ปัณฑพ ตั้งศรีวงศ์ รายงาน

วันที่ 12 พฤศจิกายน 2566 กระทรวงความมั่นคงสาธารณะ โดยสำนักงานตำรวจเมืองเวินโจว มณฑลเจ้อเจียง สาธารณรัฐประชาชนจีน ได้ออกหมายจับชาวจีนโกก้าง 4 คน ในข้อหาเป็นตัวการ ผู้กระทำ และผู้อยู่เบื้องหลังอาชญากรรมหลากหลายประเภทที่เกิดขึ้นในพื้นที่พิเศษหมายเลข 1 เขตปกครองตนเองชนชาติโกก้าง ภาคเหนือของรัฐฉาน โดยเฉพาะในเมืองเล่าก์ก่าย เมืองหลวงของเขตปกครองตนเองโกก้าง อาชญากรรมที่กลุ่มคนเหล่านี้ได้ร่วมกันทำตามที่ระบุไว้ในหมายจับ ประกอบด้วย การฉ้อโกงทางออนไลน์ การลักพาตัว การหลอกลวง หน่วงเหนี่ยวกักขัง ขู่กรรโชกฯลฯ
ผู้ถูกหมายจับทั้ง 4 เป็นคนใน “ตระกูลหมิง”ที่ได้ชื่อว่าเป็นตระกูลผู้มีอิทธิพลมากที่สุดในเขตปกครองตนเองโกก้าง ได้แก่ Ming Xuechang , Ming Guoping หรืออีกชื่อหนึ่งคือ Ming Xiaoping , Ming Julan และ Ming Zhenzhen

Ming Xuechang อายุ 69 ปี เป็นนักธุรกิจ อดีตผู้บริหารเขตปกครองตนเองโกก้าง และเป็นอดีตสมาชิกรัฐสภาเมียนมา จากเขตปกครองตนเองโกก้าง สังกัดพรรคสหสามัคคีและการพัฒนา(USDP : Union Solidarity and Development Party) ซึ่งเป็นพรรคที่ให้การสนับสนุนกองทัพพม่า
The Irrawaddy ระบุว่า Ming Xuechang เป็นเจ้าของ Crouching Tiger Villa แหล่งรวมที่ตั้งของอาชญากรรมฉ้อโกงผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์และบ่อนการพนันออนไลน์ และเป็นสถานที่ซึ่งเพิ่งเกิดเหตุฆาตกรรมหมู่คนงาน ส่วนใหญ่เป็นคนสัญชาติจีนมากกว่า 60 คน ที่พยายามหนีออกจากพื้นที่ เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2566 โดยในกลุ่มผู้ที่ถูกสังหาร มีตำรวจลับของจีน 4 นาย ที่ได้ปลอมตัวเข้าไปสืบข่าวขององค์กรอาชญากรรมเหล่านี้ รวมถึงมีคนงานสัญชาติไทยอีกจำนวนหนึ่งร่วมอยู่ด้วย
ผู้ถูกออกหมายจับอีก 3 คน คือ Ming Guoping หรือ Ming Xiaoping ลูกชายของ Ming Xuechang เป็นผู้นำกองกำลังทหารอาสาประจำหมู่บ้าน Shiyuanzi ในเขตปกครองตนเองโกก้าง , Ming Julan ลูกสาวของ Ming Xuechang และ Ming Zhenzhen หลานสาวของ Ming Xuechang
ทางการจีนประกาศให้เงินรางวัลจำนวน 1-5 แสนหยวน หรือประมาณ 13,700-68,800 ดอลลาร์สหรัฐ แก่ผู้ที่สามารถให้ข้อมูล เบาะแส หรือบอกแหล่งที่ซ่อนแก่เจ้าหน้าที่ จนสามารถจับกุมกลุ่มคนทั้ง 4 ได้

วันที่ 15 พฤศจิกายน 2566 ศาลสูงสุดของเขตปกครองตนเองโกก้างออกหมายจับบุคคลทั้ง 4 ตามหมายจับของทางการจีน
รุ่งขึ้น วันที่ 16 พฤศจิกายน 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจพม่าและร่วมกับตำรวจโกก้างได้บุกเข้าจับกุมบุคคลตามหมายจับได้ 3 คน ในสถานที่แห่งหนึ่งในเมืองเล่าก์ก่าย ได้แก่ Ming Xuechang และ Ming Guoping กับ Ming Zhenzhen ลูกชายและหลานสาวของ Ming Xuechang ส่วน Ming Julan ลูกสาวของ Ming Xuechang สามารถหลบหนีไปได้
The Global New Light of Myanmar สื่อของทางการเมียนมา รายงานว่า ระหว่างการบุกเข้าจับกุมบุคคลทั้ง 3 ตามหมายจับ Ming Xuechang ได้ใช้ปืนพกของตนยิงตัวเองหวังฆ่าตัวตาย ตำรวจรีบส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลประจำเมืองเล่าก์ก่าย แต่ Ming Xuechang ทนพิษบาดแผลไม่ไหว เสียชีวิตระหว่างนำส่งโรงพยาบาล

เวลาประมาณ 13.50 น. ของวันที่ 16 พฤศจิกายน 2566 ตำรวจพม่าควบคุมตัว Ming Guoping กับ Ming Zhenzhen ลูกชายและหลานสาวของ Ming Xuechang ซึ่งถูกจับได้ นำส่งให้กับตำรวจฝ่ายปฏิบัติการพิเศษของจีน ที่จุดผ่านแดนหย่านโหล่งเกง ที่เชื่อมเมืองเล่าก์ก่ายกับเขตปกครองตนเองชนชาติไตและว้า กึ่งม้า จังหวัดหลินชาง ของจีน เพื่อนำตัวกลับไปดำเนินคดีและรับโทษในจีน
ส่วนร่างของ Ming Xuechang ยังถูกเก็บไว้อยู่ที่โรงพยาบาล เนื่องจากทางการจีนต้องการตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมให้ครบถ้วนเสียก่อน…
“ตระกูลหมิง” เป็นตระกูลผู้มีอิทธพลมากที่สุดตระกูลหนึ่งของเขตปกครองตนเองโกก้าง มีรายงานว่า ไม่กี่ปีมานี้ Ming Xuechang ได้ร่วมมือกับกลุ่มอาชญากรชาวจีนที่หนีการจับกุมจากในประเทศจีน หรือพวกจีนเทา มาสร้างเครือข่ายธุรกิจสีเทาในพื้นที่เมืองเล่าก์ก่าย มีทั้งโรงแรม สถานบันเทิง ร้านคาราโอเกะ บ่อนกาสิโน รวมถึงธุรกิจฉ้อโกงผ่านระบบอินเทอร์เน็ต เช่น คอลเซ็นเตอร์ และบ่อนการพนันออนไลน์ จากนั้นขยายธุรกิจต่อไปอีกหลายพื้นที่ตลอดแนวชายแดนรัฐฉาน-จีน ตั้งแต่เมืองหมู่เจ้ เมืองชิงส่วยเหอ ลงไปถึงเมืองป๊อกที่อยู่ในพื้นที่พิเศษหมายเลข 2 เขตปกครองตนเองชนชาติว้า

ธุรกิจสีเทาตามแนวชายแดนรัฐฉาน-จีนเหล่านี้ นำไปสู่อาชญากรรมต่อเนื่องอีกหลายประเภท ทั้งเรื่องการค้ามนุษย์ ยาเสพติด ไปจนถึงการทำร้ายร่างกาย ทรมาน และฆาตกรรม มีการหลอกลวงหญิงสาวหน้าตาดีจากประเทศต่างๆ รวมถึงหญิงไทยหลายร้อยคน ให้ลักลอบเดินทางออกนอกประเทศไปทำงานกับธุรกิจสีเทาในพื้นที่เหล่านี้ โดยใช้ตัวเลขผลตอบแทนสูงมากเป็นสิ่งล่อใจ
ผลประโยชน์จำนวนมหาศาลจากธุรกิจสีเทาที่กระจายอยู่ตามแนวชายแดนรัฐฉาน-จีน ในภาคเหนือของรัฐฉาน ถูกกระจายต่อไปยังผู้นำกองกำลังติดอาวุธชาติพันธุ์หลายกลุ่ม ไม่เว้นแม้กระทั่งผู้นำทหาร ตำรวจพม่า ผู้บริหารเขตปกครองตนเอง และผู้นำกองกำลังพิทักษ์ชายแดน(BGF) ของแต่ละพื้นที่
ปลายปี 2565 ทางการจีนมีนโยบายชัดเจนว่าต้องการกวาดล้างอาชญากรรมที่เกิดขึ้นตามแนวชายแดนให้ราบคาบ จึงได้กดดันฝ่ายความมั่นคงของเมียนมา รวมถึงผู้บริหารของเขตปกครองตนเองหลายแห่ง ให้ปราบปรามธุรกิจสีเทาตามแนวชายแดนรัฐฉาน-จีน อย่างจริงจัง ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2566 เป็นต้นมา เริ่มมีการจับกุมอาชญากรชาวจีนนับพันคนส่งตัวกลับไปดำเนินคดีในจีนหลายระลอก พื้นที่ซึ่งพวกจีนเทาเหล่านี้ถูกจับได้ มีทั้งจากในเมืองป๊อก เขตปกครองตนเองชนชาติว้า เมืองชิงส่วยเหอ เล่าก์ก่าย เขตปกครองตนเองโกก้าง และเมืองหมู่เจ้
การกวาดล้างธุรกิจสีเทาตามแนวชายแดนรัฐฉาน-จีนอย่างเอาจริงเอาจัง เป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้กองกำลังติดอาวุธ 3 กลุ่ม ซึ่งรวมตัวกันในนาม “พันธมิตรภาคเหนือ” นำโดย กองทัพโกก้าง (Myanmar National Democratic Alliance Army : MNDAA) , กองทัพตะอั้ง(Ta’ang National Liberation Army : TNLA) และกองทัพอาระกัน(Arakan Army : AA) ซึ่งมีกำลังพลรวมประมาณ 15,000 นาย ต้องเปิดปฏิบัติการที่ใช้ชื่อว่า “ปฏิบัติการ 1027” ที่เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2566 โดยบุกโจมตีฐานที่มั่นของทหาร ตำรวจพม่า และกองกำลังพิทักษ์ชายแดน หลายจุด หลายเมืองในภาคเหนือของรัฐฉาน ได้แก่ เมืองชิงส่วยเหอ เล่าก์ก่าย หมู่เจ้ ป่างซาย เมืองโก แสนหวี ล่าเสี้ยว จ๊อกแม และหนองเขียว รวมถึงตัดการคมนาคมบนทางหลวงหมายเลข 3 และ 34 ซึ่งเป็นเส้นทางหลักในการขนส่งสินค้าที่จีนและเมียนมาซื้อขายกันผ่านด่านชายแดนหมู่เจ้และชิงส่วยเหอ จนกลายเป็นสงครามยืดเยื้อมาถึงทุกวันนี้
พันธมิตรภาคเหนืออ้างเหตุผลที่ต้องมีปฏิบัติการ 1027 ว่า เพื่อจัดการกับธุรกิจผิดกฏหมาย อาชญากรรมที่กระจายตัวอยู่ในหลายเมืองตลอดแนวชายแดนรัฐฉาน-จีน ซึ่งมีนายทหารระดับสูงของกองทัพพม่าหลายคน ได้รับผลประโยชน์ร่วมอยู่ด้วย จนทำให้กองทัพพม่าไม่สามารถจัดการกับธุรกิจผิดกฏหมายเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตาม แม้เหตุผลที่พันธมิตรภาคเหนือนำมาอ้าง เป็นเรื่องความต้องการกวาดล้างธุรกิจสีเทาตามแนวชายแดนรัฐฉานเหมือนกัน แต่มุมมองของพันธมิตรภาคเหนือ เป็นในทิศทางตรงข้ามกับของกองทัพพม่า?

บ่ายวันพุธที่ 8 พฤศจิกายน 2566 วันหลังเริ่มมีปฏิบัติการ 1027 ไปแล้ว 10 วัน สภาความมั่นคงแห่งชาติเมียนมา หรือ”ก่าโหล่ง” ได้จัดประชุมครั้งที่ 3/2023 ขึ้นที่สำนักงานประธานสภาบริหารแห่งรัฐ(SAC) ในกรุงเนปิดอ เป็นการเรียกประชุมอย่างเร่งด่วนเพื่อพิจารณาสถานการณ์สู้รบรุนแรงซึ่งกำลังดำเนินอยู่ในภาคเหนือของรัฐฉาน
ผู้เข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย อู มิ่นส่วย รักษาการประธานาธิบดี , อู เฮนรี่ วาน เทียว รองประธานาธิบดี , อู ตี่ขุ่นเมียต ประธานสภาผู้แทนราษฎร(Pyithu Hluttaw) , พล.อ.อาวุโส มินอ่องหล่าย ในฐานะผู้บัญชาการทหารสุงสุด กองทัพพม่า , พล.อ.อาวุโส โซวิน รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด , พล.ร.อ.ติ่นอ่องซาน รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม , พล.ท.หย่าปญิ รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย , อู ตานส่วย รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ , พล.ท.ทูนทูนหน่อง รัฐมนตรีกระทรวงกิจการชายแดน
นอกจากนี้ ยังมีผู้รับเชิญพิเศษให้เข้าร่วมประชุมอีก 3 คน ได้แก่ พล.ท.อ่องลินดวย เลขานุการสภาบริหารแห่งรัฐ(SAC) พล.ท.แยวินอู เลขานุการร่วม สภาบริหารแห่งรัฐ และ อู มิ่นส่วย ประธานเขตปกครองตนเองชนชาติโกก้าง
ในที่ประชุม พล.อ.อาวุโส มินอ่องหล่าย ได้อธิบายที่มาของสถานการณ์สู้รบที่เกิดขึ้นในภาคเหนือของรัฐฉานที่เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2566 อย่างละเอียด โดยได้ท้าวความย้อนหลังไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น 14 ปีก่อน ตั้งแต่ครั้งที่มีสงครามใหญ่ระหว่างกองทัพพม่ากับกองทัพโกก้างเมื่อเดือนสิงหาคม 2552
พล.อ.อาวุโส มินอ่องหล่าย บอกว่า สงครามครั้งนั้น เป็นปฏิบัติการปราบปรามขบวนการค้ายาเสพติดและทลายโรงงานผลิตอาวุธที่ตั้งอยู่ในเมืองเล่าก์ก่าย ซึ่งดำเนินการโดย เผิง จาเซิง อดีตประธานเขตปกครองตนเองโกก้าง และผู้บัญชาการกองทัพโกก้าง ในขณะนั้น โดย พล.อ.อาวุโส มินอ่องหล่าย ที่ในตอนนั้นยังครองยศพลโทเป็นผู้นำปฏิบัติการด้วยตัวเอง
พล.อ.อาวุโส มินอ่องหล่าย บอกว่า ช่วงนั้น หลายพื้นที่ในเขตปกครองตนเองโกก้างเป็นแหล่งผลิตยาเสพติดขนาดใหญ่ ตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นมา กองทัพพม่าสามารถจับกุมขบวนการค้าและขนส่งยาเสพติดได้ถึง 82 ครั้ง เป็นการจับกุมและยึดของกลางล๊อตใหญ่ได้ถึง 18 กรณี รวมมูลค่ายาเสพติดที่จับกุมได้สูงถึง 17.59 พันล้านจั๊ต มีผู้ต้องหาที่ถูกจับกุม 140 คน
ผลของสงครามในเดือนสิงหาคม 2552 กองทัพพม่าได้รับชัยชนะ สามารถกวาดล้างการค้ายาเสพติดและการผลิตอาวุธในเขตปกครองตนเองโกก้างลงไปได้ และยังสามารถผลักดันให้เผิง จาเซิงและพวก ต้องลี้ภัยไปต่างประเทศ ส่วนกองทัพโกก้างต้องถอนกำลังออกจากเมืองเล่าก์ก่ายขึ้นไปสร้างฐานที่มั่นอยู่ในเมืองโก ชายแดนรัฐฉาน-จีน ในจังหวัดหมู่เจ้ โดย มีเผิง ต้าซุน ลูกชายของเผิง จาเซิง ขึ้นเป็นผู้บัญชาการแทน แต่เผิง ต้าซุน ยังคงเดินหน้าผลิตยาเสพติด และนำรายได้จากการค้ายาเสพติดมาสร้างความแข็งแกร่งแก่กองทัพของพวกเขา
หลังจากถูกกวาดล้างครั้งใหญ่ไปแล้ว แต่กลุ่มของเผิง จาเซิง และกองทัพโกก้าง ยังต้องการกลับมามีอำนาจในเมืองเล่าก์ก่าย และพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้กลับมาบริหารเขตปกครองตนเองโกก้างอยู่ตลอดเวลา(เผิง จาเซิง เสียชีวิตแล้วเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2565 ปัจจุบัน เผิง ต้าซุน ลูกชายของเขา ได้ขึ้นเป็นผู้นำกองทัพโกก้างต่ออย่างเป็นทางการ)
พล.อ.อาวุโส มินอ่องหล่าย เล่าว่า หลังปี 2560 การค้ายาเสพติดกลับมาคึกคักในเขตปกครองตนเองโกก้างอีกครั้ง ตามมาด้วยกลุ่มอาชญากรชาวจีนที่เคลื่อนย้ายเงินลงทุน ข้ามมาทำธุรกิจผิดกฏหมายหลากหลายประเภทในเมืองเล่าก์ก่าย โดยเฉพาะบ่อนคาสิโน ตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นมา มีการก่อสร้างอาคารสูง 12-13 ชั้นขึ้นหลายแห่ง และเมื่อเกิดการระบาดของโควิด-19 ในปี 2563 บ่อนคาสิโนในเขตปกครองตนเองโกก้างได้แปรสภาพเป็นบ่อนการพนันออนไลน์

ปี 2565 อาชญากรรมฉ้อโกงผ่านทางออนไลน์ “บูม” มากในเขตปกครองตนเองโกก้าง ผู้อยู่เบื้องหลังธุรกิจสีเทาเหล่านี้ คือบรรดาเจ้าของโรงแรมที่เปิดอยู่หลายแห่งในหลายพื้นที่ พล.อ.อาวุโส มินอ่องหล่าย ให้ข้อมูลว่า ในเมืองเล่าก์ก่ายกับชิงส่วยเหอ มีโรงแรมเปิดใหม่ถึง 153 แห่ง ในนี้มีเพียง 12 โรงแรมที่สร้างโดยได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการการลงทุนเมียนมา(MIC : Myanmar Investment Commission) ที่เหลืออีก 141 แห่ง สร้างโดยได้ไฟเขียวจากคณะกรรมการบริหารเมืองเล่าก์ก่าย ไม่ผ่านการพิจารณาจากส่วนกลาง เจ้าของโรงแรมเกือบทุกแห่ง เป็นนักลงทุนจีน
พล.อ.อาวุโส มินอ่องหล่าย บอกว่า รัฐบาลจีนและเมียนมาได้ตกลงจัดตั้งหน่วยเฉพาะกิจขึ้นเพื่อกวาดล้างอาชญากรรมฉ้อโกงทางออนไลน์ที่อยู่ตามแนวชายแดนรัฐฉาน-จีน ช่วงเวลา 1 ปีมานี้ มีการบุกจับแก๊งฉ้อโกงทางออนไลน์ที่เปิดอยู่ตามโรงแรมในเมืองเล่าก์ก่ายและชิงส่วยเหอหลายครั้ง สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ถึง 7,789 คน ผู้ต้องหาที่ถูกจับได้ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างประเทศ ในนี้มีถึง 7,395 คน ที่เป็นชาวจีน ที่เหลือเป็นคนไทย 162 คน มาเลเซีย 32 คน เวียดนาม 18 คน อีก 2 คนเป็นชาวลาว ผู้ต้องหาชาวจีน 6,892 คน ได้ถูกส่งตัวกลับไปดำเนินคดีและรับโทษในจีนแล้ว
การกวาดล้างอาชญากรรมฉ้อโกงทางออนไลน์ตามแนวชายแดนรัฐฉาน-จีนอย่างจริงจัง กดดันให้พันธมิตรภาคเหนือ นำโดยกองทัพโกก้าง ต้องวางแผนเปิดปฏิบัติการ 1027 ขึ้นเพื่อตอบโต้ โดยมีเป้าหมายโจมตีจุดยุทธศาสตร์สำคัญทางเศรษฐกิจร่วมของจีนกับเมียนมา ได้แก่ ด่านการค้าชายแดนในเมืองหมู่เจ้และชิงส่วยเหอ ตลอดจนพื้นที่ตามแนวทางหลวงหมายเลข 3 และ 34 หวังสร้างรอยร้าวให้เกิดขึ้นกับความสัมพันธ์ระหว่างจีนและเมียนมา(อ่านคำชี้แจงโดยละเอียด ของ พล.อ.อาวุโส มินอ่องหล่าย)
……
สถานการณ์ในภาคเหนือของรัฐฉานขณะนี้ยังไม่สงบ วันที่ 12 พฤศจิกายน 2566 กองทัพพม่าได้ประกาศใช้กฏอัยการศึกใน 8 เมือง ในภาคเหนือของรัฐฉาน ได้แก่ หมู่เจ้ น้ำคำ ก๊ตขาย โกงจาน เล่าก์ก่าย กุ๋นโหลง ล่าเสี้ยว และแสนหวี ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่จำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นชาวไทใหญ่ที่ไม่ได้มีส่วนได้เสียใดๆกับความขัดแย้งครั้งนี้ เกิดความหวาดกลัว พากันหาทางหลบหนีออกจากเมืองเพราะเกรงว่ากองทัพพม่าจะใช้อาวุธหนักยิงถล่มเข้ามาในตัวเมือง
วันที่ 17 พฤศจิกายน 2566 ในรายงานข่าวการส่งตัวคนในตระกูลหมิง 2 คน ที่เป็นผู้ต้องหาสำคัญในอาชญากรรมฉ้อโกงทางออนไลน์ในเขตปกครองตนเองโกก้างให้กับตำรวจจีน ที่ สำนักข่าว Tai TV Online สำนักข่าวภาษาไทใหญ่นำเสนอ เนื้อความในช่วงสุดท้ายของข่าว Tai TV Online เขียนไว้ว่า
พันธมิตรภาคเหนืออ้างเหตุผลว่าต้องการกวาดล้างอาชญากรรมฉ้อโกงทางออนไลน์ตามชายแดน ทำให้ต้องบุกยึดพื้นที่สำคัญหลายแห่งในภาคเหนือของรัฐฉานไว้ ถึงตอนนี้ ได้มีการจับกุมผู้ต้องหาคนสำคัญที่สุดที่อยู่เบื้องหลังอาชญากรรมเหล่านี้ได้ และส่งตัวให้กับทางการจีนไปแล้ว
จากนี้ไป คงต้องเฝ้าติดตามดูว่า สถานการณ์สู้รบในภาคเหนือของรัฐฉานจะสงบลงหรือไม่…