ThaiPublica > คอลัมน์ > เรื่องเล่าจากลุงหมีปุ๊ (36) … ตีแผ่กลโกงการเงินระดับชาติ

เรื่องเล่าจากลุงหมีปุ๊ (36) … ตีแผ่กลโกงการเงินระดับชาติ

4 พฤษภาคม 2024


ดร.ชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์

Netflix สร้างหนังสารคดีได้น่าสนใจ เพราะนอกจากเสนอเนื้อหาที่เป็นความรู้และมีประโยชน์แล้ว ยังมีวิธีนำเสนอหรือเล่าเรื่องที่กระชับ โดยผสมผสานฉากที่ใช้ผู้แสดงเล่น ทำให้เป็นหนังที่ดูเพลิดเพลิน

ลุงหมีขอแนะนำหนังสารคดีเกี่ยวกับการฉ้อโกงทางการเงินระดับชาติที่เกิดขึ้นใน 4 ประเทศ เป็นหนังสร้างเมื่อปี 2022 และ 2023 ทั้งหมด Netflix ทะยอยนำออกฉายเมื่อปีที่แล้วและปีนี้

เรื่องแรกคือ Man on the Run (2023) เป็นหนังเปิดเผยเบื้องหลังการฉ้อโกงเงินจำนวน 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐโดยอดีตนายกรัฐมนตรีของมาเลเซีย มาใช้ส่วนตัวจากกองทุน 1MDB อันเป็นกองทุนเพื่อความมั่งคั่งแห่งชาติ (sovereign fund) และยังร่วมมือกับนายหน้ารับจ้างบริหารเงินชื่อ Jho Low (ผู้หลบหนีคดีหายตัวไป) สร้างความเสียหายในการใช้เงินกองทุนไปลงทุนในโครงการต่างประเทศที่ล้มเหลวหรือมีผลประโยชน์ส่วนตัว จนสร้างหนี้ให้กองทุนอีก 7.8 พันล้านดอลลาร์ ทำให้รัฐบาลชุดต่อมาต้องออกพันธบัตรชดใช้เงินเป็นเวลา 30 ปี

การฉ้อโกงครั้งนี้มีการขาดธรรมาภิบาลระดับชาติเป็นบทเรียน คือ ไม่มีการตรวจสอบความถูกต้องของการใช้เงินอย่างเหมาะสม โดยอดีตนายกฯ ใช้อำนาจนายกปิดกั้นการตรวจสอบและกำจัดผู้พยายามตรวจสอบ จนเมื่อแพ้เลือกตั้งและหมดอำนาจ จึงถูกดำเนินคดีและติดคุก

การใช้เงินกองทุนอย่างไม่ถูกต้องและทำการฟอกเงินโดยนำไปลงทุนในหลายประเทศทำให้ยังมีคดีติดค้างอีก 6 ประเทศ ทางสหรัฐฯ ได้เอาผิดกับสถาบันการเงินของอเมริกาที่มีส่วนช่วยเหลือฟอกเงิน และร่วมมือกับรัฐบาลสิงคโปร์ติดตามเงินจนสามารถนำเงินมาคืนรัฐบาลมาเลเซียได้ 1.2 พันล้านดอลลาร์ อันแสดงให้เห็นว่าการมีความร่วมมือระหว่างชาติที่ช่วยกันป้องกันการฟอกเงินข้ามชาติเป็นเรื่องที่ดี

หนังสารคดีเรื่องที่สอง คือ Madoff: The Monster of Wall Street (2023) สร้างเป็นซีรีส์สั้น 4 ตอน ยาวตอนละ 1 ชั่วโมง เล่าเรื่องบุคคลที่คนในวงการตลาดหุ้นอเมริกาเข้าใจว่าเป็นผู้บริหารกองทุนที่ประสบผลสำเร็จมากที่สุด แต่แท้จริงเป็นคนจัดทำ Ponzi scheme หรือแชร์ลูกโซ่ขนาดใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของอเมริกา

Bernie Madoff เป็นผู้มีส่วนสำคัญในการพัฒนาให้ NASDAQ เจริญเติบโตเป็นตลาดหลักทรัพย์สำคัญอันดับสองของอเมริกา และเคยเป็นประธานตลาดหลักทรัพย์แห่งนี้ เขาเปิดบริษัทบริหารสินทรัพย์อย่างเป็นทางการโดยให้ลูกชายบริหารจัดการ แต่เขาเสนอบริการแนะนำการลงทุนเป็นงานส่วนตัว รับลูกค้ารายใหญ่และคัดเลือกเป็นการเฉพาะตัว เป็นที่เล่าลือกันว่าลูกค้าของเขาได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนอย่างสม่ำเสมอไม่ว่าภาวะตลาดหุ้นจะดีเลวพียงใด จึงทำให้คนเชื่อว่าเขาเป็นนักบริหารเงินชั้นเยี่ยม มีนักวิเคราะห์บางรายและหนังสือพิมพ์ด้านหุ้นพยายามโต้แย้งว่าเขาไม่มีทางลงทุนในตลาดหุ้นได้ผลอย่างยอดเยี่ยมขนาดนั้น ทางหน่วยงาน กลต. (SEC) เคยส่งผู้ตรวจสอบเข้าไปสืบสวนก็ไม่เกิดผลเพราะมีความเกรงใจในสถานภาพทางสังคมของเขา และเขายังทำรายงานเท็จว่าลงทุนในหุ้นถูกต้วและกำไรดีตลอดมา

ระหว่างปี 1990 ถึง 2008 รวม 18 ปี กองทุนพิเศษของเขามียอดเงินของนักลงทุนสูงถึง 65 พันล้านดอลลาร์ แต่ในที่สุด เมื่อเขาเริ่มขาดเหยื่อนักลงทุนรายใหม่และนักลงทุนเก่าขอถอนคืนเงินต้นมากขึ้นเรื่อยๆ

กองทุนของเขาก็ไม่มีเงินใช้หนี้ต่อนักลงทุนและพังลง Madoff ถูกจับดำเนินคดีและถูกตัดสินให้จำคุก 150 ปีจนเขาตายในคุก

บทเรียนจากหนังเรื่องนี้คือ ความชาญฉลาดของผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินที่สร้างชื่อเสียงให้เป็นที่ยอมรับของสังคม ออกแบบธุรกิจการเงินแบบที่เหยื่อเชื่อถือและตายใจว่าไม่ถูกหลอกลวง อีกทั้งเป็นความโลภของนักลงทุนที่ใส่เงินเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งที่มีนักวิเคราะห์และสื่อกล่าวทักที่ควรเอะใจ และแน่นอนว่า กลต. สหรัฐฯ ก็บกพร่องที่ปล่อยให้เกิดการโกงระดับชาตินานได้ถึง 18 ปี

หนังสารคดีเรื่องที่สาม คือ Skandal! Bringing Down Wirecard (2022) การหลอกลวงทางการเงินครั้งใหญ่ของประเทศเยอรมัน ยอดความเสียหายมากกว่า 2 พันล้านยูโร

Wire Card เป็นบริษัทบริการทางการเงิน (financial service) ขนาดยักษ์ของเยอรมัน ชนิดที่นายกรัฐมนตรียังเคยยกตัวอย่างว่าเป็นความสำเร็จของประเทศ ขอบเขตการให้บริการขยายมากขึ้นเรื่อยมา จากธุรกิจการชำระเงินและการโอนเงิน เพิ่มเป็นธุรกิจบัตรเครดิต ต่อมาซื้อธนาคารพาณิชย์มีชื่อ จนในที่สุดขยายวงไปซื้อธุรกิจการเงินในสหรัฐฯ และประเทศอื่นอีกหลายประเทศ จนถึงปี 2019 บริษัทยอมรับว่าเงินในบัญชีหายไป 1.9 พันล้านยูโรจนถึงขั้นล้มละลาย

กลโกงที่ทำอย่างต่อเนื่องสิบกว่าปีคือ ซีอีโอกับผู้บริหารการเงินของบริษัท ทำตัวเลขการเงินปลอมทั้งลูกหนี้และตัวเงินในบัญชีโดยมีผู้สอบบัญชีภายนอกร่วมมือปกปิด ใช้กลยุทธ์การตลาดทำให้ผู้คนเชื่อว่าบริษัทขยายธุรกิจไปต่างประเทศสำเร็จเสมอมา (โดยที่คนในประเทศไม่รู้ความเป็นไปในต่างประเทศกันนัก) เมื่อบริษัทนี้เข้าอยู่ในตลาดหุ้น DAX ของเยอรมัน ก็ใช้วิธีปั่นหุ้นให้ราคาดูดีอย่างสม่ำเสมอ ความจริงมีนักวิเคราะห์หุ้นบางรายเกาะติดราคาของบริษัทนี้และแสดงความเห็นว่าบริษัทไม่น่าจะมีผลประกอบการดีขนาดนี้ และตัวเลขทางบัญชีไม่น่าเชื่อถือ (ภาษาบัญชีคือร้องเอ๊ะ-เอะใจ) แต่หน่วยงานกำกับของเยอรมันก็หละหลวมออกมาตรการควบคุมไม่ทันต่อสถานการณ์ จึงเป็นความเสียหายทางการเงินในที่สุด

ในเรื่องนี้ผู้เกี่ยวข้องทำผิดทุกคนถูกจำคุกกันหมด

หนังแนะนำเรื่องสุดท้ายชื่อ Trust No One: The Hunt for the Crypto King (2020) เป็นหนังเกี่ยวกับการโกงในวงการเงินคริปโต เกิดขึ้นที่ประเทศแคนาดา ถือว่าเป็นเรื่องขนาดเล็กเทียบกับหนังสามเรื่องก่อนหน้า แต่ก็เป็นเรื่องทันสมัยเพราะเวินคริปโตกับทรัพย์สินดิจิทัลจะมีบทบาทในวงการเงินของโลกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

หนังเรื่องนี้เล่าถึงเหตุการณ์เกี่ยวกับตลาดซื้อขายเงินคริปโตขนาดใหญ่ของคานาดา ชื่อ Quadrigo Cx Exchange ผู้ก่อตั้งชื่อ Gerry Cotten อายุ 30 ปี เป็นคนทำงานด้านเทคโนโลยีการเงินมาก่อน ตลาดซื้อขายนี่ได้รับความนิยมมากพอควร มีผู้ใส่เงินลงทุนเข้าไปเพื่อซื้อบิตคอยน์รวม 115,000 คน คิดเป็นเงินลงทุน 190 ล้านดอลลาร์อเมริกัน

เมื่อปี 2018 มีรายงานว่านาย Cotten เสียชีวิตกะทันหันที่ประเทศอินเดีย ทำให้แพลตฟอร์มนี้ต้องปิดดำเนินการเพราะไม่มีสินทรัพย์หนุนหลังเงินที่คนลงทุนไว้ และตัว Bitcoin ที่ควรจะมีถูกเก็บไว้ใน cold wallet ที่แลปทอปของนาย Cotten เนื่องจากไม่มีใครรู้รหัสผ่านที่จะเปิดใช้แลปทอป จึงไม่มีใครทำอะไรกับเงินลงทุนก้อนนั้นได้ นักลงทุนทั้งหลายจึงร้องเรียนต่อทางการให้ช่วยเหลือเอาเงินลงทุนคืนมา

จากการตรวจสอบของหน่วยงาน กลต. คานาดาพบว่าไม่มีเงินคริปโตใดเก็บอยู่ในแพลตฟอร์มเลย ซึ่งหมายถึงว่านาย Cotten ได้โยกย้ายเงินนั้นไปไว้ที่อื่นแล้ว เมื่อปี 2020 จึงสรุปว่าการทำธุรกิจของนาย Cotten เป็นการหลอกลวงเอาเงินนักลงทุนในทำนองเดียวกับแชร์ลูกโซ่ สำหรับนักลงทุนผู้เสียหาย ยังมีกลุ่มหนึ่งเชื่อว่านาย Cotten ไม่ได้ตายจริง แต่หลบหนีไปใช้ชีวิตที่อื่นโดยทำศัลยกรรมเปลี่ยนใบหน้าและเปลี่ยนชื่อไปเรียบร้อยแล้ว

จากเรื่องราวการคดโกงทางการเงินครั้งใหญ่ในอดีต ลุงหมีขอเล่าถึงการคดโกงที่เพิ่งถูกเปิดเผยโดยทางการประเทศเวียดนามจนเป็นข่าวไปทั่วโลกเมื่อเดือนเมษายนี้เอง

ผู้ถูกลงโทษถึงขั้นประหารชีวิตด้วยข้อหาฉ้อโกงเงินจากธนาคาร คือนาง Truong My Lan อายุ 67 ปี มีชื่อเสียงเป็นเจ้าแม่อสังหริมทรัพย์ สร้างตึกยักษ์และศูนย์การค้าหลายแห่ง ความผิดสำคัญเรื่องหนึ่งคือ ครอบงำการปล่อยกู้เงินของธนาคารพาณิชย์ให้แก่บริษัทปลอมของตนและพรรคพวกจนธนาคารเสียหาย 27 พันล้านดอลลาร์ มีผู้บริหารของธนาคารแห่งรัฐซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบความมั่นคงของธนาคารพาณิชย์ถูกจำคุกในข้อหารับสินบน 5 ล้านดอลลาร์ด้วย

วิธีการครอบงำธนาคารอย่างผิดกฏหมายของนาง Lan คือ ใช้ชื่อตัวแทนไปกว้านซื้อธนาคารขนาดเล็ก 3 แห่ง แล้วควบรวมกันให้เป็นธนาคารขนาดใหญ่โดยมีนาง Lan เป็นผู้สั่งการอยู่เบื้องหลัง ในการปล่อยกู้และใช้จ่ายเงินของธนาคารรวมทั้งยักยอกเงินให้ตัวเอง (ดูดเงินหรือไซฟอนเงิน) เหตุการณ์ฉ้อโกงเกิดขึ้นระหว่างปี 2012-2022 แต่นาง Lan ถูกจับเมื่อปี 2022 ตามนโยบายปราบคอร์รัปชันของรัฐบาลเวียตนาม

หมายเหตุ : ที่มาภาพจากโปสเตอร์หนัง- Google Image