ThaiPublica > สู่อาเซียน > รัฐบาลทหารเมียนมา ขยายสถานการณ์ฉุกเฉินอีก 6 เดือน

รัฐบาลทหารเมียนมา ขยายสถานการณ์ฉุกเฉินอีก 6 เดือน

2 กุมภาพันธ์ 2023


พลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เมียนมา ที่มาภาพ: https://www.irrawaddy.com/specials/myanmars-movers-shakers-2017.html

ในวันครบรอบ 2 ปีของการรัฐประหาร ผู้นำรัฐบาลทหารมิน อ่อง หล่าย แจ้งต่อสภาความมั่นคงและป้องกันแห่งชาติว่า กองทัพต้องการเวลามากกว่านี้เพื่อเตรียมการสำหรับการเลือกตั้งแบบ ‘เสรี’

  • กองทัพเมียนมาคุมอำนาจ ประกาศฉุกเฉิน คุม “อองซานซูจี” พร้อมผู้นำอีกหลายคน
  • ในการประชุมสภาความมั่นคงและป้องกันแห่งชาติของเมียนมา (National Defence and Security Council-NDSC) ที่กรุงเนปิดอว์เมื่อวันอังคาร สมาชิกสภาได้ตัดสินใจขยายเวลาภาวะฉุกเฉินของประเทศและวาระของรัฐบาลทหารที่นำโดยมิน อ่อง หล่าย ออกไปอีก 6 เดือน ตามประกาศที่ออกอากาศโดยสื่อของในเย็นวันพุธ

    ผู้นำรัฐบาลทหารส่งรายงานการปกครองโดยกองทัพในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ให้สมาชิกสภาพิจารณาตามที่กำหนดในรัฐธรรมนูญปี 2551 ที่กองทัพร่างขึ้น ซึ่งได้ใช้เป็นเหตุอ้างการใช้อำนาจ เมื่อทำรัฐประหารวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 จากการรายงานของ สำนักข่าว Myanmar Now

    มาตรา 425 ของรัฐธรรมนูญระบุว่า “หากผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งกระทรวงกลาโหมยื่นขอขยายระยะเวลาที่กำหนดโดยให้เหตุผลว่า ที่ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายได้” NDSC โดยปกติสามารถ “อนุญาตให้ขยายได้สองครั้ง โดยมีระยะเวลาครั้งละ 6 เดือน”

    กองทัพประกาศภาวะฉุกเฉินเป็นเวลาหนึ่งปีเมื่อเข้ายึดอำนาจ และตั้งแต่นั้นมาก็ได้ขยายภาวะฉุกเฉินออกไปสองครั้ง ครั้งละหกเดือน และการขยายครั้งล่าสุดครบกำหนดในวันพุธ

  • “พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย” แถลงครั้งแรกปกป้องรัฐประหาร หลังประท้วงขยายวงลุกลาม
  • ในการประกาศอย่างเป็นทางการ มิน อ่อง หล่าย กล่าวย้ำถึงเหตุผลของเขาในการทำรัฐประหาร โดยชี้ไปที่ข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูลเกี่ยวกับการโกงการเลือกตั้งในการเลือกตั้งทั่วไปปี 2563 ซึ่งพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) ชนะขาดลอย

    มิน อ่อง หล่าย อ้างว่า ประเทศยังคงเผชิญกับการ “ก่อการร้าย” จากกองกำลังพิทักษ์ประชาชน(People’s Defence Force) ซึ่งได้จัดตั้งกลุ่มต่างๆ ทั่วประเทศเพื่อต่อต้านระบอบรัฐประหาร และเป็นพันธมิตรกับองค์กรติดอาวุธชาติพันธุ์

    จากนั้นสมาชิกของ NDSC เห็นชอบให้ การปกครองของมิน อ่อง หล่าย ตามที่มีชื่อว่าสภาบริหารแห่งรัฐ(State Administration Council) นั้น ขยายออกไปอีกครึ่งปี โดยชี้ว่าประเทศยังคงอยู่ในสถานการณ์ “พิเศษ” และ “ยังไม่กลับคืนสู่ภาวะปกติ” โดยอ้างอิงมาตราเดียวกันในรัฐธรรมนูญคือ มาตรา 425 ในการต่ออายุ

    ผู้นำรัฐบาลทหารกล่าวว่า ประเทศยังไม่พร้อมที่จะจัดการเลือกตั้งทั่วไปด้วยรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ “ถูกต้อง” และการเลือกตั้งแบบ “เสรี” เนื่องจากเกือบครึ่งหนึ่งของเมือง(townships)กว่า 300 แห่งในเมียนมายังไม่มีความปลอดภัยและเสถียรภาพ

    “เราต้องจัดการเลือกตั้งทั่วไปในทุกรัฐและทุกภูมิภาคพร้อมๆ กัน และเราจะจัดการเลือกตั้งทีละแห่งไม่ได้” มิน อ่อง หล่าย กล่าว “ไม่มีเหตุพอที่จะ [จัด] เฉพาะในเขตเมืองเท่านั้น”

    นอกจากนี้ มิน อ่อง หล่าย ยังย้ำว่า ระบบการเลือกตั้งของเมียนมาต้องเปลี่ยนเป็นระบบตัวแทนแบบสัดส่วน ซึ่งจะทำให้พรรคที่มีแนวร่วมในรัฐบาลทหารซึ่งได้รับความนิยมน้อย กวาดที่นั่งได้ง่ายขึ้น ปัจจุบัน การเลือกตั้งของเมียนมาดำเนินการภายใต้ระบบ First Past the Post ซึ่งหมายความว่าผู้สมัครที่ได้รับคะแนนเสียงมากที่สุดในแต่ละเขตเลือกตั้งจะได้เป็น ส.ส. ในขณะที่คะแนนเสียงทั้งหมดที่ให้กับผู้สมัครที่แพ้จะถูกคัดออกอย่างมีประสิทธิภาพ

    มิน อ่อง หล่าย กล่าวต่อว่า พรรคการเมืองของประเทศจะต้องมีการปรับเปลี่ยนตามการระบบการเลือกตั้งที่เปลี่ยนไป โดยบอกเป็นนัยว่าพรรคต่างๆ อาจต้องควบรวมเพื่อให้เป็นตัวแทนของประชาชนได้ดีขึ้น

    ไม่กี่วันก่อนการประชุม NDSC รัฐบาลเมียนมาได้แก้ไขกฎหมายการจดทะเบียนพรรคการเมือง โดยมุ่งที่จะให้พรรค NLD เป็นพรรคที่ผิดกฎหมาย จากรายงานในหนังสือพิมพ์ของรัฐเมื่อวันพุธ คณะกรรมการการเลือกตั้งของรัฐบาลทหารยังได้เผยแพร่กฎหมายการลงทะเบียนพรรคการเมือง เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายและเรียกร้องให้พรรคที่สนใจเริ่มดำเนินการจดทะเบียน

    นอกจากนี้ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดยังกล่าวถึงความจำเป็นในการรวบรวมข้อมูลประชากรของประเทศที่เป็นปัจจุบัน โดยชี้ว่าการสำรวจสำมะโนประชากรครั้งสุดท้ายของเมียนมาดำเนินการในปี 2557 และควรทำทุกๆ 10 ปี มิน อ่อง หล่าย เน้นว่า การสำรวจสำมะโนประชากรครั้งใหม่มีความสำคัญต่อการจัดทำรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ถูกต้องก่อนการเลือกตั้ง อย่างไรก็ตาม ผู้บัญชาการทหารสูงสุดไม่ได้ระบุกรอบเวลาสำหรับการเลือกตั้ง

    “รัฐบาลของเราจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้สามารถจัดการเลือกตั้งในจำนวนเขตเลือกตั้งไม่น้อยกว่าการเลือกตั้งในปี 2563 ที่ผ่านมา และภายใต้เงื่อนไขที่สงบสุขด้วย ไม่ใช่ [ที่] แย่ [กว่าในปี 2563]” มิน อ่อง หล่าย กล่าวโดยอ้างถึงรัฐบาลทหารของเขา

  • เมียนมาตั้งรัฐบาลรักษาการ นายพลมิน อ่อง หล่าย นั่งนายกรัฐมนตรี กุมอำนาจยาว
  • NDSC ที่มีสมาชิก 11 คนถูกกำหนดโดยรัฐธรรมนูญที่ร่างขึ้นโดยกองทัพ ประกอบด้วย ประธานาธิบดี รองประธานาธิบดีสองคน ประธานสภาสองคน ผู้บัญชาการทหารสูงสุดและรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด และรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ กลาโหม กิจการภายใน และ กิจการชายแดน

    สมาชิก NDSC ไม่ได้ร่วมการประชุมในวันอังคารครบทุกคน โดยผู้ที่เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย มินต์ ส่วย รักษาการประธานาธิบดี ที คุน เมียตประธานสภาล่าง ซอ วิน รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด นายพลเมียะ ทุน อู รัฐมนตรีกลาโหม พลโทซอ ตู รัฐมนตรีกระทรวงกิจการภายใน วันนา หม่อง ลวิน รัฐมนตรีต่างประเทศ และ พลโทตุน ตุน นอง รัฐมนตรีกระทรวงกิจการชายแดน

    นอกจากนี้ ยังมีเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลเมียนมาที่ได้รับการคัดเลือกเชิญ เช่น เลขาธิการสภาทหาร พลโทออง ลิน เว พร้อมด้วยเลขาธิการร่วมพลโท เย วิน อู และอัยการสูงสุด ธิดา อู

    ที คุน เมียตประธานสภาล่างเสนอให้สภาขอคำชี้แนะจากศาลรัฐธรรมนูญว่าการขยายเวลาใหม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญปี 2551 หรือไม่ จากรายงานการออกอากาศ ศาลได้พิจารณาข้อเสนอดังกล่าวและแจ้งกับรองประธานาธิบดีของรัฐบาลเมียนมาว่า การขยายเวลาเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ Mมินต์ ส่วย รักษาการประธานาธิบดี ซึ่งเป็นผู้นำ NDSC ได้ประกาศขยายเวลาภาวะฉุกเฉินของประเทศออกไปอีก 6 เดือน

    แม้สภา NDSC จะมีอำนาจบริหารบางส่วนในรัฐ แต่โครงสร้างดังกล่าวทำให้สมาชิกส่วนใหญ่อยู่ภายใต้การควบคุมของทหาร แม้เมียนมาจะอยู่ภายใต้รัฐบาลพลเรือนก็ตาม

    เพื่อตอบโต้ต่อการขยายอำนาจการปกครองโดยทหารของรัฐบาล ออง จี ยุ้นต์ ซึ่งเป็นสมาชิกระดับบริหารกลางของพรรค NLD ที่ถูกโค่นอำนาจ กล่าวว่า การขยายเวลา “ไม่ชอบด้วยกฎหมาย”

    “ภาวะฉุกเฉินจะสิ้นสุดลงก็ต่อเมื่อพวกเขาไม่ได้อยู่ในอำนาจอีกต่อไป” ออง จี ย้นต์กล่าวกับสำนักข่าว Myanmar Now ทางโทรศัพท์เมื่อวันพุธ โดยชี้ไปที่กองทัพ “พวกเขาก่อสถานการณ์ฉุกเฉินนี้ แม้พวกเขาจะขยาย [อำนาจของรัฐบาลทหาร] มันก็ไม่ถูกกฎหมาย”

    ตามรัฐธรรมนูญปี 2008 ประธานาธิบดีเท่านั้นที่สามารถมอบอำนาจอธิปไตยของรัฐให้กับผู้บัญชาการทหารสูงสุดภายใต้ “สถานการณ์ฉุกเฉิน”

    แม้กองทัพจะจับกุมและตั้งข้อหาวิน เมียต ประธานพรรค NLD เมื่อทำรัฐประหารเมื่อ 2 ปีที่แล้ว แต่ก็ไม่ได้ปลดเฮนรี แวน ติโอ รองประธานาธิบดี และ มินต์ ส่วย ที่ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรักษาการประธานาธิบดี อย่างไรก็ตามแวน ติโอ ไม่ได้ปรากฎตัวต่อสาธารณชนเลยนับตั้งแต่การยึดอำนาจของกองทัพ

  • กองทัพเมียนมา ตั้ง “พลเอก มินต์ ส่วย” รักษาการประธานาธิบดี ปกครองใต้ภาวะฉุกเฉิน 1 ปี
  • ในขณะที่ทั้งคู่ยังคงเป็นสมาชิก NDSC แต่แวน ติโอ ไม่ได้เข้าร่วมการประชุมในวันอังคารด้วยเหตุผลด้านสุขภาพ ตามรายงานของรัฐบาลเมียนมา แหล่งข่าวของMyanmar Now ในกรุงเนปิดอว์กล่าวว่า เขาเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเมื่อวันอังคารด้วยอาการบาดเจ็บที่ศีรษะและคอ

    วันอังคารถือเป็นการไม่เข้าร่วมการประชุมดังกล่าวเป็นครั้งที่สามนับตั้งแต่การรัฐประหาร แวน ติโอไม่ได้เข้าร่วมการประชุมของ NDSC ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 31 มกราคมและ 31 กรกฎาคมปีที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงที่สภาขยายอำนาจการปกครองของรัฐบาลทหาร ทั้ง 2 ครั้ง ปัญหาสุขภาพของแวน ติโอถูกนำอ้างเป็นเหตุผลของการไม่เข้าร่วม

    ในวันครบรอบสองปีของการรัฐประหารของประเทศ ประชาชนในเมืองต่างๆ ในเมียนมาประท้วงการปกครองโดยรัฐบาลทหารด้วยการ “หยุดงานเงียบ” โดยหลีกเลี่ยงกิจกรรมสาธารณะ ชาวเมียนมาในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ประเทศไทย จัดการชุมนุมและเรียกร้องให้ยุติการยึดอำนาจของกองทัพ ซึ่งพวกเขาประณามว่า “ผิดกฎหมาย”

    หนึ่งคืนก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ ออสเตรเลีย และรัฐบาลพันธมิตรตะวันตกประกาศขยายมาตรการคว่ำบาตรต่อรัฐบาลทหาร เจ้าหน้าที่ด้านพลังงานของรัฐบาลพม่า และเครือข่ายผู้จัดหาสินค้าและพรรคพวก