งในตลาดรถยนต์ลาว
  • รถยนต์ VinFast ถูกวิจารณ์หนัก

    ที่ผ่านมา VinFast ผลิตรถยนต์ EV ออกมาแล้ว 4 รุ่นด้วยกัน และส่งมอบไปแล้ว 19,000 คัน ขณะที่ช่วง 6 เดือนแรกของปี 2023 Volkswagen ขายรถยนต์ได้ 4.4 ล้านคัน เป็นรถยนต์ EV 320,000 คัน ในตลาดสหรัฐฯ VinFast ส่งมอบรถยนต์ EV ให้ลูกค้าตั้งแต่ต้นปี 2023 และไม่ประสบความสำเร็จ เดือนกรกฎาคม VinFast เริ่มสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ EV ในสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะผลิตรถยนต์ได้ปีหนึ่ง 150,000 คัน

    นิตยสารรถยนต์สหรัฐฯชื่อ Road & Track ได้ทดสอบรถยนต์ EV รุ่น VF8 ของ VinFast โดยวิจารณ์ว่า VinFast ต้องเผชิญกับการต่อสู้ ที่ต้องใช้ความพยายามอย่างมากจึงจะประสบความสำเร็จ เพราะพยายามที่จะเจาะตลาดรถยนต์ EV ในสหรัฐฯ ที่มีคู่แข่งมากมาย ไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิตรถยนต์ดั้งเดิม หรือผู้นำตลาดอย่าง Tesla

    Road & Track บอกว่า รถยนต์ VF8 ได้มาตรฐานทางอุตสาหกรรมในเรื่องคุณภาพสีรถ การออกแบบภายใน ตู้ควบคุมการจ่ายไฟฟ้า และการออกแบบภายนอก รถยนต์ VF8 รุ่นต่างๆขายในราคา 49,000-56,000 ดอลลาร์ แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับรถยนต์ EV คู่แข่ง ที่พัฒนามาอย่างเต็มที่แล้ว ความพยายามของ VinFast อาจไม่ประสบความสำเร็จ แต่ Vingroup บริษัทแม่ก็มีเงินทุนมหาศาล ที่จะพัฒนารถยนต์ EV ที่ไม่มีคู่แข่งมาเทียบได้ในเรื่องนี้

    ที่มาภาพ : https://vinfastauto.us/vehicles/vf-9

    โอกาสของเวียดนามมาถึงแล้ว

    การบุกตลาดรถยนต์ EV ของ VinFast สะท้อนให้เห็นถึงทัศนะในบทบรรณาธิการของ Financial Times ที่เสนอว่า เวียดนามต้องเอาประโยชน์จากความรุ่งเรือง ในด้านการผลิตทางอุตสาหกรรม มาสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจในระยะยาว หลังจากที่แสดงศักยภาพมาหลายสิบปี เวลาและโอกาสทางเศรษฐกิจของเวียดนาม ได้มาถึงแล้ว ปี 2022 เวียดนามเป็นประเทศเอเชีย ที่เศรษฐกิจเติบโตเร็วที่สุด 8% เป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศทั่วโลก ที่หลังจากเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 เศรษฐกิจสามารถเติบโตต่อเนื่องกัน 2 ปี

    บทบรรณาธิการของ Financial Times บอกว่า เวียดนามเป็นประเทศที่ได้ประโยชน์มากที่สุด จากการที่บริษัทผู้ผลิตด้านอุตสาหกรรม หาทางลด “ความเสี่ยง” จากการพึ่งพิงจีนมากเกินไป อันเนื่องมาจากปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ระหว่างจีนกับตะวันตก ปี 2022

    การลงทุนต่างประเทศในเวียดนามมากเป็นประวัติการณ์มูลค่า 2.4 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 13.5% ใน 5 เดือนแรกของปี 2023 มีโครงการลงทุนจากต่างประเทศทั้งหมด 962 โครงการ ญี่ปุ่นลงทุนมากที่สุดมูลค่า 3.4 พันล้านดอลลาร์ บริษัทยักษ์ใหญ่เช่น Dell, Google, Microsoft และ Apple ล้วนย้ายห่วงโซ่อุปทานบางส่วนมาเวียดนาม ตามยุทธศาสตร์เรียกว่า “จีนบวกหนึ่ง” (China plus one)

    คุณภาพและความน่าสนใจของเวียดนามมีหลายด้าน นับจากปลายทศวรรษ 1980 รัฐบาลคอมมิวนิสต์ได้ดำเนินการการเปลี่ยนผ่านทางเศรษฐกิจ จากเศรษฐกิจที่รัฐควบคุม มาสู่เศรษฐกิจทุนนิยมที่เปิดกว้าง ทำเลที่ตั้งที่อยู่ติดกับจีน แรงงานที่อายุยังหนุ่ม มีการศึกษา และค่าแรงไม่แพง คือปัจจัยที่ดึงดูดผู้ผลิตจากต่างประเทศ ค่าแรงขั้นต่ำในโรงงานอุตสาหกรรมอยู่ที่ 4.68 ล้านดอง หรือ 198 ดอลลาร์
    การประกอบการผลิตของเวียดนาม ในนิคมอุตสาหกรรมทางภาคเหนือ ยังพึ่งพาชิ้นส่วนจากฐานการผลิตของจีน จากบริเวณสามเหลี่ยมแม่น้ำเพิร์ล ส่วนบริษัทอย่าง Samsung และ LG ได้ย้ายห่วงโซ่อุปทานทั้งหมดมาเวียดนาม Samsung ช่วยพัฒนาคุณภาพ 400 บริษัทของเวียดนาม ที่เป็นซับพลายเออร์ อีกวิธีการหนึ่งในการลดความเสี่ยง คือย้ายการผลิตมาเวียดนามแบบทั้งกลุ่ม (cluster)

    มุ่งประเทศรายได้สูงในปี 2045

    บทบรรณาธิการของ Financial Times กล่าวว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วของเวียดนาม ที่อาศัยการส่งออก ได้ดึงคนหลายล้านคนออกจากความยากจน แต่ทุกวันนี้ เศรษฐกิจเวียดนามมาถึงจุดที่เป็นทางแยก ในระยะสั้น การที่จะสามารถรักษาความสนใจของนักลงทุน เวียดนามต้องปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ ในระยะยาว การที่เวียดนามจะบรรลุเป้าหมายของรัฐบาล ในการเป็นประเทศรายได้สูงในปี 2045 หรือ 22 ปีข้างหน้า เวียดนามต้องใช้ประโยชน์จากการเติบโตของอุตสาหกรรมการผลิต มาสร้างความหลากหลายทางเศรษฐกิจ
    บทความของ asia.nikkei.com เคยรายงานไว้ว่า เมื่อเดือนมกราคม 2021 ที่ประชุมสมัชชาแห่งชาติของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ได้กำหนดตารางเวลาสำคัญ ที่เวียดนามจะบรรลุเป้าหมายทางเศรษฐกิจ ในปี 2025 ครบรอบ 50 ปีของการรวมประเทศ เวียดนามต้องการบรรลุเป้าหมาย การหลุดพ้นจากประเทศรายได้ปานกลางระดับล่าง ที่รายได้ต่อคนอยู่ที่ 1,036-4,045 ดอลลาร์ ปี 2019 รายได้ต่อคนของเวียดนามอยู่ที่ 2,590 ดอลลาร์

    ปี 2030 ที่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามครบรอบ 100 ปี เวียดนามตั้งเป้าหมายเป็นประเทศรายได้ปานกลางระดับสูง ที่มีอุตสาหกรรมสมัยใหม่ โดยรายได้ต่อคนอยู่ระหว่าง 4,046-12,535 ดอลลาร์

    ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีรายได้ปานกลางระดับสูงได้แก่ อินโดนีเซีย 4,050 ดอลลาร์ ไทย 7,260 ดอลลาร์ และมาเลเซีย 11,230 ดอลลาร์ ปี 2045 ครบรอบ 100 ปี การก่อตั้งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เวียดนามตั้งเป้าเป็นประเทศรายได้สูงที่พัฒนาแล้ว โดยประชาชนมีรายได้ต่อคน 12,536 ดอลลาร์ขึ้นไป

    บทบรรณาธิการของ Financial Times วิเคราะห์ว่า การที่ประเทศหนึ่งมุ่งหน้าไปสู่การเป็นประเทศรายได้สูง ไม่ใช่เหตุการณ์ที่จะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ปลายทศวรรษ 1990 มาเลเซียและไทยเคยได้รับการคาดหมายแบบเดียวกับเวียดนามในเวลานี้มาแล้ว เมื่อเศรษฐกิจเวียดนามเติบโตมากขึ้น ค่าแรงก็จะเพิ่มสูงขึ้น การพัฒนาจะไม่สามารภอาศัยโมเดลค่าแรงต่ำไปได้ตลอด การพึ่งพิงการส่งออก ก็เสี่ยงต่อสภาพการค้าโลกที่แปรปรวน

    ในอนาคตข้างหน้า เวียดนามจำเป็นต้องนำเอาดอกผลของการเติบโตทางเศรษฐกิจ มาใช้สนับสนุนภาคการผลิตที่มีผลิตภาพมากกว่า และอิงอาศัยความรู้มากขึ้น เพื่อบรรลุเป้าหมายของปี 2045 ภาคบริการหลัก เช่น การเงิน โลจิสติกส์ และบริการด้านกฎหมาย สร้างงานที่ใช้ทักษะสูง และสร้างมูลค่าเพิ่มแก่อุตสาหกรรมที่เป็นอยู่ เวียดนามจะต้องสามารถเปลี่ยนกระแส “การลดความเสี่ยง” มาเป็นความรุ่งเรื่องในระยะยาวให้ได้

    เอกสารประกอบ
    VinFast: Vietnam EV maker valued at more than Ford or GM, 17 August 2023, bbc.com
    First Drive: The 2023 VinFasty VF8 Is Unacceptable, May 12, 2023 Road & Track.
    Vietnam’s economic moment has arrived, July 9, 2023, ft.com
    Vietnam congress to map out path to high-income status by 2045, January 26, 2021, asia.nikkei.com