ThaiPublica > คอลัมน์ > 7 ซีรีส์เกาหลีที่เราไม่อยากให้พลาด

7 ซีรีส์เกาหลีที่เราไม่อยากให้พลาด

31 ธันวาคม 2022


1721955

ถือเป็นธรรมเนียมท้ายปีแล้วกัน ในการเก็บตกซีรีส์ดีดีในปีที่ผ่านมา ซีรีส์เหล่านี้บางเรื่องไม่ได้ดังมาก แต่ผู้เขียนค่อนข้างจะชอบเป็นการส่วนตัว เลยขออนุญาตจัดอันดับ 7 เรื่องที่ไม่อยากให้พลาด ที่แม้ในบรรดานี้อาจจะมีวิธีเล่าแปลกไปจากเคดราม่าเรื่องสนุก ๆ ทั่วไปบ้าง หรือบางเรื่องถึงกับเปิดเรื่องมาค่อนข้างน่าเบื่อไปเลยก็มี แต่ทุกเรื่องล้วนมีประเด็นที่แข็งแรง และด้วยความประหลาดต่างไปจากซีรีส์เกาเรื่องอื่น ๆ ก็อาจทำให้คนดูมองข้ามไป รวมถึงตอนท้ายยังมีอีก 6 เรื่องน่าจับตามองสุด ๆ ที่จะลงจอปี 2023 นี้…..และ 7 อันดับซีรีส์ไม่ดังมาก แต่เราไม่อยากให้คุณพลาดจริง ๆ คือ

7.One Ordinary Day

https://youtu.be/5V00QPrBcEk

แม้จะเป็นซีรีส์ปลายปีที่แล้ว แต่จะน่าเสียดายมากถ้าไม่รวมเข้ามาในลิสต์นี้ One Ordinary Day เป็นซีรีส์เรื่องแรกประเดิมแพลตฟอร์ม คูปัง อีคอมเมิร์ชใหม่ของเกาหลีที่จดทะเบียนในอเมริกา ดังนั้นข้อดีอย่างหนึ่งคือ มีความโจ๋งครึ่มมากกว่า เพราะไม่ต้องผ่านการออนแอร์ทางทีวี แล้วก็น่าสนใจมากว่าทางช่องเลือกผลงานแรกด้วยซีรีส์เรื่องนี้ที่นับเป็นการดัดแปลง ต่อจากเวอร์ชั่นมินิซีรีส์ของเอชบีโอ ในเรื่อง The Night of (2016) เจ้าของ 5 รางวัลเอ็มมี่ที่ดัดแปลงมาจากต้นฉบับซีซั่นแรกของซีรีส์อังกฤษ Criminal Justice (2008) ที่คว้าเอ็มมี่ซีรีส์นานาชาติ และอีก 2 สาขารางวัลบริติช อะคาเดมี่ กับอีก 3 รางวัลจากสมาคมรอยัล เทเลวิชั่น ซึ่งซีรีส์นี้ยังมีฉบับอินเดียในปี 2019 ที่สร้างออกมาแล้ว 3 ซีซั่น และล่าสุดในฉบับฝรั่งเศส Une Si Longue Nuit หรือ A Really Long Night (2022)

ความน่าสนใจของฉบับเกาหลีคือส่วนผสมระหว่างเวอร์ชั่นอังกฤษ ที่เน้นการต่อสู้กันในชั้นศาล กับแบบอเมริกันที่เน้นความสัมพันธ์ระหว่างทนายกับลูกความ (แต่ตัดประเด็นเชื้อชาติและศาสนาที่เป็นส่วนที่เยี่ยมยอดมาก ๆ ของฉบับอเมริกันออกไป) และเติมการถูกเล่นข่าวในสไตล์เกาหลีที่ดราม่าชาวเนตสามารถชี้เป็นชี้ตายและป้ายสีคนบริสุทธิ์ให้ชั่วร้ายได้พอ ๆ กับในศาลเลยทีเดียว รวมถึงชีวิตในคุกที่เล่าค่อนข้างจะต่างจากทุกเวอร์ชั่น และแน่นอนว่าดราม่าแบบซีรีส์เกา ไปจนถึงตอนจบที่ดูจะมีตัวฆาตกรที่ชัดเจนกว่าทุกเวอร์ชั่น ได้พระเอกหนุ่มหล่อที่เข้าถึงบทบาทได้แบบไม่มีความหวงตัวเลยอย่าง คิมซูฮย็อน (It’s Okay to Not Be Okay และบทโทมินจุน มนุษย์ต่างดาวของยัยตัวร้ายจาก My Love From the Star) มาประกบกับบททนายลีลาป่วนอย่าง ชาซึงวอน (A Korean Odyssey และหนังกวาดรายได้ Sinkhole)

ตัวเรื่องเล่าถึงนักศึกษาหนุ่มอนาคตไกลที่ชีวิตต้องมาพลิกผัน เพราะวันไนท์สแตนด์กับหญิงแปลกหน้าที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน แต่พอวันรุ่งขึ้นเขากลับพบว่าเธอถูกฆาตกรรม อันนำเขาไปสู่การไต่สวนอย่างเข้มข้นในศาล และลงเอยด้วยการเข้าคุก ทั้งที่ปราศจากแรงจูงใจและไม่มีหลักฐานพิสูจน์ได้ว่าเขาเป็นฆาตกร ตัวซีรีส์จบลงด้วยท่าทีเหมือนจะมีซีซั่นสอง เมื่อมีตัวละครใหม่โผล่มาในตอนจบ ที่แสดงโดย คิมยูจุง จาก Love in the Moonlight ที่ถ้ามีซีซั่นสองจริง ตัวละครนี้คือจำเลยที่ถูกกล่าวหาว่าฆ่าสามีตัวเอง

6.King of Pigs

https://youtu.be/XXd_WNcTZCM

นี่เป็นซีรีส์ลำดับที่9 ที่แพล็ตฟอร์มสตรีมมิ่ง TVING ลงทุนสร้าง หลังจากที่ผ่าน ๆ มาค่อนข้างลุ่ม ๆ ดอน ๆ ก่อนจะมาเปรี้ยงบ้างใน Yumi’s Cells อย่างไรก็ตามตัวเลือกของแพล็ตฟอร์มนี้ค่อนข้างแปลกต่างจากพวกค่ายทีวีพอควร อย่างใน King of Pigs เป็นการดัดแปลงจากแอนิเมชั่นชื่อดังชื่อเดียวกันที่เคยไปเปิดตัวที่คานส์มาแล้วในสาย Director’s Fortnight เมื่อปี 2011 ที่ฉบับแอนิเมชั่นนั้นกำกับ เขียนบท ตัดต่อ เขียนสตอรีบอร์ด ออกแบบตัวละคร คีย์แอนิเมชั่น และออกแบบฉาก โดย ยอนซานโฮ ที่ต่อมาเขาจะโด่งดังสุด ๆ จาก Train to Busan (2016)

อย่างไรก็ตามหากใครเคยดูฉบับหนังใหญ่ ฉบับซีรีส์นี้แตกต่างกันอยู่หลายส่วน กล่าวคือแม้จะหยิบเหตุการณ์ในฉบับแอนิเมชั่นมาใช้เป็นแบ็คกราวน์ดเหมือนกันก็จริง แต่ในส่วนของเหตุการณ์ปัจจุบันเหมือนเป็นอีกจักรวาลหนึ่ง สิ่งที่เหมือนกันคือทั้งสองฉบับเปิดเรื่องเมื่อมีเหตุฆาตกรรมเกิดขึ้น ขณะที่ในฉบับแอนิเมชั่นไปทางดราม่าหนักหน่วงกว่าและกล่าวถึงเพื่อนสนิทของตัวฆาตกรรายนี้เป็นนักเขียนตกอับ แต่ในฉบับซีรีส์บทของจองซุก (ซีรีส์ Kingdom ทั้งสองภาค) เป็นตำรวจ ดังนั้นฉบับซีรีส์คือเรื่องราวของตำรวจพยายามไล่ล่าฆาตกรที่เป็นเพื่อนสนิทในอดีตของตัวเอง ไปพร้อม ๆ กับการค่อย ๆ เล่าคู่ขนานกันไประหว่างเหตุการณ์ปัจจุบันและอดีตอันซับซ้อนซ่อนปมขึ้นเรื่อย ๆ

5.Rose Mansion

https://youtu.be/IWcqJE-nOXc

พอรู้ว่าซีรีส์นี้จะกำกับโดย ชาง ผู้เขียนค่อนข้างจะคาดหวังอยู่มาก เพราะนี่จะกลายเป็นซีรีส์เรื่องแรกที่เขากำกับ ที่ผ่านมาเขากำกับหนังแค่ 3 เรื่อง หนึ่งในนั้นคือ Death Bell (2008) หนังฆาตกรรมนักเรียนหัวกะทิยกห้อง ที่เล่าได้ดีมากสำหรับหนังในยุคนั้น จนต้องมีภาคสองแต่กำกับโดยคนอื่น

Rose Mansion เปิดเรื่องมาที่คู่พี่น้องผู้หญิงทั้งคู่ที่ดูเหมือนจะรักกันมาก แต่จริง ๆ ตัวน้องสาว(อิมจียอน ตัวร้ายจาก The Glory และนางเอกสุดเซ็กซี่จากหนัง Obsessed) ค่อนข้างจะมีปมที่รู้สึกว่าพ่อรักพี่สาวเธอมากกว่า ตัวน้องทำงานอยู่ปูซาน เมื่อกลับมาที่โซลก็พบว่าพี่สาวไม่อยู่ และเธอมีความกังวลบางอย่างว่าพี่สาวจะถูกลักพาตัว ตรงนี้ทำให้ตำรวจที่รับผิดชอบคดีนี้ (ยุนคยุงซัง จาก Class of Lies และ Clean With Passion For Now) เข้ามามีส่วนพัวพันและช่วยนางเอกสืบคดี

แน่นอนว่าความสนุกของเรื่องนี้คือการหักมุม แต่กลวิธีการเล่าไม่ได้ตื่นเต้นโฉ่งฉ่างอย่างแนวแอ็คชั่นสืบสวนทั่วไป แล้วตัวบทเองก็เหมือนพาไปเจอกองข้อมูลขนาดใหญ่ ก่อนที่จะค่อย ๆ หย่อนกุญแจสำคัญที่พลิกไปจากเรื่องลักพาตัวไปสู่อีกปมที่ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นคดีที่พลิกไปพลิกมาจนแม้อีพีสุดท้ายกว่าที่เราจะรู้ว่าคนร้ายตัวจริงคือใคร ก็เมื่อวินาทีสุดท้ายของซีรีส์จริง ๆ แถมทำท่าทิ้งปมไว้ว่าคดีนี้น่าจะเป็นแค่เสี้ยวเดียวของเหตุการณ์ใหญ่ที่คงต้องลุ้นว่าจะมีซีซั่นสองต่อหรือไม่

4.Anna

https://youtu.be/IWcqJE-nOXc

เป็นซีรีส์ที่เปิดเรื่องมาอย่างหวือหวา จนแอบกังวลว่าเรื่องที่นำเสนอเกี่ยวกับความทะเยอะทะยาน จะพาให้ทะเยอทะยานไปจนเกินเบอร์ แต่ผิดคาด ซีรีส์พยายามรักษาความกลมกล่อม พอดี ในระดับที่สามารถเป็นจริงได้ในชีวิตของใครสักคน

ซีรีส์นี้ดัดแปลงจากนิยายชื่อดัง ที่กำกับโดยผู้กำกับที่เคยมีผลงานหนังมาแค่เรื่องเดียวคือ A Single Rider (2017) โดยที่ทั้งเรื่องนั้น และ ANNA กำลังเล่าถึงมนุษย์คนหนึ่งที่มีโลกสองใบ และพยายามหนีจากอดีตอันผิดพลาดของตัวเอง ยูมี (แบซูซี อดีตวง Miss A จากซีรีส์ Start-Up และ Vagabond) เริ่มต้นจากการโกหกเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปสู่การขโมยตัวตนของคนอื่นกลายมาเป็นแอนนาที่เธอต้องพยายามทุกอย่างไม่ให้ความจริงนี้ถูกเปิดเผย

จริง ๆ สิ่งที่มีในฉบับนิยายและไม่มีในฉบับซีรีส์คือแบคกราวด์ของสภาพบ้านเมืองในยุค 80 อันเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านจากรัฐบาลเผด็จการทหารไปสู่การพยายามอย่างหนักในการสร้างชาติของเกาหลี ที่นิยายเปรียบเทียบกับการละทิ้งตัวตนในอดีต แล้วสังคมเองก็ผลักดันให้ผู้คนต้องทะเยอทะยานไปจากชนชั้นของตนเอง อย่างที่ยูมีพยายามจะเรียนบัลเลต์ทั้งที่ครอบครัวยากจน ไปจนถึงหลอกพ่อแม่ว่าเรียนติดมหาวิทยาลัยชื่อดังทั้งที่เธอไม่มีความสามารถขนาดนั้น

อย่างไรก็ตามซีรีส์นี้ก็ทดแทนด้วยวิธีการเล่าที่ไม่ได้พาตัวละครลงเหวไปมากนัก จนพลิกกลับมากลายเป็นความเอาใจช่วย แอนนา ว่าเธอจะหนีรอดจากสถานการณ์ที่เขม็งเกลียวขึ้นทุกทีได้อย่างไร แล้วศัตรูสุดท้ายของเธอไม่ใช่ผู้หญิงด้วยกันเอง แต่คือความชายเป็นใหญ่ที่มาในหลายรูปลักษณ์ ทั้งครูสมัยมัธยม แฟนหนุ่มต่างคณะ จนถึงสามีในคราบนักการเมืองคนดี

3.A Model Family

https://youtu.be/N7pPc7CGivc

เป็นซีรีส์ที่มีกลิ่นตลกร้ายแบบหนังเควนติน ทารันติโน อย่างชัดเจน แล้วก็ดันทำถึงเสียด้วย ที่เสียดสีตั้งแต่ชื่อเรื่องถึงความเป็นครอบครัวตัวอย่าง ที่ฉากหน้าเหมือนจะเป็นครอบครัวชีวีมีสุข พ่อเป็นอาจารย์พิเศษในมหาลัย แม่เป็นแม่บ้านแสนดีกับลูก ๆ วัยน่ารักชายหนึ่งหญิงหนึ่ง แต่แท้จริงบ้านนี้กำลังจะพังทลาย ด้วยข้ออ้างที่ฝ่ายเมียกำลังจะขอหย่าว่าฝ่ายผัวของเธอไม่มีปัญญาจะทำมาหาเลี้ยงครอบครัวได้ เพราะลำพังเงินเดือนอาจารย์ต๊อกต๋อยไม่พอยาไส้จุนเจือลูก ๆ ที่กำลังจะโตวันโตคืนได้ แล้วจุดพลิกผันของเรื่องก็เกิดขึ้นเมื่อตัวผัวดันไปเจอรถคันหนึ่งที่มีเงินอัดอยู่เต็มกระเป๋า ส่วนคนขับก็ดันมาตายกลางทุ่งที่หันไปไหนก็ไม่เห็นคน เมื่อสบโอกาสเขาจึงฉกเงินก้อนนั้นไป โดยหารู้ไม่ว่ามันจะตามมาด้วยปัญหาที่รุนแรงจนยากจะแก้ไข

นี่คือซีรีส์ผนึกกำลังกันระหว่างสองผู้กำกับที่มีผลงานยอดเยี่ยมทั้งคู่ หนึ่งคือ คิมจินวู จาก Good Doctor (2013) ซีรีส์เกาหลีเรื่องแรกที่ถูกฝั่งอเมริกานำไปดัดแปลง ส่วนอีกคนคือ พัคยูยอง หนึ่งในผู้กำกับร่วมจากซีรีส์ซอมบี้สุดระทึก Kingdom นั่นเอง แถมยังได้นักแสดงตัวตึงอย่าง จุงวู (Reply 1994) กับ พัคฮีซุน (My Name) และ คิมจูฮุน (Big Mouth) ที่ใครชอบแนวหักเหลี่ยมโหดไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

2.Lost

https://youtu.be/Azrmfp5iV-w

บอกตรง ๆ เลยว่าเป็นซีรีส์ที่เปิดฉากมาน่าเบื่อมาก ถ้าวัดด้วยมาตรฐานซีรีส์เกาหลีทั่วไป แถมยังมีวิธีเล่างุนงงสับสนอย่างยิ่ง มีภาษาของตัวเองที่พอดูไปเรื่อย ๆ กลับกลายเป็นว่านี่คือผลงานที่พิเศษจริง ๆ เพราะมันถูกทำมาในวาระครอบรอบ 10 ปีช่อง JTBC แล้วก็ไม่แปลกใจ เพราะนี่คือซีรีส์เรื่องแรกและเรื่องเดียวของ เฮอร์จินโฮ (Christmas in August, One Fine Spring Day และ April Snow) ตำนานผู้พลิกโฉมวงการหนังเกาหลีไปตลอดกาล แถมยังได้มือเขียนบทจากหนังรักสุดติสต์ Architecture 101 (2012) และมีดาราดาวดังระดับหนังคานส์ที่ฝีมือไม่เคยตกเลยอย่าง จอนโดยอน The Harmonium in My Memory (1999) Happy End (1999) Secret Sunshine (2007) The Housemaid (2010) และนักแสดงหนุ่มฝีมือดี รยูจุนยอล ที่กวาดรางวัลนักแสดงดาวรุ่งมาแล้วทั้งจากหนัง The King (2017) และซีรีส์ Reply 1988 (2015)

มองเผิน ๆ นี่คือพล็อตน้ำเน่าแสนคลาสสิก ตัวละครคุณป้าแม่บ้านชีวิตพัง มาพบเจอกับไอ้หนุ่มมาดดีแต่ห่วยบรมและเป็นผู้ชายนั่งดริงค์ แต่เมื่อมันมาอยู่ในมือของผู้กำกับและนักแสดงยอดฝีมือระดับนี้ ผลลัพธ์ย่อมออกมาไม่ธรรมดา เมื่อซีรีส์เริ่มเล่าในเวลาปัจจุบัน แล้วค่อย ๆ แกะอดีตออกมากางให้คนดูเห็นที่ละชิ้นทีละส่วน ที่มันถูกประกอบสร้างกลายเป็นพวกเขาในปัจจุบัน อะไรที่ทำให้คนสองคนถูกผลักให้อนาคตมืดมน ที่เต็มไปด้วยระหว่างบรรทัดที่สะท้อนสภาพปัจจุบันของเกาหลีในช่วงสิบปีที่ผ่านมา ที่ฉากหน้าดูรุ่งโรจน์สดใส แต่เต็มไปด้วยความหวั่นไหวของประชาชนที่มองไม่เห็นอนาคต ที่ถ่างเอาช่องว่างระหว่างคนรุ่งกับคนร่วงกว้างจนผู้คนอยากจะกัดปากตกลงไปในหลุมลึกมากขึ้นทุกวัน

1.Weak Hero Class 1.

https://youtu.be/Y1kiQzQGVEo

สารภาพเลยว่าตอนแรกที่ดูเรื่องนี้ผู้เขียนไม่ได้คาดหวังอะไรเลย ดูไปแกน ๆ ฆ่าเวลาไปงั้น ๆ แต่กลายเป็นว่าพอดูจบคือร้องไห้หนักมาก แล้วพอมาจัดอันดับก็ไม่สามารถจะไม่ยกอันดับหนึ่งให้กับเรื่องนี้ได้เลย มันเต็มไปด้วยคำถามว่าอะไรที่ทำให้ผู้คนพังทลายได้ขนาดนี้ จากเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ดูงี่เง่าในแบบผู้ชายแมน ๆ ที่คนแข็งแกร่งกว่าชอบบูลลี่คนอ่อนแอกว่า ที่ผู้เขียนก็ยังงงว่าทำไมคนสมัยนี้ยังทำเรื่องง่อย ๆ แบบนี้ใส่กันอยู่อีก แถมมันยังป่าเถื่อนมากขึ้นกว่าเดิม ทั้งที่โลกพัฒนาไปไกลจากสมัยมนุษย์ถ้ำมาเยอะแล้ว และไม่ได้เกิดแค่ในเกาหลี แต่เกิดกับผู้คนทั่วโลก แล้วบอกอย่างไม่อายเลยว่าผู้เขียนก็เคยโดน จนเรียนมหาวิทยาลัยชื่อดังอย่างรั้วสีชมพูก็ไม่คิดว่าจะมีคนห่วย ๆ ประเภทนี้ แต่มันก็มีจริง ๆ

ดัดแปลงจากเว็บตูนชื่อดังที่มีหลายภาค อันที่จริงเรื่องมันเหมือนพาพระเอกไปผ่านโรงเรียนที่มีระดับความโหดมากขึ้นเรื่อย ๆ และนี่อยู่ในช่วงต้น ๆ ของเว็บตูน โดยที่คนที่เคยอ่านเว็บตูนหลายเสียงบ่นว่าเล่าเรื่องไม่ตรงตามต้นฉบับ แต่อีกส่วนก็บอกว่าดีแล้วและเป็นการปรับที่กล้าหาญมาก คือสามารถรวบรัดเหตุการณ์และพัฒนาความสัมพันธ์ของตัวละครออกมาได้ในแบบกระชับ สนุก และลุ้นระทึก
เด็กมัธยมสามคน (พัคจีฮุน อดีตวงบอยแบนด์ Wanna One, ชเวฮยอนวุค จากซีรีส์ Twenty Five Twenty One และฮองคยอง จากซีรีส์ D.P.) ที่ต้องผ่านด่านทดสอบการถูกบูลลี่อันรุนแรงในโรงเรียน พล็อตมีแค่นี้เลย แต่ส่วนที่ทำให้เรื่องนี้โดนใจเอามาก ๆ คือการผูกปมความสัมพันธ์ที่พลิกจากเพื่อนรักกลายเป็นเพื่อนแค้น และพาเรื่องไปสู่จุดที่ทุกตัวละครต่างพังทลายอย่างแสนสาหัส

6 ซีรีส์น่าจับตามองในปี 2023

1.Crash Course in Romance https://youtu.be/e2cysr7nKq4

ซีรีส์ล่าสุดจากผู้กำกับ Hometown Cha-Cha-Cha (2021) ที่กำลังจะออนแอร์วันที่ 14 มกราคมนี้แล้ว แถมได้มือเขียนบทจาก Weightlifting Fairy Kim Bok-Joo (2016) กับ Once Again (2020) แถมยังได้ จอนโดยอน มาประกบคู่กับ จุงเคียงโฮ (Hospital Playlist)

สาวโลกสวยกับหนุ่มแง่ลบ คุณป้าแม่บ้านเจ้าของร้านข้าวแกงผู้เป็นอดีตนักกีฬาทีมชาติ คิดหวนกลับสู่การเรียนในวัย 40 มาเจอกับครูหนุ่มปากแจ๋ว แต่มีชื่อเสียงโด่งดัง และเต็มไปด้วยเกราะป้องกันตัวทำให้เขาเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย แต่เกราะอันแน่นหนานั้นก็มีอันพังยับเยิน

Oasis

ซีรีส์ล่าสุดของหนุ่มหน้าสวย จางดองยุน (The Tale of Nokdu) ที่หลังจากมีดราม่า Joseon Exorcist ที่พับกระดานไปหลังจากออนแอร์ไปแค่สองตอน เขามีซีรีส์ที่กำลังจะทยอยออกมาให้ดูมากถึง 4 เรื่อง มาเจอกับ โซลอินอา (พระสนมแห่ง Mr.Queen)
ซีรีส์จะเล่าเหตุการณ์ในช่วงยุค80s-90s เรื่องราวความฝัน มิตรภาพ และความรักของหนุ่มสาวสามคน จางดองยุนจะแสดงเป็นหนุ่มมัธยมปลายยากจนคนบ้านนอกแต่ฉลาดและใจดี มาตกหลุมรักนางเอกที่ย้ายมาจากโซลและพัวพันกับคดีที่พลิกชีวิตเธอ เขาตกหลุมรักเธอ แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ส่งสัญญาณตอบรับรักนั้นแต่อย่างใด

Happiness Battle

ดัดแปลงจากนิยายขายดี ในบ้านเราใช้ชื่อ ความสุขนั้นขอฉันเถอะนะ เป็นเรื่องของ จังมีโฮ (อีเอล จาก When the Devil Calls Your Name) และเซคยอง (จินซอยุน จากซีรีส์ One the Woman) พบว่าเพื่อนสนิทเมื่อ 17 ปีก่อนฆ่าตัวตายไปแล้ว ถูกพบศพอยู่บนระเบียงอพารต์เมนต์ ยิ่งพวกเธอค้นหาความจริงก็ยิ่งตีแผ่ความวายป่วงของเหล่าคุณแม่ ภรรยา และครอบครัวแสนเพียบพร้อม และความจริงที่ว่า เราไม่จำเป็นต้องมีความสุขมากขึ้น ขอแค่ทำลายความสุขของคนอื่นได้ก็พอ

Gyeongseong Creature

เป็นการจับคู่กันที่ทั้งโลกต่างตั้งตาคอย พัคเซรอย เอ๊ย พัคซอจุน จาก Itaewon Class มาเจอกับทีมเมียน้อย ฮันโซฮี จาก The World of the Married ที่เล่าเหตุการณ์หลังสงครามโลก หลังญี่ปุ่นพ่ายสงคราม และเกาหลียังกำลังจะเปลี่ยนผ่านจากอาณัติของญี่ปุ่นไปสู่อเมริกา และโซลสมัยนั้นยังถูกเรียกว่าง คยองซอง ที่จู่ ๆ ก็เกิดสัตว์ประหลาดหลายสายพันธุ์บุกเข้าถล่มเมือง (ส่วนตัวเข้าใจว่าเป็นภาพแทนช่วงแบ่งแยกเหนือใต้ระหว่างคอมมิวนิสต์และเสรีประชาธิปไตย โซเวียตจีนกับอเมริกา ก่อนที่ในอีก 5 ปีหลังจากนั้นฝ่ายเหนือจะบุกทำลายฝ่ายใต้เป็นสงครามเกาหลียืดเยื้อไปอีก 3 ปี)

Queen Maker

จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อ 2 ตัวแม่จัดจ้านในย่านนี้ คิมฮีแอ หรืออีแม่ฟาดจาก The World of the Married กับมุนโซรี ที่ฟาดเรียบทุกสาขาการแสดงจากหนัง Three Sisters (2021) มาป๊ะกัน เมื่ออดีตพนักงานกลุ่มบริษัทแชโบลที่ถือครองส่วนแบ่งตลาดยักษ์ใหญ่ ออกมาเข้าพวกกับนักการเมืองฝ่ายตรงข้ามที่ยึดมั่นเรื่องสิทธิมนุษยชน แม้จะมีความเห็นขัดแย้งกัน แต่ทั้งคู่ก็มีเป้าหมายตรงกันคือปั้นให้ฝ่ายหลังกลายเป็นนายกเทศมนตรีหญิงของกรุงโซล

In the Woods With No One

ผลงานกำกับล่าสุดของ โมวอนฮี จากอดีตซีรีส์อันดับหนึ่ง The World of the Married ผู้ขึ้นชื่อเรื่องการดึงนักแสดงยอดฝีมือมาคืนวงการ บอกเล่าเรื่องราวของชายสองคน ซังจุน (ยุนเคซัง จาก The Good Wife, 2016) เปิดโมเต็ลเล็ก ๆ ในพื้นที่ชนบทในช่วงฤดูร้อนปี 2000 และยองฮา (คิมยุนซอกจากหนัง The Chaser, 2008) ซึ่งใช้เงินบำนาญเพียงลำพังในป่าในช่วงฤดูร้อนปี 2021ทั้งสองต่างวัยกันแต่ต้องมาเผชิญสถานการณ์เดียวกัน โดยที่ตอบสนองแตกต่างกัน ผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไร เรื่องย่อมีแค่นี้เลยจริง ๆ แต่นั่นแหละมันน่าจับตามองเพราะฝีมือผู้กำกับล้วน ๆ