ThaiPublica > ประเด็นร้อน > เป็นหนี้ต้องมีวันจบ > เป็นหนี้ต้องมีวันจบ (10): จากมีหนี้บัตรเครดิต มาเป็น Fin. Trainer ด้วยโครงการ Fin. ดี Happy Life

เป็นหนี้ต้องมีวันจบ (10): จากมีหนี้บัตรเครดิต มาเป็น Fin. Trainer ด้วยโครงการ Fin. ดี Happy Life

4 สิงหาคม 2023


ซีรีส์ “เป็นหนี้ต้องมีวันจบ” นำเสนอแนวคิด วิธีการแก้ไขปัญหาหนี้ จากผู้เชี่ยวชาญ รวมทั้งประสบการณ์ตรงของลูกหนี้ที่แก้ไขปัญหาหนี้สำเร็จและไม่สำเร็จ ให้กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข เพื่อให้ลูกหนี้ที่ยังมีภาระหนี้มีช่องทาง วิธีการแก้หนี้ มองเห็นทางออก มีความหวัง เพื่อเป็นพลังให้ต่อสู้ชีวิตที่ดีขึ้นในอนาคต ซีรีส์นี้ได้รับการสนับสนุนจากธนาคารแห่งประเทศไทย ด้วยความมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือลูกหนี้ภาคประชาชนครบวงจร

โครงการ Fin. ดี Happy Life!!! เป็นโครงการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ริเริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2562 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปรับพฤติกรรมและสร้างทักษะทางการเงินให้แก่กลุ่มคนวัยทำงาน ซึ่งมีการจัดฝึกอบรมให้กับตัวแทนจากหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อให้ตัวแทนเหล่านั้นกลับไปเป็นวิทยากรทางการเงินประจำหน่วยงาน หรือที่ Fin. Trainer ทำหน้าที่ในการถ่ายทอดความรู้ด้านการวางแผนการเงินและการบริหารจัดการหนี้ รวมถึงการจัดกิจกรรมกระตุ้นพฤติกรรมและติดตามผลของเพื่อนพนักงานในหน่วยงานของตน อันเป็นส่วนหนึ่งในการให้ความรู้ทางการเงิน และสร้างวินัยทางการเงินแก่กลุ่มคนต่าง ๆ

คุณเปิ้ล เป็นบุคคลหนึ่งที่เข้าร่วมฝึกอบรม Fin. Trainer เป็นคอร์สที่เป็นประโยชน์มาก เพราะเธอก็เหมือนคนรุ่น Gen X ทั่วไปที่พอเริ่มทำงาน ก็มีบัตรเครดิต หลายใบด้วย รวมทั้งกู้เพื่อซื้อรถยนต์ คือเป็นมนุษย์เงินเดือนที่คิดว่าพอสิ้นเดือนก็จ่ายหนี้ กระทั่งบริษัทส่งไปอบรมคอร์สนี้ ที่เป็นประโยชน์มาก เป็นคอร์สที่ใช้เวลา 2 วัน มีกิจกรรมต่าง ๆ ให้ทำ ตั้งแต่การตรวจสุขภาพทางการเงิน กิจกรรมเงินหายไปไหน การวางเป้าหมาย คือเกิดมาไม่เคยได้ยิน ไม่เคยรู้ ว่ามันมีวิธีแบบนี้ เป็นประโยชน์มาก อย่างการตรวจสุขภาพทางการเงิน ผลออกมาแย่มาก มีหนี้เกินกว่า 70% หนักมาก จนต้องมานั่งมองว่า เกิดอะไรขึ้น กิจกรรมเงินหายไปไหน ที่ช่วยในการสำรวจตัวเอง ไม่มีใครรู้เท่ากับตัวเราเองว่า เราใช้เงินอย่างไร โดยต้องเริ่มจากการทำบัญชีรายรับรายจ่ายของตัวเองก่อน ซึ่งทำง่าย ๆ ใช้โปรแกรมเอ็กเซล ก็ได้ หรือเดี๋ยวนี้มีแอพพลิเคชั่น ที่คีย์ข้อมูลเข้าไปเท่านั้น แต่ต้องทำเป็นประจำ จะทุกวัน ทุกอาทิตย์ ก็ได้ ซึ่งจะทำให้รู้ว่า เรามีค่าใช้จ่ายอะไรที่ไม่จำเป็น ไม่อย่างนั้นจะไม่รู้เลย อย่างของเปิ้ลจะหมดไปกับค่ากาแฟ ค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นจิปาถะ ไปเที่ยวต่างประเทศด้วยการรูดบัตรแล้วผ่อน 0% เป็นต้น

“เป็นหนี้บัตรเครดิต ไม่เป็นหนี้เสียแต่เงินเดือนออกจะจ่ายได้แค่ขั้นต่ำ เรื่องจ่ายเต็มนี่ไม่มีทางเลย แล้วก็มีผ่อนรถยนต์ โดยไม่รู้ว่าเงินที่จะผ่อนเกินเงินเดือนแล้ว โดยไม่สนใจ พอมาอบรม ผลตรวจสุขภาพทางการเงินแตะ 70-75% เกินแล้ว ในนั้นจะมีคำแนะนำว่า ให้ขายสังหาริมทรัพย์ หรืออสังหาริมทรัพย์เพื่อปิดหนี้ ก็คิดจะขายรถ คิดอยู่ว่ามีความจำเป็นแค่ไหน ถ้าใช้วิธีเดินทางมาทำงานอย่างอื่นได้ แล้วทำให้มีเงินมากขึ้น มีหนี้น้อยลง ก็ควรทำ ก็ตัดสินใจขายรถ”

คุณเปิ้ล บอกว่า หลังจากทำรายรับรายจ่าย แล้วตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกแล้ว สิ่งที่โครงการแนะนำ คือ พอเงินเดือนออก ให้เก็บก่อน จากปกติจะเอาเงินไปปิดหนี้ก่อน ซึ่งไม่ใช่ ต้องเก็บก่อนค่อยจ่ายหนี้ จะเก็บเท่าไหร่แล้วแต่เรา เงินเดือนน้อยก็เก็บน้อย แต่ขอให้เก็บไว้ ห้ามใช้ แล้วทำบัญชีรายรับรายจ่าย แล้วคนที่มีหนี้เกิน 70-75% จะมีคำแนะนำว่า ให้ขายสังหาริมทรัพย์ หรืออสังหาริมทรัพย์เพื่อปิดหนี้ ก็คิดจะขายรถ คิดอยู่ว่ามีความจำเป็นแค่ไหน ถ้าใช้วิธีเดินทางมาทำงานอย่างอื่นได้ แล้วทำให้มีเงินมากขึ้น มีหนี้น้อยลง ก็ควรทำ ก็ตัดสินใจขายรถ แล้วถ้าเงินไม่พอก็ต้องหารายได้เพิ่ม

“คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้คิดว่า ไม่มีเงินก้อนใหญ่มาปิด ก็ปล่อยให้เป็นหนี้ไปเรื่อย ๆ อย่างนี้ไม่ถูกต้อง วิธีการหารายได้เพิ่มก็ได้มาจากโครงการนี้ ตอนนี้มีรายได้เสริมจากการขายของออนไลน์ ขายล็อตเตอรี่ ก็ได้รับคำแนะนำจากโครงการนี้ด้วย”

คุณเปิ้ล บอกว่า…

ด้วยวิธีการที่ได้รับการฝึกอบรมมา ทำให้เธอปลดหนี้ที่มีอยู่ได้ภายใน 1 ปี รวมถึงหนี้ผ่อนรถ ปัจจุบันแม้จะมีบัตรเครดิต 2 ใบ แต่จะจ่ายเต็มจำนวน เพราะจะรู้ลิมิตของตัวเอง คือใช้เงินเป็น และตั้งใจจะไม่เป็นหนี้อีก ไม่มีทาง นอกจากไม่มีหนี้แล้ว ก็มีทรัพย์สินเพิ่ม

แต่ไม่เยอะ เพราะรายได้ที่มีต้องส่งหลานเรียน 2 คน คิดว่า ลงทุนการศึกษาให้เด็ก ๆ รวมทั้งวางแผนการออมเงินไว้ใช้ตอนเกษียณ ตั้งเป้าไว้ 5 ล้านบาท เพราะตอนอายุ 55 ปีก็จะได้เงินจากประกันสังคม และคิดว่าจะใช้เงินประมาณนี้ ไม่ได้ใช้จ่ายเยอะ

“อยากให้เข้าอบรมจริง ๆ เพราะตอนเป็นหนี้มันเหนื่อย พอปลดหนี้ได้ชีวิตมันดี เหมือนคำที่ว่า ชีวิตดี๊ ดี คนละแบบกับตอนเป็นหนี้ที่เหนื่อยมากที่จะต้องหาเงินมาใช้ พอเรามีความรู้ ทั้งเรื่องการปลดหนี้ ทั้งเรื่องการหารายได้เพิ่ม แล้วเอาเงินไปลงทุนได้บ้าง มันมีประโยชน์มากถ้าเรามีความรู้ พยายามทำตามกิจกรรม มีการตั้งเป้า คือต้องมีความตั้งใจก่อน แล้วพยายามทำให้ได้ มีการติดตามตลอดว่า ถึงไหนแล้ว ตรงไหนไม่ประสบความสำเร็จจะทำอย่างไร เรื่องเหล่านี้ทุกคนทำได้ จะทำให้ทุกคนหลุดจากการเป็นหนี้ได้”

หลังจากเข้าคอร์สแล้ว คุณเปิ้ล ก็ได้นำความรู้ที่ได้มาเป็นเทรนเนอร์ให้กับคนในองค์กรที่มีพนักงานไม่มาก ส่วนใหญ่จะเป็นหนี้ที่เกิดจากค่าใช้จ่ายในครอบครัว บางคนไม่มีหนี้ บางคนเก่งเรื่องหุ้น ก็จะมีการพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน รวมทั้งเทรนให้กับเพื่อนบางคนที่ไม่รู้ จ่ายหนี้บัตรเครดิตขั้นต่ำเหมือนกันบ้าง จ่ายช้าบ้าง ก็บอกเพื่อนว่ารู้หรือไม่ว่า จ่ายแบบนี้มีดอกเบี้ยนะ ดอกเบี้ยบัตเครดิตคิดเท่านี้ บัตรกดเงินสดคิดดอกเบี้ยเท่านี้ เอาความรู้จากที่ได้รับฝึกอบรมมาบอก มาคำนวณเป็นตารางให้เห็น รวมถึงพวกที่กู้นอกระบบ ดอกเบี้ยเท่าไหร่ เงินต้นเท่าไหร่ ทุกคนที่กู้นอกระบบจะใช้คืนได้แต่ดอกเบี้ย ไม่สามารถคืนเงินต้นได้เลย ทำตารางเอ็กเซลง่าย ๆ ให้เพื่อน หรือคนในครอบครัวดูว่า ถ้ากู้ที่นี่ ดอกเบี้ยเท่านี้ สอนจากกิจกรรมที่เราไปอบรมมา ทำให้เขาเข้าใจเรื่องระบบการเงินมากขึ้น ตอนนี้ก็ยังสอนอยู่ แต่ก็ขึ้นกับแต่ละคน บางคนสอนแล้วก็ไม่เอา ก็ไม่เป็นไร ไม่ว่ากัน บางคนก็ขอบคุณ

คุณเปิ้ล บอกว่า อยากให้เอาสิ่งเหล่านี้ใส่เข้าไปในการเรียนการสอนของเด็กนักเรียน รวมทั้งในมหาวิทยาลัย เพราะตัวเองเกิดมาไม่เคยรู้เลยว่า เราต้องใช้เงินแบบนี้หรือ ถ้ามีการสอนจะดีมาก อย่างกู้เงินซื้อบ้าน ก็เพิ่งรู้ตอนเข้าฝึกอบรม ว่า บ้านราคา 3 ล้านบาท ดอกเบี้ยที่จ่ายก็ 3 ล้านบาท เกิดมาไม่เคยรู้เลย จึงอยากให้ทุกคนมาอบรมกับธนาคารแห่งประเทศไทย พี่เลี้ยงทุกคนน่ารักมาก พร้อมที่จะให้คำแนะนำ อยากได้เอกสารอะไรก็ได้ มีการให้กระปุกมาเพื่อให้เราไปจัดกิจกรรม ให้สมุดเกี่ยวกับการวางแผนการเงิน สามารถสมัครได้ที่หน้าเว็บไซต์ หรือโทรศัพท์สอบถาม เพราะโครงการนี้จะรับเฉพาะฝ่ายบุคคลเพื่อให้ฝ่ายบุคคลไปสอนคนในบริษัทต่อ