ThaiPublica > เกาะกระแส > ครม.ชง กกต.อนุมัติงบกลาง 11,112 ล้านบาท ให้ส่วนลดค่าไฟบ้านที่ใช้ไม่เกิน 500 หน่วย/เดือน

ครม.ชง กกต.อนุมัติงบกลาง 11,112 ล้านบาท ให้ส่วนลดค่าไฟบ้านที่ใช้ไม่เกิน 500 หน่วย/เดือน

25 เมษายน 2023


นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ที่มาภาพ : www.thaigov.go.th/

ครม.ชง กกต.อนุมัติงบกลาง 11,112 ล้านบาท ช่วยกลุ่มเปราะบาง – มอบส่วนลด “ค่าไฟ” ช่วยบ้านพักอาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 500 หน่วย/เดือน

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้ (25 เมษายน 2566) ที่ประชุม ครม.รับทราบรายงานสถานการณ์การใช้ไฟฟ้าของประชาชนประเภทบ้านอยู่อาศัยในช่วงฤดูร้อนปี 2566 และเห็นว่ามีความจำเป็นสำหรับมาตรการช่วยเหลือประชาชนระยะเร่งด่วนในส่วนของค่าไฟฟ้า ซึ่งได้รับผลกระทบจากต้นทุนราคาเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้น และสภาพภูมิอากาศของประเทศไทยที่สูงกว่า 40 องศาเซลเซียส ในหลายพื้นที่ของประเทศ ส่งผลให้เกิดความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ซึ่งจะได้นำเสนอคณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณา ให้ความเห็นชอบการใช้งบประมาณสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามที่รัฐธรรมนูญมาตรา 169 (3) กำหนด

แนวทางการช่วยเหลือ ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ราคาพลังงานโลกสูงขึ้น มีดังนี้

1. มาตรการต่อเนื่องของกระทรวงพลังงานที่ได้ดำเนินการอยู่ในช่วงเดือนมกราคม – เมษายน 2566 (การช่วยเหลือค่าไฟฟ้าของกลุ่มเปราะบาง) เพื่อลดผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงสถานการณ์ราคาพลังงานโลกที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากสถานการณ์ขัดแย้งในภูมิภาคยุโรป แม้ราคาพลังงานโลกเริ่มมีการปรับตัวลดลงจากช่วงปี 2565 โดยมีแนวทางช่วยเหลือค่าไฟฟ้าแก่ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน โดยให้ส่วนลดแบบขั้นบันไดแก่ผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยในพื้นที่ของการไฟฟ้านครหลวงและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค รวมทั้งผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่เป็นผู้ใช้ไฟฟ้ารายย่อยของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และผู้ใช้ไฟฟ้าในพื้นที่บริการของกิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ

“สำหรับค่าไฟฟ้างวดเดือนพฤษภาคม – สิงหาคม 2566 (4 เดือน) โดยกำหนดให้เป็นส่วนลดค่าไฟฟ้าก่อนการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราส่วนลดเดียวกันกับช่วงเดือน มกราคม – เมษายน 2566 ดังนี้ (1) ผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าระหว่าง 1-150 หน่วยต่อเดือน ให้ส่วนลดค่าไฟฟ้าจำนวน 92.04 สตางค์ต่อหน่วย โดยมีผลต่างค่าไฟฟ้า ตามสูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (ค่า Ft) เรียกเก็บและส่วนลด 1.39 สตางค์ต่อหน่วย (2) ผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าระหว่าง 151-300 หน่วยต่อเดือน ให้ส่วนลดค่าไฟฟ้าจำนวน 67.04 สตางค์ต่อหน่วย โดยมีผลต่างค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (ค่า Ft) เรียกเก็บและส่วนลด 26.39 สตางค์ต่อหน่วย ทั้งนี้ คาดว่าจะมีผู้ได้รับการช่วยเหลือรวมทั้งสิ้นประมาณ 18.36 ล้านราย ใช้งบประมาณรวมในกรอบไม่เกิน 7,602 ล้านบาท โดยใช้เงินจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 หมวดงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น นายอนุชา กล่าว

2. มาตรการช่วยเหลือประชาชนระยะเร่งด่วน เป็นมาตรการช่วยเหลือประชาชนในส่วนของค่าไฟฟ้า ซึ่งได้รับผลกระทบจากต้นทุนราคาเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้น และสภาพภูมิอากาศของประเทศไทยที่สูงกว่า 40 องศาเซลเซียส ในหลายพื้นที่ของประเทศส่งผลให้เกิดความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 6 โดยให้ส่วนลดแก่ผู้ใช้ฟ้าบ้านอยู่อาศัยในพื้นที่ของการไฟฟ้านครหลวงและการไฟฟ้า และผู้ใช้ไฟฟ้าในพื้นที่บริการของกิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือจำนวน 150 บาทต่อราย โดยกำหนดให้เป็นส่วนลดค่าไฟฟ้าก่อนการคำนวนภาษีมูลค่าเพิ่ม ในรอบบิลเดือนพฤษภาคม 2566 ซึ่งเป็นช่วงเดือนที่มีสถิติความต้องการไฟฟ้าสูงสุดของประเทศและจะเริ่มลดลงในเดือนมิถุนายน

ทั้งนี้ เพื่อเป็นลดภาระของผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 500 หน่วยต่อเดือน จำนวน 23.40 ล้านราย โดยจะใช้งบประมาณรวมในกรอบไม่เกิน 3,510 ล้านบาท จากงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ในหมวดงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น

เนื่องจากปัจจุบันอยู่ในห้วงการยุบสภา คณะรัฐมนตรีจะต้องดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะได้นำเสนอคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พิจารณา ให้ความเห็นชอบการใช้งบประมาณสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามที่รัฐธรรมนูญมาตรา 169 (3) กำหนด

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีนายกรัฐมนตรียืนยันถึงความพยายามของรัฐบาล ในแก้ไขปัญหาไฟฟ้าแพงเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ที่ผ่านมารัฐบาลดูแลลดภาระให้แก่กลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้ากลุ่มเปราะบางที่ใช้ไฟฟ้า 1-300 หน่วย ครอบคลุมกว่าร้อยละ 80 ครัวเรือน ขณะเดียวกัน รัฐบาลก็เดินหน้าเปลี่ยนผ่านการใช้พลังงานของประเทศ โรงไฟฟ้าสีเขียว สำหรับภาคอุตสาหกรรม เพื่อเป็นคาร์บอนเครดิตของประเทศ และส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ในอนาคตเชื่อว่า การใช้พลังงานสะอาดของไทยจะมีสัดส่วนที่จะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับพลังงานที่มาจาก fossil สอดคล้องกับทิศทางและแนวโน้มโลกในการใช้พลังงานสีเขียว