ThaiPublica > คอลัมน์ > สมรภูมิข่าวในสงครามยูเครน

สมรภูมิข่าวในสงครามยูเครน

31 มีนาคม 2022


จิตติศักดิ์ นันทพานิช

สงครามยูเครนที่ยืดเยื้อเข้าสู่เดือนที่สองแล้วมี 4 สมรภูมิใหญ่ หนึ่ง คือ สนามรบจริงที่เน้นจรวดพิสัยไกลเป็นหลัก สอง สมรภูมิเศรษฐกิจที่โลกตะวันตกเดินหน้าคว่ำบาตรโซเวียต ตั้งแต่ปิดกั้นการเข้าถึงระบบการเงิน แช่แข็งสำรองระหว่างประเทศของรัสเซีย ราว 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (จาก 6 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐโดยประมาณ) ปิดตลาดพลังงานแหล่งรายได้หลักของรัสเซีย รวมไปถึงกดดันให้ธุรกิจเอกชน ถอนการลงทุนจากรัสเซีย ขณะที่รัสเซียเอาคืนด้วยการประกาศขึ้นบัญชีประเทศไม่เป็นมิตรและตั้งเงื่อนไขให้ประเทศเหล่านี้ต้องซื้อพลังงานจากรัสเซียด้วยเงินรูเบิลเท่านั้น

สมรภูมิที่สาม เวทีการเมืองระหว่างประเทศ สมาชิกสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ หรือยูเอ็นจีเอ (UNGA) จำนวน 141 ประเทศรวมทั้งประเทศไทย ลงมติสนับสนุนญัตติเรียกร้องให้รัสเซียยุติการใช้ปฏิบัติการทางทหารในยูเครนโดยทันที แต่จนถึงวันนี้ยังมีเสียงระเบิดดังหลายจุดในยูเครน และสมรภูมิที่สี่ คือ สมรภูมิข่าว ที่ถูกพูดถึงไม่บ่อยนัก ทั้งที่ดุเดือดไม่ต่างสมรภูมิอื่น

ในสมรภูมิสื่อทั้ง 2 ฝ่าย ปะทะกันทุกรูปแบบตั้งแต่ สงครามข่าวแบทหารๆ การปฎิบัติการข่าวหรือไอโอ เช่น ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย เรียกสงครามครั้งนี้ว่า ปฏิบัติการพิเศษทางการทหาร พร้อมส่งสารถึงทหารยูเครนให้วางอาวุธกลับบ้านในวันแรกที่บุกยูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการข่มขวัญอยู่ในที หรือเรียกบุคคลที่ให้ข่าวเป็นลบต่อการบุกยูเครนว่าเป็นพวกหัวรุนแรง

ส่วนประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน มักอ้างถึงความเสียหายของกองทัพรัสเซีย แต่เลือกพูดเรื่องการเสียชีวิตของพลเรือนมากกว่าความเสียหายของกองทัพยูเครน โดยฝ่ายยูเครนอ้างว่าทหารรัสเซียพลีชีพในสมรภูมิยูเครนไปแล้วไม่น้อยกว่า 1 หมื่นราย แต่รัสเซียแถลงยืนยันที่ 1,351 ราย หรือล่าสุดรัสเซียออกมาประกาศว่า ปฎิบัติการทางทางทหารในยูเครนจเฟสแรกจบแล้วหลังทำลายโครงสร้างพื้นฐานทางการทหารจนหมดสภาพ แต่สื่อตะวันตกรายงานว่ากองทัพรัสเซียในยูเครนกำลังระส่ำหลังไม่สามารถยึดเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน ได้อย่างรวดเร็วตามแผนที่วางไว้ ข่าวสารลักษณะนี้ ฟังไปต้องคิดไปอย่าเพิ่งด่วนสรุปว่าฝ่ายใดได้เปรียบหรือเสียเปรียบในสนามรบ

นอกจากเผชิญหน้าด้วยข่าวสารดังกล่าวข้างต้นแล้ว สงครามข่าวครั้งนี้ยังเปิดสมรภูมิด้วยการต่างฝ่ายต่างแบนสื่อฝ่ายตรงข้าม ปิดกั้นการเข้าถึงแพลตฟอร์มออนไลน์ เกือบจะทันทีที่ตะวันตกประกาศมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อรัสเซีย ยักษ์ใหญ่ในธุรกิจโซเชียลมีเดียต่างขานรับคำขอของประธานสหภาพยุโรป (อียู) ไม่ให้สื่อของรัฐ (รัสเซีย) เข้าถึงแพลตฟอร์มออนไลน์โดยอ้างว่า เพื่อหยุดการข่าวสารที่เขาเรียกว่า “โฆษณาชวนเชื่อ”

สื่อตะวันตกยกตัวอย่างข่าวชวนเชื่อ เช่น สื่อรัสเซียนำเสนอมุมข่าวการบุกยูเครนว่าคือ ปฏิบัติการพิเศษทางการทหารเพื่อปลดปล่อยจากพวกนาซีในยูเครน หรือหยุดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในภูมิภาคดอนบาสก์ที่ชาวยูเครนเชื้อสายรัสเซียอาศัยอยู่ ไม่ใช่การรุกราน

ขณะที่กูเกิล ยักษ์ใหญ่ในธุรกิจแพลตฟอร์มออนไลน์อีกราย สั่งปิดช่องยูทูบสำนักข่าวรัสเซียอย่างอาร์ที (รัสเซียทูเดย์) หรือสปุตนิก ซึ่งเป็นสื่อของรัฐบาลรัสเซียที่เผยแพร่ในยุโรป ก่อนขยายมาตรการไปถึงสื่อที่ได้รับทุนจากรัสเซียด้วย ไมโครซอฟท์ไม่อนุญาตให้การนำเสนอเนื้อหาหรือโฆษณาจาก 2 สำนักข่าวรัสเซียหรือมีแอปในแพลตฟอร์มจัดจำหน่าย เป็นต้น

ทางด้านเมตา (เฟซบุ๊ก) ประกาศปิดกั้นไม่ให้สื่อรัสเซียใช้บัญชีเฟซบุ๊ก รวมไปถึงจำกัดการเข้าถึงเพจของสำนักข่าวอาร์ทีและสปุตนิกทั่วทั้งทวีปยุโรป พร้อมทั้งเปิดทางให้โพสต์สาปแช่งประธานาธิบดีปูตินและประธานาธิบดีเบลารุสได้เต็มที่เป็นการชั่วคราว วีโอเอไทยรายงานเรื่องนี้โดยอ้างที่มาจากสำนักข่าวเอเอฟพีและรอยเตอร์สว่า เมตาได้แจ้งว่า ประกาศดังกล่าวครอบคลุมในยูเครน รวมไปถึงหลายประเทศในย่านนั้น เช่น อาร์มาเนีย อาเซอร์ไบจาน เอสโตเนีย จอร์เจีย ฮังการี ลัตเวีย โปแลนด์ โรมาเนีย สโลวาเกีย รวมทั้งรัสเซียเอง ซึ่งปกติแล้วการแสดงรูปแบบนี้เมตาไม่อนุญาต แต่มีข้อแม้ว่าต้องไม่ระบุพิกัดและวิธีสังหาร และกรณีล่าสุดที่ตะวันตกออกมาแบนสื่อรัสเซียคือ ออฟคอน หน่วยงานกำกับดูแลสื่อของอังกฤษ ถอนใบอนุญาตทีวีอาร์ทีของรัสเซีย

ทางฝั่งรัสเซียตอบโต้มาตรการแบนสื่อของตะวันตกชนิดตาต่อตาฟันต่อฟัน ซึ่งเป็นแนวนิยมของเครมลิน ด้วยการออกกฎหมายกำหนดโทษจำคุกสูงสุด 15 ปี กับผู้เผยแพร่ข่าวเท็จ (ตามความหมายของรัสเซีย) งานนี้ทำเอาสื่อสำนักใหญ่ๆ ของโลกห้ามนักข่าวในรัสเซียเขียนข่าวเหตุการณ์รัสเซีย ตามด้วยศาลรัสเซียสั่งแบนเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม (หลังผ่อนปรนให้สาปแช่งประธานาธิบดีปูติน) โดยระบุว่า บริษัทเมตาเป็นพวกหัวรุนแรง ตามด้วยหน่วยงานควบคุมสื่อของรัสเซีย จำกัดการเข้าถึงกูเกิลนิวส์ด้วยข้อหาเผยแพร่ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับการบุกยูเครนของรัสเซีย

นอกจากตอบโต้สื่อตะวันตกแล้ว ผลจากการออกกฎหมายควบคุมสื่อในรัสเซียทำให้ช่วงเดือนเศษที่ผ่านมามีรายงานว่า สื่ออิสระหลายสำนักในรัสเซียต้องปิดตัวเอง หรือกรณีล่าสุดที่รัฐบาลรัสเซียสั่งห้ามสื่อรัสเซียที่สัมภาษณ์ผู้นำยูเครนเผยแพร่คำสัมภาษณ์ดังกล่าว

ผลจากการเผชิญหน้าในสงครามสื่อระหว่างตะวันตกกับรัสเซียในสมรภูมิยูเครน โดยใช้มาตรการ แบนสื่อ หรือปิดกั้นการเข้าถึงแพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งเปรียบเสมือนสายธารใหญ่ของข้อมูลข่าวสาร รวมไปถึงใช้กฎหมายควบคุมการเสนอข่าวให้เป็นไปตามวาระที่ต้องการนั้น ทั้งสองฝ่ายคงต้องใช้เวลาสักระยะกว่าจะพิสูจน์ได้ว่าผลลัพธ์จะออกมาตามที่ต่างฝ่ายต่างคาดหวังไว้หรือไม่ โดยฝ่ายตะวันตกหวังว่ามาตรการปิดกั้นจะสกัดข่าวสารแบบชวนเชื่อจากกระบอกเสียงของรัสเซีย ขณะที่ฝ่ายเครมลินเองก็หวังว่าการแบนและกฎหมายควบคุมสื่อที่ออกมาจะหยุดข่าวที่ไม่เป็นมิตรต่อ ปฏิบัติการพิเศษทางการทหารไปได้

แต่สิ่งที่เกิดจะขึ้นในช่วงเวลาปิดกั้นการเข้าถึง ข่าวสาร ผ่านการ แบน กฎหมาย และมาตรการต่างๆ ของทั้ง 2 ฝ่ายนั้น ยิ่งทำให้ปัญหาการรับรู้ความจริงเพียงครึ่งเดียวจากข่าวสารสงครามยูเครนรุนแรงมากยิ่งขึ้นไปอีก