ThaiPublica > คอลัมน์ > M3GAN กฎการออกแบบ AI และเมมฟิส มิลาโน

M3GAN กฎการออกแบบ AI และเมมฟิส มิลาโน

21 มกราคม 2023


1721955

สารภาพตามตรงว่าบทความวันนี้จะลักลั่น เพราะเราแอบรักพี่เสียดายน้อง เมื่อพูดถึงงานออกแบบสิ่งที่โดดเด่นมากในหนังเรื่องนี้ คือตัว AI หุ่นตุ๊กตา M3GAN แต่อีกสิ่งที่จะไม่พูดถึงก็ไม่ได้ แม้มันจะเป็นแค่ฉากหลัง และบางคนอาจไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำ มันคือสไตล์การออกแบบที่เรียกว่า เมมฟิส มิลาโน

พัฒนาการล่าสุด AI เก่ง โกง ฆ่า

ในช่วงบั้นปลายชีวิตของ สตีเฟน ฮอว์คิง นักฟิสิกส์ผู้ล่วงลับไปเมื่อปี 2018 อัจฉริยะผู้ไขความลับจักรวาล เมื่อถูกถามถึงสิ่งที่อยากจะฝากไว้กับโลกนี้ เขากล่าวเรื่องนึงว่า “การพัฒนา AI เต็มรูปแบบอาจนำไปสู่จุดจบของมวลมนุษยชาติ” สิ่งนี้แสดงให้เห็นชัดเจนว่าความกังวลนี้ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ AI หรือปัญญาประดิษฐ์ไม่ได้เป็นมิตรอย่างที่เราคิด

แล้วเพียงหนึ่งปีหลังจากฮอว์คิงเสียชีวิต AI ก็เกิดจุดเปลี่ยนสำคัญขึ้นในปี 2019 เมื่อรัฐบาลชั่วคราวของลิเบีย ใช้โดรนติดอาวุธรุ่น Kargu-2 (ผลิตในตุรกี) ที่ถูกโปรแกรมให้ไล่ล่าฝ่ายศัตรูแล้วพบว่ามันสามารถล็อคเป้าหมายยิงแบบอัตโนมัติโดยไม่ต้องออกคำสั่งได้ด้วย

เมื่อปลายปีที่แล้วนักวิจัยของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด และ DeepMind (ศูนย์วิจัย AI ของกูเกิล) ได้ค้นพบว่า AI ส่อเค้าเป็นอันตรายเมื่อพวกมันรู้จักโกง ผ่านโปรแกรม “GAN” (Generative Adversarial Networks) อันเป็นโปรแกรมให้ AI เรียนรู้ด้วยตนเองที่มี 2 รูปแบบ คือ 1.ให้ AI สร้างภาพจากข้อมูลที่ถูกป้อน 2.ให้ AI ให้คะแนนผลงานตัวเอง นักวิจัยสังเกตว่าถ้า GAN ก้าวหน้ากว่านี้ มันอาจถึงขั้นโกงการให้คะแนนตัวเองได้

ในปีที่ผ่านมายังมีข่าวสะพรึงอีกข่าวว่า วิลลี แอคนิว นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยวอชิงตัน ได้ทำการทดลองกับแขนกลในโลกเสมือนกว่าล้านสามแสนครั้ง พบว่าอัลกอริทึมมีความสอดคล้องกับการกีดกันทางเพศและเชื้อชาติของมนุษย์ กล่าวคือ เมื่อสั่งให้แขนกลเลือกภาพอาชญากร หุ่นยนต์จะเลือกภาพคนผิวสีมากกว่ากลุ่มอื่น 10% แต่เมื่อให้เลือกภาพหมอ แขนกลจะเลือกผู้ชายมากกว่าผู้หญิงเสมอ แล้วเมื่อถามว่ามนุษย์มีลักษณะอย่างไร มันจะเลือกชายผิวขาวมากกว่า และพบว่าในทุกคำถาม หญิงผิวดำจะถูกเลือกน้อยที่สุด

‘Théâtre D’opéra Spatial’ โดย เจสัน เอ็ม. อัลเลน

ปีที่แล้วอีกเช่นกันเมื่อ เจสัน เอ็ม. อัลเลน เกมดีไซเนอร์ ส่งผลงานเข้าประกวดครั้งแรก ที่ชื่อว่า ‘Théâtre D’opéra Spatial’ (โรงโอเปราอวกาศ) และชนะในงาน Colorado State Fair Fine Arts Competition สาขาศิลปะ/ภาพถ่ายดิจิทัลที่ผ่านการตกแต่งดิจิทัล ทว่าผลงานชิ้นนี้ไม่ใช่ฝีมือของเขา แต่เป็น AI ที่นำไปสู่ข้อถกเถียงที่ว่า “สิ่งนี้คือผลงานศิลปะหรือไม่”

สิ่งที่เรากำลังอรัมภบทอยู่นี้สืบเนื่องมาจาก M3GAN หนังล่าสุดที่เจ้าพ่อหนังสยองรุ่นใหม่ เจมส์ วาน (Saw, Insidious, The Conjuring) โปรดิวซ์ โดยฝีมือกำกับของ เจอราร์ด จอห์นสโตน (Housebound) ว่าด้วย M3GAN ของเล่นเด็กโปรโตคอลที่กำลังจะถูกพัฒนาออกมาวางจำหน่าย เป็น AI ที่มีความสามารถในการตรวจจับอารมณ์ความรู้สึก มันมีรูปลักษณ์เป็นเด็กหญิงขนาดเขื่องที่มีพัฒนาการเรียนรู้เป็นของตัวเอง มีความเหมือนมนุษย์เป็นอย่างมาก คีย์เวิร์ดในที่นี้คือ “อารมณ์ความรู้สึก” และ”เหมือนมนุษย์เป็นอย่างมาก” 2 สิ่งนี้แล้วในทางหุ่นยนต์วิทยานับเป็นอันตรายอย่างยิ่ง

“มนุษย์ควรกังวลเกี่ยวกับภัยคุกคามโดย AI” บิลล์ เกตส์ อภิมหาเศรษฐีเจ้าพ่อไมโครซอล์ฟ

ห้ามออกแบบให้เหมือนมนุษย์

กฎเหล็กข้อแรกของการประดิษฐ์ปัญญาประดิษฐ์ คือ ห้ามออกแบบให้เหมือนคนจนเกินไป เพราะมนุษย์มีสิ่งที่เรียกว่า “Uncanny valley” หรือ หุบเขาเร้นลับ “บุกิมิ โนะ ทานิ” อันเป็นระดับความสัมพันธ์ที่ตั้งอยู่บนสมมติฐานระหว่างมนุษย์กับสิ่งที่คล้ายคลึงมนุษย์ กับการตอบสนองทางอารมณ์ของมนุษย์ที่มีต่อวัตถุสิ่งของ แนวคิดนี้ชี้ให้เห็นว่า วัตถุที่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์จะก่อให้เกิดความไม่สบายใจ ความรังเกียจ ความแปลกประหลาด หรือคุ้นเคยอย่างประหลาดต่อผู้สังเกตการณ์ “หุบเขา” หมายถึงความสัมพันธ์ที่ขึ้นลงลดเลี้ยวดิ่งลงหรือพุ่งสูงขึ้นของผู้สังเกตการณ์ที่เป็นมนุษย์มีต่อแบบจำลอง

แนวคิดนี้เกิดขึ้นในยุค70s โดยศาสตราจารย์ด้านวิทยาการหุ่นยนต์ชาวญี่ปุ่น มาซาฮิโระ โมริ ต่อมาคำนี้เริ่มแพร่หลายจากตำราฝรั่งปี 1987 ชื่อ Robots: Fact, Fiction and Prediction ของนักวิจารณ์ศิลปะชาวอังกฤษ ยาเซีย รีชชาร์ดต์ เมื่อเวลาผ่านไปการแปลเป็นภาษาอังกฤษของคำนี้ได้สร้างความเชื่อมโยงโดยไม่ตั้งใจกับบทความเก่าในปี 1906 ของจิตแพทย์ชาวเยอรมัน เอิร์นสต์ เยนต์ช ที่ชื่อ On the Psychology of the Uncanny (แนวคิดจิตวิเคราะห์เรื่องสิ่งเร้นลับ) บทความนี้ต่อมามีอิทธิพลอย่างยิ่งต่อแนวคิดของซิกมันด์ ฟรอยด์ โดยเฉพาะในผลงานของฟรอยด์ในปี 1919 ชิ้นที่ชื่อว่า The Uncanny

สมมติฐานดั้งเดิมของ โมริ ระบุว่า “ถ้ารูปลักษณ์ของหุ่นยนต์กลายเป็นมนุษย์มากขึ้น การตอบสนองทางอารมณ์ของผู้สังเกตการณ์บางคนต่อหุ่นยนต์นั้นจะเป็นในเชิงบวกหรือเห็นอกเห็นใจในเบื้องแรก แต่ต่อมาเมื่อมันมากขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงระดับหนึ่ง มนุษย์จะมีการตอบสนองอย่างฉับพลันกลายเป็นความรังเกียจอย่างรุนแรง ในทางเดียวกัน เนื่องด้วยเพราะมันมีหน้าตาเหมือนมนุษย์อย่างมาก การตอบสนองต่อสิ่งที่เหมือนมนุษย์นั้นจะกลับมาเป็นในเชิงบวกอีกครั้ง และค่อนข้างใกล้เคียงระดับความเห็นใจระหว่างมนุษย์ด้วยกัน ในทางกลับกันความเหมือนมนุษย์มากจนเกินไป สำหรับมนุษย์บางคนอาจทำให้ไม่สามารถกระตุ้นการตอบสนองในทางเห็นอกเห็นใจ และอาจถึงขั้นแสดงออกด้วยความรุนแรง ไปจนถึงขั้นทุบตี ทำลายวัตถุที่เหมือนมนุษย์ชิ้นนั้น

อย่างไรก็ตามเนื่องจากแนวคิดนี้มีมาตั้งแต่ยุค70s ปัจจุบันก็มีสมมติฐานใหม่ด้วยเช่นกันว่า สำหรับคนรุ่นใหม่ที่คุ้นเคยกับ CGI อาจได้รับผลกระทบจากปัญหานี้น้อยกว่า รวมถึงมีนักวิทยาศาสตร์อีกกลุ่มหนึ่งเชื่อว่า หาก Uncanny valley เป็นปัญหา ก็เท่ากับมันเป็นความท้าทายที่จะต้องใช้วิทยาศาสตร์ในการแก้ให้ปัญหานี้ผ่านพ้นไปให้ได้ กฎเหล็กนี้จึงไม่เป็นกฎเหล็กที่นักวิทยาศาสตร์หัวก้าวหน้ายุคใหม่พยายามจะละเมิด และท้าทายสร้างความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ขึ้นมา ทุกวันนี้เราจึงพบว่ามีหุ่นยนต์หลายตัวที่ออกแบบมามีหน้าตาเหมือนมนุษย์

ห้ามโปรแกรมอารมณ์ความรู้สึก

“ตราบเท่าที่เราไม่โปรแกรมอารมณ์ความรู้สึกลงไปในหุ่นยนต์ ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องกลัวพวกมันจะครองโลก” เป็นประโยคที่ นีล เดอกราสส์ ไทสัน นักฟิสิกส์อวกาศ ทวิตขึ้นในปี 2014

คีย์เวิร์ดอีกประการของ M3GAN คือ ตัวมันเองสามารถแสดงอารมณ์ความรู้สึก และมีระบบตรวจจับอารมณ์ความรู้สึกได้ แน่นอนว่าปัจจุบันเราจะเห็น AI ที่ถูกพัฒนาให้แสดงสีหน้าความรู้สึกต่าง ๆ ให้ใกล้เคียงคนมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่สิ่งที่ดูเหมือนจะไม่จริงในหนังคือ มันสามารถอ่านปาก อ่านน้ำเสียง แล้วตีค่าออกมาเป็นอารมณ์ความรู้สึกออกมาได้

แต่อันที่จริงโปรแกรมตรวจจับอารมณ์ความรู้สึกมีมาตั้งแต่ปี 2016 แล้ว และมันกำลังถูกพัฒนาให้แม่นยำมากขึ้น โดยโปรแกรมแรก ๆ เรียกว่า SER (Speech Emotion Recognition) หรือระบบที่สามารถรับรู้อารมณ์มนุษย์จากน้ำเสียงได้ทันทีและแบบเรียลไทม์

ความรู้สึกและอารมณ์ของคนเราถูกกระตุ้นโดยสิ่งเร้าทั้งภายนอก และภายใน(เช่น ความทรงจำ) และแสดงออกมาในรูปแบบของสัญญาณทางกายภาพ เช่น อัตราชีพจร เหงื่อ สีหน้า ท่าทาง และน้ำเสียง เราอาจร้องไห้หรือหัวเราะ สั่นสะท้านขนหัวลุกซู่ด้วยความขยะแขยง หรือหดหู่ในความพ่ายแพ้ อารมณ์เหล่านี้ส่วนใหญ่แสดงออกมาโดยธรรมชาติและโดยอัตโนมัติ โดยไม่มีการควบคุมอย่างมีสติ เราเรียนรู้ที่จะรับรู้อารมณ์ในมนุษย์คนอื่นตั้งแต่แรกเกิด ทารกจะได้รับการปลอบประโลมด้วยเสียงฮัมเบา ๆ จากเพลงกล่อมเด็กก่อนที่พวกเขาจะเกิด พวกเขาตอบสนองต่อใบหน้าที่ยิ้มแย้มของพ่อแม่ตั้งแต่แรกเกิดและสามารถแสดงอารมณ์ของตนเองได้ตั้งแต่วันแรก

ขณะที่หุ่นยนต์อุตสาหกรรมสร้างรถยนต์ สมาร์ทโฟนของเรา หุ่นยนต์ฟื้นฟูช่วยให้คนเดินได้อีกครั้ง เครื่องช่วยสอนที่เป็นบอทตอบคำถามของนักเรียนได้ โปรแกรมซอฟต์แวร์สามารถเขียนเอกสารทางกฎหมาย พวกเขายังสามารถให้คะแนนเรียงความของคุณ ระบบซอฟต์แวร์สามารถเขียนบทความข่าว และ AI สามารถเอาชนะมนุษย์ในเกมโกะ ซึ่งเป็นหมากกระดานที่ซับซ้อนที่สุด คอมพิวเตอร์ IBM Watson เอาชนะแชมป์เปี้ยนมนุษย์ในการแข่งเกมโชว์ Jeopardy มาแล้ว แล้วเดี๋ยวนี้ยังมีอีกหลายโปรแกรมที่สามารถวาดภาพจนหลอกให้มนุษย์เชื่อว่าผลงานที่ออกมานั้นเป็นฝีมือของศิลปินมืออาชีพได้ด้วย เครื่องจักรสามารถแต่งเพลงได้ เห็นได้ชัดว่าหุ่นยนต์สามารถสร้างให้แข็งแกร่งขึ้น เร็วขึ้น และฉลาดกว่ามนุษย์ในบางแง่บางมุมได้ แต่พวกเขาจำเป็นต้องรู้สึกเหมือนเราหรือไม่?

หุ่นยนต์ทุกตัวทำงานบนแพลตฟอร์มฮาร์ดแวร์ที่ขับเคลื่อนด้วยอัลกอริธึมของซอฟต์แวร์ อัลกอริทึมได้รับการออกแบบโดยมนุษย์เพื่อบอกเครื่องจักรถึงวิธีการตอบสนองต่อสิ่งเร้าบางอย่าง เช่น วิธีตอบคำถาม หรือวิธีนำทางไปบนแผนที่ วิธีเลือกแสดงโพสต์เฟซบุคบนหน้าฟีด ฯลฯ

เช่นเดียวกับสถาปนิกที่สร้างบ้าน วิศวกร AI จะพิจารณาภาพรวมของงานที่เครื่องจักรควรจะบรรลุ และสร้าง ‘บล็อก’ ของซอฟต์แวร์เพื่อให้บรรลุงานนั้น สิ่งที่เรียกว่าการเขียนโปรแกรมนั้นเป็นเพียงการนำรหัสมาใช้งานซึ่งตระหนักถึงบล็อกเหล่านี้ หนึ่งในบล็อกที่สำคัญที่สุดคือการเรียนรู้ของเครื่อง – อัลกอริทึมที่ช่วยให้เครื่องสามารถเรียนรู้และจำลองการตอบสนองที่เหมือนมนุษย์ เช่น การเดินหมากรุกหรือการตอบคำถาม

สิ่งที่กระตุ้นให้เกิดความก้าวหน้าอย่างแท้จริงในปัญญาประดิษฐ์คือการเรียนรู้ของเครื่อง แทนที่จะตั้งโปรแกรมให้ตอบสนองด้วยวิธีที่คาดเดาได้บางอย่าง เครื่องจักรถูกตั้งโปรแกรมให้เรียนรู้จากตัวอย่างการตอบสนองสิ่งเร้าในโลกแห่งความเป็นจริงจำนวนมาก หากเครื่องดูรูปภาพแมวจำนวนมากที่มีป้ายกำกับว่า ‘แมว’ เครื่องจะสามารถใช้อัลกอริธึมการเรียนรู้ของเครื่องตัวใดตัวหนึ่งเพื่อจดจำแมวจากรูปภาพที่มองไม่เห็น หากเครื่องตรวจดูเว็บไซต์หลายล้านล้านแห่งและการแปลของเว็บไซต์เหล่านั้น เครื่องจะสามารถเรียนรู้ที่จะประมาณการแปลในลักษณะของ กูเกิลแปลภาษา

ส่วนสำคัญของแมชชีนเลิร์นนิงคือการเรียนรู้การแสดงคุณลักษณะที่เรียกว่าคุณลักษณะของอินพุตทางกายภาพ แมวถูกแสดงด้วยรูปร่าง ขอบ ใบหน้าและลำตัว อินพุตเสียงพูดแสดงโดยส่วนประกอบความถี่ของเสียง อารมณ์ในการพูดไม่ได้แสดงเพียงแค่ระดับเสียงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงน้ำเสียง จังหวะ ความเร็ว ของเสียงนั้นด้วย แมชชีนเลิร์นนิงจำเป็นต้องทำวิศวกรรมคุณลักษณะก่อนจึงจะแยกคุณลักษณะเหล่านี้ได้ สำหรับโทนเสียง โดยทั่วไปวิศวกรรมคุณลักษณะจะแยกลักษณะเฉพาะ 1,000-2,500 รายการจากเสียงอินพุต และกระบวนการนี้จะทำให้กระบวนการรับรู้อารมณ์ทั้งหมดช้าลง คุณสมบัตินับพันเหล่านี้ได้รับการออกแบบอย่างระมัดระวังโดยมนุษย์ และแต่ละคุณสมบัติต้องใช้เวลาในการประมวลผล

ความก้าวหน้าล่าสุดในโครงข่ายประสาทเทียมหรือที่เรียกว่าการเรียนรู้เชิงลึกซึ่งเปิดใช้งานโดยทั้งการเร่งเครื่องและข้อมูลจำนวนมหาศาลสำหรับการเรียนรู้ได้นำไปสู่การปรับปรุงการเรียนรู้ของเครื่องอย่างมากมาย ในการเริ่มต้น วิธีการเรียนรู้เชิงลึกบางวิธี เช่นเครือข่ายประสาทเทียม convolutional neural networks (CNN) สามารถเรียนรู้ลักษณะเฉพาะโดยอัตโนมัติในระหว่างกระบวนการเรียนรู้ โดยไม่ต้องมีกระบวนการทางวิศวกรรมคุณลักษณะที่ชัดเจนและล่าช้าหรือการออกแบบโดยมนุษย์ นี่อาจเป็นส่วนสนับสนุนที่สำคัญที่สุดของการเรียนรู้เชิงลึกในด้าน AI

กลับมาที่ระบบการรู้จำอารมณ์ของเราจากน้ำเสียง สิ่งที่เราทำคือแทนที่วิศวกรรมคุณลักษณะและการเรียนรู้ตัวแยกประเภทด้วยโครงข่ายประสาทเทียมแบบง่าย ๆ ซึ่งเรียนรู้ได้ดีเท่า ๆ กัน และเร็วกว่าแบบดั้งเดิมอย่างมาก เนื่องจากไม่ต้องการกระบวนการวิศวกรรมคุณสมบัติที่ชัดเจนและช้า ในทำนองเดียวกัน การจดจำสีหน้าสามารถทำได้แบบเรียลไทม์ด้วย CNN

นอกจากนี้ นักวิจัยกำลังทำงานเพื่อให้หุ่นยนต์แสดงอารมณ์ – เปลี่ยนระดับเสียงของเสียงเครื่องจักร โดยใช้มอเตอร์ขนาดเล็กหลายสิบถึงหลายร้อยตัวเพื่อควบคุมกล้ามเนื้อใบหน้าสังเคราะห์ หุ่นยนต์ Sofia หรือ Erica เป็นสองตัวอย่างหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ที่มีการแสดงออกทางสีหน้า

ถึงกระนั้นหุ่นยนต์จะมีสติหรือไม่?

หากหุ่นยนต์พัฒนาทักษะการวิเคราะห์ ความสามารถในการเรียนรู้ การสื่อสาร หรือแม้กระทั่งความฉลาดทางอารมณ์ หุ่นยนต์จะมีจิตสำนึกหรือไม่? มันจะฝันได้ไหม?

โครงข่ายประสาทเทียมที่กล่าวถึงข้างต้น ซึ่งแตกต่างจากอัลกอริธึมการเรียนรู้ของเครื่องอื่น ๆ ทำให้ผู้คนนึกถึงสมองของเรามากขึ้น โครงข่ายประสาทเทียมยังสามารถสร้างภาพแบบสุ่มที่เหมือนความฝัน ทำให้บางคนเชื่อว่าแม้แต่หุ่นยนต์ก็สามารถฝันได้

คำถามที่แท้จริงคือเราเข้าใจหรือไม่ว่าอะไรที่ทำให้มนุษย์เรามีความรู้สึก? มันเป็นเพียงการรวมกันของการรับรู้ทางประสาทสัมผัสของเราและกระบวนการคิด? หรือมีอะไรมากกว่านั้น? นักวิจัย AI ไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้

แม้เราจะเชื่อว่าการสร้างหุ่นยนต์ที่ ‘ดี’ เราต้องสอนค่านิยมให้พวกเขา ซึ่งเป็นชุดของกฎการตัดสินใจที่เป็นไปตามบรรทัดฐานทางจริยธรรมและศีลธรรมของมนุษยชาติ แต่จะเป็นไปได้อย่างไรกันท่ามกลางความขัดแย้งของมนุษย์ที่มีความแตกต่างหลากหลายในเรื่องค่านิยมในแต่ละชาติพันธุ์ นี่ยังไม่นับเรื่องศีลธรรมที่มนุษย์เป็นผู้วางกฎแต่ในทุกวัฒนธรรมก็มีคนแหกศีลธรรมอันดีงาม รวมถึงคำว่า “ศีลธรรมอันดีงาม” ก็ยังเป็นข้อถกเถียงกันอยู่ว่าเป็นแค่ภาพลักษณ์อันสูงส่งของมนุษย์ในการโฆษณาชวนเชื่อหรือไม่

เมมฟิส มิลาโน ดีไซน์

ฉากพบกันครั้งแรกระหว่าง M3GAN กับ เคดี้ (วิโอเล็ต แม็คกราว จาก The Haunting of Hill House) เด็กหญิงผู้เพิ่งสูญเสียพ่อแม่ไปในอุบัติเหตุรถยนต์ เป็นฉากที่ยากจะละสายตาจากเมแกนตุ๊กตา AI สุดหลอน แต่อีกสิ่งหนึ่งที่ดึงสายตาคนดูได้อย่างเห็นได้ชัด คือดีไซน์ห้องทดสอบ พื้นที่กว้างโล่งดูสนุกแต่สุดแสนจะไม่สงบมากที่สุดในเรื่อง

“ภาพของฉันสำหรับห้องทดสอบสำหรับเด็กมาจากความทรงจำในตอนเด็ก ฉันจับแมลงได้ เก็บมันไว้ในขวดแยม มันถูกกักขังไว้ และฉันก็ส่องดูมันด้วยแว่นขยาย ฉันต้องการให้ห้องทดสอบมีความรู้สึกแบบนั้น สว่างไสวและเรียบง่ายเหมือนขวดแยม แต่บิดเบี้ยวเหมือนมองผ่านแว่นขยาย ผู้กำกับต้องการแค่ห้องเด็กเล่น แต่งแต้มสีสันสวยงามด้วยของเล่นมากมายทุกหนทุกแห่ง แต่ฉันขอดื้อทำแบบนี้ออกมา” คิม ซินแคลร์ ผู้ออกแบบงานสร้างของ M3GAN กล่าว “ฉันใช้เฟอร์นิเจอร์สไตล์ Memphis มันเป็นของแท้ แล้วมันก็ดูป่วย ๆ ไม่สบายใจ เรากระจายเฟอร์นิเจอร์เหล่านี้ไว้ทั่วห้อง บางชิ้นเราก็ทำขึ้นเอง และบางส่วนมาจากนักสะสม มันทั้งดูน่ารักและน่าสะพรึงอย่างบอกไม่ถูก”

ความประหลาด ความไม่สมมาตร เหมือนจะเป็นระเบียบ แต่ไม่เรียบง่าย เหมือนสะดวกสบาย แต่มีบางอย่างพิลึกกึกกือ สิ่งเหล่านี้คือ ดีไซน์แบบเมมฟิส มิลาโน ดีไซน์ นิตยสารเดอะการ์เดียน เรียกการออกแบบนี้ว่า “เทรนด์การออกแบบอันเป็นที่รัก ถูกเกลียดชัง และถูกเข้าใจผิด เป็นผลงานของกลุ่มที่มีอายุสั้นและแตกแยกมากที่สุด”

เดวิด โบวี่ ศิลปินแกลมร็อคผู้ยิ่งใหญ่และล่วงลับที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร คือนักสะสมตัวยงผลงานของกลุ่มนักออกแบบเมมฟิส เขาเคยพูดถึงว่า “ดีไซน์แบบเมมฟิสคือแรงสั่นสะเทือน คือผลกระทบจากยุคเก่า การเดินเข้าไปในห้องที่มีเฟอร์นิเจอร์แบบเมมฟิส เหมือนได้เข้าไปเห็นอวัยวะภายใน มีแต่สีไอศกรีม ดูวัป-เมโสโปเตเมีย-ปิกัสโซ-เดคโค-สัญลักษณ์-เสียดสี-แดกดัน เฉิดฉาย แล้วเมื่อถึงเวลาก็เลิกรากัน เหมือนถ้อยคำที่เบื่อหูของจากเอเจนซี่โฆษณา และรูปแบบบ้านของความชั่วร้ายที่อุดมไปด้วยคอเมดี้สไตล์หนังฮอลลีวูด” หลังจากการเสียชีวิตของโบวี่ในปี 2016 ของสะสมสไตล์เมมฟิสของเขาถูกประมูลไปในราคารวม 1,387,000 ปอนด์ (ราว 56ล้านบาท)

คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ แฟชั่นดีไซเนอร์ชาวเยอรมันผู้ล่วงลับ และเคยเป็นครีเอทีฟให้แบรนด์หรูแพงมีระดับอย่าง Chanel และ Fendi เป็นนักสะสมตัวยงของดีไซน์แบบเมมฟิส ครั้งหนึ่งเขาเคยให้สัมภาษณ์ว่า “มันเป็นรักแรกพบ ตอนนั้นฉันเพิ่งมีอพาร์ตเมนต์ในมอนติคาร์โลและในหัวก็จินตนาการได้แต่สไตล์เมมฟิสเท่านั้น ที่จะเอามาตกแต่งที่นั่น มันเป็นเทรนด์ยุค 1980 ที่แสดงออกถึงความเรียบง่ายปลอมเปลือก ทำตัวซับซ้อน สำหรับฉันแล้ว ซอตต์ซาสส์ เป็นหนึ่งในอัจฉริยะด้านการออกแบบแห่งศตวรรษที่ 20”

เมื่อกลุ่มนักออกแบบรุ่นใหม่วัยต้น 20 ในช่วงต้นทศวรรษที่ 80s ร้อนวิชา ออกแบบผลงานที่จงใจจะยั่วยุ และมีอายุสั้น มีส่วนผสมทั้งน่าเคารพและน่ารังเกียจ ก่อตั้งโดยนักออกแบบและสถาปนิกชาวมิลาน เอ็ตโตเร ซอตต์ซาสส์ จุดประกายให้นักออกแบบมาร่วมกันดีไซน์สิ่งของในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่เก้าอี้สำนักงานไปจนถึงอาคารบุวอลล์เปเปอร์ประดับแจกันหน้าตาพิลึก ให้กลายเป็นสไตล์โดดเด่นแยกตัวออกมาจากสไตล์ยุโรปยุคโมเดิร์นที่สุดแสนจะสะอาดสะอ้าน ทีมเมมฟิส อธิบายว่ามันเป็น “วิถีชีวิตของการถ่ายโอนวัฒนธรรมดนตรีร็อค การเดินทางท่องโลก และส่วนที่ขาด ๆ เกิน ๆ ของชีวิตมาสู่บ้านแบบชาวตะวันตกในยุคโพสโมเดิร์น”

ปรัชญาของเมมฟิสนั้นค่อนข้างจะเบาหวิวและเสียดสี ซ็อตต์ซาสส์ กล่าวว่า “ดีไซน์แบบเมมฟิส มิลาโน มีอยู่ในพื้นที่เหมือนวุ้น สวย ใส และเละเทะ เป็นสิ่งหายากที่ธรรมชาติไม่อาจกำหนดรูปแบบ และไม่สามารถจำกัดความได้ เป็นปฏิกิริยาตอบโต้กับความนิยมในความคลาสสิกของ สีดำ ที่สมูธลื่นไหลเป็นที่ชื่นชอบของผู้ผลิตเกือบทุกสิ่งทุกอย่างในยุโรปช่วงปลายทศวรรษ 1970 ตั้งแต่เครื่องพิมพ์ดีดและกล้องไปจนถึงเฟอร์นิเจอร์สำนักงาน รถยนต์ และตัวอาคารอันสุดแสนจะน่าเบื่อ”

ไร้ค่า ผสมผสาน และสะสมได้ เมมฟิส กับความสุขของรสนิยมแย่ ๆ

เมมฟิส มิลาโน เป็นเสมือนดอกไม้ไฟที่เปิดตัวอย่างครึกโครมในปี 1981 ภายในงานแสดงสินค้าเฟอร์นิเจอร์ที่มิลาน ที่มีแขกกว่า 2,500 คน มันเปล่งประกายระยิบระยับจนเศษชิ้นส่วนตกลงสู่พื้นในปี 1987 ซึ่งอาจเป็นไปตามแผนของมันที่วางไว้แต่แรก เพราะเมมฟิสไม่เคยแสวงหาความเป็นอมตะ หรือการสถาปนาความจริงอันเป็นนิรันดร์เพื่อปกครองการออกแบบตลอดไป มันเกี่ยวกับชีวิตในขณะหนึ่ง มันคือความฉาบฉวย ในขอบเขตที่วัตถุที่ไม่มีชีวิตเหล่านี้สามารถสื่อสารช่วงเวลานั้นออกมาได้ – เกี่ยวกับอิสระในการสร้างสรรค์และทำผิดพลาดผิดแผน

แรงบันดาลใจเบื้องหลังการตั้งชื่อตัวเองว่า “เมมฟิส” เกิดขึ้นระหว่างการพบกันครั้งแรกเมื่อเพลง ” Stuck Inside of Mobile with the Memphis Blues Again ” ของ บ็อบ ดีแลนเล่นอยู่ในตอนนั้น สำหรับ ซอตต์ซาสส์ ชื่อ “เมมฟิส” หมายถึงสองสิ่ง: เมืองในรัฐเทนเนสซี และ เมืองหลวงของอียิปต์โบราณ จากนั้นกลุ่มนักออกแบบก็เดินหน้าต่อไปและใช้ความกำกวมเบื้องหลังชื่อ “เมมฟิส” เพื่อเป็นตัวแทนและเป็นสัญลักษณ์ของปรัชญาการออกแบบเครื่องเรือน วัตถุ และสิ่งทอที่กำกวมของพวกเขา ที่ดูเหมือนแฝงปรัชญาใหญ่โต แต่ก็ไร้สาระด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะในกรณีของ ซอตต์ซาสส์ เขาแสดงความสนใจอย่างมากในความปลอมเปลือกแบบรสนิยมของชนชั้นกลาง ประเพณีของโลกที่สามและตะวันออก กับธรรมชาติที่ยังไม่ถูกทำลาย

ทีมเมมฟิสยุบไปในปี 1987 เนื่องจากสมาชิกพบว่าเป็นการยากที่จะรักษาความสำเร็จในเชิงพาณิชย์ไว้ได้หลังจากที่กระแสความเคลื่อนไหวใหม่ ๆ ของพวกเขาจางหายไป และมีกระแสอื่น ๆ ถาโถมเข้ามา เฟอร์นิเจอร์สีสันสดใสของเมมฟิสได้รับการอธิบายว่า “แปลกประหลาด” “เข้าใจผิด” “น่าเกลียดน่าชัง” และ “มันคือพิธีหรูหราของการแต่งงานแบบคลุมถุงชนระหว่างเบาเฮาส์ (สไตล์การออกแบบล้ำสมัยช่วงสงครามโลก) กับ ฟิชเชอร์ไพรซ์ (โรงงานผลิตของเด็กเล่นพลาสติกสีฉูดฉาด)”

ชั้นวาง Carlton สินค้าขายดีของเมมฟิสดีไซน์

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา กลุ่มเมมฟิสได้ออกแบบชุดเฟอร์นิเจอร์ที่ไม่สอดคล้องกัน หนึ่งในการออกแบบที่ได้รับความนิยมและเป็นที่รู้จักมากที่สุดคือฉากกั้นห้อง “Carlton”ซึ่งเป็นเสาโทเท็มที่ผสมผสานสีสันสดใส รูปทรงทึบ และช่องว่างต่าง ๆ ตัวโครงสร้างนั้นสร้างโดยใช้พลาสติกลามิเนตราคาถูก แม้ว่าจะถูกออกแบบให้ขายในตลาดสินค้าหรูหรา และประกอบด้วยชุดเข้ากันด้านบนเป็นเหมือนรูปคนยกมือ และมีลิ้นชักอยู่ด้านล่าง ดูเกะกะ บ้าบอสิ้นดี”

การออกแบบเฟอร์นิเจอร์ สถาปัตยกรรม ของใช้ในบ้าน และเสื้อผ้าในปี 1980 ได้รับอิทธิพลอย่างมากจาก Memphis Design บริษัทเล่นกระดานโต้คลื่น สเก็ตบอร์ด สกี และ BMX ได้นำความสวยงามมาใช้ในการออกแบบของพวกเขาอย่างรวดเร็ว

การออกแบบของเมมฟิสเป็นแรงบันดาลใจสำหรับแฟชั่นโชว์คอลเลกชั่นโอต์กูตูร์ของ Christian Dior ฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาว 2011–2012