ThaiPublica > สู่อาเซียน > การ “ปรับตัว” ที่กำลังเป็นรูปธรรมของ “ลาว”… “ลาวทำ ลาวใช้ ลาวได้ ลาวเจริญ”

การ “ปรับตัว” ที่กำลังเป็นรูปธรรมของ “ลาว”… “ลาวทำ ลาวใช้ ลาวได้ ลาวเจริญ”

21 พฤษภาคม 2022


ปัณฑพ ตั้งศรีวงศ์ รายงาน

วิกฤติเศรษฐกิจที่ลาวกำลังเผชิญอยู่ ทำให้ทุกภาคส่วนของลาวต้องปรับตัวเพื่อลดการพึ่งพาสินค้าอุปโภค-บริโภค ที่เกือบทุกชนิด เคยต้องนำเข้าไปจากประเทศไทย

สถานการณ์น้ำมันขาดตลาด ที่คนลาวบางคนเรียกเป็นวิกฤติ “น้ำมันหมดประเทศ” และได้สร้างความโกลาหลให้กับปั๊มน้ำมันหลายแห่งทั่วประเทศลาวตลอด 2 สัปดาห์มานี้ แม้ตอนนี้ได้คลี่คลายลงไปบ้างแล้วระดับหนึ่ง แต่สิ่งที่จะตามมาหลังจากนี้ คือการที่ “ลาว” ต้องมีการ “ปรับตัว” อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อลดกา ร“พึ่งพา” ในหลายๆด้าน

ประเด็นที่ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงมากในช่วง 2 สัปดาห์แห่งความโกลาหล คือการผลักดันให้มีการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในลาวกันอย่างจริงจัง

แต่จริงๆแล้วในระดับชาวบ้านซึ่งเป็นกำลังซื้อที่แท้จริงของลาว มีขอบข่ายการปรับตัวกว้างไปกว่านั้น!

……

16 พฤษภาคม 2565 บริษัทโลก้า ผู้ให้บริการรถแท็กซี่ผ่านแอพพลิเคชั่นในลาว ได้ประกาศเป็นเป้าหมายว่าก่อนปี 2573 โลก้าจะเปลี่ยนแท็กซี่ในเครือข่ายทุกคันให้เป็นรถยนต์ไฟฟ้าหมดทั้ง 100%

จากปัจจุบัน ในเครือข่ายแท็กซี่ของโลก้าที่มีรถอยู่ 600 คัน เป็นรถยนต์ไฟฟ้าเพียง 5 คัน โดยเบื้องต้นโลก้าคาดว่า ถึงสิ้นปีนี้(2565) จะมีรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 30 คัน

โลก้าไม่ใช่เพิ่งมาปรับตัวเป็นผู้เล่นในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของลาว แค่ในช่วงที่ลาวต้องเผชิญกับวิกฤติน้ำมันขาดตลาด 2 สัปดาห์นี้ แต่โลก้าวางแผนมุ่งสู่การเป็นเครือข่ายแท็กซี่ที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้าล้วน 100% มาก่อนหน้านั้นแล้ว

ใบอนุญาตเป็นผู้ติดตั้งตู้ชาร์จไฟ และให้บริการชาร์จไฟแก่รถยนต์ไฟฟ้า ที่โลก้าได้รับจากกระทรวงพลังงานและบ่อแร่ เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2565

วันที่ 7 เมษายน 2565 โลก้าได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงพลังงานและบ่อแร่ ให้เป็นผู้ติดตั้งตู้ชาร์จไฟ และให้บริการชาร์จไฟแก่รถยนต์ไฟฟ้าทั่วประเทศ จากนั้นได้เริ่มสร้างสถานีชาร์จไฟแห่งแรกในนครหลวงเวียงจันทน์ และตั้งเป้าว่าเมื่อถึงสิ้นปี 2565 ต้องมีสถานีชาร์จไฟของโลก้า 12 สถานี โดยเน้นตามเส้นทางหมายเลข 13 ซึ่งเป็นถนนสายหลักของลาวที่เชื่อมตั้งแต่ภาคเหนือสุดลงไปถึงใต้สุด

ปี 2566 โลก้าวางเป้าว่าทั่วประเทศลาว จะมีสถานีชาร์จไฟของโลก้า 25 สถานี และเพิ่มเป็น 40 สถานีในปี 2568

ตู้ชาร์จไฟที่โลก้านำเข้ามา เป็นตู้ชาร์จกระแสตรง(DC) ซึ่งสามารถใช้ได้กับรถยนต์ไฟฟ้าหลายยี่ห้อ ใช้เวลาในการชาร์จไฟได้เต็มใน 20-40 นาที

วันที่ 12 พฤษภาคม 2565 โลก้าเซ็นสัญญาความร่วมมือทางการตลาดกับบริษัท ทิวารา โอโต้ ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้ารายหนึ่งของลาว โดยลูกค้าที่ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าจากทิวารา โอโต้ สามารถชาร์จไฟได้ฟรีที่สถานีชาร์จของโลก้าทั่วประเทศ

การประกาศแนวทางธุรกิจใหม่ของโลก้า เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลลาวที่ได้กำหนดไว้ตั้งแต่เมื่อปี 2564 ที่ต้องการผลักดันการใช้รถยนต์ไฟฟ้าภายในประเทศ เพื่อจะได้ใช้พลังงานไฟฟ้าที่ลาวสามารถผลิตได้เองได้อย่างเต็มประสิทธิภาพที่สุด และเพื่อลดการพึ่งพาน้ำมันเชื้อเพลิงซึ่งลาวต้องนำเข้ามาจากต่างประเทศทั้ง 100% โดยรัฐบาลลาวได้ประกาศเปิดเสรีธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศแบบครบวงจร…

ภาพประกอบโพสต์ของ CRI-FM-93 เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2565 ที่บอกว่าความต้องการใช้รถยนต์ไฟฟ้าของลาวจะเพิ่มสูงขึ้น

  • สัปดาห์แห่งความ “โกลาหล” หน้าปั๊มน้ำมันทั่วประเทศลาว
  • Loca สตาร์ทอัปลาวในทำเนียบระดับโลก “Forbes Asia 100 To Watch”
  • แนวทางพัฒนา การใช้รถยนต์ไฟฟ้าในลาว
  • ลาวประกาศเปิดเสรีธุรกิจรถรถยนต์ไฟฟ้า
  • วันที่ 20 พฤษภาคม 2565 CRI-FM-93 เพจสถานีวิทยุสากลแห่งประเทศจีนภาคภาษาลาว รายงานว่า ลาวเริ่มนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าจากจีนมากขึ้น โดยปัจจุบัน มีรถยนต์ไฟฟ้าที่จีนเป็นผู้ผลิตวิ่งอยู่ในลาวประมาณ 150 คัน และมีจุดให้บริการแก่รถยนต์ไฟฟ้าเหล่านี้ทั่วประเทศลาวประมาณ 50 จุด

    CRI-FM-93 บอกว่า จากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น คาดว่าหลังจากนี้ ความต้องการใช้รถยนต์ไฟฟ้าของคนลาวจะเพิ่มสูงขึ้นด้วยเช่นกัน

    ……

    การปรับตัว “อย่างจริงจัง” ของ “ลาว” มิได้มีแค่เรื่องของการผลักดันการใช้รถยนต์ไฟฟ้าแทนรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเพียงอย่างเดียว

    แต่ยังหมายรวมถึงการลดการพึ่งพิงสินค้าอื่นๆที่ลาวจำเป็นต้องนำเข้าจากต่างประเทศด้วย โดยเฉพาะสินค้าอุปโภค-บริโภค เพราะปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในลาวช่วงที่ผ่านมา ต้นเหตุสำคัญคือ อัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น และค่าเงินกีบที่อ่อนค่าลงอย่างรวดเร็ว ทำให้สินค้าทุกชนิด โดยเฉพาะสิ่งของที่คนจำเป็นต้องกิน ต้องใช้ มีราคาเพิ่มสูงขึ้น

    ค่าเงินกีบเริ่มเห็นแนวโน้มอ่อนค่าลงตั้งแต่ปี 2561 จากบาทละ 250 กีบ ค่อยๆขยับเป็น 270 , 280 และ 300 กีบ ล่าสุด เมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว ค่าเงินกีบได้อ่อนจนทะลุ 400 กีบต่อ 1 บาทลงไปแล้ว!

    1-2 ปีก่อนโควิด-19 ระบาด คนไทยที่เคยไปเที่ยวลาว มักคิด rate ค่าเงินแบบตัวเลขกลมๆ คือ 1,000 กีบ เท่ากับ 4 บาท เพราะอัตราแลกเปลี่ยนเงินกีบกับเงินบาทขณะนั้น อยู่ระหว่างบาทละ 240-260 กีบ

    หากแนวโน้มยังเป็นเช่นนี้ ต่อไปคนที่เข้าไปเที่ยวลาวหลังเปิดประเทศคงต้องได้คิด rate ค่าเงินใหม่ เป็น 2 บาท แลกได้ 1,000 กีบ!…

    ภาพประกอบข่าวของลาวโพสต์ เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2565 ระบุว่าสินค้าหลายรายการที่นำเข้าจากไทย จะปรับราคาสูงขึ้นอีก

    หนังสือพิมพ์ลาวโพสต์ มีรายงานเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2565 หัวข้อ“สินค้าหลายรายการที่นำเข้าจากไทย จะปรับราคาสูงขึ้นอีกในเดือนพฤษภาคม”

    เนื้อหาคร่าวๆเขียนว่า ปัญหาเงินเฟ้อและราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นจากสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ส่งผลต่อราคาสินค้า โดยเฉพาะสินค้านำเข้าจากประเทศไทย ที่บริษัทผู้ผลิตสินค้าในไทยได้ปรับราคาเพิ่มขึ้นเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2565

    บทความได้ยกตัวอย่างการปรับราคาสินค้าบางชนิด เช่น แก๊สหุงต้ม ขึ้นถังละ15 บาท บะหมี่มาม่า ขึ้นซองละ 50 สตางค์ถึง 1 บาท ซ๊อสปรุงรส ขึ้นขวดละ 10% ผงซักฟอก ขึ้นถังละ 10% เครื่องดื่มชูกำลัง ขึ้นลังละ 10 บาท น้ำพริกเผา ขึ้น 15 บาท ต่อ 500 กรัม น้ำปลาร้า ขึ้นขวดละ 2 บาท กะปิ ขึ้นกระปุกละ 3 บาท น้ำมันพืช ขึ้นขวดละ 3 บาท

    นอกจากนี้ ยังมีอาหารกระป๋อง นมและผลิตภัณฑ์จากนม เครื่องใช้ไฟฟ้า ปุ๋ย ยาฆ่าแมลง อาหารสัตว์ ปูน เหล็ก กระดาษ ยารักษาโรคฯลฯ ที่ล้วนปรับราคาเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ผู้บริโภคของลาว จำเป็นต้องซื้อสินค้าที่ราคาแพงขึ้น…

    การอ่อนค่าของเงินกีบ ทำให้ความเคลื่อนไหวของราคาสินค้าอุปโภค-บริโภคตามท้องตลาดในลาว ได้รับความสนใจจากสื่อและคนลาว สื่อมวลชนลาวหลายแห่งมีรายงานราคาสินค้าแต่ละชนิดออกมาเป็นระยะ

    วันที่ 19 พฤษภาคม 2565 เพจหนังสือพิมพ์ลาวพัฒนา ซึ่งเป็นสื่อของรัฐ มีรายงานอัพเดทราคาสินค้าบางรายการ เช่น ปลากระป๋องตรา 3 แม่ครัว ซึ่งเป็นสินค้านำเข้า ราคาที่เพิ่งปรับใหม่เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2565 เป็นกระป๋องละ 11,000 กีบ หรือแพ็คละ 90,000 กีบ บะหมี่สำเร็จรูปไวไว ซึ่งเป็นสินค้านำเข้าเช่นกัน ราคาซองละ 2,500 กีบ หรือแพ็คละ 68,000 กีบ

    รายงานอัพเดทราคาสินค้าบางรายการของหนังสือพิมพ์ลาวพัฒนา ในวันที่ 19 พฤษภาคม 2565

    วันเดียวกัน(19 พฤษภาคม) เพจ Lao Youth Radio FM 90.0 Mhz รายงานข้อมูลการนำเข้าสินค้าของลาวในเดือนเมษายน 2565 โดยอันดับ 1 เป็นการนำเข้าจากประเทศไทย มูลค่า 238 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รองลงมาเป็นจีน 157 ล้านดอลลาร์ เวียดนาม 47 ล้านดอลลาร์ สหรัฐอเมริกา 18 ล้านดอลลาร์ และอันดับ 5 ญี่ปุ่น 12 ล้านดอลลาร์…

    Lao Youth Radio FM 90.0 Mhz รายงานข้อมูลการนำเข้าสินค้าของลาวในเดือนเมษายน 2565 อันดับ 1 นำเข้าจากประเทศไทย

    สื่อหลายแห่งเริ่มเผยแพร่เนื้อหาที่กระตุ้นให้ลาวจำเป็นต้องผลิตสินค้าอุปโภค-บริโภคบางชนิดออกมาใช้เอง และกระตุ้นให้คนลาวเปลี่ยนพฤติกรรมมาใช้สินค้าที่ผลิตในลาว

    วันที่ 20 พฤษภาคม 2565 เพจ Laonews ซึ่งมีผู้ติดตามมากกว่า 1 แสนคน ได้โพสต์เชิญชวนให้ผู้อ่านเพจได้เข้ามามีส่วนร่วม โดยเขียนส่งเข้าไปว่า “มีผลิตภัณฑ์ใดบ้างที่ลาวเราผลิตได้ เพื่อทดแทนการนำเข้า” มีผู้อ่านส่งความคิดเห็นเข้าไปมากกว่า 130 ความคิดเห็น

    เพจผลิตภัณฑ์ลาว เปิดพื้นที่ให้ขายสินค้าที่ลาวผลิตได้เองในเพจ เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2565
    วันเดียวกัน(20 พฤษภาคม) เพจผลิตภัณฑ์ลาว Lao Products ซึ่งมีผู้ติดตาม 2.5 แสนคน โพสต์ว่า “แต่ละวันท่านใช้สินค้าลาวชนิดใดบ้าง…เปิดโพสต์ขายสินค้าลาวในช่องคอมเม้นท์(เฉพาะสินค้าลาว)”

    มีผู้แสดงความคิดเห็นเข้าไปเกือบ 600 ความคิดเห็น และมีผู้แชร์โพสต์ต่อไปอีกมากกว่า 50 ครั้ง

    โพสต์ของ Laonews เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2565 เชิญชวนคนอ่านให้เขียนส่งเข้าไปว่ามีผลิตภัณฑ์ใดบ้าง ที่ลาวผลิตได้ เพื่อทดแทนการนำเข้า

    ……

    ความต้องการ “ลด” การพึ่งพิงสินค้าจากต่างประเทศของลาว มิใช่เพิ่งมาเกิดในช่วงนี้ ที่จริงแล้วความรู้สึกว่าลาวจำเป็นต้องพึ่งพาตนเอง ผลิตสินค้าอุปโภค-บริโภค ขึ้นใช้เอง ได้เริ่มขึ้นมาก่อนหน้านี้ อย่างน้อย 3 ปีแล้ว

    วันที่ 27 มิถุนายน 2562 เพจหนังสือพิมพ์ลาวโพสต์ที่มีผู้ติดตาม 2 แสนคน มีบทรายงานในหัวข้อ“ลาวทำ ลาวใช้ ลาวได้ ลาวเจริญ”

    เนื้อหาในโพสต์นี้เขียนว่า ปัจจุบันค่าเงินบาทได้เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆจนเกือบถึง 30,000 กีบ ต่อ 100 บาท ซึ่งกรณีนี้ได้ส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนลาวหลายด้าน โดยเฉพาะสินค้าอุปโภค-บริโภคที่นำเข้าจากไทยที่มีราคาเพิ่มสูงขึ้น แต่สินค้าของลาวก็มีคุณภาพเทียบเท่ากับของต่างประเทศ ทำไมคนลาวไม่หันมาใช้สินค้าของคนลาว ที่ผลิตโดยคนลาว ดังสโลแกนที่ว่า “ลาวทำ ลาวใช้ ลาวได้ ลาวเจริญ”

    รายงานเรื่อง“ลาวทำ ลาวใช้ ลาวได้ ลาวเจริญ” ที่หนังสือพิมพ์ลาวโพสต์เคยนำเสนอไว้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2562

    ในโพสต์ ได้ยกตัวอย่างสินค้าที่จำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวัน 8 รายการ ซึ่งลาวสามารถผลิตได้เอง เปรียบเทียบราคาขายปลีกกับสินค้าที่นำเข้าจากไทย ซึ่งเป็นราคา ณ ขณะนั้น ได้แก่

  • ข้าวหอมมะลิ ขนาดถุง 5 กิโลกรัม สินค้าของลาวขายถุงละ 12,000 กีบ แต่ข้าวหอมมะลิที่นำเข้าจากไทย ขายถุงละ 14,000 กีบ
  • สบู่ ผลิตในลาวขายก้อนละ 3,000 กีบ เท่ากับสบู่ที่นำเข้าจากประเทศไทย
  • น้ำดื่ม ผลิตในลาวขายขวดละ 3,000 กีบ นำเข้าจากไทยขายขวดละ 4,000 กีบ
  • เกลือปรุงรสผสมไอโอดีน ผลิตในลาวถุงละ 4,000 กีบ นำเข้าจากไทยถุงละ 5,000 กีบ
  • กาแฟผงสำเร็จรูป ผลิตในลาวขายถุงละ 25,000 กีบ นำเข้าจากไทยถุงละ 28,000 กีบ
  • ใบชา ผลิตในลาวขายกล่องละ 15,000 กีบ นำเข้าจากไทยกล่องละ 18,000 กีบ
  • น้ำยาล้างจาน ผลิตในลาวขายขวดละ 5,000 กีบ นำเข้าจากไทยขวดละ 9,000 กีบ
  • โยเกิร์ตทั้งที่ผลิตในลาวและนำเข้าจากไทย ขายในราคาถ้วยละ 5,000 กีบ เท่ากัน

  • วันที่ 2 พฤศจิกายน 2562 สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งชาติลาว ได้เสนอข่าวบทสัมภาษณ์สมจิด อินทะมิด รองรัฐมนตรีกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรม(ขณะนั้น) บอกว่า รัฐบาลลาวได้ตั้งคณะเฉพาะกิจเพื่อส่งเสริมการผลิตและใช้สินค้าที่ผลิตภายในประเทศ เพื่อควบคุมการนำเข้าสินค้าอุปโภค-บริโภค หลังจากเงินต่างประเทศ โดยเฉพาะเงินบาทแข็งค่าขึ้น ทำให้ราคาสินค้าหลายรายการเพิ่มสูงขึ้น ส่งผล กระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ

    คณะเฉพาะกิจชุดนี้ มีรองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน กรรมการประกอบด้วย รองรัฐมนตรีกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรม กับภาคส่วนต่างๆที่เกี่ยวข้อง…

    คำแยง คอนไซยะกิด เจ้าเมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว เยี่ยมชมกิจการครอบครัวเกษตรกรตัวอย่างในบ้านน้ำเกิ่งเก่า เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2565 ที่สามารถสร้างผลผลิตได้ในปริมาณเพียงพอตอบสนองความต้องการของตลาดในพื้นที่ ช่วยลดการนำเข้าสินค้าชนิดเดียวกันจากประเทศเพื่อนบ้าน

    ส่วนความเคลื่อนไหวในระดับท้องถิ่น เพจหนังสือพิมพ์บ่อแก้วมีรายงานว่า เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2565 คำแยง คอนไซยะกิด เจ้าเมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำโขงกับอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ได้นำทีมงานเข้าเยี่ยมชมกิจการของเวียงไซ-ทองดี แสงวาลี สองสามี-ภรรยา ที่บ้านน้ำเกิ่งเก่า

    ครอบครัวของเวียงไซและทองดี สามารถปลูกพืชผัก ปศุสัตว์ และเลี้ยงปลา ได้ผลผลิตในปริมาณที่มากพอสำหรับตอบสนองความต้องการของตลาดในท้องถิ่น ตามแนวทางส่งเสริมการบริโภคสินค้าที่ผลิตได้ในประเทศ ถือเป็นครอบครัวเกษตรกรตัวอย่างที่สามารถปฏิบัติได้ ตามหนังสือแจ้งการของสำนักว่าการเมืองต้นผึ้ง เลขที่ 083 เรื่องการระงับการนำเข้าผลิตภัณฑ์ปลาจากประเทศ “เพื่อนบ้าน” เป็นการชั่วคราว เนื่องจากเกษตรกรในเมืองต้นผึ้งเอง สามารถเลี้ยงปลาเพื่อตอบสนองความต้องการภายในพื้นที่ได้อย่างพอเพียง

    ประเทศเพื่อนบ้านซึ่งใกล้ที่สุดในการนำเข้าปลาของเมืองต้นผึ้ง คือประเทศไทย

    ……

    ความตื่นตัวของสื่อและประชาชนลาว ที่ต้องการลดการพึ่งพาสินค้าจำเป็นซึ่งเคยต้องนำเข้าจากประเทศไทย ไม่ใช่เป็นความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นตามกระแส หรือมาตรการชั่วคราวแบบไฟไหม้ฟาง ที่เมื่อวิกฤติคลี่คลาย ก็ยกเลิก

    แต่เป็นการปรับตัวที่บ่มตัวมานาน จนเริ่มเห็นเป็นรูปธรรมในวันนี้ การปรับตัวนี้เล็งถึงผลระยะยาว เพื่อหวังให้ลาวไม่ต้องเผชิญกับวิกฤติแบบที่กำลังเจออยู่ในตอนนี้อีกในอนาคต…