ThaiPublica > เกาะกระแส > บทวิเคราะห์ล่าสุดของ John Mearsheimer ทิศทางและจุดจบของสงครามยูเครน

บทวิเคราะห์ล่าสุดของ John Mearsheimer ทิศทางและจุดจบของสงครามยูเครน

22 กรกฎาคม 2023


รายงานโดย ปรีดี บุญซื่อ

John Mearsheimer นักรัฐศาสตร์มหาวิทยาลัยชิคาโก้ ที่มาภาพ : https://www.mearsheimer.com/photos/

เมื่อวันที่ 24 มิถุนายนที่ผ่านมา John Mearsheimer นักรัฐศาสตร์ที่มีชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยชิคาโก้ ได้เขียนบทความชื่อ The Darkness Ahead: Where the Ukraine War Is Headed โดยวิเคราะห์ว่า สงครามยูเครนจะมีทิศทาง และอนาคตอย่างไร ก่อนหน้านี้ เมื่อ 7 ปีที่แล้ว คำบรรยายของ Mearsheimer เรื่องวิกฤติยูเครน ว่าคือความผิดพลาดของตะวันตก มีคนเข้าไปฟังใน YouTube ถึง 27 ล้านคน

  • John Mearsheimer วิเคราะห์อย่างแหลมคม อันตรายของสงครามยูเครนที่ยืดเยื้อ
  • คำถามสำคัญ 2 ข้อ

    Mearsheimer พยายามคาดการณ์อนาคตของสงครามยูเครน โดยพยายามที่จะตอบคำถามสำคัญ 2 คำถาม คำถามแรกคือ มีความเป็นไปได้หรือไม่ ที่จะมีความตกลงสันติภาพเกิดขึ้น Mearsheimer ตอบว่า เป็นไปไม่ได้ เพราะสงครามที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะนี้ ทั้งสองฝ่าย คือฝ่ายยูเครนกับตะวันตก และฝ่ายรัสเซีย ต่างก็มองอีกฝ่ายหนึ่งว่า เป็นภัยคุกคามต่อการดำรงอยู่ของตัวเอง จึงเป็นเรื่องยากที่จะมีข้อตกลงสันติภาพ ที่สองฝ่ายสามารถยอมรับกันได้

    นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายต่างก็มีความแตกต่าง ชนิดที่ไม่อาจปองดองกัน ในปัญหาเรื่อง ดินแดน และเรื่องความสัมพันธ์ ระหว่างยูเครนกับตะวันตก ผลลัพธ์ที่เป็นไปได้ของสงครามยูเครนคือ ความขัดแย้งที่ถูกแช่แข็ง (frozen conflict) เหมือนที่เกิดขึ้นกับสงครามเกาหลี แต่ก็ง่ายที่จะปะทุขึ้นมาเป็นสงครามครั้งใหม่อีก ส่วนผลลัพธ์เลวร้ายที่สุดคือ สงครามนิวเคลียร์ ที่ไม่น่าเป็นไปได้ แต่ก็ไม่อาจจะปัดปฏิเสธได้เลย

    คำถามสำคัญข้อที่ 2 คือ ฝ่ายไหนมีความเป็นไปได้ ที่จะชนะสงคราม Mearsheimer ตอบว่า ในที่สุด รัสเซียจะเป็นฝ่ายชนะสงคราม แต่ก็จะไม่ชนะยูเครนแบบเด็ดขาด พูดอีกนัยหนึ่ง รัสเซียจะไม่สามารถเอาชนะยูเครนได้ทั้งหมด การชนะแบบเด็ดขาดนี้เป็นสิ่งจำเป็น หากรัสเซียต้องการบรรลุเป้าหมาย 3 อย่าง คือ (1)โค่นล้มระบอบปกครองที่เป็นอยู่ของยูเครน (2) ทำให้ยูเครนเป็นเขตปลอดทหาร และ (3) ทำลายความผูกพันด้านความมั่นคง ระหว่างยูเครนกับตะวันตก

    แต่ชัยชนะของรัสเซีย จะเป็นแบบการผนวกดินแดนส่วนหนึ่งของยูเครน และทำให้ยูเครนกลายเป็นซากของรัฐล้มเหลว โดย Mearsheimer บอกว่า จะเป็นชัยชนะแบบน่าเกลียดของรัสเซีย

    ที่มาภาพ : https://en.wikipedia.org/wiki/Russo-Ukrainian_War#/media/File:UA_T-72AV_with_cross_01.jpg

    สถานการณ์ในปัจจุบัน

    Mearsheimer บอกว่า จะเข้าใจว่าสงครามยูเครนเดินหน้าไปทางไหน ต้องเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบัน โดยเฉพาะตัวแสดงหลักคือ รัสเซีย ยูเครน และสหรัฐฯ มองภัยคุกคามของอีกฝ่ายหนึ่งอย่างไร และกำหนดเป้าหมายไว้อย่างไร

    นับจากปี 2008 ผู้นำรัสเซียมองว่า ความพยายามของตะวันตก ที่จะนำยูเครนเป็นสมาชิกของ NATO และทำให้ยูเครนเป็นป้องปราการของตะวันตก ที่ประชิดชายแดนรัสเซีย คือภัยคุกคามต่อการดำรงอยู่ของรัสเซีย

    นับจากเกิดสงครามเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2022 ฝ่ายตะวันตกได้เพิ่มเป้าหมาย ที่ทำให้ผู้นำรัสเซียมองว่า เป็นภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้นมาอีกอย่างหนึ่ง คือการพยายามเอาชนะรัสเซีย ทำให้รัสเซียหลุดจากฐานะประเทศมหาอำนาจ จนอาจเป็นเหตุทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองในรัสเซีย หรือรัสเซียแตกสะลาย แบบเดียวกับสหภาพโซเวียต

    เป้าหมายของรัสเซีย

    เนื่องจากเผชิญภัยคุกคามต่อความอยู่รอด ทำให้รัสเซียต้องชนะสงคราม อะไรคือเป้าหมายของรัสเซีย ก่อนเกิดสงครามวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2022 เป้าหมายรัสเซียคือ ทำให้ยูเครนเป็นกลาง และแก้ปัญหาแคว้นดอนบาส ที่คนรัสเซียอาศัยอยู่ ให้มีอิสรภาพมากขึ้น ดูเหมือนว่า ช่วงเดือนแรกของสงครามยูเครน เป้าหมายนี้ยังเป็นไปได้ทางปฏิบัติ และเป็นกรอบการเจรจาในเดือนมีนาคม 2022 ระหว่างรัสเซียกับยูเครน ที่นครอิสตันบูล

    หากรัสเซียบรรลุเป้าหมายในเวลานั้น สงครามคงจะจบอย่างรวดเร็ว แต่ข้อตกลงที่สนองความพอใจของรัสเซียเช่นว่านี้ คงไม่มีขึ้นอีกแล้ว ทั้งยูเครนและ NATO ไม่เต็มใจที่จะยอมรับความเป็นกลางของยูเครน ขณะเดียวกัน ชัยชนะแบบเด็ดขาดกับยูเครนของรัสเซีย ก็คงไม่เกิดขึ้นเช่นกัน เพราะกองทัพรัสเซียไม่ใหญ่พอ ที่จะบรรลุภารกิจนี้ ที่อาจต้องใช้ทหารมากถึง 2 ล้านคน ดังนั้น เป้าหมายของรัสเซียคือยึดครองดินแดนยูเครน ที่มีคนพื้นเมืองเป็นชาวรัสเซีย หรือพูดภาษารัสเซีย

    เป้าหมายของตะวันตก

    Mearsheimer วิเคราะห์ว่า เดิมผู้นำตะวันตกไม่ได้มองรัสเซียว่า เป็นภัยคุกคามความมั่นคง แต่เมื่อสงครามยูเครนเริ่มขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ทัศนะตะวันตกต่อรัสเซียขยายไปถึงจุดที่ว่า รัสเซียกลายเป็นภัยคุกคามต่อการดำรงอยู่ ทั้งตะวันตกและ NATO แสดงออกชัดเจน ที่จะเอาชนะสงคราม และปกป้องอธิปไตยของยูเครน

    ประธานาธิบดีโจ ไบเดนก็กล่าวว่า สหรัฐฯเข้าร่วมสงครามนี้ ก็เพื่อชนะ และยูเครนไม่มีทางที่จะกลายเป็นชัยชนะของรัสเซีย ส่วนเป้าหมายที่เจาะจงลงไปของตะวันตกคือเอาชนะกองทัพรัสเซียในยูเครน ลบร้างดินแดนที่รัสเซียยึดครองมาได้ และทำลายเศรษฐกิจรัสเซียจากการคว่ำบาตร หากประสบความสำเร็จ รัสเซียจะหลุดจากฐานะการเป็นมหาอำนาจ อ่อนแอลงมาถึงจุดที่ไม่สามารถจะบุกยูเครนได้อีก

    เวลาเดียวกัน ตะวันตกยังแสดงพันธะที่จะนำยูเครนเข้ามาใน NATO แม้จะมีความขัดแย้งในหมู่สมาชิกในประเด็นว่า เมื่อไหร่และอย่างไร Jens Stoltenberg เลขาธิการ NATO กล่าวว่า ท่าทีของ NATO ยังไม่เปลี่ยนแปลง ยูเครนจะต้องกลายเป็นสมาชิกพันธมิตรทางทหารนี้ แต่ก็เน้นว่า ก้าวแรกการจะเข้ามาเป็นสมาชิก NATO ของยูเครน คือ ยูเครนต้องเป็นฝ่ายชนะ จุดนี้คือเหตุผลทำไมสหรัฐฯและประเทศพันธมิตรอื่นๆ จึงให้การสนับสนุนแก่ยูเครน อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

    เป้าหมายของยูเครน

    ไม่มีอะไรจะต้องสงสัยเลยว่า ยูเครนเผชิญภัยคุกคามต่อการดำรงอยู่ จากสถานการณ์ความเป็นไปได้ ที่รัสเซียต้องการแบ่งแยกประเทศนี้เป็นส่วนๆ ทำให้ซากที่หลงเหลืออยู่ของประเทศนี้ ไม่เพียงแต่อ่อนแอทางเศรษฐกิจ แต่ยังไม่สามารถเป็นสมาชิก NATO ทั้งในทางพฤตินัยหรือนิตินัย

    ส่วนยูเครนเองมีเป้าหมายร่วมกับตะวันตก ที่ต้องการเอาชนะ และทำให้รัสเซียอ่อนแออย่างรุนแรง เพื่อให้ยูเครนสามารถกอบกู้ดินแดนที่เสียไป ผู้นำยูเครนยังมุ่งมั่นที่จะเข้าร่วมกับกลุ่ม EU และเป็นสมาชิก NATO และทำให้ยูเครนเป็นส่วนหนึ่งของตะวันตก

    ที่มาภาพ : https://en.wikipedia.org/wiki/Russo-Ukrainian_War#/media/File:2014-03-09_-_Perevalne_military_base_-_0162.JPG

    สถานการณ์รบในปัจจุบัน

    Mearsheimer วิเคราะห์ว่า สมรภูมิรบของสงครามยูเครน พัฒนาเป็นสงครามพร่ากำลัง (attrition warfare) โดยแต่ละฝ่ายมีเป้าหมายทำลายกองกำลังอีกฝ่ายหนึ่ง ทั้งสองฝ่ายยังต้องการยึดดินแดน แต่เป็นเป้าหมายที่สำคัญรองลงมา

    กองทัพยูเครนได้เปรียบช่วงปลายปี 2022 ทำให้สามารถยึดดินแดน Kharkiv และ Kherson คืนมาได้ แต่รัสเซียก็ตอบโต้ โดยการระดมกำลังพล 300,000 คน ปรับกำลังรบ และเรียนรู้ความผิดพลาด การสู้รบในปี 2023 อยู่ทางยูเครนตะวันออก แถบดินแดน Donetsk และ Zaporozhe รัสเซียเป็นฝ่ายที่เหนือกว่าของการรบปี 2023 เพราะได้เปรียบด้านอาวุธปืนใหญ่ ที่เป็นอาวุธที่สำคัญสุด ของการทำสงครามพร่ากำลัง

    สมรภูมิเมือง Bakhmut แสดงถึงความได้เปรียบของรัสเซีย รัสเซียสามารถยึดเมืองนี้ในเดือนพฤษภาคม 2023 แม้จะใช้เวลา 10 เดือน แต่ฝ่ายยูเครนก็เสียหายมาก ยูเครนเปิดยุทธการโต้กลับเมื่อ 4 มิถุนายน ในพื้นที่เขต Donetsk และ Zaporozhe เป้าหมายเพื่อเจาะทะลวงแนวป้องกันรัสเซีย และยึดดินแดนคืนมา แบบเดียวกับในปี 2022 ที่ทำได้สำเร็จในเขต Kharkiv และ Kherson

    Mearsheimer กล่าวว่า การรุกโต้กลับของยูเครน มีความคืบหน้าน้อย เพราะต้องจมปลักกับการรบแบบพร่ากำลังกับกองทัพรัสเซีย ในปี 2022 ทหารยูเครนประสบความสำเร็จในยุทธการ Kharkiv และ Kherson เพราะรัสเซียมีกำลังน้อยกว่า และกระจายออกไปกว้าง แต่รัสเซียไม่อยู่ในสภาพแบบนี้อีกแล้ว ยูเครนต้องโจมตีกับแนวรบ ที่มีการป้องกันเตรียมการอย่างดีของรัสเซีย

    ทิศทางของสงคราม

    Mearsheimer คาดการณ์ว่า รัสเซียจะชนะสงคราม ในความหมายที่ว่า รัสเซียจะเอาชนะและสามารถผนวกดินแดนส่วนหนึ่งของยูเครน ทิ้งให้ยูเครนกลายเป็นซากรัฐที่ล้มเหลว สิ่งที่เป็นผลดีจากสถานการณ์ไม่พึงประสงค์นี้คือ ชัยชนะรัสเซียจะช่วยลดภัยจากสงครามนิวเคลียร์ เพราะการขยายความขัดแย้งเป็นสงครามนิวเคลียร์ มีแนวโน้มจะเกิดขึ้น หากยูเครนรบชนะ และยึดคืนดินแดนทั้งหมดที่เสียไป ทำให้ผู้นำรัสเซียจะคิดอย่างจริงจัง ที่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์ มากอบกู้สถานการณ์

    เป็นที่ชัดเจนว่า สงครามยูเครนคือหายนะภัยที่ใหญ่หลวง ที่มีแนวโน้มจะไม่จบในเร็ววัน และหากจบลง ผลลัพธ์ที่ออกมาจะไม่ใช่สันติภาพที่ยั่งยืน ฝ่ายตะวันตกเดินมาถึงสถานการณ์เลวร้ายนี้ เพราะตะวันตกตัดสินใจที่จะทำให้ยูเครนเป็นป้องปราการของตะวันตกใกล้พรมแดนรัสเซีย

    ยุทธศาสตร์สำคัญคือ นำยูเครนเข้ามาอยู่ใน NATO ทำให้องค์กรชั้นนำของรัสเซียมองว่าเป็นภัยคุกคาม ที่จะต้องขจัดให้ได้ หากสหรัฐฯไม่ดำเนินการที่จะนำยูเครน เข้าเป็นสมาชิก NATO ก็คงไม่มีสงครามที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้ และยูเครนคงจะมีดินแดนเหมือนกับที่เมื่อครั้งได้เอกราชในปี 1991

    เอกสารประกอบ

    The Darkness Ahead: Where the Ukraine War Is Headed, John Mearsheimer, 24 JUN 2023, mearsheimer.substack.com