ThaiPublica > คอลัมน์ > ถึงจะอิงจากตระกูลซัมซุง แต่เรื่องจริงไม่หวานแบบซีรีส์ Queen of Tears

ถึงจะอิงจากตระกูลซัมซุง แต่เรื่องจริงไม่หวานแบบซีรีส์ Queen of Tears

21 เมษายน 2024


1721955

เห็นจั่วหัวไว้แบบนี้ แต่เราขอออกตัวก่อนว่าจนบัดนี้ยังไม่มีใครยืนยันได้ ทว่าชาวเน็ตเกาหลีลือกันหนักมากว่าซีรีส์ Queen of Tears ดัดแปลงมาจากเรื่องรักต่างชนชั้นภายในตระกูลแชโบลอันดับหนึ่งของเกาหลีอย่างแน่นอน นั่นก็คือซัมซุง (จริงๆ แบรนด์นี้ควรออกเสียงว่า ซัมซอง)

ขณะที่คุณอ่านบทความนี้ ตอนนี้ซีรีส์กำลังเหลืออีกเพียงสองอีพีสุดท้ายเท่านั้น ในสัปดาห์หน้าที่ตามสไตล์มือเขียนบทคนนี้เราต้องลุ้นกันไปให้สุดจริงๆ ถึงจะได้คำตอบว่าความรักที่ดูจะเป็นไปไม่ได้อย่างมากของคู่พระนางในเรื่องนี้ จะมีจุดจบแบบใด จะเศร้าหรือจะสุข แถมชื่อยังบอกเป็นลาง Queen of Tears ราชินีเจ้าน้ำตา ซึ่งผู้ชมส่วนใหญ่ก็งงว่านางเอกมีฉากร้องไห้ตอนกี่โมง ขณะที่ในเว็บทางการของซีรีส์เรื่องนี้อธิบายว่า จริงๆ แล้วชื่อเรื่องเป็นการเล่นคำ ราชินีก็คือนางเอกลูกคุณหนูสูงศักดิ์ ส่วนตัวละครเจ้าน้ำตาหมายถึงพระเอก จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมพระเอกคนนี้ต้องมีเรื่องให้เสียน้ำตาทุกอีพี

ซีรีส์นี้เริ่มต้นเมื่อ แบคฮยอนอู (คิมซูฮยอน จาก One Ordinary Day, It’s Okay to Not Be Okay, The Producers) ทนายความหนุ่มอดีตนายทหารและแชมป์มวยผู้เป็นความภูมิใจของหมู่บ้าน เขาแต่งงานอยู่กินกันมาได้ 3 ปีกับลูกคุณหนูเจ้าของห้างใหญ่แห่งตระกูลแชโบลสุดรวยรุ่นที่สาม เธอนามว่า ฮงแฮอิน (คิมจีวอน จาก My Liberation Notes, Arthdal Chronicles, Mr. Sunshine) จนเมื่อถึงคราวสุดทนเพราะคุณหนูนอกจากจะเย็นชาบ้างานแล้ว ดูจะไม่มีมุมเหลือไว้ให้ความรักอยู่เลย ขณะที่พระเอกอยู่ในตำแหน่งทนายความประจำบริษัทและประจำตระกูล ลูกหลานแต่ละคนก็ต่างอิจฉาริษยาใส่กัน จนกลายเป็นการกดข่มพระเอกที่เป็นทั้งเขยคนนอกแล้วยังมาจากตระกูลคนบ้านนอกอีกด้วย

ซีรีส์ย้อนกลับไปเล่าปมรักเมื่อนางเอกแฝงตัวมาฝึกงานโดยไม่บอกใครว่าตัวเองรวย พระเอกเป็นคนหัวดีงานดีแถมยังจิตใจดีจึงต้องคอยดูแลนางเอกที่เวลานั้นเรื่องการงานแสนจะห่วยบรมและค่อนข้างหัวรั้น เขารักเธอตอนที่ไม่รู้ว่าเธอรวย จนตกปากรับคำขอแต่งงานโดยไม่รู้ชะตาอนาคตว่าจะกลายเป็นเบ๊ในคฤหาสน์ตระกูลรวยสุดๆ ในที่สุดเขาจึงตัดใจจะขอหย่า แต่ดันมารู้ว่านางเอกเหลือเวลาอีกแค่สามเดือนเนื่องจากป่วยโรคร้าย

แชโบลคือ?

แชโบล แปลง่ายๆ ว่า “ตระกูลรวย” หรือ “กลุ่มทุนใหญ่ที่ถือครองธุรกิจต่างๆ เพียงตระกูลเดียว” ใหญ่แค่ไหน เอาแค่ตระกูลหลัก 3 ตระกูล ซัมซุง ล็อตเต้ และแอลจี รวมกันมีรายได้คิดเป็น 60% ของจีดีพีทั้งประเทศคิดดูแล้วกัน คือแค่สามบริษัทยักษ์นี้ก็มีกำไรเกินครึ่งของรายได้ทั้งประเทศไปแล้วจ้า

ถ้าคิดไม่ออกว่าพวกเขารวยกันขนาดไหนเนาะ เฉพาะซัมซุงบริษัทเดียวปีที่ผ่านมามีรายได้ 220.1 พันล้านดอลลาร์ บวกกับสินทรัพย์อีก 348.8 พันล้านดอลลาร์ มีกำไรเพิ่มขึ้น 34.5 พันล้านดอลลาร์ นึกไม่ออกเลยว่าแปลงเป็นเงินไทยจะต้องมีเลขศูนย์ตามหลังกี่ตัว

หัวใจหลักของระบบแชโบลคือบริหารจัดการและควบคุมธุรกิจทั้งหมดโดยตระกูลเดียว ทำให้เกิดความคล่องตัว รวดเร็ว มีสเถียรภาพ แต่ในขณะเดียวกันก็มีความเสี่ยงสูงด้วยเช่นกัน พวกเขาจึงต้องพยายามประคับประคองไม่ให้เกิดเรื่องไม่ดีไม่งามอันจะส่งผลต่อรายได้ในทันที ที่แม้แต่ข่าวลือหรือข่าวฉาวเพียงเล็กๆ น้อยๆ ก็อาจทำให้หุ้นดิ่งเหวได้เลย

ส่วนที่มาถ้าให้เล่าย่อๆ คือ ภายหลังสงครามโลก เมื่อสหรัฐฯ สนับสนุนทางทหารและเศรษฐกิจในเกาหลีใต้ เพื่อต่อต้านอิทธิพลจากโซเวียตและเกาหลีเหนือ ลากยาวมาถึงยุคของนายพลพักชองฮี ที่เน้นนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจอย่างก้าวกระโดดโดยเฉพาะในทางอุตสาหกรรม เขาจึงผลักดันและเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มตระกูลธุรกิจขนาดใหญ่ จนทำให้เกาหลีใต้กลายเป็นหนึ่งใน 4 เสือเศรษฐกิจแห่งเอเชีย อันมีผลให้กลุ่มแชโบลผูกขาดเศรษฐกิจและมีอิทธิพลอย่างมากในการควบคุมตลาดและสื่อ รวมไปถึงการผลิตสินค้าส่งออกหลากหลายเครืออุตสาหกรรม ไปจนถึงแผ่อำนาจในทางการเมืองและเศรษฐกิจมวลรวมของประเทศด้วย

ก่อให้เกิดระบบอุปถัมภ์ผูกขาดตลาดและฆ่าการแข่งขันอันเป็นธรรมลง ส่งผลต่อการกระจายอำนาจและความมั่งคั่งที่ไม่สมดุลในสังคม กลุ่มทุนเหล่านี้ เช่น กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ซัมซุง และแอลจี, กลุ่มสายการบินฮันจิน เจ้าของโคเรียนแอร์ และจินแอร์ รวมไปถึงระบบลอจิสติกส์ต่างๆ, กลุ่มห้างอาหารเครื่องดื่มโรงแรมและสวนสนุกของล็อตเต้, กลุ่มสื่อบันเทิงอย่างช่อง tvN กลุ่มค้าปลีกและลอจิสติกส์ และอาหารของ CJ กรุ๊ป, เครือข่ายระบบคมนาคม พลังงานและเคมีภัณฑ์ไปจนถึงเซมิคอนดักเตอร์ ของ SK, กลุ่มพลังงานเคมีภัณฑ์ ค้าปลีกและรับเหมาก่อสร้าง GS และแบรนด์รถยนต์ฮุนได เกีย เจเนสิส โลนิก ของ เครือฮุนไดมอเตอร์กรุป ฯลฯ

นักเขียนบทมือทองมาเอง

Queen of Tears เป็นผลงานเขียนบทล่าสุดของพัคจีอึน ซึ่งเรตติ้งพุ่งทะยานจากแค่ 5.853% แต่ไต่ไปถึงนิวไฮล่าสุดได้สูงถึง 20.732% ส่งผลให้ขึ้นแท่นอันดับ 5 บนตารางซีรีส์เรตติ้งสูงสุดตลอดกาล ซึ่งอันดับที่ 4 คือ Crash Landing on You (2019-2020) อยู่ที่ 21.683% ก็เป็นซีรีส์ช่อง tvN และเขียนบทโดยพัคจีอึนคนเดียวกันนี้เอง

พัคจีอึนคือผู้สร้างปรากฏการณ์โดยแท้ เพราะผลงานของเธอล้วนเป็นที่จดจำมาตั้งแต่แรกๆ และมักจะมีประเด็นขัดแย้งกันระหว่างคนสองกลุ่มแถมยังได้ดาราระดับเอลิสต์ทั้งนั้น เช่น ดาราสาวกับมนุษย์ต่างดาวสุดหล่อ ที่ได้ยัยตัวร้ายช็อนจีฮย็อน มาประกบหนุ่มสุดคิวต์คิมซูฮยอน ใน My Love from the Star (2013)

ความรักระหว่างนักต้มตุ๋นหนุ่มหล่อกับนางเงือกตัวร้าย ที่ดึงเอาอีมินโฮมาประกบช็อนจีฮย็อน จนกลับมาดังเปรี้ยงอีกระลอกใน The Legend of the Blue Sea (2016) ไปจนถึง Crash Landing on You ที่เล่นประเด็นใหญ่ เมื่อซนเยจิน ลูกคุณหนูรวยสนั่นมีอันไปพลัดตกในเขตแดนเกาหลีเหนือ จนมาเจอนายทหารยศสูง ฮย็อนบิน ทำเอาคนดูลุ้นจนฉากสุดท้ายว่าความรักที่ดูจะเป็นไปไม่ได้เหล่านี้จะมีจุดลงเอยอย่างไร ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะสมหวังในที่สุด

(สองภาพกลางจากในซีรีส์) เทียบกันระหว่างซีรีส์กับงานแต่งจริงของฮย็อนบิน-ซนเยจิน

แถมคู่ของฮย็อนบินกับซนเยจินที่พบรักกลางกองถ่ายตั้งแต่ตอนถ่ายหนัง The Negotiation (2018) จนได้มาถ่ายซีรีส์ Crash Landing on You ด้วยกันอีกหนในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน พอหลังปิดกล้องพวกเขาก็ตัดสินใจแต่งงานกันในต้นปี 2022 และให้กำเนิดลูกชายในปลายปีนั้นด้วย ซึ่งถ้าใครสังเกตเห็นฉากแต่งงานใน Queen of Tears จะพบว่า พวกเขาจงใจใช้สถานที่แต่งงานเดียวกับของฮย็อนบิน-ซนเยจิน แถมยังจัดฉากใกล้เคียงกันมากเว่อร์

เรื่องจริงมีอยู่ว่า…

ถ้าใครตามดู ตอนนี้กลายเป็นว่าครอบครัวคนรวยต้องมาตกอับ หันมาพึ่งพาบ้านนาบ้านนอกของพระเอก ซึ่งก็น่ารักดี เหมือนเล่าภาพฝันว่าพวกคนรวยได้ลงมาใช้ชีวิตร่วมกันกับพวกคนจน เข้าใจหัวอกกันและกันมากขึ้น แต่เรื่องนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นเลยในชีวิตจริง แถมพระเอกหลังจากหย่ากับนางเอกแล้วก็ยังพยายามกลับมาช่วยครอบครัวแชโบลของนางเอก ไปจนถึงยืนยันหนักแน่นว่าจะยังคงรักมั่นต่อเมียสาวแม้ว่าจะหย่าขาดกันไปแล้วก็ตาม…ช่างหวานเสียเหลือเกิ๊น

เราจะมาเล่าให้ฟังว่าเรื่องจริงที่ชาวเนตลือกันหนักหนาว่ามันช่างละม้ายคล้ายบ้านซัมซุงนั้นเป็นอย่างไร เริ่มจากมิสเตอร์ซินเดอเรลลา หรืออิมวูแจ บัณฑิตมหาวิทยาลัยผู้ทำงานเป็นพนักงานออฟฟิศบริการรักษาความปลอดภัย อันเป็นบริษัทในเครือซัมซุงกรุ๊ป แล้วไม่รู้ไปผีผลักกันท่าไหน จู่ๆ อีบูจิน เจ๊ใหญ่ลูกสาวคนโตผู้เป็นซัมซุงรุ่นที่สามเหมือนในซีรีส์ก็ตกลงแต่งงานกับเขา ถ้าอยากจะรู้ว่านางรวยขนาดไหน อีบูจิน ปัจจุบันฟอบส์สรายงานว่าเธอมีทรัพย์สินรวมทั้งหมด 2.6 พันล้านดอลลาร์ (ราวเกือบแสนล้านบาทไทย)

เธอและเขาแต่งงานกันในปี 1999 มีลูกชายด้วยกัน 1 คน ก่อนจะแยกทางกันในปี 2012 จนมีเรื่องวุ่นวายขึ้นศาลกันกว่าจะสิ้นคดีก็เมื่อปี 2020 โดย อีบูจินได้สิทธิ์ในการเลี้ยงดูลูกชายของเธอแต่เพียงผู้เดียวแลกกับเงินจำนวนหนึ่ง เริ่มจากในปี 2017 ศาลสั่งให้เธอต้องจ่ายให้อดีตสามี 7.6 ล้านดอลลาร์ อันเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงการหย่าร้าง ต่อมา อิมวูแจขอยื่นฟ้องหย่าอันเป็นมูลค่าสูงที่สุดในประวัติศาสตร์เกาหลีใต้เท่าที่เคยมีมา นั่นคือ 1.01พันล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ไกล่เกลี่ยกันอยู่หลายปี สุดท้ายมิสเตอร์ซินเดอเรลลาได้เงินเพิ่มจากเดิมไปอีก 12.1 ล้านดอลลาร์ รวมทั้งสิ้นที่เขาได้คือ 19.7 ล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นเงินไทยคือ 755 ล้านบาท

ภาพตอนแต่งงานและตอนหย่ากัน

เขาไม่รู้มาก่อนว่าเธอรวย!

เราไม่รู้หรอกว่าเรื่องจริงจะเป็นอย่างที่พวกเขาเคยสัมภาษณ์กันหรือไม่ แต่เวลานั้นทั้งคู่เคยบอกว่าความรักของพวกเขาเป็นรักแท้ เพราะตอนพบรักกัน ฝ่ายชายไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเธอรวย ซึ่งส่วนนี้ค่อนข้างจะสอดพ้องกับเรื่องราวในซีรีส์

อีบูจิน พบมิสเตอร์ซินเดอเรลลา อิมวูแจ ในปี 1995 ตอนนั้นเธอไปเป็นอาสาสมัครในสถานดูแลผู้พิการ โดยเข้าเป็นพนักงานในระดับเริ่มต้นที่มูลนิธิสวัสดิการของเครือซัมซุง เนื่องจากเธอร่ำเรียนมาทางสาขาสวัสดิการเด็กจากมหาวิทยาลัยยอนเซ (หนึ่งใน 3 มหาวิทยาลัยเข้ายากที่สุด เรียกว่า SKY ซึ่งมาจาก S ม.โซล, K ม.โคเรีย และ Y ม.ยอนเซ)

ส่วนอิม ฝ่ายชายทำงานออฟฟิศให้กับหน่วยงานรักษาความปลอดภัย S-1 ในเครือซัมซุง เขาสำเร็จการศึกษาด้านวิศวกรรมคอมพิวเตอร์จากมหาวิทยาลัยดันกุก ส่วนในด้านหน้าที่การงานหลังการแต่งงาน อิมได้เรียนต่อและคว้าปริญญาโทสาขาบริหารธุรกิจจาก MIT สหรัฐฯ ก่อนจะเข้าทำงานในสาขาโตเกียวของซัมซุง C&T และสำนักงานใหญ่ของซัมซุงในสหรัฐฯ จนในปี 2005 อิมได้เลื่อนขั้นเป็นระดับผู้บริหารของซัมซุงอิเล็กทรอนิกส์ จนในปี 2009 เขาได้เป็นกรรมการผู้จัดการ ก่อนที่อีกสองปีหลังจากนั้นเขาได้รับตำแหน่งรองประธาน

กระทั่งเมื่อระหองระแหงกัน อิมก็ถูกสอยร่วงจากตำแหน่งไปเป็นที่ปรึกษาของซัมซุงแทน ตรงนี้ถ้าสังเกตดีๆ จะพบว่าสอดคล้องกับในซีรีส์ คือทันทีที่แต่งงานกันก็มีอันต้องแยกห้องนอน เพราะฝ่ายชายทำงานให้บริษัทฝ่ายหญิง ขณะที่ชีวิตจริงพวกเขาก็แทบจะใช้ชีวิตผัวเมียกันน้อยมาก เพราะถ้าสังเกตคือ ฝ่ายชายต้องไปเรียนสหรัฐฯ ไปทำงานสาขาในโตเกียว ขณะที่อีกหนึ่งสิ่งที่เหมือนกับในซีรีส์คือ อีบูจินตัวจริงค่อนข้างจะขี้โรคป่วยบ่อยมาตั้งแต่เด็ก

อีแจยองในงานแต่งกับอิมเซรย็อง / อิมเซรย็องควงพระเอกหนุ่มอีจุงแจออกสื่อ

อีบูจินนับเป็นลูกคนที่สองที่ต้องหย่าร้างของอีกอนฮี ทายาทรุ่นที่สองของซัมซุง คือขณะที่อีบูจินเริ่มหย่าในปี 2012 ก่อนหน้านั้น อีแจยอง ประธานฝายบริหารของซัมซุง และลูกชายคนเดียวของตระกูล (ปีล่าสุดฟอบส์จัดให้เขาอยู่ในอันดับหนึ่งคนรวยที่สุดของเกาหลีใต้) อีแจยองหย่าร้างกับอิมเซรย็องในปี 2009 เธอเป็นลูกสาวคนโตของประธานบริษัทเคมีภัณฑ์ อาหารและเครื่องปรุงรส (ซอสเผ็ดโคชูจังและซอสซัมจังยี่ห้อดัง Chungjungone เป็นบริษัทของเธอโดยตรง) เครือแดซางกรุ๊ป อีกหนึ่งแชโบลของเกาหลี ที่หลังจากแต่งงานกัน 11 ปี ปัจจุบันเธอกำลังควงกับอีจุงแจ พระเอกหนุ่มหล่อจากหนังรักข้ามเวลา Il Mare และซีรีส์สุดฮิต Squid Games ในปี 2012 มีข่าวลือว่าทั้งคู่แอบแต่งงานกัน แต่ต่อมาในปี 2015 พวกเขาแถลงว่ายังไม่ถึงขั้นแต่ง แค่คบหาดูใจกันเฉยๆ กระทั่งเปิดตัวออกงานไปไหนมาไหนด้วยกันในปี 2019

(จากซ้าย) พัคกึนฮเย, ชเวซุนซิล และอีแจยอง

คดีอื้อฉาวบ้านซัมซุง

แม้ว่าอีแจยองจะรวยอันดับหนึ่ง และฟอบส์เคยยกให้เขาเป็นหนึ่งในบุคคลผู้ทรงอิทธิพลของโลก แต่อย่างที่บอกว่าตระกูลแชโบลมีข้อเสียคือมักเข้าไปสอดมือกับการเมือง ในปี 2017 อีแจยองถูกกล่าวหาว่าติดสินบน ยักยอกทรัพย์ และให้การเท็จ เขาถูกสอบสวนนานกว่า 22 ชั่วโมง เขาถูกตั้งข้อหาติดสินบนอดีตประธานาธิบดีพัคกึนฮเย (ประธานาธิบดีหญิงคนแรกและลูกสาวของผู้นำเผด็จการนองเลือดพัคชองฮี ภายหลังเธอติดคุกด้วยเช่นกันอันส่วนหนึ่งมาจากกรณีซัมซุง) และชเวซุนซิล (เพื่อนสนิทของพัคกึนฮเย)

ต่อมา อีแจยองถูกตัดสินจำคุกในปีนั้นก่อนจะได้รับการปล่อยตัวในปีถัดไป แต่แล้วในปี 2020 คดีของเขาก็ถูกรื้อใหม่ทำให้เขาถูกตัดสินจำคุกอีกสองปีครึ่ง ก่อนจะได้รับอภัยโทษในปี 2021 อย่างไรก็ตาม เขายังมีคดีปั่นหุ้นอีกคดีหนึ่ง คือในปี 2015 เขาถูกกล่าวหาว่าการควบรวมกิจการระหว่างบริษัทสองแห่งในเครือซัมซุงก็เพื่อจะปั่นหุ้น แต่แล้วในปีนี้เองศาลได้ตัดสินให้เขาพ้นผิด สุดท้ายตอนนี้เขายังเหลืออีกคดีคือในปี 2020 หลังการเสียชีวิตของอีกอนฮีผู้เป็นพ่อของเขา อีแจยองต้องจ่ายภาษีมรดกสูงถึงกว่าแปดพันล้านดอลลาร์ แต่จนบัดนี้ก็ยังจ่ายไม่ครบ เขาถูกจัดให้เป็นคนรวยที่สุดในเกาหลี และเป็นเศรษฐีในลำดับที่ 173 ของโลก

หมายเหตุ: ความน่าสนใจของลิสต์มหาเศรษฐีโลกคือ อันดับหนึ่ง เบอร์นาร์ด อาร์โนลด์ เจ้าของ LVMH เจ้าของแบรนด์แฟชั่นหรูกว่า 75 แบรนด์ ซึ่งรวมถึง Louis Vuitton, Christian Dior, Fendi, Celine, Loewe, Kenzo, Bulgari, TAG Heuer, Tiffany & Co. ฯลฯ อันดับสองคือ อีลอน มัสก์ ผู้นำเทคโนโลยีอวกาศและยานยนต์ Tesla, SpaceX, อันดับสาม เจฟฟ์ เบโซส เจ้าของ Amazon, อันดับห้า มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก เจ้าของเฟซบุ๊ก, ส่วนบิลล์ เกตส์ แห่งไมโครซอฟท์ อยู่อันดับเจ็ด

ที่เราว่าน่าสนใจคือ ขณะที่อีแจยอง มหาเศรษฐีรวยที่สุดของเกาหลีใต้อยู่อันดับ 173 ของโลก อันที่จริงมีคนไทยคนหนึ่งอยู่อันดับสูงกว่าเขา นั่นก็คือในอันดับที่ 159 เจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ แห่งเครื่องเจริญโภคภัณฑ์ ผู้ครองตลาดด้านเกษตรและอาหาร ส่วนอีกลำดับนึงอยู่ถัดจากอีแจยองไปไม่ไกล คือลำดับที่ 177 เป็นของคนไทยอีกเช่นกัน นั่นคือเสี่ยเจริญ สิริวัฒนภักดี แห่งไทยเบฟเวอเรจ