ThaiPublica > คอลัมน์ > KAWS:HOLIDAY ปักหมุดครั้งที่ 10 ณ จันดีพรัมบานัน

KAWS:HOLIDAY ปักหมุดครั้งที่ 10 ณ จันดีพรัมบานัน

27 สิงหาคม 2023


1721955

สืบเนื่องมาจากการปักหมุดครั้งล่าสุดอันเป็นครั้งที่ 10 แล้วของโปรเจ็กต์ KAWS:HOLIDAY ที่จะเกิดขึ้นเพียงครึ่งเดือนเท่านั้น คือระหว่างวันที่ 16-31 สิงหาคมนี้ ณ เทวสถานฮินดูโบราณ จันดี(Temple Compounds วัดที่กระจุกตัวเป็นกลุ่ม) พรัมบานัน (Prambanan) มรดกโลกที่ใหญ่รองจากจันดีบรมพุทโธ (Borobudur) ในอินโดนีเซีย

KAWS:HOLIDAY เป็นโปรเจ็กต์ที่เกิดขึ้นจริงได้โดย AllRightsReserved (ARR) อันเป็นสตูดิโอสร้างสรรค์ผลงานในฮ่องกง ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2003 โดย เอส.เค. แลม (IG:@sklamallrightsreserved) ครีเอทีฟไดเร็คเตอร์ และคิวเรเตอร์ชาวฮ่องกง ซึ่งเป็นที่รู้จักในแง่การจัดแสดงผลงานของศิลปินสตรีทอาร์ตร่วมสมัย ในรูปแบบศิลปะจัดวาง (Installation) ขนาดมหึมา

กล่าวคือ ศิลปินจำพวกที่ ARR ทำงานด้วย มักเป็นศิลปินสตรีทอาร์ตร่วมสมัย ที่ผลิตผลงานจำพวกตุ๊กตุ่น ตุ๊กตา ที่เคยถูกตราหน้าว่าเป็นของเด็กเล่นไก่กา หรือบางคนเหยียดด้วยซ้ำว่าไม่ใช่ผลงานทางศิลปะ บ้างก็ว่าเป็นแค่งานออกแบบเพื่อเป็นสินค้า

แต่ ARR คือหนึ่งในผู้ยกระดับ เพิ่มคุณค่าและมูลค่าให้กับผลงานที่ถูกเหยียดเหล่านี้ให้กลายเป็นศิลปะชั้นสูงด้วยการจัดแสดงในขนาดใหญ่ยักษ์ หรือในปริมาณมหาศาล บนหลากหลายพื้นที่อันกว้างใหญ่ไพศาล เพื่อเปิดมุมมองต่าง ๆ ให้ผู้คนตีความ

รวมถึงการจัดประมูลและขายผลงานที่ถูกผลิตมาในจำนวนจำกัดของศิลปินเหล่านั้น รวมถึงบางทีก็ร่วมจัดทำแคมเปญกับแบรนด์แฟชั่น หรือสินค้าดัง ๆ หรือองค์กรหน่วยงานระดับโลก อาทิ

1600 Pandas World Tour เปิดตัวในปี 2008 ที่ฝรั่งเศส โดย องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (WWF) ด้วยผลงานของศิลปินชาวฝรั่งเศส Paulo Grangeon ที่รังสรรค์แพนด้าอันเป็นโลโก้ของ WWF จำนวน 1,600 ตัว อันหมายถึงจำนวนหมีแพนด้าที่หลงเหลืออยู่ในป่าตอนนี้ ผลิตด้วยกระดาษรีไซเคิลนำมาทำเป็นผลงานเปเปอร์มาเช่ในรูปแพนด้าในขนาดต่าง ๆ กัน หลังจากนั้นในปี 2014 พวกเขาก็เริ่มแสดงงานเวิร์ลทัวร์ด้วยการเริ่มต้นที่ฮ่องกง ไปสู่มาเลเซีย เกาหลีใต้ และไทย

Sweet As One เป็นผลงานที่จัดขึ้นภายในนิทรรศการขนมหวานในเมืองเฉิงตู ประเทศจีน ปี 2015 โดยเชิญศิลปินร่วมสมัย 15 คนมาผลิตผลงานจัดวางจำนวน 40 ชิ้น ด้วยขนมสุดแปลกต่าง ๆ จากทั่วโลกกว่า 100 ชนิด และหนึ่งในงานไฮไลท์ที่เป็นแลนด์มาร์คสำคัญของงานนี้คือพื้นพรมที่จัดวางด้วยขนมแบรนด์ดังต่าง ๆ ที่ลวดลายออกแบบโดยศิลปินคู่แองโกล-อเมริกัน Craig & Karl ที่เปิดให้ผู้ชมเข้ามาร่วมกันปูพรมทางเดินแคนดี้ชิ้นนี้

LIGHT ROSE GARDEN HK ริมอ่าววิคตอเรีย ฮ่องกง ปี 2016 โดยหลักแล้วผลงานนี้สร้างสรรค์โดย PANCOM (บริษัทครีเอทีฟเอเจนซี่ของเกาหลีใต้) ซึ่งจัดที่กรุงโซลมาก่อน ARR ร่วมโปรเจ็กต์นี้ในฐานะประสานงานพื้นที่และจัดการติดตั้งผลงานชุดนี้ ในช่วงวาเลนไทน์ที่ประดับประดาด้วยดอกไม้แสงจากไฟแอลอีดีกว่า 25,000 ดอก เพื่อเป็นตัวแทนจุดประกายความรักในทุกรูปแบบ ซึ่งดอกไม้เหล่านี้หลังเสร็จสิ้นงานจะถูกจำหน่ายเพื่อการสนับสนุนด้านการศึกษาให้กับองค์กร Fair Trade ในฮ่องกง

THE TAO OF LAUGHTER นิทรรศการศิลปะของ เหยาหมินจุน ในปี 2012 ณ ห้างฮาร์เบอร์ซิตี้ ฮ่องกง แหล่งช็อปปิ้งของหรูสำคัญ มีการจัดแสดงประติมากรรม “Smiling man” จำนวน 5 ชิ้น และนิทรรศการผลงานซิลค์สกรีนอีกจำนวน 12 ชิ้น

FYI เหยาหมินจุน (ภาพบนซ้าย) ส่วนตัวผู้เขียนเชื่อว่าการจัดแสดงงานในแบบที่ ARR เคยทำเมื่อปี 2012 นี้ ไม่น่าจะทำได้แล้วในฮ่องกงเวลานี้ หลังจากจีนกว้านรื้อนักการเมืองสายต่อต้านออกยกสภาฮ่องกง และสถาปนากฎหมายความมั่นคง(และมั่งคลั่ง) เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2020 ปีโควิด-19 ในช่วงชุลมุนที่ทั้งโลกกำลังวุ่นวาย อ่านเพิ่มเติมที่ลิงค์นี้ https://thaipublica.org/2023/06/pride-month/

ผลงานที่โจ่งแจ้งที่สุดของเหยา คือภาพ Execution ในปี 1995 (ภาพบนขวา) อันเป็นผลงานที่หลายคนตีความว่าหมายถึงเหตุการณ์สังหารหมู่ที่เทียนอันเหมินในปี 1989 อย่างไรก็ตามเหยาปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ในบทสัมภาษณ์กับ CNN เมื่อปี 2007 (ผ่านล่าม) “รูปนี้น่าจะเป็นรูปที่อ่อนไหวที่สุดเท่าที่ผมเคยวาดมา แต่ได้โปรดอย่านำภาพนี้ไปเปรียบเทียบกับเหตุการณ์เทียนอันเหมินเลย เพราะผมไม่ต้องการให้ทุกคนนึกไปถึง แค่สิ่งเดียวกัน หรือสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง การประหารชีวิตไม่ใช่เกิดขึ้นเฉพาะแต่ในเทียนอันเหมินเท่านั้น ผู้คนไม่ควรเชื่อมโยงภาพนี้กับเทียนอันเหมิน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเทียนอันเหมินเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาให้ผมวาดภาพนี้”

นี่คือผลงานที่ไม่เคยถูกจัดแสดง เนื่องจากเนื้อหาที่มีความสุ่มเสี่ยง เป็นภาพสีน้ำมันขนาด 59.1 นิ้ว × 118.1 นิ้ว ที่เหยาขายให้กับพ่อค้างานศิลปะชาวฮ่องกงในราคา 5,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 175,800 บาท) ต่อมาในปี 1996 นายไซมอน เทรเวอร์ นักการธนาคารเพื่อการลงทุนรายหนึ่งเผอิญไปเห็นภาพนี้เข้าในกรุของแกลอรีแห่งหนึ่งในฮ่องกง จึงขอซื้อมาในราคา 32,200 ดอลลาร์ ด้วยเงื่อนไขว่าห้ามนำออกสู่สาธารณอย่างน้อย 5 ปี นายไซม่อนจึงส่งภาพนี้ไปเก็บไว้ในโกดังที่ลอนดอน จนกระทั่งปี 2007 ภาพนี้ถูกนำมาประมูลขายได้ด้วยราคา 5.9 ล้านดอลลาร์ (ราว 207ล้านกว่าบาท) อันเป็นราคาสูงสุดของผลงานจากศิลปินจีนที่เคยมีการประมูลมาในช่วงนั้น

ทาง Sotheby’s ในลอนดอนผู้จัดประมูลกล่าวว่า “ในบรรดาภาพวาดที่สำคัญที่สุดทางประวัติศาสตร์ผลงานแนวอาวอง-การ์ดของจีนที่เคยมีการประมูลมา” ส่วนไซม่อนขนานนาม เหยา ว่า “เป็นชายผู้กล้าหาญในการวาดภาพสิ่งที่เป็นอันตรายทางการเมือง” ต่อมาภาพนี้ได้รับการเปรียบเทียบกับภาพThe Third of May 1808 ของ โกยา และภาพ The Execution of Emperor Maximilian ของ มาเนต์ อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับสองภาพนี้ที่ลิงค์ https://thaipublica.org/2022/11/impasto-francisco-goya/

อย่างไรก็ตามล่าสุดเมื่อเดือนพฤษภาคมปีนี้ เหยาหมินจุน กลายเป็นประเด็นร้อนในสังคม เมื่อหมู่มวลชาวจีนผู้อ้างตนว่าเป็นคนดีรักชาติ โพสต์ประณามว่าผลงาน “Smiling Man” ของเหยา คือผลงานขายชาติ เสียดสีกองทัพและดูหมิ่นประเทศจีน ผ่านโซเชียลมีเดียจีนอย่าง Weibo, WeChat และ Douyin (TikTok ในจีน)

สาเหตุหลักเกิดจากการแสดงของนักแสดงตลกเดี่ยวไมค์ชาวมาเลเซียชื่อดัง ไนเจล อึ้ง เจ้าของฉายา อังเคิล โรเจอร์ ได้ทำการแสดงจิกกัดว่าจีนเป็นประเทศจอมปลอม ณ สถานที่จัดแสดงเดี่ยวไมค์ชื่อดัง โมเม้นต์เวิร์ล ในแอลเอ ทีนี้ทางการจีนไม่สามารถจัดการอะไรนายอึ้งได้ เนื่องจากนายอึ้งไม่ใช่พลเมืองของจีน และมาเลเซียไม่ใช่เบี้ยล่างของจีน แต่ข่าวนี้กระจายไปทั่วชุมชนเนตติเซ่นสลิ่มจีน กลายเป็นประเด็นรุมสาป ลามไปจนถึงการล่าแม่มดว่าการกระทำทำนองนี้ มีใครอีกบ้าง

เพื่อตอบสนองแฟนสลิ่มชาวจีนผู้โลกสวยไม่เคยรู้เลยว่าจีนทำสี่ทำแปดระกำตำบอนอันใดไว้กับโลกใบนี้ เพียงวันเดียวหลังจากคลิปนายไนเจลระบาด ทางการจีนเลยไปริบเงินจำนวน 14.7 ล้านหยวน(74 ล้านบาทไทย) อันเป็นผลกำไรทั้งปีของ Shanghai Xiaoguo Culture Media Co บริษัทเดี่ยวไมค์อีกแห่งในเซี่ยงไฮ้ ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอันใดเลยกับนายไนเจล แต่สาเหตุเพราะชาวเนตโลกสวยสายกะทิหวานมันข้นคลั่กผู้รักชาติ โพสต์รายงานว่าการแสดงเดี่ยวไมค์ชื่อ House ของนายหลี่เฮ่าซื่อ ของบริษัทดังกล่าวมีการพาดพิงเผด็จการทหารจีน (เหตุการณ์นี้คล้าย เดี่ยว 13 กรณี โน้ต เดี่ยวไมค์แซะลุงตู่ โดยเฉพาะประโยคที่ว่า “ลุงตู่มีจุดแข็งคือหัว จุดอ่อนคือสิ่งที่อยู่ในนั้น” ที่ทำให้สังคมซีกคลั่งลุงออกมารุมสาปโน้ต-อุดม)

แต่ของทางการจีนชั่วร้ายกว่านั้น อ้างว่าที่ต้องริบผลกำไรบริษัทดังกล่าวเพราะ “ทำร้ายสังคม” และจำนวนเงินดังกล่าวเป็น “ผลกำไรที่ผิดกฎหมาย” อันมีผลทำให้บริษัทเดี่ยวไมค์ดังกล่าวถึงกับต้องปิดสาขาในปักกิ่งไปเลย และจากการล่าแม่มดดังกล่าวทำให้ชาวเนตรักชาติจนตาบอดมองไม่เห็นชีวิตคน ได้ลิสต์รายนามศิลปินที่เคยผลิตผลงานแซะรัฐบาลเผด็จการจีน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ เหยาหมินจุน

ข่าวล่าสุดพบว่านายเหยาถูกขับจากคณะกรรมการตัดสินงานศิลปะชื่อดังในกวางโจว และหากย้อนไปถึงบทสัมภาษณ์ของเขาที่ให้ไว้กับนิวยอร์กไทม์ส เมื่อปี 2012 เหยากล่าวว่า “ภาพวาดของผมไม่ได้หัวเราะเยาะใครเลย ภาพทั้งหมดก็แค่ภาพเหมือนตัวผมเอง แต่ผมยอมรับว่าผลงานของผมเป็นการตั้งคำถามถึงความเป็นจริง และรอยยิ้มไม่ได้แปลว่ามีความสุขเสมอไป มันอาจเป็นอย่างอื่นก็ได้…ส่วนเสียงหัวเราะนั้น—ใครก็ตามที่เคยผ่านประสบการณ์เกี่ยวกับชาวจีนในช่วงนี้ ย่อมจะเข้าใจ”

FYI ผลงานศิลปินจีนที่แพงที่สุดในโลก

เมื่อสักครู่เราเพิ่งบอกไปว่าผลงานของ เหยา แพงที่สุดในโลก ในปี 2007 ที่ถูกประมูลไปใช่ไหม จริง ๆ แล้วสถิติล่าสุดถูกทำลายโดยตัวเหยาเอง ในอีกปีเดียวถัดจากนั้น ผลงานของเหยา Gweong-gweong อันหมายถึงเสียงเครื่องบินเจ็ทในสงครามที่ใช้แสดงอวดบริเวณจตุรัสเทียนอันเหมินในช่วงวันชาติจีน แต่แทนที่เครื่องบินรบเหล่านี้จะยิงระเบิดร่วงลงมา กลับเป็นคนใบหน้ายิ้มที่มีหน้าตาเหมือน ๆ ซ้ำ ๆ กัน
ภาพนี้เป็นผลงานในปี 1993 ถูกออกประมูลในปี 2008 โดยบริษัทประมูล Christie ที่ฮ่องกง ถูกประมูลไปในราคา 6.9 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 242 ล้านบาท) ท่ามกลางความนิยมในศิลปะจีนที่ลดน้อยลง แต่กลายเป็นว่าผลงานของเหยาเพียงคนเดียวกลับมีมูลค่าเพิ่มขึ้น

RUBBER DUCK PROJECT: HK TOUR

วกกลับมาที่ผลงานติดตั้งโดย ARR ที่น่าจะเป็นที่รู้จักที่สุด คงหนีไม่พ้น The Rubber Duck เจ้าเปิดยางยักษ์ลอยน้ำที่ สร้างสรรค์โดยศิลปินชาวดัตช์ Florentijn Hofman ในปี 2013 เพื่อการตีความหากว่าเป็ดยางคือเพื่อนผู้ช่วยบำบัดให้ผ่อนคลายขณะอาบน้ำ เปิดยางยักษ์นี้อาจหมายถึงไมตรีที่ส่งไปเยียวยาแกชาวโลกที่ได้พบเห็นมัน

เอส.เค. แลม ผู้ก่อตั้ง ARR กล่าวว่า “ผมไม่ได้มาจากครอบครัวที่ร่ำรวยมากนัก ครอบครัวของผมสอนผมว่า ถ้าคุณคิดว่าบางสิ่งสวยงาม คุณควรอยากให้คนอื่นได้เห็นมันมากขึ้น มันไม่เกี่ยวกับการอวดหรือว่าของสิ่งนั้นจะแพงแค่ไหน แต่เป็นการแบ่งปันเพื่อทำให้โลกนี้ดีขึ้น”

KAWS:HOLIDAY

AAR ร่วมเดินทางกับโปรเจกต์ KAWS: HOLIDAY มาอย่างยาวนานนับตั้งแต่การปรากฏตัวครั้งแรกที่งาน Water Festival ณ ทะเลสาปซอกชน โซล เกาหลีใต้ (2018) และไปต่อยัง หอเกียรติยศเจียงไคเช็ค ไทเป ไต้หวัน (2019), ฮ่องกง (2019), ใกล้ภูเขาไฟฟูจิ ญี่ปุ่น (2019), เมืองโดฮา กาตาร์ (2019), สิงคโปร์ (2021), บริสตอล อังกฤษ (2021), เขาฉางไป่ จี้หลิน จีน (2022), เมลเบิร์น ออสเตรเลีย (2022) และ อินโดนีเซีย (2023) อันเป็นหมุดหมายที่ 10 พอดี

แลม เล่าย้อนให้ฟังว่า “เริ่มแรกเลยผมประทับใจผลงานของ KAWS และให้ความเคารพต่อเขาอย่างมาก เราพบกันที่โปรเจ็กต์ในปี 2007 จนได้มาทำงานร่วมกันในนิทรรศการแรก “KAWS:PassingThrough” ของ COMPANION ที่ฮ่องกงในปี 2010 หลังจากนั้นก็ยาวเลย คงเพราะเรามีรสนิยมคล้าย ๆ กัน นั่นคือเหตุผลที่เราทำงานและเติบโตร่วมกันมานานกว่าสิบปี”

COMPANION หรือ มิตรสหาย เป็นตัวแทนของหนึ่งในตัวละครหลายตัวที่ KAWS นำเสนอ อันเป็นตัวละครลูกผสมสุดแปลกที่มาในรูปลักษณ์คุ้นเคยในวัฒนธรรมสมัยนิยม คล้ายมิคกี้เมาส์ ใบหน้าเป็นหัวกะโหลก แต่ดูน่ารัก บางทีเขาก็มักจะเอามือปิดตาทั้งสองข้างไว้ สิ่งเหล่านี้เปิดโอกาสให้ผู้ชมตีความ ทำไมต้องมิคกี้เมาส์นะ ทำไมต้องหัวกะโหลก ยิ่งเมื่อมันทำท่าทางต่าง ๆ ถูกจัดวางอย่างยิ่งใหญ่ตามสถานที่ต่าง ๆ ยิ่งเปิดมุมมองอันหลากหลายต่อการตีความไม่ว่าแง่ดีหรือร้าย

KAWS คือใคร?

Brian Donnelly เป็นที่รู้จักกันดีในนามศิลปิน KAWS (คอวร์) เป็นศิลปินจากนิวยอร์กที่สร้างชื่อจากการออกแบบของเล่นและเสื้อผ้ารุ่นลิมิเต็ด เขายังเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงระดับโลกซึ่งจัดแสดงตามพิพิธภัณฑ์และหอศิลป์ในระดับสากล งานศิลปะของเขาตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างวิจิตรศิลป์และการพาณิชย์ระดับโลก KAWS ก้าวไปไกลกว่าขอบเขตของตลาดศิลปะพิเศษเพื่อครอบครองตลาดโลกที่ซับซ้อนมากขึ้น

ไบรอัน ดอนเนลลี เกิดในปี 1974 ในเมืองเจอร์ซีย์ซิตี้ รัฐนิวเจอร์ซีย์ เขาสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนทัศนศิลป์ในนิวยอร์ก ซึ่งเขาได้รับปริญญาตรีสาขาวิจิตรศิลป์สาขาภาพประกอบ หลังจากสำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยในปี 1996 เขาได้ทำงานให้กับ Disney ในตำแหน่งนักสร้างแอนิเมชันอิสระ ที่ดิสนีย์ ไบรอัน มีโอกาสวาดภาพพื้นหลังและมีส่วนร่วมในภาพยนตร์ต่าง ๆ เช่น 101 Dalmatians, Daria ฯลฯ

ขณะที่อาศัยอยู่ในเจอร์ซีย์ซิตี้ KAWS เริ่มต้นอาชีพของเขาในฐานะศิลปินกราฟฟิตี้ ในช่วงต้นทศวรรษ 1990 เขาย้ายไปนิวยอร์กซิตี้และเริ่มทำงานโดยเน้นไปที่การลบล้างรูปภาพต่าง ๆ เพื่อวาดเป็นสไตล์ของเขาเองบนที่พักรถบัส โฆษณาในตู้โทรศัพท์ และป้ายโฆษณา ไม่นานหลังจากที่ความอื้อฉาวและความนิยมในผลงานของเขาพุ่งสูงขึ้นอย่างที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน และโฆษณาเหล่านี้ก็เป็นที่ต้องการของสาธารณชนมากขึ้นเรื่อย ๆ

ในช่วงปลายทศวรรษ 1990 KAWS มีโอกาสออกแบบและผลิตของเล่นไวนิลรุ่นลิมิเต็ด ของเล่นเหล่านี้กลายเป็นที่นิยมในชุมชนนักสะสมของเล่นศิลปะระดับโลกทันที ล่าสุด KAWS ได้ออกแบบของเล่นและเสื้อผ้าให้กับบริษัทชื่อดัง เช่น Original Fake, A Bathing Ape, Undercover, Kung Faux, Nike, Vans, Comme des Garcons และ Uniqlo ในช่วงต้นทศวรรษ 2000 เขายังปรับปรุงไอคอนโทรทัศน์และการ์ตูนที่คุ้นเคยมากมาย เช่น ตัวละครจากเดอะซิมป์สันส์ มิกกี้เมาส์ มิชลินแมน สเมิร์ฟ และแม้แต่สพันจ์บ็อบ ให้กลายเป็นภาพวาดและประติมากรรมที่มีชื่อเสียง

เขายังได้รับการยกย่องอย่างสูงจากผลงานภาพวาดสีอะครีลิคและประติมากรรมขนาดใหญ่ ประติมากรรม KAWS ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดชิ้นหนึ่งคือรูปปั้นประดับสีเทาซึ่งมีต้นแบบมาจากมิกกี้เมาส์ ซึ่งใบหน้าถูกบดบังด้วยมือทั้งสองข้าง ภาพนี้ยังรวมอยู่ในบอลลูนสำหรับขบวนพาเหรดวันขอบคุณพระเจ้าของ Macy ปี 2012 ในปี 2013 บริษัทของ KAWS ได้ออกแบบรูปปั้นมนุษย์ดวงจันทร์ของ MTV ใหม่สำหรับรางวัล MTV Video Music Awards ประจำปี 2013

นิทรรศการของพิพิธภัณฑ์ KAWS ประกอบด้วยการแสดงเดี่ยวที่สถาบันวิจิตรศิลป์แห่งเพนซิลเวเนีย, พิพิธภัณฑ์ศิลปะชั้นสูง, พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ และพิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยอัลดริช แกลเลอรีนานาชาติชื่อดังอื่น ๆ ได้แก่ Galerie Perrotin และ Honor Fraser Gallery ผลงานของเขาได้รับการชมในปารีส ลอนดอน เบอร์ลิน และโตเกียว ปัจจุบัน KAWS อาศัยและทำงานในบรูคลิน รัฐนิวยอร์ก

KAWS ให้สัมภาษณ์ว่า “ผมคิดเสมอว่าการซื่อสัตย์กับตัวเองเป็นสิ่งสำคัญ ผมทำงานที่อยากทำ เพราะผมมักจะคิดถึงตอนที่ยังเด็กในห้องนอนในเจอร์ซีย์ซิตี้อยู่เสมอ เหมือนกับว่าโลกของตัวการ์ตูนเหล่านี้เข้ามาในชีวิตของผมได้อย่างไร มันเป็นเพราะนิตยสารการ์ตูนหรือเปล่า? หรือเป็นเพราะพวกงานกราฟิตี้ตามสนามสเก็ตบอร์ดหรือเปล่า? ผมรู้สึกเหมือนว่าผมจะไม่มีวันเติบโตเร็วกว่าของพวกนี้ พวกมันมีอยู่ตลอดเวลา และถูกผลิตใหม่ออกมาป้อนสังคมตลอดเวลา ผมอยากจะสื่อสารบางอย่างกับสิ่งเหล่านี้ ด้วยสิ่งเหล่านี้ สิ่งสำคัญคือต้องไม่ถูกกีดกันหรือกีดกันใครออกไปจากการมีประสบการณ์ด้านศิลปะ ผมต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับตัวการ์ตูนเหล่านั้นและทำงานภายในขอบเขตของมัน ในเวลาเดียวกันผมก็ต้องเรียนรู้เกี่ยวกับโลกแห่งความเป็นจริงควบคู่ไปด้วย

ก่อนจะทิ้งท้ายว่า “ผมสนใจที่จะทำสิ่งดี ๆ และผมไม่สนใจที่จะสร้างกระแสให้กลายเป็นรายได้ให้กับบริษัทแค่อย่างเดียวหรอก”