คุณเอ เป็นลูกหนี้อีกรายที่พัวพันกับหนี้สินจากบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด สินเชื่อส่วนบุคคล ด้วยพฤติกรรมการใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ที่เธอยอมรับว่าไม่สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้ จนหนี้สินพอกพูนกลายเป็น 1 ล้านกว่าบาท แม้จะพยายามหาวิธีมาปิดบัญชีหนี้สิน ไม่ว่าจะเป็นการหยิบยืมจากคนรอบตัว ไปจนถึงการหารายได้พิเศษ แต่ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด เมื่อเกิดโรคระบาดโควิด-19 ทำให้รายได้พิเศษหายวับไป ทำให้เธอต้องวิ่งเจรจากับเจ้าหนี้สถาบันการเงินไปทั่ว ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเมื่อเจ้าหนี้สถาบันการเงินมีวิธีการเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ที่ไม่เหมือนกัน
คุณเอ เล่าว่า ตอนนี้เป็นหนี้บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล บัตรกดเงินสด รวม ๆ แล้วประมาณ 1 ล้านกว่าบาท กับเจ้าหนี้สถาบันการเงิน 4 แห่งสาเหตุจากความฟุ่มเฟือย มีการใช้เงินเกินตัว ซึ่งอยากให้ทุกคนยอมรับในจุดนี้ ไม่ว่าจะเอาภาระที่บ้าน ลูก หรือค่าใช้จ่ายฉุกเฉินมาอ้าง แต่สุดท้ายมันเกิดจากการใช้เงินเกินกำลัง
คุณเอ บอกว่า มีความตั้งใจที่จะชำระหนี้ ซึ่งสูตรสำเร็จ คือลดค่าใช้จ่าย หารายได้เพิ่ม ซึ่งก็พยายามลดรายจ่ายอยู่ โดยได้ติดต่อแบงก์ชาติ ผ่านคอลล์เซ็นเตอร์ เพราะต้องการเข้าโครงการคลินิกแก้หนี้ พอเข้าคลินิกแก้หนี้ไม่ได้ เพราะยังไม่เป็นหนี้เสีย จึงได้พยายามเจรจากับเจ้าหนี้ ซึ่งไม่ง่ายเจ้าหนี้สถาบันการเงินมีวิธีปรับโครงสร้างนี้ที่ต่างกัน
อ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็ม เป็นหนี้ต้องมีวันจบ (7) :ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเกินรายได้จนหนี้พอกพูน แก้หนี้ไม่ง่ายแบงก์มีวิธีปรับโครงสร้างหนี้ต่างกัน ได้ที่เว็บไซต์ไทยพับลิก้า
อย่าลืม Subscribe กดติดตาม ที่ช่องทาง