ThaiPublica > เกาะกระแส > นายกฯย้ำปลดล็อก “กัญชา” ยังไม่เสรี 100%-มติ ครม.ผ่าน กม.คู่ชีวิต-เพศเดียวกันจดทะเบียนสมรสได้

นายกฯย้ำปลดล็อก “กัญชา” ยังไม่เสรี 100%-มติ ครม.ผ่าน กม.คู่ชีวิต-เพศเดียวกันจดทะเบียนสมรสได้

7 มิถุนายน 2022


พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ที่มาภาพ : www.thaigov.go.th

นายกฯ-ปัดข่าวขึ้นหัวหน้าพรรค พปชร.-สั่งหารือด่วนรับมือน้ำมันทะลุ 150 บาท/บาร์เรล-รับทราบคลัง-ธปท.แจงเงินเฟ้อ-ส่งซิกคงดอกเบี้ย-ย้ำปลดล็อก “กัญชา” 9 มิ.ย.นี้ ยังไม่เสรี 100%-ยกร่าง กม.คู่ชีวิต เปิดทางเพศเดียวกันจดทะเบียนสมรส ยึดหลักความเสมอภาค-มติ ครม.เพิ่มวงเงินปล่อยกู้ “บ้านล้านหลัง” เป็น 1.5 ล้านบาท/ราย-ขยายไลน์ธุรกิจ บขส.รับ-ส่งสินค้า-พัสดุภัณฑ์-“วิษณุ” ชงตั้ง คกก.คุมกัญชา หลังปลดล็อกจากยาเสพติด

เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2565 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังการประชุม ครม.วันนี้ นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนดังนี้

ย้ำยุทธศาสตร์ท่องเที่ยวภูเก็ต ต้องสอดคล้อง Soft Power

พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า “อยากจะเล่าประสบการณ์ช่วงที่เดินทางไปภูเก็ต ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี ทุกคนดีใจที่ภูเก็ตกลับมาฟื้นคืนสภาพได้ ถึงแม้ว่าจะไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ดีขึ้นจากสถิตินักท่องเที่ยวที่เข้ามาและเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้น ถือว่ารัฐบาลได้ตัดสินใจทันเวลาพอดีในช่วงเริ่ม Sandbox ก็คืบหน้าตามลำดับ”

พลเอกประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ในการประชุมครม.วันนี้มีการเสนอยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวของภูเก็ตว่าจะต้องทำอย่างไรให้การท่องเที่ยวยั่งยืน โดยต้องมีหลายกิจกรรม ไม่ใช่แค่มาค้างคืนแล้วไปเที่ยว แต่การท่องเที่ยวแนวใหม่ ต้องสอดคล้องกับ soft power

สั่งหารือด่วนรับมือน้ำมันทะลุ 150 บาท/บาร์เรล

พลเอกประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ในการประชุม ครม.วันนี้ รัฐบาลยังคงเดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายฟื้นฟูประเทศ และเศรษฐกิจจากวิกฤติโควิด-19 และความไม่สงบในยุโรป ซึ่งปัจจุบันต้นทุนพลังงานน้ำมันมากกว่า 150 บาทต่อบาร์เรล ดังนั้น ต้องหาวิธีการที่เหมาะสมในการใช้จ่ายงบประมาณที่มีอย่างจำกัด โดยรัฐบาลพยายามทำให้ประชาชนเดือดร้อนน้อยที่สุด จึงสั่งการให้ประชุมหารือวาระเร่งด่วนในการแก้ปัญหาอย่างต่อเนื่อง

เปิดตัวแอปฯ ‘Treasure Thailand’ บริการนักท่องเที่ยวต่างชาติ

พลเอกประยุทธ์ กล่าวต่อว่า กระทรวงวัฒนธรรมได้พัฒนาแอปพลิเคชัน ‘Treasure Thailand’ ซึ่งให้บริการการท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและต่างประเทศให้สามารถวางแผนการเดินทางทุกระบบขนส่งมวลชนได้อย่างสะดวกสบาย มีการแนะนำร้านอาหาร สถานที่เที่ยวสำคัญของไทยใน 77 จังหวัด อีกทั้งโบราณสถาน ตลาดน้ำ วัด พิพิธภัณฑ์ จนถึงแหล่งท่องเที่ยวชุมชน รวมทั้งกิจกรรมหลากหลายในแต่ละจังหวัดด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ โดยเฉพาะ Metaverse

“วันนี้โลกกำลังเดินหน้าไปด้วย Metaverse เรียกว่าพาเที่ยวทิพย์ผ่านโลกเสมือนจริง ระบบสามมิติ ในรูปแบบวีอาร์ 360 องศา โดยมีตัวละครในวรรณคดีของไทยพาชมพาชิม สร้างแรงจูงใจในการท่องเที่ยว ส่งเสริมวัฒนธรรมไทยของเราเป็น Soft Power ที่สำคัญ ตลอดจนการส่งเสริมการเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมไทย ประวัติศาสตร์ เชิญชวนพี่น้องประชาชนดาวน์โหลดแอปได้แล้ว วันนี้ทั้งในระบบ IOS และ Android” พลเอกประยุทธ์กล่าว

มอบ แนวทาง ศบค.กำหนดเวลาเปิด-ปิดสถานบริการ

พลเอกประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ในการประชุมวันนี้มีการหารือเรื่องการเปิดให้บริการสถานบริการ โดยตนได้ให้แนวทางแก่ ศบค.พิจารณา เพื่อไม่ให้ทับซ้อนกับกฎหมายเดิม โดยต้องประเมินเวลาการปิดให้บริการของสถานบริการ และดูว่าแนวทางของ ศบค.จะสามารถทำได้มากน้อยแค่ไหน เนื่องจากกฎหมายเก่ายังมีผลบังคับใช้อยู่ ดังนั้นการแก้ข้อบังคับจะไปกระทบกับกฎหมายเดิม

“เรื่องการถอดหน้ากากก็อีกเรื่อง ตอนนี้ ศบค.พิจารณาอยู่ ผมคิดว่าหลายคนยังไม่อยากถอด หลายคนก็อยากถอด บางอย่างเป็นเรื่องของความสมัครใจด้วย ไม่ใช่ประกาศให้ถอดแล้วทุกคนต้องถอดหมด หลายคนยังไม่ไว้ใจ เขาก็ไม่ถอด” พลเอกประยุทธ์ กล่าว

ย้ำปลดล็อก “กัญชา” 9 มิ.ย.นี้ ยังไม่เสรี 100%

พลเอกประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ประเด็นสำคัญในครม.วันนี้คือ การบังคับใช้กฎหมาย กรณีกัญชา – กัญชง ได้ถูกถอดจากบัญชียาเสพติดประเภทที่ 5 ตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2565 โดยเฉพาะการปลูก เสพ สูบ สามารถทำได้โดยกฎหมาย ทั้งนี้ไม่ใช่การเปิดเสรี 100% เนื่องจากพิษของกัญชา ทำให้รัฐต้องควบคุมบางเรื่อง อาทิ การสูบต้องไม่ก่อความรำคาญกับผู้อื่น การสูบแล้วขับรถอาจผิดกฎหมาย การใช้ช่อดอกซึ่งมีสารเสพติด ห้ามการจำหน่ายแก่เด็ก การผลิตภัณฑ์เพื่อจำหน่ายต้องมีการเสียภาษี เป็นต้น

พลเอกประยุทธ์ รายงานว่า ปัจจุบันกฎหมายดังกล่าวอยู่ระหว่างการเสนอร่างกฎหมายต่อรัฐสภา แต่ตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป จนถึงวันที่กฎหมายมีผลบังคับใช้ จะมีได้ตั้งคณะกรรมการบูรณาการพืชกัญชาและกัญชง ประกอบด้วย นายกฯ รองนายกฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข , รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม , คณะกรรมการ ปปส. , คณะแพทย์ , พม. , ศุลกากร , ตำรวจ , นักวิชาการ และภาคประชาชน เพื่อกำกับดูแลช่วงรอยต่อให้เป็นไปตามความเรียบร้อย โดยจะต้องสร้างการรับรู้ให้ประชาชนตลอดจนเรื่องร้องเรียนต่างๆ และเรื่องที่อาจเป็นปัญหาจากความไม่เข้าใจซึ่งกันและกัน

ยกร่าง กม.คู่ชีวิต ยึดหลักความเสมอภาค-สิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน

พลเอกประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ในที่ประชุม ครม.วันนี้ ยังมีการเสนอร่าง พ.ร.บ.คู่ชีวิต ซึ่งเป็นกฎหมายที่สร้างสรรค์สังคม สอดคล้องกับทิศทางการเปลี่ยนแปลงของโลก โดยเฉพาะเรื่องความเสมอภาค และความหลากหลายทางเพศ และสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานที่ต้องได้รับการคุ้มครองตามหลักสากล โดยขั้นตอนหลังจากนี้จะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของรัฐสภา

พลเอกประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมารัฐบาลมอบหมายให้กระทรวงยุติธรรมศึกษาในเรื่องนี้และรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน ทั้งภาคประชาชนและผู้แทนทุกศาสนา

“การหมั้น หรือ สมรสของบุคคลเพศเดียวกัน ส่งผลกระทบต่อกฎหมายเดิมหลายฉบับ ต้องมีการปรับแก้ไขไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อกัน เพราะความเป็นครอบครัว มันส่งผลผูกพันในหลายเรื่อง เช่น มรดก ทรัพย์สิน การเป็นทายาท การรับบุตรบุญธรรม และการอุ้มบุญ” พลเอกประยุทธ์ กล่าว

รับทราบคลัง-ธปท.แจงเงินเฟ้อ-ส่งสัญญาณคงดอกเบี้ย

พลเอกประยุทธ์ ยังตอบคำถามเรื่องสถานการณ์เงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้นว่า “เงินเฟ้อวันนี้มันสูงขึ้นตามลำดับ มันมีทั้งโอกาสที่จะเพิ่มขึ้น และโอกาสลดลง มันเป็นปัญหาสำคัญของทั้งโลก ก็ต้องหาวิธีการแก้ไขปัญหา แต่จะแก้ปัญหาได้มากน้อยเพียงใด ก็ขึ้นกับสถานการณ์ภายนอกด้วย”

โดยกระทรวงการคลังได้นำเรื่องนี้พิจารณาร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย และธนาคารพาณิชย์ เพื่อหารือในประเด็นดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามต่อในประเด็นการคงอัตราดอกเบี้ย พลเอกประยุทธ์ตอบว่า “ตอนนี้ที่รับทราบจากรายงาน ยังคงตรงนี้ไว้ก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้เงินไหลออกนอกประเทศทำนองนี้ เป็นหลักการทางเศรษฐศาสตร์อยู่แล้ว”

ปัดข่าวขึ้นหัวหน้าพรรค พปชร.

ถามถึงกระแสข่าวว่าพลเอกประยุทธ์ จะเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ โดยพลเอกประยุทธ์ ชี้แจงว่า “ผมก็เพิ่งได้ยินเมื่อเช้าเหมือนกัน ผมก็ไม่รู้ว่าท่านได้แหล่งข่าวนี้มาจากไหน ผมไม่ได้มีอะไรทั้งสิ้น ผมก็ยังทำงานอยู่เหมือนเดิม แล้วทุกอย่างกำลังเดินหน้าไปได้ด้วยดี ก็คงต้องตอบได้แค่นี้ เพราะไม่รู้ข่าวนี้มาจากไหน ผมยังไม่ทราบแล้ว”

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ‘พลเอกประวิตรบอกว่าให้ไปถาม (พลเอกประยุทธ์) ว่าไปต่อไหม’ พลเอกประยุทธ์ รีบตอบทันทีว่า “ไปต่อคืออะไร” ก่อนจะบอกต่อว่า “ผมยังไม่คิดไปไกลขนาดนั้น (ทำพรรคการเมืองและเป็นคนนำการเลือกตั้ง) ผมคิดว่าทำยังไงจะประคับประคองรัฐบาลนี้ให้ไปถึงครบวาระ เรื่องวันหน้าก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ขึ้นกับประชาชน”

พลเอกประยุทธ์ กล่าวต่อว่า เสถียรภาพรัฐบาลยังเหนียวแน่น ไม่เป็นปัญหาอะไร เพราะจากการอภิปรายเรื่องงบประมาณที่ผ่านมาในสภา ทุกคนช่วยเหลือกันดี ทำให้มติเห็นชอบและมีผลให้กฎหมายดำเนินต่อไป

แจงซื้อ GT 200 เป็นเรื่องเก่ายุติแล้ว-งบฯปี’66 ไม่มี

พลเอกประยุทธ์ ตอบผู้สื่อข่าวถึงประเด็น GT200 ว่า “กลาโหมเขาก็ชี้แจงไปแล้ว อันนั้นเป็นเรื่องปี 2565 อัยการสูงสุดก็ชี้แจงมาแล้วว่ามันจบแล้ว เรียกร้องค่าเสียหาย ก็เริ่มไปแล้ว ดำเนินการไปแล้ว ส่วนที่ตรวจสอบก็ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบแล้ว เพราะฉะนั้นงบประมาณปี 2566 ไม่มีตรงนี้ เป็นเรื่องของปี 2565 แล้ว มันตรวจสอบไปครึ่งหนึ่ง หลังจากนี้ก็มีข้อยุติจากอัยการสูงสุดแล้ว ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องใช้งบประมาณ อย่าเอามาปนกัน”

จัดงานของดีศรีสะเกษ 9-15 มิ.ย.นี้

ดร.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รายงานว่า วันนี้ก่อนเริ่มประชุม ครม. กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์จัดนิทรรศการสิ่งบ่งชี้ภูมิศาสตร์ และนายกฯ รวมถึง ครม.ได้ชิม ‘ทุเรียนภูเขาไฟ’ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) จึงมีการจัดงานทุเรียนภูเขาไฟและของดีศรีสะเกษ ระหว่างวันที่ 9-15 มิถุนายน 2565 ณ สนามหน้าศาลากลางจังหวัดศรีสะเกษ ภายในงานยังมีสินค้าที่สำคัญคือ ‘เนื้อวัววากิว’ ซึ่งเป็นของดีประจำจังหวัด ที่มียอดการส่งออกเป็นอันดับสองของประเทศ โดยกรมทรัพย์สินจะประสานกับเชฟมิชลิน เพื่อทำเป็นอาหารในเมนูมิชลิน

มติ ครม.มีดังนี้

ดร.รัชดา ธนาดิเรก และน.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมกันแถลงข่าวผลการประชุม ครม. (ซ้าย-ขวา)
ที่มาภาพ : www.thaigov.go.th/

ผ่านร่าง พ.ร.บ.คู่ชีวิต-เพศเดียวกันจดทะเบียนสมรสได้ตาม กม.

ดร.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าที่ประชุม ครม.เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติคู่ชีวิต พ.ศ. …. และร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ เพื่อเป็นกฎหมายที่รองรับความสัมพันธ์ของการอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวระหว่างบุคคลเพศเดียวกัน โดยมีการอุปการะเลี้ยงดูและมีความสัมพันธ์ในด้านอื่นๆ ไม่แตกต่างไปจากคู่สมรส

ทั้งนี้ กระทรวงยุติธรรมได้ดำเนินการรับฟังความคิดเห็นครอบคลุมทุกกลุ่มในทุกมิติเรียบร้อยแล้ว โดยกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศต้องการกฎหมายที่รับรองสิทธิในการก่อตั้งครอบครัว และผู้แทนกลุ่มศาสนาพุทธ ศาสนาคริสต์ และศาสนาอิสลาม ไม่ขัดข้องต่อกฎหมายดังกล่าว เพราะเข้าใจว่าประเทศไทยเป็นสังคมพหุวัฒนธรรม ซึ่งร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับ มีรายละเอียดดังนี้

ร่างพระราชบัญญัติคู่ชีวิต พ.ศ. …. ฉบับนี้ ให้สิทธิและหน้าที่คู่ชีวิต เช่น 1) หน้าที่ในการอุปการะเลี้ยงดูซึ่งกันและกัน 2) อำนาจจัดการแทนผู้เสียหายในคดีอาญาเช่นเดียวกับสามีหรือภริยา 3) สิทธิรับบุตรบุญธรรมร่วมกัน 4) สิทธิรับมรดกในฐานะทายาทโดยธรรม 5) สิทธิและหน้าที่ในการเป็นผู้อนุบาลหรือผู้พิทักษ์ หากอีกฝ่ายเป็นคนไร้ หรือเสมือนไร้ความสามารถ 6) สิทธิเซ็นยินยอมให้รักษาพยาบาลอีกฝ่าย และ 7) สิทธิจัดการศพ สำหรับสาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ. อาทิ

    1. คู่ชีวิต หมายถึง บุคคลสองคนซึ่งเป็นเพศเดียวกันโดยกำเนิด และได้จดทะเบียนคู่ชีวิตตาม พ.ร.บ. นี้
    2. กำหนดให้ศาลที่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีเยาวชนและครอบครัว มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีตาม พ.ร.บ. นี้
    3. การจดทะเบียนคู่ชีวิตจะทำได้ต่อเมื่อบุคคลทั้งสองฝ่ายยินยอม มีอายุ 17 ปีบริบูรณ์ และทั้งสองมีสัญชาติไทย หรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีสัญชาติไทย รวมทั้งกำหนดบุคคลต้องห้ามไม่ให้จดทะเบียนคู่ชีวิต เช่น ทั้งสองคนเป็นญาติสืบสายโลหิตกัน เป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาหรือร่วมแต่บิดาหรือมารดา เป็นต้น
    4. กรณีที่ผู้เยาว์จะจดทะเบียนคู่ชีวิต ต้องได้รับความยินยอมของบิดา มารดา ผู้รับบุตรบุญธรรม ผู้ปกครอง หรือศาล และเมื่อจดทะเบียนคู่ชีวิตแล้วผู้เยาว์ย่อมบรรลุนิติภาวะ
    5. กำหนดบทบัญญัติเพื่อรองรับลักษณะความสัมพันธ์ของคู่ชีวิต เช่น ต้องอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวและช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูกันตามความสามารถและฐานะของตน
    6. คู่ชีวิตมีอำนาจจัดการแทนผู้เสียหายเช่นเดียวกับสามีหรือภริยา และมีอำนาจดำเนินคดีต่างผู้ตายต่อไปเช่นเดียวกับสามีหรือภริยาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ป. วิ อาญา)
    7. ทรัพย์สินระหว่างคู่ชีวิต แบ่งเป็นสินส่วนตัวและทรัพย์สินร่วมกัน
    8. การสิ้นสุดการเป็นคู่ชีวิต คู่ชีวิตย่อมสิ้นสุดลงด้วยความตาย ศาลพิพากษาให้เพิกถอน หรือการเลิกการเป็นคู่ชีวิต รวมทั้งกำหนดเหตุฟ้องเลิกการเป็นคู่ชีวิต เช่น คู่ชีวิตฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องผู้อื่นฉันคู่ชีวิต ประพฤติชั่ว ทำร้าย ทรมานร่างกายหรือจิตใจ จงใจละทิ้งอีกฝ่ายหนึ่งไปเกิน 1 ปี
    9. บุตรบุญธรรม เมื่อคู่ชีวิตได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขใน พ.ร.บ. นี้ และ ป.พ.พ. แล้ว สามารถรับบุตรบุญธรรมได้ รวมทั้งคู่ชีวิตฝ่ายหนึ่งจะจดทะเบียนรับผู้เยาว์ซึ่งเป็นบุตรบุญธรรมของคู่ชีวิตอีกฝ่ายหนึ่งมาเป็นบุตรบุญธรรมของตนด้วยก็ได้
    10. เมื่อคู่ชีวิตฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตาย ให้คู่ชีวิตอีกฝ่ายหนึ่งมีสิทธิและหน้าที่เช่นเดียวกับคู่สมรสตามบทบัญญัติใน ป.พ.พ. ว่าด้วยมรดก
    11. กำหนดให้นำบทบัญญัติในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิย์ (ป.พ.พ.) ว่าด้วยคู่สมรส ครอบครัว และบุตรบุญธรรม มาใช้บังคับแก่คู่ชีวิตด้วยโดยอนุโลมในบางกรณี

ดร.รัชดา กล่าวต่อว่า ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. มีสาระสำคัญ ดังนี้ 1. ชายหรือหญิงจะทำการสมรสในขณะที่ตนมี “คู่สมรส” หรือ “คู่ชีวิต” อยู่ไม่ได้ 2. กำหนดให้เหตุฟ้องหย่ารวมถึง กรณีสามี หรือ ภริยาอุปการะเลี้ยงดู หรือ ยกย่องผู้อื่นฉัน “คู่ชีวิต” 3. ให้สิทธิรับค่าเลี้ยงชีพในกรณีหย่าหมดไป ถ้าฝ่ายที่รับค่าเลี้ยงชีพสมรสใหม่ หรือ จดทะเบียนคู่ชีวิต ทั้งนี้ สิทธิที่เกี่ยวข้องกับคู่ชีวิตในกฎหมายฉบับอื่นๆ จะมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อปรับปรุงแก้ไขต่อไป ภายหลังจากร่าง พ.ร.บ.นี้ มีผลบังคับใช้

นายกฯขอบคุณพรรคร่วมฯผ่านร่าง กม.งบฯปี’66

ดร.รัชดา กล่าวต่อว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ขอบคุณพรรคร่วมรัฐบาล รวมถึงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในการชี้แจงและลงมติผ่าน พ.ร.บ.งบประมาณปี 2566 เพื่อเบิกจ่ายในการบริหารราชการ และการดำเนินโครงการพัฒนาประเทศต่าง ๆ ในปี 2566 ย้ำ ขอให้ใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่า ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนและประเทศชาติ เพราะงบประมาณทุกบาททุกสตางค์คือเงินภาษีของประชาชน

สำหรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายกฯไม่ได้มีความกังวลใจอะไร เชื่อมั่นรัฐมนตรีทุกท่านมีข้อมูลพร้อมชี้แจงอยู่แล้ว และอยากเห็น ส.ส. รุ่นใหม่ มีบทบาทช่วยขยายความเผยแพร่การทำงานภาครัฐผ่านช่องทางที่หลากหลาย เพราะคนรุ่นใหม่สื่อสารกับคนรุ่นๆเดียวกันอาจจะเข้าใจกันมากกว่า

เพิ่มวงเงินปล่อยกู้ “บ้านล้านหลัง” เป็นรายละ 1.5 ล้าน

ดร.รัชดา กล่าวว่าครม.เห็นชอบปรับเงื่อนไขการปล่อยสินเชื่อโครงการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยแห่งรัฐ หรือโครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 2 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยปรับเงื่อนไขในการปล่อยสินเชื่อของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) จากเดิมที่กำหนดราคาซื้อขายหลักประกันต่อหน่วยและวงเงินกู้สูงสุดต่อรายไม่เกิน 1,200,000 บาท ปรับเป็นไม่เกิน 1,500,000 บาท เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง สำหรับผลการดำเนินงานโครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 2 ณ วันที่ 29 มี.ค.2565 ธอส.อนุมัติสินเชื่อไปแล้ว จำนวน 12,007 ราย วงเงินรวม 10,281.30 ล้านบาท จากกรอบวงเงินโครงการทั้งสิ้น 20,000 ล้านบาท ส่วนวงเงินคงเหลือภายใต้โครงการดังกล่าวจำนวน 9,718.70 ล้านบาท ธอส.จะดำเนินการปล่อยสินเชื่อต่อไป

เห็นชอบกรอบเจรจาข้อตกลงการค้า “ไทย-EFTA”

ดร.รัชดา กล่าวว่าที่ประชุม ครม.เห็นชอบให้ไทยเข้าร่วมเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรีกับสมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (European Free Trade Association: EFTA) พร้อมทั้งเห็นชอบกรอบการเจรจาการจัดทำความตกลง เพื่อใช้เป็นแนวทางในการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าระหว่างกัน ซึ่งทั้งสองฝ่ายจะเริ่มเจรจาในวันที่ 20 มิถุนายน 2565 ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (European Free Trade Association: EFTA) ประกอบด้วยสมาชิก 4 ประเทศ ได้แก่ สวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ และลิกเตนสไตน์ ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพและมีความสนใจที่จะจัดทำความตกลงการค้าเสรีกับไทย กระทรวงพาณิชย์จึงได้หารือร่วมกับสมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (EFTA) เพื่อจัดทำร่างกรอบการเจรจาขึ้น ซึ่งมีสาระสำคัญมีดังนี้

    1) การค้าสินค้า มุ่งเน้นการลด/ยกเลิกอุปสรรคด้านภาษี
    2) กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า ปรับปรุงระเบียบปฏิบัติในการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าให้มีความโปร่งใส
    3) พิธีการศุลกากรและการอำนวยความสะดวกทางการค้า
    4) มาตรการปกป้องและเยียวยาทางการค้า กำหนดมาตรการเพื่อปกป้องและเยียวยาภาคการเกษตรและอุตสาหกรรมภายในประเทศ
    5) มาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช จัดตั้งกลไกการหารือเพื่อแลกเปลี่ยนความร่วมมือ
    6) อุปสรรคทางเทคนิคต่อการค้า ส่งเสริมความร่วมมือเพื่อจัดการกับปัญหาและอุปสรรค
    7) การค้าและบริการ กำหนดกฎเกณฑ์การค้าบริการที่มีมาตรฐานสูงในระดับสากล และให้มีการเปิดตลาดการค้าบริการอย่างค่อยเป็นค่อยไป
    8) การลงทุน เปิดเสรีการลงทุนในสาขาที่ไทยมีศักยภาพ
    9) พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ส่งเสริมและอำนวยความสะดวกทางการค้า ผ่านระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
    10) ทรัพย์สินทางปัญญา ให้ระดับการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาสอดคล้องกับกฎหมายและแนวทางปฏิบัติของไทย
    11) การแข่งขัน ส่งเสริมให้มีนโยบายด้านการแข่งขันที่เป็นธรรม
    12) การจัดซื้อจัดจ้างโดยรัฐ ส่งเสริมให้มีความโปร่งใส
    13) การค้าและการพัฒนาที่ยั่งยืน ส่งเสริมการคุ้มครองสิทธิแรงงานและการคุ้มครองด้านสิ่งแวดล้อมตามข้อตกลงระหว่างประเทศที่ไทยเป็นภาคี
    14) ความร่วมมือและการเสริมสร้างศักยภาพ ส่งเสริมให้มีความร่วมมือด้านเทคนิคและด้านเศรษฐกิจ
    15) ข้อบททั่วไป ให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อกำกับดูแลการดำเนินงานภายใต้ความตกลง
    16) การระงับข้อพิพาทระหว่างรัฐ ให้จัดตั้งกระบวนการระงับข้อพิพาท เปิดโอกาสให้ใช้อนุญาโตตุลาการสาหรับกรณีพิพาทที่ภาคีทั้งสองฝ่ายไม่สามารถแก้ปัญหากันด้วยการหารือได้

ดร.รัชดากล่าวด้วยว่า หากประเทศไทยเข้าร่วมความตกลงการค้ากับ EFTA แล้ว จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการส่งออกสินค้าและการลงทุนไปยังกลุ่มประเทศ EFTA ได้มากขึ้น เช่น สินค้าเกษตร (ข้าว ข้าวโพดหวาน เนื้อสุกร) ยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ อุตสาหกรรมอาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป และมีสินค้าที่จะเข้ามายังประเทศไทยมากขึ้น เช่น ปุ๋ยเคมี พลังงานสะอาด เป็นต้น ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ทำให้ GDP ขยายตัวร้อยละ 0.179 ต่อปี ได้ดุลการค้าเพิ่มขึ้นประมาณ 2,269 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม อาจมีผลกระทบกับบางภาคส่วนที่ไม่สามารถปรับตัวได้และผู้ประกอบการอาจต้องเผชิญกับมาตรฐานกฎระเบียบที่เพิ่มมากขึ้น เช่น การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา การคุ้มครองสิทธิแรงงาน เป็นต้น ซึ่งรัฐบาลมีมาตรการดูแลและเยียวยากลุ่มผู้ได้รับผลกระทบ ทั้งนี้ ปัจจุบันไทยมี FTA จำนวน 14 ฉบับ ส่งผลให้ไทยมีการค้ากับประเทศที่มี FTA ครอบคลุม ร้อยละ 64 ของการค้าทั้งหมดของประเทศ

“วิษณุ” ชงตั้ง คกก.คุมกัญชา หลังปลดล็อกจากยาเสพติด

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้รายงานให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทราบถึงแนวทางที่รัฐบาลได้เตรียมการ เพื่อรองรับกรณีประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 พ.ศ. 2565 จะบังคับตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป และจะมีผลให้ทุกส่วนของกัญชา กัญชง ไม่เป็นยาเสพติด ยกเว้นสารสกัดที่มีสาร THC เกินร้อยละ 0.2 โดยน้ำหนัก

โดยนายวิษณุ ได้รายงานต่อที่ประชุม ครม. ว่าในระหว่างที่ พ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ… ซึ่งจะเป็นกฎหมายกำหนดแนวทางปฏิบัติ เพื่อดูแลการใช้กัญชากัญชงอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้เมื่อประกาศกระทรวงสาธารณสุขฯ มีผลบังคับเป็นไปด้วยความเรียบร้อย รัฐบาลเตรียมตั้งคณะกรรมการบูรณาการนโยบายพืชกัญชาและกัญชง โดยคำสั่งนายกรัฐมนตรี โดยมีองค์ประกอบคณะกรรมการ ประกอบด้วยรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม คณะกรรมการ ป.ป.ส. ปลัดกระทรวง กระทรวงต่างๆ อาทิ กระทรวงการต่างประเทศ , กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ , กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ , อธิบดีกรมศุลกากร , ตำรวจ , คณบดีคณะแพทย์ศาสตร์จุฬาฯ , โรงพยาบาลรามาธิบดี , โรงพยาบาลศิริราช นักวิชาการ และภาคประชาชน

คณะกรรมการบูรณาการนโยบายพืชกัญชาฯ จะทำหน้าที่ในประเด็นต่างๆ อาทิ การรับคำร้องทุกข์ การหามาตรการทางกฎหมาย เพื่อดูแลปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในระหว่างวันที่ 9 มิถุนายน 2565 ไปจนกว่า พ.ร.บ.กัญชาฯ จะมีผลใช้บังคับ รวมถึงการทำความเข้าใจกับองค์กรระหว่างประเทศ โดยเฉพาะInternational Narcotic Control Board หรือ INCB ถึงนโยบายและแนวทางปฏิบัติในประเทศไทยระหว่างที่ พ.ร.บ.กัญชาฯ ยังไม่มีผลบังคับ ทำความเข้าใจกับประเทศเพื่อนบ้านซึ่งมีชายแดนติดกับประเทศไทยเพื่อไม่ให้เกิดปัญหากัญชาล้นทะลักระหว่างกันภายหลังเปิดกัญชาเสรี

ตลอดจน การทำความเข้าใจกับประชาชนเกี่ยวกับพิษภัยของกัญชา กัญชง ที่มีอยู่ ซึ่งมีพฤติการณ์หลายอย่างที่รัฐจะยังควบคุมแม้ตามกฎหมายกัญชา กัญชงจะไม่เป็นยาเสพติดแล้ว เช่น การสูบ เสพจะต้องไม่สร้างความรำคาญแก่ผู้อื่นไม่เช่นนั้นจะเป็นความผิด หรือเสพแล้วขับรถก็จะมีความผิดตามกฎหมายจราจร การขายกัญชา กัญชงให้เด็กและสตรีมีครรภ์จะมีความผิดตามกฎหมายอื่นได้ แนวทางการใช้ช่อดอกกัญชาที่ต้องระวัง รวมถึงกรณีการนำกัญชาไปแปรรูปอาจจะเสียภาษีตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องได้ เป็นต้น

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า รองนายกรัฐมนตรียังได้แจ้งที่ประชุม ครม. ทราบถึงผลทางกฎหมายตั้งแต่วันที่ 9 มิ.ย. 2565 ประชาชนทั่วไปจะสามารถปลูกกัญชาได้ รวมถึงการเสพ การสูบ การบริโภค กัญชา กัญชง สามารถทำได้โดยถูกกฎหมาย ขณะที่การผลิตสารสกัดจากกัญชา กัญชง ที่มีค่า THC ไม่เกินร้อยละ 0.2 จะไม่เป็นยาเสพติด

นอกจากนี้ ยังจะมีผลให้ต้องมีการปล่อยนักโทษและผู้ต้องขังในคดีกัญชาประมาณ 4,227 คน ต้องจำหน่ายคดีกัญชาที่อยู่ในศาล 7,488 คดี เงินที่ยึดไว้ในคดีกัญชา 110 ล้านบาท ต้องคืนให้แก่เจ้าของ และกัญชาของกลางที่ยึดไว้รอคำพิพากษา 16,030 กิโลกรัม จะต้องคืนแก่เจ้าของเช่นกัน ซึ่งกัญชาจำนวนนี้ไม่สามารถเผาทำลายได้ เนื่องจากศาลยังไม่มีคำพิพากษาให้ตกเป็นของแผ่นดิน ซึ่งในส่วนนี้จะต้องมีมาตรการมาดูแลเพื่อป้องกันปัญหาการกระจายกัญชาส่วนนี้สู่ท้องตลาดต่อไป

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ความคืบหน้าของ พ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ… ขณะนี้ มีร่างกฎหมายอยู่ 2 ฉบับที่อยู่ระหว่างการเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร์ คือร่างของพรรคภูมิใจไทย และของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นกฎหมายเกี่ยวกับการเงินที่นายกรัฐมนตรีรับรองก่อนเสนอไปยังสภาฯ แล้ว ซึ่งทั้ง 2 ร่างจะเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ ในวันที่พรุ่งนี้ (8 มิถุนายน 2565)

“รองนายกรัฐมนตรีได้เรียนให้ ครม. ทราบว่าขณะนี้ทัศนคติประชาชนในเวลานี้ไปในทางที่มองว่าควรจะเปิดเสรีกัญชาได้ และอีกไม่ช้าก็จะมีกฎหมายมาควบคุมอยู่แล้ว ซึ่งหลักการของกฎหมายก็ได้วางเรื่องสำคัญๆ ไว้ได้ดี เช่น ห้ามจำหน่ายกัญชา ให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี รวมถึงหญิงมีครรภ์ การห้ามโฆษณากัญชาในสื่อวิทยุ โทรทัศน์ แต่ในระหว่างที่กฎหมายยังไม่มีผลบังคับนี้ รัฐบาลจะตั้งคณะกรรมการโดยคำสั่งนายกรัฐมนตรีเพื่อทำหน้าที่ไปช่วงระยะเวลาหนึ่งก่อน แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลได้เตรียมรับมือกับเรื่องนี้ไว้แล้วและจะสามารถรับมือประเด็นต่างๆได้ภายใต้กฎหมายที่มีอยู่ในปัจจุบัน” น.ส.ไตรศุลี กล่าว

ยกเว้น VISA นักท่องเที่ยวซาอุฯพำนักไทยได้ 30 วัน

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.อนุมัติในหลักการการเพิ่มซาอุดีอาระเบียในรายชื่อประเทศที่ผู้ถือหนังสือเดินทาง หรือ เอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อการท่องเที่ยวได้รับการยกเว้นการตรวจลงตรา และอยู่ในราชอาณาจักรไม่เกิน 30 วัน ทั้งนี้เป็นผลจากการที่นายกรัฐมนตรีได้เดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการและทั้งสองฝ่ายได้ประกาศปรับความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันให้กลับสู่ระดับปกติอย่างสมบูรณ์ ผลการหารือที่สำคัญด้านหนึ่งคือ การส่งเสริมการติดต่อระหว่างภาคประชาชน โดยจะทำให้มีชาวซาอุดีอาระเบียเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยมากขึ้น จากเดิมรัฐบาลซาอุดีอาระเบียจะอนุญาตให้ชาวซาอุดีอาระเบียเดินทางมายังประเทศไทยปีละประมาณ 30,000 คน เพิ่มขึ้นเป็นปีละ 100,000-150,000 คน

ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2565 ทุกหน่วยงานไม่มีข้อขัดข้องที่จะเพิ่มซาอุดีอาระเบียให้ได้รับสิทธิในเรื่องดังกล่าว เนื่องจากสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมการดึงดูดนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการกระจายรายได้ไปยังภูมิภาคต่างๆและชาวซาอุดีอาระเบีย ยังเป็นนักท่องเที่ยวคุณภาพ มีการใช้จ่ายสูง และมักเดินทางเป็นครอบครัวขนาดใหญ่ คาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ให้ประเทศไทยไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาทต่อปี

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ในปัจจุบันผู้ถือหนังสือเดินทางชาวซาอุดีอาระเบียสามารถขอรับการตรวจลงตรา ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง (Visa on Arrival : VoA) โดยพำนักในประเทศไทยได้ 15 วัน เสียค่าธรรมเนียมรายละ 2,000 บาท

กนง. คาดปี’65 เงินเฟ้อทั่วไปทะลุกรอบเป้าหมาย

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.รับทราบรายงานภาวะ และแนวโน้มเศรษฐกิจไทยประจำ ไตรมาสที่ 1 ปี 2565 ของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ซึ่งเป็นไปตามมติครม.เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2563 ที่ให้กนง.ประเมินภาวะเศรษฐกิจและแนวโน้มของประเทศ และรายงานครม.เป็นรายไตรมาสโดยกนง.ระบุว่า การดำเนินนโยบายการเงินในช่วงไตรมาสที่ 1 ปี 2565 กนง.มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ร้อยละ 0.5 โดยประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องจากการฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศและการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ส่วนมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียจะไม่กระทบต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในภาพรวม รวมทั้งโรคโควิด 19 สายพันธุ์โอไมครอนส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจน้อยกว่าระลอกก่อนหน้า

ทั้งนี้ กนง.ประเมินว่าการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อมาจากความผันผวนของราคาสินค้าในระยะสั้น จึงสามารถมองผ่านได้ ซึ่งอัตราเงินเฟ้อที่ปรับสูงขึ้นเป็นผลจากปัจจัยด้านอุปทาน ส่วนอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ในระยะปานกลางยังคงอยู่ในกรอบเป้าหมาย กนง.จึงเห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจให้มีความต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยปี 2565 จะปรับสูงขึ้นเกินกรอบเป้าหมายจากราคาพลังงานและต้นทุนในหมวดอาหารเป็นหลัก โดยจะทยอยลดลงและกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายในปี 2566

ส่วนการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจการเงินเพื่อประกอบการดำเนินนโยบายการเงินนั้น กนง.มองว่า ด้านเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจประเทศคู่ค้าของไทยมีแนวโน้มขยายตัวในอัตราร้อยละ 3.6 ในปี 2565 และร้อยละ 3.2 ในปี 2566 ซึ่งขยายตัวต่ำกว่าที่ประเมินไว้ เนื่องจากผลกระทบของมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียที่ส่งผลให้ราคาพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์โลกปรับตัวสูงขึ้น ส่วนอัตราเงินเฟ้อโลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นสูงตามราคาพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์

ขณะที่ภาวะการเงินและเสถียรภาพระบบการเงินไทยนั้น ภาวะการเงินโดยรวมยังผ่อนคลาย แต่ตึงตัวขึ้นจากความผันผวนในตลาดการเงินโลกที่สูงขึ้น ขณะที่ต้นทุนการระดมทุนของภาคธุรกิจโดยรวมยังอยู่ในระดับต่ำทั้งในตลาดสินเชื่อและตลาดตราสารหนี้แต่ยังสามารถระดมทุนได้ต่อเนื่อง ส่วนระบบการเงินโดยรวมมีเสถียรภาพแต่ภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจเปราะบางขึ้นในบางกลุ่มจากผลกระทบของโควิด 19 ค่าครองชีพ และต้นทุนที่สูงขึ้น ซึ่งสะท้อนจากสัดส่วนภาระหนี้ต่อรายได้ของครัวเรือนและธุรกิจที่ยังอยู่ในระดับสูง จึงควรผลักดันการปรับโครงสร้างหนี้อย่างยั่งยืนโดยคำนึงถึงความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ระยะยาว

น.ส.ไตรศุลีกล่าวว่า สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อของไทยนั้น กนง.ระบุว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ 3.2 ในปี 2565 ส่วนปี 2566 มีแนวโน้มขยายตัวที่ร้อยละ 4.4 มูลค่าการส่งออกสินค้าของไทยในปี 2565 มีแนวโน้มขยายตัวที่ร้อยละ 7 และในปี 2566 คาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ 1.5 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2565 คาดว่าจะอยู่ที่ 5.6 ล้านคน และปี 2566 อยู่ที่ 19 ล้านคน ปรับลดลงจากประมาณการเดิม เนื่องจากนักท่องเที่ยวรัสเซียอาจไม่สามารถเดินทางมาท่องเที่ยวได้

ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2565 คาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 4.9 และในปี 2566 อยู่ที่ร้อยละ 1.7 โดยอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มสูงกว่าร้อยละ 5 ในช่วงไตรมาสที่ 2 คือเดือนเมษายน-มิถุนายน และไตรมาสที่ 3 เดือนกรกฎาคม-กันยายน ก่อนที่จะปรับลดลงในช่วงหลังของปี 2565 และกลับมาเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบเป้าหมายในช่วงต้นปี 2566 ซึ่งการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อในช่วงไตรมาสที่ 2 และ 3 ของปี 2565 เป็นผลจากในช่วงเดียวกันของปี 2564 น้ำมันมีราคาต่ำและมีมาตรการบรรเทาค่าครองชีพของภาครัฐ จึงส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อเทียบปีต่อปีสูงขึ้นแม้ว่าระดับราคาไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้นมาก

ขยายไลน์ธุรกิจ บขส.รับ-ส่งสินค้า-พัสดุภัณฑ์

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบการทบทวนมติ ครม.เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2502 เรื่อง การเดินรถขนส่งต่างจังหวัด จากเดิมให้บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) รับภาระเดินเฉพาะรถโดยสาร เป็นให้ บขส.มีภารกิจด้านการขนส่งผู้โดยสาร และการขนส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ เพื่อให้ บขส.สามารถดำเนินกิจการขนส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ สามารถพัฒนาและขยายธุรกิจให้เกิดประโยชน์ต่อองค์กร และสามารถนำรายได้จากการขนส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์มาชดเชยรายได้จากธุรกิจเดินรถโดยสารประจำทางที่ลดลงได้

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากสภาพปัญหาในการดำเนินธุรกิจเดินรถประจำทาง ความต้องการขนส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับองค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ (ร.ส.พ.) ซึ่งรับภาระเดินเฉพาะรถขนส่งสินค้าจากบ้านถึงบ้าน(Door to Door) ได้ยุบเลิกไปแล้วในปี 2549 และยังไม่มีการมอบหมายให้หน่วยงานใดของรัฐดำเนินภารกิจดังกล่าวแทน ดังนั้น บขส.จึงได้เริ่มดำเนินธุรกิจรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์เป็นธุรกิจเสริมเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2551 โดยใช้ทรัพยากรที่มีอยู่เป็นหลัก ได้แก่ รถประจำทาง ศูนย์และสาขาในการรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ บุคลากร และสถานีเดินรถซึ่งสามารถใช้เป็นจุดในการกระจายสินค้าครอบคลุมทั่วประเทศ โดยมีกลุ่มเป้าหมายหลัก คือ ลูกค้าที่ต้องการขนส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ทั่วไป หรือลักษณะเฉพาะ เช่น สินค้าทางการเกษตร โดยที่ผ่านมาบขส.มีรายได้จากการให้บริการขนส่งสินค้าเพิ่มมากขึ้น แต่ยังไม่สามารถดำเนินงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ จึงต้องขอทบทวนมติครม.ดังกล่าว เพื่อให้ภารกิจการดำเนินงานมีความชัดเจน และสามารถพัฒนาและขยายธุรกิจเพื่อประโยชน์ขององค์กร

ทั้งนี้ บขส.ได้กำหนดกลยุทธ์และแผนปฏิบัติการในการสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อดำเนินธุรกิจขนส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์แบบ Door to Door ในระยะต่อไปดังนี้คือ ทำความร่วมมือกับบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด และผู้ประกอบการเอกชนในการขนส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์เพื่อขยายจุดกระจายสินค้า เพิ่มส่วนแบ่งตลาด และขยายฐานลูกค้า การกำหนดเส้นทางการบริการร่วมกันและพิจารณาขยายเส้นทางในปีต่อๆไป โดยในระยะแรกจะเป็นการขนส่งภายในประเทศ และจะมีการขยายไปสู่เส้นทางระหว่างประเทศต่อไป รวมทั้งพัฒนาระบบฐานข้อมูลในการติดตามสินค้าและพัสดุภัณฑ์

นอกจากนี้ยังจะคัดเลือกผู้ประกอบการขนส่งรายย่อยในพื้นที่เพื่อร่วมบริการขนส่งแบบ Hub to Door ภายใต้หลักเกณฑ์ เดียวกับการคัดเลือกรถร่วมบริการของ ร.ส.พ.

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ในช่วงปี 2560-2564 บขส.มีรายได้จากการขนส่งพัสดุภัณฑ์เฉลี่ยปีละ 149.32 ล้านบาท กำไรเฉลี่ย 63.17 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 42.31 และคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 8.36 ของรายได้ทั้งหมด และมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ในกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อย คิดเป็นร้อยละ 5 ของตลาดธุรกิจดังกล่าว และช่วงที่ผ่าน มาบขส.ดำเนินธุรกิจเดินรถโดยสารประจำทางเป็นธุรกิจหลัก โดยได้รับผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นของบริการทดแทน เช่น สายการบินต้นทุนต่ำ การใช้รถยนต์ส่วนบุคคล การแข่งขันจากผู้ให้บริการภาคเอกชนรายอื่น สภาพเศรษฐกิจและสังคม และการแพร่ระบาดของโควิด 19 ส่งผลให้ปัจจุบัน บขส.มีปริมาณผู้โดยสารคงเหลือเพียงร้อยละ 10 ทำให้รายได้จากการให้บริการไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่าย โดยในช่วงปี 2560-2564 บขส.มีรายได้เฉลี่ยจากการเดินรถโดยสารประจำทางปีละ 1,636 ล้านบาท แต่ยังคงมีพนักงานมากถึง 2,850 คน

เว้นค่าต่อใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานอีก 1 ปี

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีให้แก่ผู้ประกอบกิจการโรงงาน ซึ่งเป็นการขยายระยะเวลาการยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีที่เรียกเก็บ ตามพระราชบัญญัติโรงงาน ให้แก่ผู้ประกอบกิจการโรงงานจำพวกที่ 2 คือโรงงานที่มีเครื่องจักรไม่เกิน 50 แรงม้า และมีคนงานไม่เกิน 50 คน และจำพวกที่ 3 คือมีเครื่องจักรเกินกว่า 50 แรงม้า และมีคนงานเกินกว่า 50 คน ทุกขนาดเป็นเวลา 1 ปี โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน 2565 ถึงวันที่ 9 มิถุนายน 2566 ซึ่งเป็นการยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีเป็นปีที่ 3 เนื่องจากผู้ประกอบกิจการโรงงานยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 อย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้กระทรวงอุตสาหกรรมได้ประมาณการสูญเสียรายได้จากการยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีให้กับผู้ประกอบกิจการโรงงาน 1 ปีครั้งนี้ จะทำให้รัฐสูญเสียรายได้ประมาณ 280 ล้านบาท แต่จะมีประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับคือ เป็นการลดภาระและบรรเทาผลกระทบของผู้ประกอบกิจการโรงงาน อันเนื่องมาจากภาวะทางเศรษฐกิจจากสถานการณ์โควิด 19 และเพื่อเป็นการพยุงสถานะของโรงงานให้ประกอบกิจการต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง โดยจะเกิดผลดีต่อภาคอุตสาหกรรมซึ่งมีมูลค่ามากกว่ารายได้ที่รัฐจะต้องสูญเสียไป

ตั้ง “ณัฐนันทน์ อัศวเลิศศักดิ์” ขึ้นรองเลขาฯกฤษฎีกา

น.ส. ไตรศุลี กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.มีมติอนุมัติ หรือ เห็นชอบในเรื่องแต่งตั้ง โยกย้ายข้าราชการและผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานของรัฐ ดังนี้

1. การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข)

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ แต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน 2 ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ดังนี้

    1. นางสาวชุลีพร จิระพงษา นายแพทย์เชี่ยวชาญ (ด้านเวชกรรมป้องกัน) กรมควบคุมโรค ดำรงตำแหน่ง นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรมป้องกัน) กรมควบคุมโรค ตั้งแต่วันที่ 27 ตุลาคม 2564

    2. นางสาววันทนา ปวีณกิตติพร ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านบักเตรีทั่วไป (นักวิทยาศาสตร์การแพทย์เชี่ยวชาญ) กลุ่มแบคทีเรียวิทยาทางการแพทย์ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ดำรงตำแหน่ง ผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์การแพทย์ (เทคโนโลยีชีวภาพ) (นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ทรงคุณวุฒิ) กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ตั้งแต่วันที่ 13 มกราคม 2565

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป

2. การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (สำนักนายกรัฐมนตรี)

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ แต่งตั้ง นางณัฐนันทน์ อัศวเลิศศักดิ์ กรรมการร่างกฎหมายประจำ (นักกฎหมายกฤษฎีกาทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อทดแทนผู้ดำรงตำแหน่งที่จะเกษียณอายุราชการ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 เป็นต้นไป ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง

3. แต่งตั้งอะมีรุ้ลฮัจย์ หรือรออิสบิซาตุลฮัจย์ อัลรัสมียะห์ (หัวหน้าคณะผู้แทนฮัจย์ทางการ) ประจำปี 2565 (ฮ.ศ. 1443)

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ แต่งตั้งนายซากีย์ พิทักษ์คุมพล เป็นอะมีรุ้ลฮัจย์ หรือ รออิสบิซาตุลฮัจย์ อัลรัสมียะห์ (หัวหน้าคณะผู้แทนฮัจย์ทางการ) ประจำปี 2565 (ฮ.ศ. 1443) ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป

อ่าน มติ ครม.ประจำวันที่ 7 มิถุนายน 2565 เพิ่มเติม

ป้ายคำ :