ThaiPublica > สู่อาเซียน > ASEAN Roundup ฮุน เซน ประกาศชิงนายกรัฐมนตรีปีหน้า

ASEAN Roundup ฮุน เซน ประกาศชิงนายกรัฐมนตรีปีหน้า

27 มีนาคม 2022


ASEAN Roundup ประจำวันที่ 20-26 มีนาคม 2565

  • ฮุน เซน ประกาศชิงนายกรัฐมนตรีปีหน้า
  • เวียดนามลดภาษีสิ่งแวดล้อมเชื้อเพลิงลงครึ่งหนึ่ง
  • เงินเฟ้อลาวพุ่งสูงสุดรอบ 6 ปีเกิน GDP
  • เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เปิดประเทศ
  • Krungsri Internet Banking Laos เปิดตัวบริการใหม่
  • ฮุน เซน ประกาศชิงนายกรัฐมนตรีปีหน้า

    ที่มาภาพ : https://www.khmertimeskh.com/501047682/hun-sen-to-seek-another-term-as-pm-in-next-years-election/

    นายกรัฐมนตรีฮุนเซน ประกาศในวันนี้(25 มี.ค.)ว่า จะทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีอีกวาระหนึ่ง และจะลงแข่งในการเลือกตั้งระดับประเทศในปีหน้าในฐานะผู้สมัครชิงตำแหน่งของพรรคประชาชนกัมพูชา (CPP)

    นายฮุน เซน กล่าวในพิธีเปิดถนนหลวงสาย 51 ในเขตโอดง จังหวัดกัมปงสปือว่า “ในปี 2566 ข้าพเจ้าจะรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งครั้งต่อไป”

    นายฮุน เซนกล่าวว่า เขายังต้องทำงานต่อ โดยเฉพาะการรักษาความสงบ และเตือนความจำว่า ก่อนหน้านี้เขาได้ประกาศแล้วว่าจะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไปจนกว่าเขาจะรู้สึกว่าพร้อมที่จะเกษียณ

    ในระหว่างการประชุมคณะกรรมการกลางของ CPP เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม พรรครัฐบาลได้เลือกนายฮุน เซน เป็นผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งระดับประเทศปี 2566

    ที่ประชุมยังได้โหวตให้พลโทฮุน มาเนต ลูกชายคนโตของเขาเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีในอนาคตต่อจากผู้เป็นพ่อ

  • พรรคประชาชนกัมพูชา หนุน “ฮุน มาเนต” ลูกชายคนโตฮุนเซน ตัวแทนชิงนายกรัฐมนตรี
  • ฮุน เซน เป็นนายกรัฐมนตรีในปี 2528 เมื่ออายุ 32 ปี หลังจากดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศเมื่ออายุ 27 ปี

    ในช่วงเกือบ 40 ปีที่ดำรงตำแหน่ง นายฮุน เซนได้แสดงความพร้อมที่จะให้คนหนุ่มสาวผลัดกันเป็นผู้นำประเทศ

    CPP ได้รับเลือกให้เป็นผู้นำประเทศตั้งแต่การเลือกตั้งระดับประเทศครั้งแรกในปี 2536 ในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด พรรคได้ที่นั่งทั้งหมดในรัฐสภา

    เฟซบุ๊ก เพจ Somdech Hun Sen, Cambodian Prime Minister ซึ่งเป็นเพจทางการระบุว่า นายกรัฐมนตรีฮุน เซน ปัจจุบันเป็นผู้นำที่ทำหน้าที่ต่อเนื่องยาวนานที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

    ในปี 2562 Straits Timesรายงานว่า บนเส้นทางการเป็นผู้นำที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดในเอเชียนายกรัฐมนตรีฮุน เซนของกัมพูชา มีชั้นเชิงในการต่อสู้เพื่ออำนาจ เมื่อเขาเข้ารับหน้าที่บริหารประเทศครั้งแรกเมื่ออายุ 33 ปีในปี 2528 ได้ต่อสู้กับกลุ่มเขมรแดงที่เหลืออยู่เพื่อควบคุมประเทศ

    หลังจากแพ้การเลือกตั้งครั้งแรกหลังจากสหประชาชาติเป็นตัวกลางเพื่อสันติภาพในปี 2536 เขาขู่ว่าจะถอนตัว นอกเสียจากว่าเขาจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีร่วม และสี่ปีต่อมา รัฐประหารโดยพฤตินัยทำให้เขาได้รับตำแหน่งเพียงผู้เดียว ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เขาดำรงอยู่มาจนถึงทุกวันนี้

    ในปี 2561 บีบีซีเผยแพร่บทความในชื่อ Hun Sen: Cambodia’s strongman prime minister ว่า ฮุน เซน ครองอำนาจในกัมพูชามาตั้งแต่ปี 2528 และเป็นหนึ่งในนายกรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดในโลก

    เขาได้รับการยกย่องว่า ช่วยให้กัมพูชาบรรลุเป้าหมายทั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจและสันติภาพ หลังจากความเสียหายที่เกิดจากระบอบเขมรแดง ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดการสังหารหมู่ครั้งเลวร้ายที่สุดครั้งหนึ่งของศตวรรษที่ 20

    แต่นายกรัฐมนตรีซึ่งมีวัย 65 ปีในปี 2561 ยังถูกมองว่าเป็นเผด็จการที่มีประวัติด้านสิทธิมนุษยชนที่ย่ำแย่ มีทรัพยากรและความตั้งใจที่จะขจัดความท้าทายทางการเมืองที่แท้จริง

    เขาไม่แสดงสัญญาณว่าต้องการสละอำนาจ ในเดือนมิถุนายน 2561 เขาประกาศว่าจะปกครองต่อไปอีก 10 ปี

    พรรค CPP ครอบงำกัมพูชามาหลายทศวรรษ แต่เจอการแข่งขันการเลือกตั้ง อย่างไรก็ตามการเลือกตั้งในเดือนกรกฎาคม 2561 ไม่มีคู่แข่งรายสำคัญ หลังจากที่ฝ่ายค้านหลักคือพรรคกู้ชาติกัมพูชา( Cambodia National Rescue Party: CNRP) ถูกยุบ

    ฮุน เซน เกิดในครอบครัวชาวนาในปี 2495 ได้เล่าเรียนกับพระสงฆ์ในกรุงพนมเปญ ในช่วงปลายทศวรรษ 1960 เขาเข้าร่วมพรรคคอมมิวนิสต์ และสูญเสียดวงตาข้างซ้ายระหว่างการยิงต่อสู้ และมีรายงานว่าเขามองเห็นได้ในระยะจำกัดเท่านั้น

    ในช่วงระบอบเผด็จการของพล พตในช่วงปลายทศวรรษ 1970 ซึ่งมีผู้เสียชีวิตมากถึง 2 ล้านคน ฮุน เซน บัญชาการกองทหารในเขมรแดง ในปี 2520 เขาหนีไปเวียดนามเพื่อเข้าร่วมกองกำลังต่อต้านเขมรแดง

    เมื่อเวียดนามตั้งรัฐบาลใหม่ในกัมพูชาในปี 2522 เขากลับมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในปี 2528 เมื่ออายุ 33 ปี

    ฮุน เซนแพ้การเลือกตั้งในปี 2536 แต่เขาปฏิเสธที่จะยอมรับผลการเลือกตั้ง และกดดันให้มีการเจรจา และกลายเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่สองคู่ไปกับเจ้าชายนโรดม รณฤทธิ์ ของพรรคฟุนซินเปก

    ฮุน เซน ยังยึดอำนาจในการรัฐประหารนองเลือดในปี 2540 บีบให้เจ้าชายนโรดม รณฤทธิ์เสด็จออกนอกประเทศชั่วคราว

    พรรค CPP ชนะการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2546 แต่ไม่มีเสียงข้างมากสองในสาม ดังนั้นจึงบรรลุข้อตกลงกับพรรคฟุนซินเปกในปี 2547 ทำให้การเมืองที่หยุดชะงักเกือบหนึ่งปีเดินหน้า ฮุน เซนได้รับเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งโดยรัฐสภาในเดือนกรกฎาคม 2547

    ในการเลือกตั้งปี 2551 ของกัมพูชา พรรค CPP กวาดที่นั่งส่วนใหญ่ แต่การเลือกตั้งถูกวิพากษ์วิจารณ์จากผู้สังเกตการณ์ระหว่างประเทศ โดยสหภาพยุโรปกล่าวว่าพรรครัฐบาลใช้ทรัพยากรของรัฐในการหาเสียง “อย่างสม่ำเสมอและแพร่หลาย”

    ฮุน เซน มีส่วนอย่างมากต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วของกัมพูชาและอุตสาหกรรมเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่เฟื่องฟูซึ่งผลิตเสื้อผ้าให้แบรนด์ระดับโลก

    นอกจากนี้ เขายังเตือนชาวกัมพูชาเป็นประจำว่าหากเขาถูกขับออกจากอำนาจ ประเทศจะกลับสู่ภาวะสงคราม และตอกย้ำประเด็นนี้ในช่วงก่อนการเลือกตั้งปี 2556 หลังจากพรรคฝ่ายค้านรายใหญ่ 2 พรรคร่วมพลังกัน(คือ พรรค CNRP ที่มีสม รังสี เป็นผู้นำ และเป็นคู่ต่อสู้ของฮุน เซนมานาน)ซึ่งนับเป็นภัยต่อพรรค CPP

    ก่อนการลงคะแนนเสียง ฮุน เซนต้องเผชิญกับการเรียกร้องจากสหรัฐฯ ให้อนุญาตให้สม รังสีเดินทางกลับประเทศจากที่ลี้ภัยไปอาศัยอยู่ในฝรั่งเศสหลังจากถูกจำคุกโดยไม่ได้ปรากฎตัวในปี 2553 ในข้อหาที่เขากล่าวว่ามีแรงจูงใจทางการเมือง

    ในที่สุดฮุน เซนก็ยอมจำนน สม รังสีได้รับพระราชทานอภัยโทษและเดินทางถึงกรุงพนมเปญ ซึ่งพบกับรับการต้อนรับวีรบุรุษจากกองเชียร์นับพันที่ยืนเรียงรายอยู่ตามท้องถนน

    พรรค CNRP ชนะการเลือกตั้งด้วย 55 ที่นั่งในรัฐสภา ขณะที่พรรค CPP ได้ 68 ที่นั่ง ของในการเลือกตั้งปี 2556 ซึ่งเป็นผลการเลือกตั้งที่แย่ที่สุดในรอบหลายปีของพรรค CPP

    สม รังสีและพรรค CNRP ได้รับรายงานความผิดปกติในวงกว้างจากผู้สังเกตุการณ์การเลือกตั้งทั้งในและต่างประเทศ ได้ปฏิเสธผลการเลือกตั้ง และนำการเคลื่อนไหวประท้วงมาร่วมปี รวมถึงการชุมนุมบนท้องถนนและการรวมตัวกันนั่งประท้วงที่สวนสาธารณะในกรุงพนมเปญ

    นับเป็นความท้าทายที่สำคัญที่สุดต่อการปกครองของฮุน เซนในรอบกว่าทศวรรษ และในที่สุดเขาก็สั่งให้กองกำลังรักษาความปลอดภัยยุติการประท้วง

    ฮุน เซน และสม รังสีบรรลุข้อตกลงที่จะทำงานร่วมกันภายใต้ “วัฒนธรรมการเจรจา” แต่ในที่สุดก็พัง โดยสมาชิกพรรคฝ่ายค้านและนักเคลื่อนไหวถูกจำคุก สม รังสี หนีออกนอกประเทศอีกครั้ง

    ในปี 2559 รัฐบาลปราบปรามผู้ไม่เห็นด้วยรุนแรงขึ้น ก่อนการเลือกตั้งท้องถิ่นในปี 2560

    หลังฝ่ายค้านทำผลงานได้ดีในการเลือกตั้งสภาชุมชนปี 2560 ฮุน เซนและพรรค CPP เคลื่อนไหวต่อต้านพรรค CNRP อย่างเด็ดขาด ในเดือนกันยายน แกม สุขา ผู้นำคนใหม่ ถูกจับในข้อหากบฏ และนักการเมืองอาวุโสอีกหลายคนหลบหนีลี้ภัย

    สองเดือนต่อมา ศาลฎีกาได้ยุบพรรค CNRP โดยสิ้นเชิง ปูทางสำหรับการเลือกตั้งระดับชาติในปี 2561 ซึ่งรัฐบาลสหภาพยุโรปและรัฐบาลสหรัฐฯไม่ยอมรับ โดยชี้ว่าไม่ถูกต้องตามกฎหมาย

    นักวิเคราะห์กล่าวว่าเขากำลังบ่มเพาะลูกชายทั้งสามของเขา ซึ่งทุกคนล้วนดำรงตำแหน่งที่มีอำนาจไม่ว่าจะในพรรค กองทัพ หรือรัฐบาล เพื่อควบคุมบังเหียนเมื่อเขาก้าวลงจากตำแหน่งในที่สุด

    แต่ไม่มีใครรู้ว่าเมื่อไร

    เวียดนามลดภาษีสิ่งแวดล้อมเชื้อเพลิงลงครึ่งหนึ่ง

    ที่มาภาพ: https://tuoitrenews.vn/news/business/20220325/vietnamese-lawmakers-agree-to-cut-environment-tax-on-fuel-by-half/66329.html
    สมัชชาแห่งชาติของเวียดนามให้ความเห็นชอบ ที่จะ ลดภาษีสิ่งแวดล้อมสำหรับเชื้อเพลิงลงครึ่งหนึ่งเริ่มตั้งแต่เดือนเมษายน ท่ามกลางราคาน้ำมันเบนซินที่พุ่งสูงขึ้นในเวียดนามและทั่วโลก

    ในการประชุมเมื่อวันพุธ(23 มี.ค.)ที่ผ่านมา คณะกรรมการประจำสมัชชาแห่งชาติมีมติให้ลดภาษีสิ่งแวดล้อมสำหรับเชื้อเพลิงตามข้อเสนอของรัฐบาล

    มตินี้จะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนถึง 31 ธันวาคม โดยภาษีสิ่งแวดล้อมสำหรับน้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซล และน้ำมันหล่อลื่น จะลดลงครึ่งหนึ่งเป็น 2,000 ด่อง (0.08 เหรียญสหรัฐ) ต่อลิตร และ 1,000 ด่อง (0.04 เหรียญสหรัฐ) ต่อลิตร ตามลำดับ

    ภาษีน้ำมันก๊าดจะลดลงเหลือ 300 ด่องจาก 1,000 ดองต่อลิตรในปัจจุบัน

    ในข้อเสนอ รัฐบาลระบุว่าปิโตรเลียมเป็นทั้งสินค้าโภคภัณฑ์เชิงกลยุทธ์และจำเป็น ที่มีผลกระทบอย่างมากต่อการดำเนินธุรกิจและชีวิตของคนในประเทศ

    การลดภาษีสิ่งแวดล้อมสำหรับน้ำมันเบนซิน น้ำมัน และจาระบีเป็นวิธีแก้ปัญหาที่เหมาะสมและจำเป็นในขณะนี้ การลดภาษีจะส่งผลโดยตรงต่อการลดราคาขายปลีก ซึ่งจะช่วยไม่ให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น ลดราคาสินค้าลง และอัตราเงินเฟ้อทรงตัว

    กระทรวงการคลังประเมินว่า การจัดเก็บรายได้จากภาษีในประเทศจะลดลง 29 ล้านล้านด่อง (1.26 พันล้านเหรียญสหรัฐ) ในปีนี้ จากอัตราภาษีใหม่นี้

    ราคาน้ำมันและก๊าซในเวียดนามพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันที่ 11 มีนาคม หลังจากที่กระทรวงการคลังและกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าปรับขึ้น 7 ครั้งติดต่อกัน แต่ราคาปรับตัวลดลงเล็กน้อยตามการปรับปกติในวันที่ 21 มีนาคม

    ปัจจุบันน้ำมันเบนซิน E5RON92 อยู่ที่ 28,330 ด่อง (1.24 เหรียญสหรัฐ) ต่อลิตร ในขณะที่ RON95-III อยู่ที่ 29,190 ด่อง (1.28 เหรียญสหรัฐ) ต่อลิตร

    เงินเฟ้อลาวพุ่งสูงสุดรอบ 6 ปีเกิน GDP

    ที่มาภาพ: https://www.facebook.com/vientianetimesonline
    อัตราเงินเฟ้อในประเทศลาวเพิ่มขึ้นสูงกว่า ประมาณการผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ทำให้ประชาชนเกิดความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อมาตรฐานการครองชีพ

    รัฐบาลได้กำหนดเป้าหมายการเติบโตของ GDP แต่ละปีอย่างน้อย 4% จากตอนนี้จนถึงปี 2568 แต่อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบรายปีจาก 6.25% ในเดือนมกราคมเป็น 7.3% ในเดือนกุมภาพันธ์ สูงสุดในรอบ 6 ปีนับตั้งแต่เดือนมกราคมปี 2559 จากรายงานล่าสุดของสำนักสถิติลาว

    ราคาผู้บริโภคพุ่งขึ้นเกินคาดในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา โดยเป็นผลจากค่าเงินกีบลาวที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินบาทและดอลลาร์สหรัฐฯ และต้นทุนเชื้อเพลิงและสินค้านำเข้าอื่นๆ ที่สูงขึ้น

    ในเดือนกุมภาพันธ์ ดัชนีราคาผู้บริโภคจากราคาสินค้านำเข้าเพิ่มขึ้น 1.4% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน และ 11.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี ราคาของหมวดสินค้านี้มาจากต้นทุนเครื่องปรุงรส น้ำตาล ผลิตภัณฑ์จากนม ของใช้ในครัวเรือน ยานพาหนะและอะไหล่ และน้ำมันเบนซิน

    ลาวเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราเงินเฟ้อสูงสุดในภูมิภาคอาเซียน ราคาน้ำมันได้เพิ่มขึ้น 7 เท่าในปีนี้ โดยเพิ่มขึ้นครั้งล่าสุดตั้งแต่วันที่ 18-23 มีนาคม และแขวงพงสาลีน้ำมันมีราคาแพงที่สุด ในเดือนกุมภาพันธ์ ราคาน้ำมันและก๊าซเพิ่มขึ้น 38.33% เมื่อเทียบเป็นรายปี ขณะที่ราคาผลิตภัณฑ์ทองคำเพิ่มขึ้น 16.49% เมื่อเทียบเป็นรายปี

    ราคาน้ำมันและอัตราเงินเฟ้อมีความเกี่ยวข้องกัน เนื่องจากน้ำมันเบนซินเป็นปัจจัยการผลิตที่สำคัญของเศรษฐกิจลาว โดยน้ำมันถูกใช้เป็นเชื้อเพลิงในการขนส่งและการผลิต ค่าเงินกีบลาวที่อ่อนลงหมายความว่าธุรกิจจะต้องใช้จ่ายมากขึ้นเพื่อซื้อเงินตราต่างประเทศเพื่อนำเข้าสินค้าโดยเฉพาะน้ำมัน

    นักเศรษฐศาสตร์กังวลว่าราคาน้ำมันและอาหารที่สูงขึ้น และอัตราเงินเฟ้อในประเทศคู่ค้าหลักของลาวจะส่งผลต่อเศรษฐกิจลาวและราคาสินค้าในตลาดในประเทศ

    ในขณะเดียวกัน ดัชนีราคาผู้บริโภคสินค้าที่ผลิตในประเทศเพิ่มขึ้น 0.4% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน และ 5.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี เป็นผลมาจากราคาเนื้อหมู เนื้อวัว ผลไม้และผัก ต้นทุนผักและผลไม้เพิ่มขึ้น 6.85% เมื่อเทียบเป็นรายปี ในขณะที่ราคาเนื้อสัตว์และปลาเพิ่มขึ้น 5.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี ราคาข้าวเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.69 ต่อปี

    รัฐบาลกำลังดำเนินการเพื่อเพิ่มการผลิตเพื่อลดการนำเข้า และเพื่อควบคุมราคาเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อเศรษฐกิจและประชาชนทั่วไป

    เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เปิดประเทศรับฉีดวัคซีนครบ ยกเลิกกักตัว

  • สิงคโปร์เปิดพรมแดนรับนักท่องเที่ยวฉีดวัคซีนครบ 1 เม.ย. ยกเลิก VTL

  • ที่มาภาพ: https://www.changiairport.com/en/airport-guide/departing/automated-immigration-gates-T4.html

    สำนักงานการบินพลเรือนแห่งสิงคโปร์ประกาศเมื่อวันพฤหัสบดี (24 มี.ค.) ว่า สิงคโปร์จะเปิดพรมแดนอีกครั้งสำหรับนักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีนครบ รวมทั้งยกเลิกการเดินทางภายใต้ vaccinated travel lanes (VTL) และการเปิดประเทศเพียงฝ่ายเดียวตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนนี้ โดยจะเปลี่ยนไปใช้กรอบการเดินทางใหม่ที่ง่ายกว่าเดิม ที่เป็นกรอบการเดินทางที่ได้รับวัคซีน ซึ่งประเทศและภูมิภาคจะถูกแบ่งออกเป็นสองประเภท คือ การเดินทางทั่วไปหรือประเภทที่เข้มงวด

    ภายใต้กรอบนี้ นักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีนครบทุกคน รวมถึงเด็กอายุ 12 ปีและต่ำกว่า จะสามารถเข้าสิงคโปร์ได้โดยทำการทดสอบโควิด-19 ก่อนออกเดินทาง โดยมีผลตั้งแต่เวลา 23.59 น. ในวันที่ 31 มีนาคม

    นักท่องเที่ยวยังไม่ต้องยื่นขออนุมัติการเข้าประเทศหรือดำเนินการขอ VTL ที่กำหนด เพื่อเข้าสู่สิงคโปร์โดยไม่ต้องกักตัวอีกต่อไป นอกจากนี้ จะไม่มีโควตาสำหรับจำนวนผู้เดินทางแต่ละวันอีกต่อไป

    แม้รักท่องเที่ยวยังต้องมีการตรวจหาเชื้อโควิดก่อนออกเดินทางภายใน 2 วันล่วงหน้าก่อนออกเดินทางสู่สิงคโปร์ แต่ก็ไม่ต้องกักตัวหรือผ่านการตรวจหาเชื้อแบบเร็วหรือ ATK โดยไม่มีผู้ดูแลหลังจากมาถึงสิงคโปร์

    สำหรับผู้ถือใบอนุญาตพำนักระยะยาวและผู้เดินทางระยะสั้นอายุ 13 ปีขึ้นไปที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วน โดยทั่วไปจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าสิงคโปร์ แต่มีข้อยกเว้นบางประการ ซึ่งรวมถึงผู้ถือใบอนุญาตผ่านระยะยาวที่ไม่เข้าเกณฑ์ทางการแพทย์สำหรับวัคซีน และผู้ที่ได้รับการอนุมัติให้เดินทางด้วยเหตุผลทางจิตใจ

    สำหรับกลุ่มนี้ จะต้องทำการทดสอบก่อนออกเดินทางภายใน 2 วันก่อนออกเดินทางสู่สิงคโปร์ และต้องกักตัวเป็นเวลา 7 วัน และทำการตรวจหาเชื่้อด้วยวิธี PCR หลังพ้นช่วงการกักตัว

  • ฟิลิปปินส์ผ่อนคลายมาตรการจำกัดการเข้าประเทศนักท่องเที่ยวต่างชาติ 1 เม.ย.

  • ที่มาภาพ: https://www.manila-airport.net/

    นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถเดินทางเข้าฟิลิปปินส์ได้ โดยไม่ต้องมีเอกสารยกเว้นให้เข้าประเทศ(Entry Exemption Document:EED) ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ทำเนียบประธานาธิบดีประกาศเมื่อวันศุกร์(25 ม.ค.)

    ทั้งนี้ หลังจากที่คณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อการจัดการโรคติดต่ออุบัติใหม่ (IATF-EID) ได้อนุมัติมติในวันพฤหัสบดีด้วยคำสั่งที่ 165 ซึ่งอนุญาตให้ชาวต่างชาติเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องใช้ EED ตราบเท่าที่ปฏิบัติตามข้อกำหนดของวีซ่าที่บังคับใช้และ พิธีการตรวจคนเข้าเมืองและขาออก

    “ไม่มีรายชื่อประเทศต้นทางของชาวต่างชาติอีกต่อไป ตราบใดที่พวกเขาสามารถแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนที่ถูกต้องและ [ปฏิบัติตาม] แนวทาง” รักษาการรองโฆษกประธานาธิบดีและปลัดกระทรวงคมนาคม มิเชล คริสเตียน แอบลัน กล่าวผ่านการแถลงข่าวออนไลน์

    ภายใต้คำสั่งที่ 165 ของ IATF-EID นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถเข้าประเทศได้โดยมีเงื่อนไขว่าต้องได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วนและมีหลักฐานยืนยันการฉีดวัคซีนที่ยอมรับได้

    หลักฐานการฉีดวัคซีนที่ยอมรับได้ซึ่งชาวต่างชาติสามารถนำเสนอได้ ได้แก่ ใบรับรองการฉีดวัคซีนและการป้องกันโรคระหว่างประเทศขององค์การอนามัยโลก( World Health Organization International Certificate of Vaccination and Prophylaxis), VaxCertPH, ใบรับรองดิจิทัลระดับประเทศหรือระดับรัฐของต่างประเทศที่ยอมรับ VaxCertPH และหลักฐานการฉีดวัคซีนอื่นๆ ที่อนุญาตโดย IATF-EID

    นอกจากนี้ยังต้องแสดงผลการตรวจโควิดแบบ RT-PCR ที่เป็นลบภายใน 48 ชั่วโมง หรือการตรวจแบบ ATK ในห้องปฏิบัติที่มีผลเป็นลบซึ่งดำเนินการภายใน 24 ชั่วโมงก่อนเดินทางเข้าฟิลิปปินส์

    รวมไปถึงต้องมีหนังสือเดินทางที่ยังใช้ได้เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 6 เดือนเมื่อเดินทางมาถึง รวมทั้งตั๋วที่สำหรับการเดินทางกลับที่ยังไม่หมดอายุ ไปยังสนามบินหรือท่าเรือต้นทางหรือสนามบินหรือท่าเรือปลายทางถัดไปไม่เกิน 30 วันนับจากวันที่เดินทางมาถึง

    เกณฑ์ตั๋วเดินทางไม่บังคับใช้กับคู่สมรสชาวต่างชาติหรือบุตรของชาวฟิลิปปินส์และอดีตชาวฟิลิปปินส์ที่มีสิทธิ์ได้รับสิทธิพิเศษ

    ก่อนเดินทางมาถึงฟิลิปปินส์ ชาวต่างชาติจะต้องทำประกันการเดินทางสำหรับค่ารักษาพยาบาลโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) จากผู้ให้บริการประกันภัยที่มีชื่อเสียงด้วยความคุ้มครองขั้นต่ำ 35,000 เหรียญสหรัฐฯตลอดระยะเวลาพำนักในฟิลิปปินส์

    ชาวต่างชาติที่ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขและข้อกำหนดที่กำหนดโดย IATF-EID อย่างเต็มที่จะถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าประเทศและจะถูกจัดว่าอยู่ในสถานะที่ไม่ได้รับการพิจารณา

    เมื่อเดินทางเข้าประเทศแล้ว นักท่องเที่ยวต่างชาติไม่จำเป็นต้องกักตัวอีกต่อไป แต่จะต้องเฝ้าสังเกตอาการของโควิด-19 ด้วยตนเองเป็นเวลา 7 วัน

    ชาวต่างชาติที่มี EED ที่ถูกต้องและยังคงมีอยู่ซึ่งออกก่อนวันที่ 1 เมษายน จะได้รับอนุญาตให้เข้าประเทศได้

    “ด้วยกฎระเบียบใหม่เกี่ยวกับการเข้าประเทศของชาวต่างชาติ คำสั่ง ของ IATF A ลงวันที่ 5 สิงหาคม 2564 ที่อนุญาตให้มีการยื่นขอวีซ่าชั่วคราวจะไม่มีผลใช้บังคับอีกต่อไปตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2565” คำสั่งใหม่ระบุ

  • มาเลเซียปรับขั้นตอนด้านสุขภาพลดเวลาที่สนามบิน

  • นายไครี จามาลุดดิน รมต.สาธารณสุข เยี่ยมชมท่าอากาศยานนานาชาติกัวลาลัมเปอร์กับรมต.คมนาคม วี กา เซียง ที่มาภาพ: https://www.freemalaysiatoday.com/category/nation/2022/03/20/new-health-protocol-will-cut-arrival-time-at-airport-says-kj/
    กระบวนการด้านสุขภาพใหม่สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมา ถึงจะทำให้พวกเขาออกจากสนามบินได้ภายในเวลาไม่ถึง 45 นาทีหลังจากมาถึง โดย มาตรการใหม่นี้จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนเป็นต้นไป นายไคยรี จามาลุดดิน รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข กล่าว

    กระบวนการใหม่ครอบคลุมการใช้แอป MySejahtera การทดสอบโควิด-19 ก่อนออกเดินทาง และการกรอกแบบฟอร์มล่วงหน้า

    “นักท่องเที่ยวจะต้องกรอกแบบฟอร์มล่วงหน้าจำนวนหลายชุด” หากปฏิบัติตรงตามเงื่อนไขทั้งหมด ก็จะได้รับบัตรอนุญาตเดินทางเข้ามาเลเซียผ่านแอปพลิเคชัน MySejahtera ซึ่งจะช่วยให้พวกเขาขึ้นเครื่องบินได้

    ผู้เดินทางเข้าจะต้องทำการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยชุดทดสอบ ATK ภายใน 24 ชั่วโมงก่อนเดินทางมาถึง หรือทำการตรวจหาเชื้อที่สนามบิน KLIA

    มาเลเซียจะเปิดพรมแดนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอีกครั้งตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนนี้

    นายไครีให้รายละเอียดเกี่ยวกับขั้นตอนใหม่ขณะเยี่ยมชมท่าอากาศยานนานาชาติกัวลาลัมเปอร์กับรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมวี กา เซียง

    นายไครีกล่าวว่า การใช้กระบวนการนี้จะช่วยลดเวลาระหว่างการขึ้นเครื่องและออกจากสนามบินให้เหลือเพียง 35 ถึง 45 นาที เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ที่ใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงมากกว่าหนึ่งชั่วโมง

    สำนักงานการบินพลเรือนแห่งมาเลเซียจะสั่งให้ทุกสายการบินแจ้งให้ผู้โดยสารทราบเกี่ยวกับเงื่อนไขเบื้องต้นก่อนขึ้นเครื่อง

    “วิธีปฏิบัตินี้จะช่วยหลีกเลี่ยงความแออัดที่โถงผู้โดยสารขาเข้า”

  • อินโดนีเซียยกเลิกกักตัวแต่ต้องมีผลตรวจเป็นลบ

  • ที่มาภาพ: https://www.thesundaily.my/world/indonesia-to-scrap-quarantine-rule-for-international-travelers-XB8982110
    เมื่อวันที่ 21 มีนาคม อินโดนีเซียได้ ยกเลิกข้อกำหนดให้กักตัวสำหรับชาวต่างชาติที่ได้รับวัคซีนทุกคนที่เดินทางเข้าประเทศ โดยมีผลทันที อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องมีผลการตรวจโควิด-19 เป็นลบ

    รัฐบาลจะขยายการยกเลิกกักตัวสำหรับการเดินทางเข้าไปยังพื้นที่อื่นๆในประเทศ หลังจากประสบความสำเร็จในโครงการนำร่อง 2 สัปดาห์ก่อนในเกาะบาหลี บาตัม และบินตัน ที่มีการติดเชื้อในระดับต่ำ

    วันพุธ(23 มี.ค.)ที่ผ่านมา อินโดนีเซียได้ยกเลิกข้อกำหนดการกักกันสำหรับนักเดินทางจากต่างประเทศอย่างเป็นทางการ และอนุญาตให้เริ่มปฏิบัติตามประเพณีในเดือนรอมฎอนอันศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังจะมีขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่ใช้มาตรการควบคุมเพื่อสกัดการระบาดใหญ่เป็นเวลา 2 ปี

    การผ่อนปรนข้อจำกัดดังกล่าวเป็นผลจากจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ในประเทศลดลง หลังจากประสบกับการระบาดของไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนที่พุ่งสูงขึ้นเมื่อต้นปีนี้

    “สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศของเราดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น รัฐบาลจึงตัดสินใจดำเนินมาตรการผ่อนคลายบางด้าน” ประธานาธิบดีโจโก วิโดโด กล่าวในแถลงการณ์ต่อสาธารณะเมื่อวันพุธ

    ชาวต่างชาติที่เกิดนทางเข้าจะได้รับการยกเว้นจากการกักตัวหากมีผลตรวจ PCR เป็นลบ “อย่างไรก็ตาม หากผู้เดินทางมีผลตรวจเป็นบวก หน่วยงานเฉพาะด้านโควิด-19 ของเราจะรับมือพวกเขา” ประธานาธิบดีวิโดโด กล่าว

    รัฐบาลยังได้ผ่อนคลายเรื่อง visa on arrival การออกวีซ่าเมื่อเดินทางมาถึง สำหรับผู้เดินทางจาก 42 ประเทศ เพิ่มขึ้นจาก 23 ประเทศ

    เนื่องจากจะใกล้เดือนถือศีลอด ประธานาธิบดีวิโดโด ยังได้ประกาศด้วยว่าการละหมาดตามประเพณีในช่วงค่ำของเดือนรอมฎอน (tarawih) จะได้รับอนุญาตให้ทำได้อีกครั้งที่มัสยิดในประเทศ ทั้งนี้การละหมาดถูกจำกัดตั้งแต่เกิดโรคระบาดครั้งใหญ่ในประเทศในปี 2020 แม้ว่าบางชุมชนจะฝ่าฝืนคำสั่งห้ามก็ตาม

    นอกจากนี้จะอนุญาตให้ชาวอินโดนีเซียเดินทางกลับบ้านเกิดได้อีกด้วย เพื่อเฉลิมฉลองวันอีดิ้ลฟิตรีในช่วงสิ้นเดือนรอมฎอน หลังจากที่มีคำสั่งห้ามเป็นเวลาสองปีเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของไวรัส

    “เรายังอนุญาตให้ผู้ที่ต้องการกลับบ้านเกิดสำหรับวันอีดิ้ลฟิตริ หากได้รับวัคซีนครบโดสและฉีดเข็มกระตุ้นแล้ว” ประธานาธิบดีวิโดโด กล่าว

  • เวียดนามเปิดพรมแดนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเต็มที่ตั้งแต่ 15 มีนาคม

  • ที่มาภาพ: http://www.xinhuanet.com/english/asiapacific/20220315/b45ec628b08a419bb46fa865fcbb9f14/c.html

    ในการแถลงข่าวที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 15 มีนาคม นายเหงียน จุง คานห์ ผู้อำนวยการทั่วไปของสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งชาติเวียดนามกล่าวว่า ชาวต่างชาติสามารถเข้าสู่เวียดนามทางอากาศ ทางบก และทางทะเล ผ่านด่านชายแดนทุกแห่งได้ หากปฏิบัติตามข้อกำหนดในการป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19

    ก่อนหน้าที่จะประกาศนโยบายนี้ นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถเดินทางไปเวียดนามโดยเครื่องบินได้ ก็ต่อเมื่อจองแพ็คเกจทัวร์กับตัวแทนท่องเที่ยวที่กำหนดพร้อมกับใช้หนังสือเดินทางสำหรับวัคซีน(vaccine passport) แม้จะได้รับการยกเว้นการกักตัว แต่นักท่องเที่ยวต่างชาติก็ถูกจำกัดให้ไปเยี่ยมเพียงไม่กี่แห่งซึ่งมีการตรวจสอบกระบวนการอย่างเข้มงวด

    วันที่ 14 มีนาคม รัฐบาลเวียดนามสั่งให้กระทรวงสาธารณสุขผ่อนปรนข้อกำหนดในการเข้าประเทศสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยมีเป้าหมายที่จะยกเลิกข้อจำกัดการเดินทางที่เกี่ยวข้องส่วนใหญ่ตามข้อเสนอที่ส่งให้พิจารณาเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์

    ภายใต้ข้อเสนอนี้ ผู้เดินทางระหว่างประเทศจะต้องแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนอย่างครบถ้วนหรือหายจากโควิด-19 และผลการทดสอบเป็นลบ รวมทั้งต้องที่มีประกันครอบคลุมอย่างน้อย 10,000 เหรียญสหรัฐ สำหรับการรักษาโควิด-19 หากเจ็บป่วยในเวียดนาม

    เพื่อฟื้นฟูกิจกรรมการท่องเที่ยว เวียดนามได้กลับมาดำเนินนโยบายยกเว้นวีซ่าสำหรับพลเมืองจาก 13 ประเทศ รวมทั้งญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และรัสเซียตั้งแต่วันอังคาร ตลอดจนกลับมาดำเนินการตามขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองสำหรับชาวต่างชาติ

  • เมียนมาเปิดบริการเที่ยวบินนานาชาติ 17 เมษายน

  • เมียนมาจะกลับมาให้ บริการเที่ยวบินโดยสารระหว่างประเทศตั้งแต่วันที่ 17 เมษายน กองทัพประกาศเมื่อวันเสาร์ (19 มีนาคม)และยกเลิกคำสั่งห้ามนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ใช้มา 2 ปี

    เมียนมาปิดพรมแดนไม่รับนักท่องเที่ยวในเดือนมีนาคม 2563 ในช่วงเริ่มต้นของการระบาดใหญ่ของไวรัสโคโรนา เพื่อควบคุมไม่ให้การติดเชื้อเพิ่มขึ้น

    เมียนมาถูกโดดเดี่ยวมากขึ้นไปอีกหลังจากการรัฐประหารเมื่อปีที่แล้ว ที่มีการประท้วงครั้งใหญ่ และการปราบปรามแบบนองเลือดต่อผู้เห็นต่างของกองทัพ ส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวตกต่ำ

    “เราจะเปิดเที่ยวบินระหว่างประเทศทั้งหมดในวันที่ 17 เมษายน และสามารถบินได้ตามปกติ” คณะกรรมการกลางแห่งชาติว่าด้วยการป้องกัน ควบคุม และรักษาโรคโคโรนาไวรัส แถลง โดยชี้ว่ามีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ลดลง

    ในแถลงการณ์ระบุว่า การตัดสินใจดังกล่าว “เพื่อฟื้นฟูภาคธุรกิจการท่องเที่ยว และเพื่อให้การเดินทางของผู้มาเยือนเมียนมาเป็นไปอย่างราบรื่น”

    นักท่องเที่ยวจะต้องกักกันเป็นเวลา 1 สัปดาห์ ผ่านการตรวจหาเชื้อแบบ PCR สองครั้ง และต้องได้รับการฉีดวัคซีนอย่างครบถ้วนตามที่กระทรวงสาธารณสุขระบุ

    อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของเมียนมาได้รับผลกระทบจากโรคระบาด โดยประเทศนี้มีผู้ป่วยโควิด-19 สูงสุด 40,000 รายต่อวันเมื่อปีที่แล้ว มีผู้เสียชีวิตรวมเกือบ 20,000 ราย

    ความรุนแรงที่ขยายวงออกไปภายหลังการรัฐประหารของรัฐบาลทหารยังทำให้ธุรกิจเสียหาย โดยมีบริษัทต่างชาติจำนวนมากถอนตัวออกจากประเทศ

    กลุ่มเฝ้าระวังในพื้นที่ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตกว่า 1,600 คนโดยกองกำลังความมั่นคง และกว่า 11,000 คนถูกจับกุมตั้งแต่เกิดรัฐประหาร

    รัฐบาลทหารระบุเมื่อปลายปีที่แล้วว่าจะเปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งในปีนี้ โดยหวังว่าจะใช้ประโยชน์จากวันหยุดตามประเพณีในประเทศ

    Krungsri Internet Banking Laos เปิดตัวบริการใหม่

    นายไพโรจน์ ชื่นครุฑ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านกลยุทธ์และวางแผนธุรกิจองค์กร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)

    กรุงเทพฯ (25 มีนาคม 2565) – กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) สาขาเวียงจันทน์ สปป.ลาว ธนาคารสัญชาติไทยรายแรกและเป็นธนาคารไทยแห่งเดียวใน สปป. ลาว ที่ให้บริการ Internet Banking เปิดตัวบริการใหม่ของ Krungsri Internet Banking Laos พร้อมให้บริการลูกค้าประเภทนิติบุคคล ใน สปป. ลาว และผู้ประกอบการไทยที่สนใจขยายธุรกิจไปยัง สปป. ลาว แล้ววันนี้ ด้วยสามบริการใหม่ Bulk Transfer โอนเงินภายในบัญชีกรุงศรีได้แบบเรียลไทม์ถึง 200 บัญชีต่อครั้ง บริการโอนเงินภายในบัญชีล่วงหน้าแบบ cross currency และบริการจองอัตราแลกเปลี่ยนล่วงหน้า ต่อยอดกลยุทธ์เชื่อมต่ออาเซียนของกรุงศรี สู่การเป็นธนาคารที่หนึ่งในใจลูกค้า พร้อมเชื่อมโยงความต้องการของลูกค้าทั่วทั้งอาเซียน

    Krungsri Internet Banking Laos หรือ KIBL คือช่องทางการให้บริการของธนาคารที่อำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าของธนาคารกรุงศรีอยุธยาสาขาเวียงจันทน์ สปป. ลาว ประเภทนิติบุคคล ในการทำธุรกรรมทางด้านการเงินได้ด้วยตนเองผ่านระบบอินเตอร์เน็ตทั้งผ่านเว็บไซต์ รองรับการใช้งานบนเครื่องคอมพิวเตอร์ และแสดงข้อมูลในรูปแบบที่รองรับการใช้งานบนโทรศัพท์มือถือ รวมไปถึงรองรับการใช้งาน 3 ภาษาคือลาว ไทย และอังกฤษ โดยสามารถดูรายการเคลื่อนไหวในบัญชีแบบเรียลไทม์และย้อนหลังได้สูงสุด 3 เดือน ให้บริการโอนเงินทั้งในและต่างธนาคารทั้งภายในชื่อบัญชีเดียวกันและบัญชีบุคคลอื่น โอนจ่ายเงินเดือนสำหรับบัญชีภายในธนาคารกรุงศรี โอนเงินไปบัญชีคู่ค้าสำหรับบัญชีภายในธนาคารกรุงศรี โอนเงินไปยังต่างประเทศ (SWIFT) บริการเรียกดู FX Rate มอบหมายอำนาจการอนุมัติการทำธุรกรรมได้ออนไลน์ และล่าสุดเปิดตัวบริการใหม่ 3 บริการ ได้แก่ Bulk Transfer โอนเงินได้แบบเรียลไทม์ถึง 200 บัญชีกรุงศรีต่อครั้ง บริการโอนเงินภายในบัญชีล่วงหน้าแบบต่างสกุลเงินหรือ cross currency รองรับการทำรายการ 3 สกุลเงินคือ ลาวกีบ ไทยบาท และดอลลาร์สหรัฐ และบริการจองอัตราแลกเปลี่ยนล่วงหน้า ช่วยเพิ่มความสะดวกแก่ลูกค้า สามารถจองอัตราแลกเปลี่ยนบนออนไลน์จากที่ใดก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปสาขา

    นายไพโรจน์ ชื่นครุฑ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านกลยุทธ์และวางแผนธุรกิจองค์กร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “กรุงศรีนับเป็นธนาคารไทยธนาคารแรกและเป็นธนาคารไทยแห่งเดียวใน สปป. ลาว ที่ให้บริการ Internet Banking โดยสามารถโอนเงินแบบ Bulk Transfer ภายในบัญชีธนาคารเดียวกัน บริการโอนเงินล่วงหน้าแบบ Cross Currency และบริการใหม่ล่าสุด การจองอัตราแลกเปลี่ยนล่วงหน้า โดยเรามุ่งหวังว่า บริการใหม่ใน KIBL นี้ จะช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วยตอบสนองความต้องการของลูกค้าธุรกิจในการเติบโตในต่างประเทศได้อย่างสะดวกสบาย ไร้รอยต่อมากยิ่งขึ้น ประกอบกับการเปิดตัวโครงการรถไฟความเร็วสูงจากนครคุนหมิง สาธารณรัฐประชาชนจีนที่มีปลายทางคือนครหลวงเวียงจันทน์ สปป. ลาว เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา ก็จะมาช่วยเพิ่มโอกาสการขยายธุรกิจสู่ สปป. ลาวของผู้ประกอบการชาวไทยให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยกรุงศรีพร้อมที่จะเป็นพันธมิตรของลูกค้าธุรกิจ ช่วยให้คำปรึกษาและให้บริการทางการเงินที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการของลูกค้าแต่ละราย เพื่อให้ลูกค้าของเราไปเติบโตได้ไกลในอาเซียน”

    ลูกค้าธุรกิจหรือผู้ประกอบการที่สนใจบริการ Krungsri Internet Banking Laos หรือ KIBL สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ผู้จัดการลูกค้าสัมพันธ์ (Relationship Manager) ของกรุงศรี หรือติดต่อกรุงศรี สาขาเวียงจันทน์ สปป. ลาว ได้ที่ Krungsri Bank Laos Facebook โทร. 021 218777 ต่อ 1113 หรือเว็บไซต์ https://www.krungsribizonline.com/KSLaos/