ThaiPublica > คอลัมน์ > จักรวาลคู่ขนาน กูตูร์คอลเลกชันล่าสุดจาก threeASFOUR

จักรวาลคู่ขนาน กูตูร์คอลเลกชันล่าสุดจาก threeASFOUR

8 กรกฎาคม 2023


1721955

งานแฟชั่นกูตูร์ฤดูใบไม้ร่วง 2023 ที่ปารีสเมื่อช่วงต้นกรกฎาคมที่ผ่านมานี้ ท่ามกลาง 26 แบรนด์ดังสุดกู่หรูแพงระยับอย่าง Balenciaga, Jean Paul Gaultier, Giorgio Armani Privé, Iris Van Herpen, Chanel, Christian Dior, Thom Browne, Fendi ฯลฯ มีอยู่แบรนด์หนึ่งที่ดูจะล้ำโลก ต่างดาว ข้ามจักรวาล เหนือกาลเวลา เตะตาจนเราอยากรู้จักพวกเขา และนี่คือ threeASFOUR ด้วยคอลเลกชันกูตูร์ล่าสุดภายใต้ธีม “จักรวาลคู่ขนาน”

Fall 2023 Couture (จากซ้าย) Balenciaga, Jean Paul Gaultier, Giorgio Armani Privé, Iris Van Herpen
Thom Browne https://youtu.be/2V6oWScmW0M
Gaultier by Julien Dossena https://youtu.be/IiIdNugZkvw
Balenciaga https://youtu.be/gDnX2HiWYT0
Iris Van Herpen https://youtu.be/641ieJHsfco
Valentino https://youtu.be/sal1i45wdrw

โอตกูตูร์ / Haute couture

คำฝรั่งเศสที่มีความหมายว่าการเย็บปักขั้นสูง หรือช่างทำเสื้อผ้าชั้นสูง และทุกวันนี้มันมีความหมายโดยรวมเรียกบรรดาแฟชั่นชั้นสูงทั้งหลาย ที่มีไอเดียในการออกแบบวิจิตรบรรจง ละเมียดละไมในการใช้วัสดุเส้นใยพิเศษแปลก และละเอียดลออในการตัดเย็บ ไปจนถึงเทคนิคล้ำๆ สิ่งนี้มีมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 19 เดิมทีมีสมาชิกอย่างเป็นทางการเพียง 16 แบรนด์ ต่อมาก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และมีการจัดแสดงโชว์เป็นประจำทุกปีในปารีสมาจนปัจจุบัน

threeASFOUR

กลุ่มศิลปินสหประชาชาติที่มีส่วนผสมทางการเมืองไม่เข้าพวกกันมากที่สุด แต่กลับมาร่วมกลุ่มกัน ภายใต้คอนเซปต์เพื่อผลักดันขอบเขตความเป็นไปได้ใหม่ๆ ของแวดวงแฟชั่น และใช้ความแตกต่างในการร่วมมือกันบันดาลแฟชั่น สมาชิกปัจจุบันคือ Gabriel Asfour เชื้อสายเลบานอน, Angela Donhauser ผู้เกิดในยุคสหภาพโซเวียต และ Adi Gil จากอิสราเอล (เดิมทีมีอีกหนึ่งคือ Kai Kühne จากเยอรมัน) 3 ศิลปินนิวยอร์เกอร์ภายใต้แบรนด์ threeASFOUR ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2005

จริงๆ พวกเขารวมกลุ่มกันตั้งแต่ปี 1998 ภายใต้ชื่อกลุ่ม ASFOUR และโด่งดังมาจากกระเป๋าทรงกลมสุดล้ำ Circle Bags ที่ถูกผลิตในช่วงปี 2004 สมัยนั้นพวกเขามีสตูดิโอ “Silver Cage (กรงเงิน)” ตั้งอยู่บนถนน Forsyth Street ย่านไชน่าทาวน์ของแมนฮัตตัน ซึ่งศิลปินและภัณฑารักษ์หญิง รอเลนซ์ บอยล์ เคยเอ่ยถึงว่า “สตูดิโอนี้เป็นศูนย์กลางของช่วงเวลาแห่งตำนานที่ไม่เคยถูกบันทึกเอาไว้ในประวัติศาสตร์ย่านดาวน์ทาวน์ของนิวยอร์ก มันคือฟองสบู่ใสแบบยูโทเปียที่มีกลิ่นอายของความกรันจ์ (แนวเพลงอินดี้ร็อกที่ได้รับอิทธิพลจากฮาร์ดคอร์พังก์) พวกเขามาก่อนอินเทอร์เน็ต มาก่อนสมาร์ทโฟน และก่อนการต่อต้านการขานคะแนนอันเป็นตำนานของฟลอริดา และความวุ่นวายของ 9/11 และก่อนการห้ามเต้นรำในสมัย Giuliani”

[การขานคะแนนเลือกตั้งในฟลอริดา เป็นเหตุการณ์ในปี 2000 ในช่วงเวลาการนับคะแนนเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในแถบฟลอริดา ที่เป็นการสู้ศึกระหว่าง จอร์จ ดับเบิลยู บุช กับอัล กอร์ ที่ทำให้ผลคะแนนต่างกันเล็กน้อยจนมีกลุ่มผู้ประท้วงออกมาเรียกร้องให้มีการนับใหม่ และผลคะแนนจากฟลอริดานี้มีผลอย่างมากสำหรับชัยชนะของบุชในปีนั้น แต่ก็ยังเป็นตำนานเล่าขานถึงความไม่โปร่งใสอยู่นั่นเอง เมื่อผู้เชียร์ต่างเสียงแตกเป็นสองฝั่ง] [กฎหมายห้ามเต้นรำ เป็นกฎหมายในสมัยนายกเทศมนตรี รูดี จูลิอานี ที่ใช้เฉพาะในเกย์บาร์ช่วงยุค 60 ในสหรัฐฯ ก่อนจะไปสิ้นสุดในเหตุการณ์ที่สโตนวอลล์ เมื่อวันคืนวันที่ 27 ไปจนถึงรุ่งเช้า 28 มิถุนายน 1969 (อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับสโตนวอลล์ได้ ที่นี่) ขณะที่อเมริกันชนยุค 9/11 ต่างยกย่องว่าเขาเป็นวีรบุรุษในแง่การจัดการต่อเหตุการณ์แถลงข่าวกรณีเครื่องบินชนถล่มตึกเวิร์ลเทรด แต่เกย์ยุค 60 ต่างรู้ซึ้งถึงความร้ายกาจของจูลิอานี]
threeasfour Fall 2012 Ready-to-Wear ‘InSALAAM InSHALLOM’

ครั้งหนึ่งช่างภาพแฟชั่นชื่อดัง Schohaja เคยบอกกับนิตยสาร Vogue ว่า threeASFOUR อาจมีความเป็นกวีน้อยกว่า ASFOUR แต่พวกเขาก็ได้พัฒนาข้อความแห่งสันติภาพระหว่างประเทศหรือระหว่างศาสนามากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ด้วยการใช้เทคนิคใหม่อย่างการพิมพ์ 3 มิติ สำหรับคอลเลกชันและสื่อใหม่เพื่อนำเสนอผลงานของพวกเขา อันเป็นการผสมผสานระหว่างการพัฒนาทางเทคโนโลยี และการส่งเสริมถึงการอยู่ร่วมกันระหว่างเชื้อชาติ ถือเป็นลักษณะเฉพาะของแบรนด์นี้ ซึ่งคอลเลกชันเสื้อผ้าพร้อมสวมใส่ประจำฤดูใบไม้ผลิปี 2012 ‘InSALAAM, InSHALLOM (พระประสงค์ของพระเจ้า-สันติสุข, ความสมบูรณ์, สมานฉันท์)’ ได้ดึงเอามรดกที่รับการส่งทอดต่อมาจากบรรพบุรุษของผู้ก่อตั้งแบรนด์ทั้ง 3 คน มาสร้างเป็นบทสนทนาระหว่างชาวยิว และสัญลักษณ์ภาษาอาหรับได้รับแรงบันดาลใจจากลวดลายของเคฟฟีเยห์ นัยน์ตาปีศาจ ฮัมซา ดาวดาวิด และผ้าคลุมทัลลิต เพื่อสื่อถึงสิ่งที่นักวิจารณ์แฟชั่น Matthew Schneier เรียกว่า ‘นัยสำคัญอันคล้ายคลึงกันของฝ่ายที่สู้รบกัน’

(จากซ้าย) ชายชาวเยเมน, ชายชาวเคิร์ดนิกายยาซิดี, เด็กชายชาวอิหร่าน และชายชาวซาอุดีอาระเบีย
[เคฟฟีเยห์ Keffiyeh, Kufiyya หรือชีมัค (Shemagh) ผ้าโพกหัวแบบดั้งเดิมที่สวมใส่กันเฉพาะผู้ชายในประเทศแถบตะวันออกกลาง พบได้ทั่วไปในพื้นที่แห้งแล้ง เนื่องจากช่วยป้องกันผิวไหม้จากแดด ฝุ่น และทราย]
(จากซ้าย) ชาวศาสนายูดาย, ชาวยิวอาชเคนาซี (ยิวออร์ทอดอกซ์), เด็กชาวยิว
[ผ้าคลุมทัลลิต (tallit) เป็นผ้าคลุมไหล่ทรงสูง ปกติใช้คลุมไหล่ แต่เวลาสวดมนต์จะดึงขึ้นไปคลุมผม ส่วนใหญ่ใช้ในหมู่ผู้เคร่ง]
ดวงตาปีศาจในหลากหลายอารยธรรมโบราณ
[นัยน์ตาปีศาจ evil eye และ hamsa เป็นความเชื่อเรื่องโชคลางที่มีความเก่าแก่ย้อนไปได้ถึงศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสต์ศักราช พบครั้งแรกบนภาชนะของเผ่าคาลดิเชียน บนถ้วยที่เรียกว่า eye-cups ใช้ปกป้องพิษร้าย ไปจนถึงวัฒนธรรมอื่น เช่น ดวงตาฮอรัส ตาของเทพเหยี่ยวที่ใช้ปกป้องหลุมฝังพระศพ และลูกปัดนาซาร์ในวัฒนธรรมชาวตุรกี สเปน เม็กซิโก ไปจนถึงเบงกาลี อาเซอร์ไบจาน ฮินดี เคิร์ด ส่วนฮัมซาเป็นดวงตาที่อยู่กลางมือ สื่อถึงมือที่ปัดเป่าความชั่วร้าย หรือใช้เพื่อหันความชั่วร้ายกลับไปสู่คนที่ทำความชั่วใส่เรา]
(จากซ้าย) ดาวดาวิดบนธงชาติอิสราเอล, โบสถ์ยิวคาร์ลสรูเออ ในเยอรมัน, ประดับบนผนังมัสยิด, กระจกสีโบสถ์คาทอลิก, ยุคหนึ่งเคยเป็นสัญลักษณ์ของพระลักษมีในคัมภีร์ฮินดู
[ดาวดาวิด เป็นดาวหกแฉก หรือในภาษาดั้งเดิมหมายถึง โล่ของดาวิด อันเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวดาวิด กษัตริย์แห่งอิสราเอลในพระคัมภีร์เดิม ที่ใช้ร่วมกันทั้งในอัลกุรอานของชาวมุสลิม และคัมภีร์โทราห์ ของชาวยิว ไปจนพหุวัฒนธรรมอื่นๆ]
threeasfour Fall 2014 Ready-to-Wear ‘Mer Ka Ba’

เนื้อหาทำนองเดียวกันนี้ – ‘การรวมเป็นหนึ่งเดียวทางเรขาคณิตของสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมร่วม’ – ดำเนินต่อไปในฤดูใบไม้ผลิปี 2014 คอลเลกชันที่ชื่อว่า ‘Mer Ka Ba (แสงสว่าง-วิญญาณ-ร่างกาย)’ ได้รับแรงบันดาลใจทางสุนทรียะจากรูปแบบการปูกระเบื้องในโบสถ์ธรรมศาลาชาวยิวและสุเหร่ามุสลิม โดยผสมผสานระหว่างศาสนาคริสต์ ยิว และอิสลาม ปรับแปลงรูปทรงเรขาคณิตให้เป็นรูปแบบที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ‘Mer Ka Ba’ มีความโดดเด่นจากการเปิดตัวชุดเดรสพิมพ์ 3 มิติสองชุดแรกของ ASFOUR ซึ่งสร้างขึ้นโดยความร่วมมือกับบริษัทการพิมพ์ 3 มิติ Materialize และสถาปนิก Bradley Rothenberg ใช้เทคโนโลยีนี้เพื่อสร้างทั้งผ้าและเงาของเสื้อผ้า ‘Mer Ka Ba’ จัดแสดงเดี่ยวที่พิพิธภัณฑ์ชาวยิวในนิวยอร์ก ซึ่งเปิดตัวด้วยรันเวย์โชว์ที่มีวิหารสูง 7 ฟุตที่ออกแบบร่วมกับสถาปนิก Christian Wassmann ขณะจัดแสดงมีการทำพิธีกรรมหักขนมปัง ผสมผสานระหว่างแฟชั่นสุดล้ำและพิธีกรรมโบราณ’

threeasfour SPRING 2021 READY-TO-WEAR ‘Vesica Piscis’

Vesica Pisces – threeASFOUR 2020 from Alex Czetwertynski on Vimeo.

นิตยสารโว้กอธิบายผลงานของพวกเขาว่า “สิ่งที่เราอธิบายไปช่วงก่อนหน้านี้คือผลงานในทศวรรษที่ผ่านมา ต่อจากนี้ลงไปที่เหลือ คือสิ่งที่ threeASFOUR ทำในช่วงทศวรรษล่าสุดอันเกิดขึ้นในช่วงการระบาดของโควิด-19 อันที่จริงก่อนจะเป็นคอลเลกชันปี 2021 นี้”

threeASFOUR ได้ผลิตหน้ากากอนามัยออกขายด้วยการอัปไซเคิลผ้าที่เหลือจากคอลเลกชัน InSALAAM, InSHALLOM ภายใต้คำประกาศว่า “ด้วยสถานการณ์ที่ไม่น่ายินดีนี้ทำให้มนุษยชาติรวมเป็นหนึ่ง”

การมองโลกในมุมบวก ในมุมสมดุลของโลกและธรรมชาติ threeASFOUR นำเสนอคอลเลกชันประติมากรรมของพวกเขาด้วยลวดลายที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรูปทรงเรขาคณิตศักดิ์สิทธิ์ อันเชื่อมโยงกับธรรมชาติและพระเจ้า เสมือนความรู้สึกแห่งเทพไกอา (Gaia) มารดาผู้ให้กำเนิดสรรพสิ่งทั้งปวง และเธอกำลังตัดสินใจว่าถึงเวลาสมควรแก่การโต้ตอบกลับบรรดามวลมนุษย์อันเสื่อมทรามแล้ว คอลเลกชันนี้ของพวกเขาคือบทกวีที่กล่าวถึงโลกของพืช นำเสนอผ่านระบบ ZOOM เกี่ยวกับ Vesica Piscis รูปทรงอัลมอนด์ที่เกิดจากการตัดกันของวงกลมสองวง หรือเรียกอีกอย่างว่าครรภ์แห่งการสร้างสรรค์และดวงตาแห่งฮอรัส และเป็นสัญลักษณ์ของการปกป้อง พลัง และสุขภาพที่ดี threeASFOUR ระบุด้วยว่า “สำหรับความเป็นจริงรูปแบบใหม่ของเรา มันเป็นธีมที่นำเสนอความสมบูรณ์แบบ”

[Vesica Piscis หรือเรขาคณิตศักดิ์สิทธิ์ เป็นการซ้อนทับกันของวงกลมสองวงที่มีรัศมีขนาดเดียวกัน อันเป็นทั้งจุดศูนย์กำเนิดและจุดตัดขัดแย้ง]
threeasfour FALL 2022 COUTURE ‘Ancestors Digital’

ไม่มีการจัดประเภทใดที่มีศักยภาพกว้างพอที่จะถูกรบกวนด้วยเทคโนโลยีมากไปกว่ากูตูร์ ที่เปิดช่องว่างระหว่างการตัดเย็บหรูวิจิตรแบบโบราณไปจนถึงเทคนิคพิสดารล้ำโลก อันเป็นเมตริกที่สร้างขึ้นจากเสื้อผ้าที่ผลิตขึ้นด้วยมือ ซึ่งในปี 2022 threeASFOUR ทั้งสามคนกำลังกระโดดเข้าสู่เกมการฟาดฟันกับแบรนด์หรูอื่นๆ ด้วยคอลเลกชันดิจิทัล ที่ได้รับความร่วมมือจากศิลปิน CG เชื้อสายญี่ปุ่นเยอรมัน Shingo Everard เสื้อผ้าชุดเหล่านี้จะเสนอในรูปแบบ NFT แบบแอนิเมชันโดยความร่วมมือกับ Dressx อันเป็นแพลตฟอร์มชอปปิงแฟชั่นสุดล้ำโลกเอาไว้สวมใส่ในโลกเมตาเวิร์ส

ชุดเหล่านี้ไม่ใช่จะมีอยู่ในโลกดิจิทัลเท่านั้น แต่ยังจับต้องสวมใส่ได้จริง ด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำ โครงสร้างใยโปร่งแสงที่ถูกสังเคราะห์ขึ้นมาใหม่

ผลงานส่วนหนึ่งของ Shingo Everard

อดิ จิล หนึ่งใน threeASFOUR เล่าว่า “สำหรับเรา การทำทั้งสองอย่าง (ทั้งในโลกเสมือนและโลกจริง) เป็นสิ่งสำคัญมาก” threeASFOUR แตกต่างจากแบรนด์อื่น วิสัยทัศน์ของพวกเขาไม่เปลี่ยนแปลงและเปิดรับสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ ความสนใจของทั้งสามคนในเรื่องอารยธรรม เรขาคณิต อวกาศ และสิ่งที่เป็นนามธรรมของรูปร่างมนุษย์ ให้ความรู้สึกถึงเทคโนโลยีขั้นสูงและอารยธรรมล้ำยุค สุนทรียะที่แปลเป็นสื่อใหม่ปนเปไปกับเนื้อหาอื่นๆ ได้อย่างราบรื่น

threeasfour FALL 2023 COUTURE ‘Parallel Universe’

คอลเลกชันล่าสุดที่กล้าออกไปหาเขตแดนใหม่ๆ threeASFOUR เข้าลึกไปในอาณาจักรแห่งแนวคิด ที่ผสมผสานความก้าวหน้าทางดิจิทัลและเทคโนโลยีเข้ากับโลกแห่งความเป็นจริง โดยได้รับการสนับสนุนจากงานฝีมือระดับโอตกูตูร์ โดยเน้นที่สิ่งมีชีวิต รูปร่าง และธรรมชาติที่อยู่นอกโลก ด้วยคอลเลกชันล่าสุดที่ชื่อว่า “Parallel Universe” ด้วยแนวคิดที่ threeASFOUR เชื่อว่า “ฤดูกาลนี้เราได้สร้างคอลเลกชันดิจิทัลในรูปแบบที่จับต้องได้ ดังนั้น ทุกชิ้นที่คุณเห็นแบบดิจิทัลหรือทางกายภาพจึงมีสำเนาซ้ำกันในโลกดิจิทัลด้วย… เราต้องการสร้างความสับสนให้กับผู้ชม อะไรจริงอะไรไม่จริง นั่นคือคำถามใหญ่ที่นี่”

คอลเลกชันนี้มีทั้งหมด 23 ลุค มีทั้งเสื้อผ้าจริงและเสื้อผ้าที่สร้างจากคอมพิวเตอร์ คุณสามารถบอกความแตกต่างได้หรือไม่ ว่าอันไหนคือของจริงในแต่ละลุค

แล้วหากแฟชั่นอันเป็นพิภพเล็กๆ ที่ถูกชี้นำโดยกฎและลำดับชั้น ได้ก้าวผ่านประตูแห่งความคิดถึง เข้าสู่เวทีไฮเปอร์เมตาที่ทุกอย่างอ้างอิงกลับไปสู่สิ่งอื่น แต่ในทางตรงกันข้ามกับ threeASFOUR ผู้ซึ่งผลักดันขอบเขตและแสวงหาความร่วมมือและแรงบันดาลใจความเป็นไปได้ใหม่ๆ นอกกรอบแฟชั่นมาโดยตลอด คอลเลกชันนี้ได้สำรวจแนวคิดเรื่องจักรวาลคู่ขนาน (ในด้านหนึ่งคำนี้ก็สะท้อนถึงสิ่งที่ threASFOUR กระทำต่อแวดวงแฟชั่นมาตลอด 20 ปี ด้วยผลงานคู่ขนานไปกับแฟชั่นในแต่ละปี)

หนึ่งในหัวข้อที่ทีมงานสำรวจในขณะที่สร้างคอลเลกชันนี้คือ เสื้อผ้าที่จับต้องได้และนักออกแบบจะถูกแทนที่ด้วยเครื่องจักรหรือไม่ “เรากำลังตอบคำถามนี้โดยแสดงให้เห็นว่าเราทำการรวบรวมทั้งหมดเหล่านี้ด้วยตนเอง วัสดุ ไอเดีย รายละเอียด อีกส่วนเราใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ แต่เราไม่ยอมให้ปัญญาประดิษฐ์ชี้นำและสร้างผลลัพธ์สุดท้าย” กาเบรียล อัสโฟร์ กล่าว “โดยพื้นฐานแล้ว มันเหมือนกับการขับรถ คุณเสียบกุญแจเข้าไปในรถแล้วขับแทนที่จะให้รถขับเอง”

threeASFOUR นำคอลเลกชันของพวกเขาไปในทิศทางของอวกาศและนิยายวิทยาศาสตร์ “บางทีเราควรร่วมมือกับนาซ่า” อดิ จิล พูดติดตลก “ในความเป็นจริงแม้ดีไซน์จะล้ำโลก แต่จริงๆ แล้วพวกเราใช้เทคนิคโบราณพื้นฐานเลย หนึ่งในนั้นคือการ ควิลต์ (การปะต่อผ้าให้เรียบเนียนด้วยเนื้อผ้าคนละชิ้น) ซึ่งทั้งหมดทำในสตูดิโอที่นิวยอร์ก นอกเหนือจากวัสดุสังเคราะห์แล้ว จริงๆ เรามีชิ้นส่วนของกิโมโนและโอบิ (ผ้าคาดกิโมโน) ที่นำกลับมาใช้ใหม่ในคอลเลกชันนี้ด้วย”

“การคิดไปข้างหน้าไม่ได้หมายถึงการปฏิเสธอดีต พวกเรา threeASFOUR มักใช้ไอเดียเหมือนเป็นสปริงบอร์ดเพื่อโดดลงน้ำ หรือเชื่อมข้ามไปหาความเป็นไปได้ใหม่ๆ มีตัวอย่างหลายอย่างในคอลเลกชันนี้ ชุดของเราพยักหน้ายอมรับให้กับ Charles James แฟชั่นดีไซเนอร์ชาวแองโกล-อเมริกัน ผู้ซึ่งกล่าวกันว่าเป็นผู้ออกแบบชุดบุนวม (puffer) ตัวแรก เราใช้สิ่งนี้อ้างอิงในคอลเลกชันนี้ด้วย”

ผลงานออกแบบของ ชาลส์ เจมส์
[ชาลส์ เจมส์ นักออกแบบที่โดดเด่นในช่วงยุค 40s-60s ไปจนการค้นหาเทคนิคและสไตล์ใหม่ๆ ทั้งการต่อผ้า การพลีต การจับจีบ ฯลฯ ที่ยังคงเป็นแรงบันดาลใจในแง่ความเรียบง่ายแต่ซับซ้อนและมีรายละเอียดมาจนถึงยุคปัจจุบัน]
threeASFOUR กับผลงานที่เคยทำให้ Björk นักร้องสาวสุดเซอร์
ชุดที่ threeASFOUR เคยทำให้ Lady Gaga
ขึ้นปกนิตยสาร Harper’s Bazaar ถูกประมูลไปในปี 2014 ด้วยราคาคิดเป็นเงินไทย 550,000 บาท
ชุดบนปกอัลบัมเพลง The Emancipation of Mimi
ของมารายห์ แครีย์ ในปี 2005

จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์

การออกแบบของ threeASFOUR นั้นถูกจัดเก็บอย่างถาวรในพิพิธภัณฑ์ Cooper Hewitt Design, พิพิธภัณฑ์ FIT, พิพิธภัณฑ์ V&A ใน ลอนดอน และสถาบันเครื่องแต่งกาย MET ในนิวยอร์ก ซึ่งจัดแสดงผลงานของ threeASFOUR ในคอลเลกชัน ‘Superheroes’ (2008), ‘Manus X Machina’ (2016), และ ‘In America: An Anthology of Fashion’ (2022) ชิ้นงานของพวกเขาถูกนำไปจัดแสดงในนิทรรศการต่างๆ รวมถึง ‘Designs for Different Futures’ ณ พิพิธภัณฑ์ศิลปะฟิลาเดลเฟีย และศูนย์ศิลปะวอล์กเกอร์ ในปี 2019, ‘Natural’ แสดง ณ พิพิธภัณฑ์การออกแบบ Cooper-Hewitt ในปี 2019, คอลเลกชัน ‘#techstyle’ ณ พิพิธภัณฑ์วิจิตรศิลป์, บอสตัน ในปี 2016, ชุด ​​’Killer Heels’ ณ พิพิธภัณฑ์บรูกลิน ในปี 2014; คอลเลกชัน ‘MER KA BA’ ณ พิพิธภัณฑ์ชาวยิว นิวยอร์ก ในปี 2013, ชุด ‘Insalaam Inshalom’ ณ พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรม Beit Ha’ir, เทลอาวีฟ ในปี 2013 และ ‘New York Minute’ ณ Garage Gallery, มอสโก ในปี 2011