ThaiPublica > ประเด็นร้อน > เป็นหนี้ต้องมีวันจบ > เป็นหนี้ต้องมีวันจบ (8) :ลูกหนี้บัตรเครดิตที่ “ติดกับดักหนี้” แต่พบแสงสว่างเมื่อรู้จัก “คลินิกแก้หนี้”

เป็นหนี้ต้องมีวันจบ (8) :ลูกหนี้บัตรเครดิตที่ “ติดกับดักหนี้” แต่พบแสงสว่างเมื่อรู้จัก “คลินิกแก้หนี้”

26 กรกฎาคม 2023


ซีรีส์ “เป็นหนี้ต้องมีวันจบ” นำเสนอแนวคิด วิธีการแก้ไขปัญหาหนี้ จากผู้เชี่ยวชาญ รวมทั้งประสบการณ์ตรงของลูกหนี้ที่แก้ไขปัญหาหนี้สำเร็จและไม่สำเร็จ ให้กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข เพื่อให้ลูกหนี้ที่ยังมีภาระหนี้มีช่องทาง วิธีการแก้หนี้ มองเห็นทางออก มีความหวัง เพื่อเป็นพลังให้ต่อสู้ชีวิตที่ดีขึ้นในอนาคต ซีรีส์นี้ได้รับการสนับสนุนจากธนาคารแห่งประเทศไทย ด้วยความมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือลูกหนี้ภาคประชาชนครบวงจร

ลูกค้าที่เข้ามาติดต่อในโครงการคลินิกแก้หนี้ ผ่านบริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท (SAM) มีอยู่จำนวนมาก ด้วยปัญหาหนี้ที่หลากหลายรูปแบบและวงเงินหนี้ที่แตกต่างกันไป แต่มีอยู่รายหนึ่ง ที่เป็นหนี้บัตรเครดิตวงเงินประมาณ 3 แสนบาท ที่หากเป็นในอดีตที่มีรายได้ปกติ วงเงินดังกล่าวไม่ใช่จำนวนมากมายอะไร แต่ด้วยรายได้ที่ลดลงกว่าครึ่ง ทำให้เขาใช้คำว่า “ติดกับดักหนี้” และเคยคิดสั้นจะฆ่าตัวตาย จนกระทั่งได้เข้ามาที่ SAM และได้รับคำแนะนำจากคลินิกแก้หนี้ ทำให้ได้เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์

ลูกค้าคลินิกแก้หนี้ รายนี้ เล่าว่า ก่อนเข้าโครงการ ปัญหาคือ เป็นหนี้บัตรเครดิต ขาดวินัยในการใช้บัตร จริงๆ แล้ว บัตรเครดิตมีประโยชน์ในเรื่องอำนวยความสะดวก และเพิ่มสภาพคล่อง…

“แต่ถ้าเราใช้จ่ายเกินตัว และไม่มีวินัยในการผ่อนจ่ายก็จะเป็นปัญหาในระยะยาว ผมประสบมากับตัวเอง คือวงเงินที่ธนาคารให้มาจำนวนมากพอสมควร คือ 3 แสนบาท ช่วงที่มีรายได้ดี ก็ใช้จ่ายมากเป็นเงาตามตัว ก็เอามาใช้จ่ายเต็มวงเงิน ทีนี้การใช้บัตรเครดิต ถ้าชำระเต็มวงเงินก็จะเกิดประโยชน์สูงสุดกับผู้ถือบัตร แต่ถ้าเราติดลม ผ่อนชำระขั้นต่ำเมื่อไหร่ ภาระที่เกิดขึ้นนอกเหนือไปจากค่าใช้จ่ายที่ใช้จ่ายผ่านบัตรแล้ว ยังมีภาระดอกเบี้ยด้วย”

จำได้ว่าช่วงหนึ่งดอกเบี้ยเคยขึ้นไปถึง 20% เศษ ตอนนั้นถ้าจ่ายขั้นต่ำ คือ 10% ก็ 3 หมื่นบาท แต่เอาไปใข้จ่าย 4 หมื่นบาท กินวงเงินไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเต็มวงเงิน การใช้จ่ายส่วนเกินมีทั้งเรื่องของฟุ่มเฟือย และใช้ในความจำเป็นของชีวิต เช่น ค่าเล่าเรียนบุตร ค่าใช้จ่ายประจำเดือนของครอบครัว แต่ละเดือนไม่ต่ำกว่า 3-4 หมื่นบาท พอใช้จ่ายเกินไปเรื่อย ๆ ก็เต็มวงเงินบัตรเครดิต ก็ไปกดเงินสด มาชำระหนี้บัตรเครดิต ได้วงเงินกลับมาก็ไปเอาเงินออกอีก ก็โดนอีก 3% รวมกับอีก 22% เป็นอย่างนี้อยู่ 2-3 ปี ยอดหนี้ก็กลายเป็น 3 แสนบาท

  • เป็นหนี้ต้องมีวันจบ (7) :ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเกินรายได้จนหนี้พอกพูน แก้หนี้ไม่ง่ายแบงก์มีวิธีปรับโครงสร้างหนี้ต่างกัน
  • “ยอมรับว่าตอนนั้นหน้าบาง ไม่อยากเป็นหนี้ ก็ไปกดเงินสดล่วงหน้ามาเพื่อเอามาจ่าย กลายเป็นพัวพันไปมาจนเต็มวงเงิน พอเต็มวงเงินแต่รายได้ไม่เพิ่ม ก็เลยผิดนัดชำระหนี้ ในฐานะหัวหน้าครอบครัวก็ค่อนข้างเครียด ว่าจะเอารายได้จากทางไหนไปจ่าย และเป็นห่วง กังวล ว่าถ้าสมมติถูกฟ้อง เป็นคดีความ กลายเป็นผู้ล้มละลาย โอ๊ยคิดไปไกล ถามว่าเคยคิดสั้นไหม” เคย” แต่จุดเปลี่ยน คือ ได้มาพบคลินิกแก้หนี้ผ่าน SAM ฉะนั้น การใช้บัตรเครดิตให้เกิดประโยชน์สูงสุด ต้องชำระเต็มจำนวน ถ้าชำระขั้นต่ำเมื่อไหร่ จะเริ่มก้าวเข้าสู่วิกฤติทีละนิด ๆ ที่สำคัญ เรื่องแบบนี้ไม่อยากให้เกิดขึ้นกับใครเลย แต่ยืนยันว่ามีทางออกแน่นอน”

    ลูกค้า เล่าว่า การเป็นหนี้ 3 แสนบาทถือว่าแสนสาหัส สำหรับคนที่เคยมีรายได้จำนวนมาก แต่พอเข้ามาติดกับดักนี้ ก็ถือว่าประสบชะตากรรม ต้องผิดนัดชำระหนี้กับสถาบันการเงิน ถูกสถาบันการเงินทวงหนี้ ทวงจากเบาไปหาหนัก จนท้ายที่สุดก็กลายเป็นหนี้เสีย คือขาดส่ง 90 วัน ก็เข้าสู่กระบวนการเร่งรัดให้ชำระหนี้ เบื้องต้นธนาคารพยายามเจรจากับเรา แต่จ่ายไม่ได้จริง ๆ คือโดยส่วนตัว เป็นคนไม่โกงใครอยู่แล้ว แต่พอถึงทางตัน ไม่รู้ว่าทางออกเป็นอย่างไร ก็เลยต้องผิดนัดไป ปัญหาคือเรามีรายได้ แต่ไม่พอจะจ่ายขั้นต่ำ 10% ของวงเงินหนี้ที่มีกับธนาคาร ซึ่งหลายหมื่นบาทอยู่ ก็เลยหาทางออกว่าจะทำอย่างไรดี

    ตอนนั้น ยังไม่รู้เรื่องโครงการคลินิกแก้หนี้ เพราะมีแค่เรากับสถาบันการเงินที่เป็นเจ้าหนี้ ไปปรึกษาคนโน้น คนนี้ ก็ไม่ได้ทางออกที่ดี มีบางคนแนะให้เบี้ยวไปเลย ยอมล้มละลาย แต่มันไม่ใช่นิสัยเรา เราไม่เบี้ยวใคร เพียงแต่ยังไม่มีปัญญาจะจ่าย อีกอย่างรายได้ก็ไม่ได้หายไปหมด เป็นศูนย์ ไม่ใช่ มันยังมีส่วนต่างที่ยังจ่ายได้

    แต่ด้วยความบังเอิญได้เห็นเพจของคลินิกแก้หนี้ ก็เข้าไปศึกษาดู พบว่าตัวเองเข้าเงื่อนไข ถ้าไม่มีตัวกลาง คือ SAM เจ้าหนี้ก็ไม่ให้เรา เพราะเขาก็ต้องรักษาผลประกอบการ ซึ่งเราก็เข้าใจ ว่าเขาไม่ได้เป็นองค์สาธารณกุศล แต่เป็นธุรกิจที่มุ่งแสวงหากำไร พอมีคลินิกแก้หนี้ ก็มีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์เกิดขึ้น เป็นหนทางที่ทำให้เรามีทางรอดได้

    ลูกค้า เล่าว่า “เมื่อไปปรึกษา SAM ก็พบว่า ได้เงื่อนไขที่ดีกว่า คือ อัตราดอกเบี้ยลดลงมาเหลือประมาณ 5% จาก 20% เศษ ผ่อนชำระได้ถึง 10 ปี ทำให้แต่ละเดือนผ่อนเพียง 4,500 บาท จากที่เคยต้องผ่อนหลายหมื่นบาท พอระดับนี้ถือว่า win win คือ win ในส่วนของผม ที่สามารถประคับประคองครอบครัวให้เดินต่อไปได้ ด้วยรายได้ที่ลดลงเกินครึ่ง”

    win ที่สองคือสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการนี้ ก็ไม่เจอหนี้เสีย เพราะสถาบันการเงินเขาอาจจะขายหนี้ไปบริษัทรับซื้อหนี้ที่โหดกว่าสถาบันการเงินในเรื่องของการเร่งรัดหนี้ หรือไม่เขาก็ทวงถามเรา ฟ้อง อะไรประมาณนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เจ็บปวดด้วยกันทุกฝ่าย ไม่มีใคร win เลย แต่แนวทางของ SAM ทุกคน win คือ win แรกตัวเราสามารถเดินต่อไปได้ แล้วเราไม่ผิดนัด เพราะวงเงินชำระไม่เกินกำลัง win ที่สอง คือ สถาบันการเงินไม่ต้องตัดขายหนี้ก้อนนี้ในลักษณะที่เขาก็ขาดทุนทั้งเงินต้นรวมดอกเบี้ย แต่ตลอดระยะเวลาที่เราถือบัตรเขามา ก็น่าจะได้กำไรไปพอสมควร เพราะถือมาหลายปีอยู่ และ win ที่สามคือ ไม่ต้องเป็นภาระให้กับบุคลอื่นใด

  • เป็นหนี้ต้องมีวันจบ (6) : คลินิกแก้หนี้ ช่วยคนเป็นหนี้เสียบัตรเครดิต สินเชื่อบุคคลกลับมายืนได้
  • “เพราะฉะนั้น ในเมื่อทุกคนได้ win นี้ หนี้ไม่เสีย ไม่หาย โครงการนี้จึงเป็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ จึงเข้าไปคุย และด้วยคุณสมบัติ แม้รายได้จะลดลง แต่มีเพียงพอจะผ่อนชำระขั้นต่ำได้ ได้รับการลดอัตราดอกเบี้ย แล้วโบนัสก้อนสุดท้าย คือ ถ้าเราส่งครบตามกำหนด เฉพาะเงินต้นเท่านั้น ขอเน้นย้ำ ถ้าชำระครบถ้วน ดอกเบี้ยค้างชำระที่ตั้งพักไว้ก็จะได้รับการยกเว้น ตรงนี้คิดว่า วิเศษที่สุดแล้ว ธนาคารก็ไม่ได้ขาดทุนอะไรมากมาย เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่อนชำระ มีการจ่ายดอกเบี้ย อัตรา 5% ไม่ได้ต่ำติดดินมากมาย เพราะอัตราดอกเบี้ยตลาดตอนนี้ก็ไม่ถึง 5% อยู่แล้ว หนี้ก็ไม่ได้เป็นหนี้เสีย ไม่เป็นเอ็นพีแอล ที่จะกระทบต่อเสถียรภาพของสถาบันการเงิน ผมก็เลยเข้าโครงการ โดยยอดเงินตอนแรกที่เข้าโครงการ 3 แสนกว่าบาท รวมดอกเบี้ยค้างชำระ โดยที่เข้าโครงการกับ SAM เป็นบัตรเครดิตใบเดียว ผ่อนชำระไม่ต่ำกว่า 3-4 ปี โดยชำระตรงเวลาตลอด ทำให้หนี้ 3 แสนกว่าบาท ผ่านมา 3-4 ปี ขณะนี้ ยอดหนี้เหลือ 1.8 แสนบาท หรือผ่อนชำระไปเกือบครึ่ง ก็ตั้งเป้าว่าจะชำระให้ครบ คาดว่า 5 ปีจะจบยอดหนี้ได้ และะจะได้รับโบนัสก้อนสุดท้าย คือได้รับการยกเว้นดอกเบี้ยค้างที่ถูกพักไว้”

    ในเรื่องวินัยทางการเงิน ลูกค้า มองว่า นอกจากไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยแล้ว ยังต้องหารายได้เพิ่ม ซึ่งการหารายได้จากส่วนอื่นที่ไม่ใช่งานประจำมีช่องทางอยู่มาก โดยเฉพาะช่องทางออนไลน์ แต่เป็นช่องทางที่ตัวเองไม่ถนัด และอยู่ในวัยเกษียณแล้ว จึงยังวนเวียนกับรายได้ประจำ โชคดีที่เพื่อนยังจ้างให้เป็นที่ปรึกษาบริษัทของเพื่อนอยู่ แต่รายได้ก็หดหายไปเยอะมากจากเมื่อครั้งทำงานในบริษัทเอกชน ตอนนี้จึงอยู่อย่างพอเพียง และทำตัวเป็นประชาชนที่ดี คบเพื่อนฝูง มีความจริงใจ เอื้ออาทรกัน ช่วงเวลาที่เดือดร้อนก็มีคนมาช่วยเหลือ

  • เป็นหนี้ต้องมีวันจบ (2) คนไทยเป็นหนี้เร็ว เป็นหนี้เยอะ เป็นหนี้นาน และเป็นหนี้เสีย
  • ส่วนเด็กรุ่นใหม่ที่ยังใช้จ่ายฟุ่มเฟือย อยากให้คิดถึงวันที่รายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย โมเมนต์นี้อาจจะยังไม่เกิดขึ้น ทำให้เกิดความประมาท แต่สำหรับตนเอง เข็ดแล้ว ไม่คิดจะกู้เพิ่ม หรือมีบัตรเครดิตเพิ่ม และคงไม่ใช้วิธีนี้แล้ว ทั้งที่สามารถทำได้ เพราะเมื่อดูสเตตเมนท์ในเครดิตบูโร สถานการณ์ผ่อนชำระสำหรับบัญชีผม ได้กลายเป็นสถานะปกติแล้ว กลายเป็นว่า ไม่เสียประวัติ มีหมายเหตุว่าชำระปกติ จากที่ก่อนหน้านี้ เป็นบัตรเสีย ผิดนัดชำระ ก็กลายเป็นปกติ แต่ไม่เอาแล้ว ไม่กู้แล้ว