บอร์ดสลากฯเข็น 3 มาตรการ แก้หวยแพง – รื้อระบบจอง-ซื้อใหม่ เปิดลงทะเบียนคัดเลือกคนขายตัวจริง 2 แสนราย – เพิ่มจุดจำหน่าย “สลาก 80” ทั่วประเทศ 1,000 จุด – สร้างแพลตฟอร์มรับฝากขายสลากผ่านออนไลน์
เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2564 นายลวรณ แสงสนิท ประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล (กลาง) พร้อมด้วยนายธนวรรธน์ พลวิชัย กรรมการและโฆษกคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล และพันโท หนุน ศันสนาคม ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ร่วมกันแถลงข่าวถึงมาตรการในการแก้ปัญหาสลากเกินราคา ทั้งในระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาว ณ ห้องประชุม ชั้น 2 สำนักการพิมพ์ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล
โดยนายลวรณ แสงสนิท ประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล ได้กล่าวถึงปัญหาสลากเกินราคาในปัจจุบัน ซึ่งสำนักงานสลากฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้มีมาตรการและแนวทางเพื่อป้องกันและแก้ไขอย่างต่อเนื่อง สาเหตุของปัญหาสลากเกินราคาในขณะนี้ นอกจากความต้องการตัวเลขของผู้ซื้อสลากแล้ว จากสถานการณ์โควิดฯ ทำให้มีผู้สนใจหันมาประกอบอาชีพจำหน่ายสลากมากขึ้น ทำให้สลากในตลาดไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้ขายซึ่งมีจำนวนมากขึ้น และส่วนใหญ่ไม่มีสลากของตัวเอง ต้องไปรับมาจำหน่ายอีกทอดหนึ่ง ทำให้ต้องขายสลากในราคาที่สูงขึ้น ประกอบกับมีช่องทางการจำหน่ายแบบใหม่ๆ ทำให้ปริมาณสลากเป็นที่ต้องการมากขึ้น คณะกรรมการสลากฯ จึงได้มอบหมายให้สำนักงานฯ หาแนวทางและมาตรการ เพื่อบรรเทาปัญหาดังกล่าว ล่าสุด คณะกรรมการสลากฯ ได้มีมติกำหนดโรดแมป ในการดำเนินการแก้ไขปัญหา ทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว แนวทางประกอบด้วย 1) การขยายจุดจำหน่ายโครงการ “สลาก 80” 2) การเปิดรับสมัครลงทะเบียนในระบบซื้อ-จองล่วงหน้าสลากกินแบ่งรัฐบาล จำนวน 200,000 ราย และ 3) การจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์หรือแพลตฟอร์มออนไลน์
พันโท หนุน ศันสนาคม ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวถึงรายละเอียดของ 3 แนวทาง เริ่มจาก แนวทางแรก คือ การขยายจุดจำหน่ายโครงการ “สลาก 80” ไปทั่วประเทศ ทั้งในเชิงลึกและเชิงกว้าง โดยเชิงลึก พิจารณาเพิ่มเขต/อำเภอละ 1 จุด จากรายชื่อตัวแทนจำหน่ายที่ได้ผ่านการพิจารณาคัดเลือกเป็นผู้ขึ้นบัญชีสำรองของแต่ละเขต/อำเภอแล้ว ส่วนในเชิงกว้าง คือ ให้เปิดรับสมัครตัวแทนจำหน่ายรายเดิมส่วนภูมิภาคทั่วประเทศ จำนวน 75 จังหวัด อำเภอละ 1 – 2 จุด รวมจำนวนไม่เกิน 1,000 จุด
สำหรับแนวทางที่สอง คือ การเปิดรับสมัครลงทะเบียนในระบบซื้อ-จองล่วงหน้าสลากกินแบ่งรัฐบาล จำนวน 200,000 ราย โดยสมัครผ่านเว็บไซต์ หลังจากนั้นจะนำข้อมูลผู้สมัครมาคัดกรองคุณสมบัติ จากนั้นถ้ามีผู้สมัครเกินจำนวนจะใช้วิธีเรียงลำดับแบบสุ่มหรือ Random sort ทั้งส่วนกลางและรายจังหวัด คาดว่าจะสามารถได้รายชื่อผู้ลงทะเบียน และเริ่มทำรายการได้ตั้งแต่สลากงวดวันที่ 2 พฤษภาคม 2565 เป็นต้นไป
ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวต่อว่า ในส่วนของแนวทางที่ 3 เรื่องของการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์หรือแพลตฟอร์มออนไลน์นั้น โดยที่ลักษณะของสลากยังคงเป็นสลากประเภทและรูปแบบเดิมไม่เปลี่ยนแปลงจากปัจจุบัน จึงสามารถดำเนินการได้ โดยไม่ต้องจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและศึกษาผลกระทบทางสังคม วิธีดำเนินการเริ่มจากตัวแทนจำหน่ายที่เข้าร่วมโครงการจำหน่ายผ่านแพลตฟอร์ม มอบสลากให้สำนักงาน ฯ นำเข้าระบบ โดยสำนักงานสลาก ฯ เก็บสลากตัวจริงไว้เพื่อใช้เป็นเป็นหลักฐานในการรับเงินรางวัล ประชาชนที่ต้องการซื้อสลากในระบบนี้ จะต้องลงทะเบียนผู้ซื้อก่อนและจ่ายเงินเข้าบัญชีตัวแทนจำหน่าย ข้อดีของระบบนี้ ระบบการสั่งซื้อจะถูกบันทึกและจัดเก็บไว้ สามารถตรวจสอบข้อมูลการซื้อขายได้ และเมื่อถูกรางวัล ระบบจะแจ้งเตือนให้ติดต่อขอรับเงินรางวัล
ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย กรรมการและโฆษกคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวว่า การแก้ปัญหาสลากเกินราคาต้องใช้หลายมาตรการประกอบกัน เนื่องจากปัญหาเกิดจากหลายสาเหตุ จากการกำหนดโรดแมป ทั้ง 3 แนวทางในวันนี้ คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อผู้ขายสลากนอกระบบ และผู้จำหน่ายในส่วนของสลากดอทคอมต่างๆ และจะทำให้ตลาดนี้ ต้องขายในราคา 80 บาท สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาที่แบ่งเป็นแผนระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาวนั้น รูปแบบสลากใบยังคงมีจำหน่ายเหมือนเดิม แต่จะดูแลให้อยู่ในราคาใบละ 80 บาท ส่วนรูปแบบขายผ่านอิเล็กทรอนิกส์ หรือ ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งสำนักงานสลากฯ จะเปิดแพลตฟอร์มออนไลน์เอง จะมีการพิจารณาสัดส่วนการจำหน่ายแบบใบและแบบผ่านแพลตฟอร์มให้มีความเหมาะสม ทั้งนี้ ในส่วนของการจำหน่ายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์นั้น แม้ว่าในเบื้องต้น สำนักงานฯ เห็นว่าสามารถดำเนินการได้ เนื่องจากเป็นสลากแบบเดิมแต่เปลี่ยนช่องทางการจำหน่าย แต่อย่างไรก็ตาม สำนักงานฯ จะเริ่มดำเนินการภายหลังจากที่ได้รับความเห็นชอบในส่วนของขั้นตอนต่างๆ ตามกฎหมายเรียบร้อยแล้ว
ดร.ธนวรรธน์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ปริมาณสลากปัจจุบันจำนวน 100 ล้านฉบับ ขณะนี้ ถือว่าเป็นจำนวนที่เพียงพอต่อความต้องการของคนซื้อ และต้องยอมรับว่าช่องทางออนไลน์ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ได้รับความนิยมของกลุ่มคนรุ่นใหม่ และขอยืนยันว่าผู้ค้าในระบบเดิมจะไม่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะกลุ่มผู้พิการจะมีการให้ความรู้ในการใช้งานระบบด้วย
สำหรับโรดแมปของมาตรการแก้ไขปัญหาสลากเกินราคามีรายละเอียดดังนี้
1.การขยายจุดจำหน่ายโครงการ “สลาก 80” ในปี 2565 และได้กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินการ ดังนี้
ระยะที่ 1 ขยายจุดจำหน่ายในเชิงลึก โดยพิจารณาเพิ่มเขต/อำเภอละ 1 จุดจำหน่าย จากรายชื่อตัวแทนจำหน่ายที่ได้ผ่านการพิจารณาคัดเลือกเป็นผู้ขึ้นบัญชีสำรองของแต่ละเขต/อำเภอ จำนวน 169 ราย ตามอนุมัติของคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล ในคราวประชุมฯ ครั้งที่ 7/2564 เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2564
สำนักงานฯ ได้ดำเนินการตามแผนการขยายจุดจำหน่ายฯ ระยะที่ 1 โดยเรียกผู้ขึ้นบัญชีสำรองเป็นเครือข่าย GLO Official Sellers ในเขตกรุงเทพมหานคร และจังหวัดนนทบุรี ลำดับถัดไป ตามแนบท้ายประกาศสำนักงานฯ ลงวันที่ 28 พฤษภาคม 2564 เรื่อง ประกาศรายชื่อตัวแทนจำหน่ายที่ผ่านการคัดเลือกเป็นเครือข่าย GLO Official Sellers จำนวน 36 ราย (31 เขต/5 อำเภอ) ให้มาแสดงตนและเข้ารับการอบรมชี้แจงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเป็นตัวแทนจำหน่ายสลากโครงการ “สลาก 80” ปี 2565 (ระยะที่ 1) เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2564 ณ ห้องอเนกประสงค์ ชั้น 2 อาคารออกรางวัล สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยหลังจากการอบรมหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเป็นตัวแทนจำหน่ายโครงการ “สลาก 80” มีตัวแทนจำหน่ายรับทราบหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของสำนักงานฯ และยินยอมที่จะปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของสำนักงานฯ ตามโครงการ “สลาก 80” จำนวน 34 ราย และมีผู้ที่ขอสละสิทธิในการเข้าร่วมโครงการฯจำนวน 2 ราย ได้แก่ เขตสาทร และเขตบางบอน ซึ่งทั้ง 2 เขตไม่มีผู้ขึ้นบัญชีสำรองคงเหลือ ดังนั้น มีตัวแทนจำหน่ายจากบัญชีสำรองที่เข้าร่วมโครงการ “สลาก 80” ประจำปี 2565 (ระยะที่ 1) รวมทั้งสิ้น 34 ราย จาก 29 เขต และ 5 อำเภอ โดยจะเริ่มจำหน่ายสลากงวดแรกงวดวันที่ 17 มกราคม 2565
รวมมีจุดจำหน่ายสลาก 80 ในเขตกรุงเทพมหานคร และจังหวัดนนทบุรี จำนวนทั้งสิ้น 78 จุดจำหน่าย ก่อนดำเนินการเปิดรับสมัครในระยะที่ 2
ระยะที่ 2 ขยายจุดจำหน่ายในเชิงกว้าง โดยเปิดรับสมัครตัวแทนจำหน่ายรายเดิม
1.คุณสมบัติของผู้สมัครโครงการ “สลาก 80” เป็นตัวแทนจำหน่ายสลากประเภทบุคคลทั่วไป (รายเดิม) ที่มีรหัสตัวแทนจำหน่ายอยู่ในจังหวัดนั้น
2. หลักเกณฑ์การสมัครเข้าร่วมโครงการ “สลาก 80”
-
1) ต้องมีจุดจำหน่ายที่มีลักษณะอยู่กับที่อย่างถาวร เช่น อาคาร บ้าน ห้างสรรพสินค้า ปั๊มน้ำมัน ร้านค้า ซุ้มขายของ หรือพื้นที่ให้เช่าชัดเจนโดยมีสัญญาเช่าหรือหนังสือยินยอมจากเจ้าของพื้นที่ ที่สามารถตรวจสอบได้ โดยห้ามเคลื่อนย้ายจุดจำหน่าย และห้ามเร่ขาย
2) ต้องมีสถานที่จำหน่าย และที่ทำการไปรษณีย์ที่จะรับสลากอยู่ในจังหวัดเดียวกันกับที่ตนเองสมัคร
3) สถานที่ต้องอยู่ในทำเลที่เหมาะสมสามารถจำหน่ายสลากได้ประจำทุกวัน และ/หรืออยู่ในทำเลที่อยู่ในชุมชนหรือมีผู้คนสัญจรไปมาจำนวนมาก
3. วิธีการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการ “สลาก 80”
-
1) สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลจะตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นของตัวแทนจำหน่ายที่สมัคร เข้าร่วมโครงการตามคุณสมบัติ และหลักเกณฑ์ที่กำหนด
2) สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลคัดกรองและจัดกลุ่มตัวแทนจำหน่ายเบื้องต้นตามเขตพื้นที่
3) สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลจะตรวจสอบข้อมูลจุดจำหน่ายจริงของผู้สมัครที่แจ้งไว้กับสำนักงานสลาก กินแบ่งรัฐบาลตามลำดับโดยใช้เทคโนโลยีในการตรวจสอบ, การลงพื้นที่ หรือวิธีการอื่น ๆ สำหรับผู้สมัครส่วนภูมิภาค ต้องมีการรับรองจากที่ทำการปกครองส่วนท้องถิ่นด้วย หากพบว่าข้อมูลเป็นเท็จ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล จะถือว่าผิดหลักเกณฑ์ตามที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลกำหนด จะไม่นำรายชื่อเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคัดเลือก
4) สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลจะนำข้อมูลรายชื่อผู้สมัครที่ผ่านหลักเกณฑ์รายจังหวัด เข้าสู่กระบวนการคัดเลือก
5) หากมีผู้ผ่านเกณฑ์เข้าสู่กระบวนการพิจารณาคัดเลือกเกินกว่าจำนวนที่ต้องการ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลจะใช้วิธีคัดเลือกแบบการจัดเรียงลำดับแบบสุ่ม (Random Sort) หรือวิธีการอื่นใดที่มีความเหมาะสม เพื่อคัดเลือกให้ได้ตามจำนวนที่กำหนด
4. เงื่อนไขที่ผู้ที่ได้รับการคัดเลือกตามโครงการ “สลาก 80” ต้องปฏิบัติ
4.1 ด้านสถานที่จำหน่าย
- ต้องจำหน่ายสลาก ณ จุดจำหน่ายที่ได้แจ้งไว้กับสำนักงานฯ เท่านั้น ห้ามเคลื่อนย้ายจุดจำหน่าย หรือเร่ขาย
- ต้องจัดบริเวณจุดจำหน่ายให้เห็นอย่างชัดเจน และห้ามใช้จุดจำหน่าย รวมถึง ตัวแทนจำหน่ายและบริวารที่ร่วมจำหน่ายสลากของโครงการไปจัดตั้งแผงจำหน่ายสลากเกินราคาในบริเวณเดียวกัน
- ต้องมีกล้องวงจรปิดบริเวณจุดจำหน่ายสลากของตน บันทึกการซื้อ-ขายสลากเพื่อเป็นหลักฐานในกรณีที่มีการตรวจสอบ หรือร้องเรียนต่าง ๆ
- ต้องแจ้งข้อมูลจุดจำหน่าย วัน เวลา ที่จำหน่าย ระยะเวลาการจำหน่ายผ่านแอปพลิเคชัน My GLO รวมถึงจัดทำป้ายแสดงวัน เวลาในการเปิด-ปิดร้าน บริเวณจุดจำหน่ายให้ประชาชนทราบ
- ต้องแต่งกายและติดตั้งป้ายประชาสัมพันธ์จุดจำหน่ายตามที่สำนักงานฯ กำหนด
- กรณีที่จำหน่ายสลากหมดแล้ว ห้ามมิให้นำสลากที่อื่นมาขายเกินราคาที่จุดจำหน่ายของโครงการ โดยเมื่อจำหน่ายหมดแล้วให้มีป้ายแจ้งว่า “สลากจำหน่ายหมดแล้ว”
4.2 ด้านวิธีการจำหน่ายสลาก
- ต้องจำหน่ายสลากตามรูปแบบที่สำนักงานฯ จัดสรรให้เท่านั้น พร้อมทั้งประทับตราสัญลักษณ์ตามที่ได้รับจากสำนักงานฯ บนสลากทุกฉบับที่จำหน่าย
- ต้องจำหน่ายสลากให้แก่ลูกค้าผ่านระบบแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” และ“เป๋าตัง” เท่านั้น และครบตามจำนวนสลากที่ได้รับไปจำหน่าย
- ต้องจำหน่ายสลากด้วยวิธีจำหน่ายปลีกกับผู้บริโภคโดยตรงเท่านั้น ไม่เกินรายละ 20 ใบต่องวด และห้ามขายส่งให้กับผู้ที่จะนำไปจำหน่ายต่ออีกทอดหนึ่ง และห้ามขายให้กับตัวแทนจำหน่าย ผู้ซื้อ-จองล่วงหน้าสลากฯ ที่ได้รับสลากไปจำหน่าย
- ห้ามนำสลากไปจำหน่ายบนแพลตฟอร์มออนไลน์ของกลุ่มบุคคลต่าง ๆ
- ต้องไม่นำสลากแบบรวมชุดเกินกว่าที่สำนักงานฯ กำหนด หรือสลากเกินราคามาจำหน่ายที่จุดจำหน่ายของโครงการ
- บุคคลที่จำหน่ายสลากและจุดที่จำหน่ายสลากตามโครงการต้องไม่ซ้ำซ้อนกันกับจุดที่มีการขายสลากเกินราคา
- หากตรวจพบว่าท่านหรือบริวารร่วมจำหน่ายมีการขายสลากเกินราคาบริเวณจุดจำหน่าย “สลาก 80” จะถือว่าท่านไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่สำนักงานฯ กำหนด
4.3 ด้านการปฏิบัติตามสัญญาตัวแทนจำหน่าย
- ต้องวางหลักประกันในอัตราร้อยละ 10 ของมูลค่าราคาสลากที่ได้รับ หากมีการปฏิบัติผิดสัญญาจะถูกยึดเงินประกันตามที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลกำหนด
- ต้องสามารถปฏิบัติตามสัญญา ระเบียบ ข้อบังคับ คำสั่ง ประกาศ และเงื่อนไขต่าง ๆที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลกำหนดเกี่ยวกับการจำหน่ายสลาก ทั้งในปัจจุบันและที่จะมีขึ้นในอนาคตทุกประการ
2.เปิดลงทะเบียนในระบบซื้อ-จองล่วงหน้าสลากกินแบ่งรัฐบาล
การเปิดรับสมัครลงทะเบียนในระบบซื้อ-จองล่วงหน้าสลากกินแบ่งรัฐบาล จำนวน 200,000 ราย ได้กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินการ ดังนี้
1. คุณสมบัติผู้ซื้อ-จองล่วงหน้าสลากฯ ต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้
-
1) สัญชาติไทย
2) มีอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ และไม่เกิน 80 ปีบริบูรณ์ หากอายุเกิน 70 ปี ต้องมีใบรับรองแพทย์ว่าสุขภาพร่างกายแข็งแรง สามารถจำหน่ายสลากด้วยตนเองได้
3) มีภูมิลำเนาในเขตที่ตนเองจะเป็นผู้มีสิทธิซื้อ-จองล่วงหน้าสลากฯ มาไม่น้อยกว่า 6 เดือน นับถึงวันที่สมัครเป็นผู้มีสิทธิซื้อ-จองล่วงหน้าสลากฯ ภูมิลำเนาดังกล่าวให้ถือเอาตามทะเบียนบ้าน
4) มีความสามารถจำหน่ายสลากได้ด้วยตนเอง
5) ไม่เป็นโรคติดต่อซึ่งเป็นที่น่ารังเกียจของสังคม หรือไม่เป็นพาหะนำโรคติดต่อ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด
6) เป็นผู้ที่ได้รับสลากเพียงระบบเดียวหมายถึง ไม่เป็นตัวแทนจำหน่าย และให้หมายความรวมถึง สมาชิกของตัวแทนจำหน่ายที่เป็นนิติบุคคล ซึ่งได้รับการจัดสรรสลากจากสมาคม มูลนิธิ หรือองค์กรการกุศลนั้น ๆ
7) ไม่เป็นพนักงาน หรือลูกจ้างของสำนักงานฯ หรือลูกจ้างคู่สัญญาตามสัญญาจ้างเหมาบริการกับสำนักงานฯ หรือเป็นคู่สมรสโดยชอบด้วยกฎหมายของบุคคลดังกล่าว
8) ไม่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ข้าราชการ พนักงานราชการ หรือลูกจ้างของส่วนราชการ ไม่ว่าจะเป็นราชการส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค หรือส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานของรัฐอื่น
9) ไม่เป็นพระภิกษุ สงฆ์ นักพรต นักบวชทุกศาสนา เว้นแต่เป็นการบวชชั่วคราวตามประเพณีนิยม
10) ต้องไม่เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 พระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ.2533 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2537
กรณีคนพิการ ต้องมีบัตรประจำตัวคนพิการที่ออกโดยกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ และหากไม่สามารถจำหน่ายสลากด้วยตัวเอง ไม่ให้นำความตาม (4) มาบังคับ แต่ต้องระบุผู้ดูแลที่แจ้งไว้กับกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการที่สามารถจำหน่ายสลากแทน และผู้ดูแลนั้นต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามข้อ 1. ด้วย
2. วิธีการรับสมัคร และการคัดเลือก
-
1) สำนักงานฯ ออกประกาศเชิญชวนผู้ที่ประสงค์จะขึ้นบัญชีผู้ซื้อ-จองล่วงหน้าสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยให้ผู้สมัครทั้งส่วนกลาง (กรุงเทพมหานคร) และประจำจังหวัดยื่นสมัครผ่านเว็บไซต์ www.glo.or.th โดยให้ผู้สมัครแนบเอกสารหลักฐาน (อัพโหลดผ่านระบบการรับสมัคร) เช่น ทะเบียนบ้าน ฯลฯ พร้อมระบุสถานที่จำหน่าย และปณ.ที่จะรับสลาก ซึ่งจะต้องอยู่ในภูมิลำเนาตามทะเบียนบ้าน พร้อมทั้งรับรองข้อมูลของตนเอง และยินยอมให้มีการตรวจสอบข้อมูลส่วนบุคคล ก่อนยืนยันการสมัคร
- อนุมัติรายชื่อผู้ที่ได้รับการคัดเลือกเพื่อแต่งตั้งให้เป็นผู้ซื้อ-จองล่วงหน้าสลากฯ โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่งวดวันที่ 2 พฤษภาคม 2565 (ทำรายการจองในวันที่ 5 – 6 เมษายน 2565 และสลากซื้อในวันที่ 19 เมษายน 2565)
- ให้ผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งไปทำการยืนยันตัวตนที่ บมจ.กรุงไทย ภายในระยะเวลา 3 เดือนนับตั้งแต่สำนักงานฯ มีประกาศ ทั้งนี้ หากพบว่าผู้ผ่านการคัดเลือกไม่ดำเนินการยืนยันตัวตน (KYC) ภายในระยะเวลาที่กำหนด ให้ยกเลิกการเป็นผู้มีสิทธิทำรายการซื้อ-จองล่วงหน้าสลากฯ
- ให้สำนักงานฯ จัดทำบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิทำรายการซื้อ-จองล่วงหน้าสลากฯ ที่ได้ผ่านการยืนยันตัวตนแล้ว โดยมีอายุ 2 ปี นับตั้งแต่วันที่เสนอรายงานสรุปต่อคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล และแจ้งยกเลิกการเป็นผู้มีสิทธิทำรายการซื้อ-จองล่วงหน้าสลากฯ สำหรับผู้ที่ไม่ดำเนินการยืนยันตัวตนภายในระยะเวลาที่กำหนด
2) สำนักงานฯ นำข้อมูลรายชื่อผู้สมัครทั้งหมด คัดกรองคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามตามคุณสมบัติข้อ 1. หากพบว่าขาดคุณสมบัติ จะไม่นำรายชื่อเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคัดเลือก
3) ให้สำนักงานฯ นำข้อมูลรายชื่อที่ผ่านการคัดกรองตามข้อ 2) มาแยกข้อมูลผู้สมัครเป็นรายจังหวัด เพื่อให้ทราบถึงจำนวนผู้สมัครในแต่ละจังหวัด แล้วนำมาคำนวณกำหนดสัดส่วนผู้ซื้อ-จองล่วงหน้าสลากกินแบ่งรัฐบาลของแต่ละจังหวัดจากกรอบจำนวน 200,000 คน ดังนี้
4) คณะกรรมการจัดทำบัญชีผู้ซื้อ-จองล่วงหน้าสลากกินแบ่งรัฐบาล เป็นผู้ดำเนินการจัดเรียงลำดับแบบสุ่ม (Random Sort) ทั้งส่วนกลางและรายจังหวัดตามสัดส่วนให้ครบตามจำนวนที่กำหนด โดยเชิญผู้ทรงคุณวุฒิ, บุคคลภายนอก และสื่อมวลชนร่วมเป็นสักขีพยาน
5) สำนักงานฯ นำรายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือกเสนอคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล เพื่อพิจารณา ดังนี้
3.การจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ แพลตฟอร์มออนไลน์
- ลักษณะของสลาก ยังคงเป็นสลากประเภทและรูปแบบเดิม ไม่เปลี่ยนแปลงจากปัจจุบัน
- เป็นการจัดให้มีสลากชุดละ 1 ล้านหมายเลข อ้างอิงหมายเลขตั้งแต่ 000000 – 999999 จำหน่ายผ่านระบบตัวแทนจำหน่าย ซึ่งตัวแทนจำหน่ายยังคงเป็นเจ้าของสลาก จัดสรรเงินรางวัลที่ได้รับจากการจำหน่ายสลากตามโครงสร้างเงินรางวัลเดิม การออกรางวัล 2 ครั้งต่อเดือน และการจ่ายรางวัลสามารถขึ้นเงินรางวัลจากการอ้างอิงหมายเลขที่ถูกรางวัลเหมือนเดิม จึงสามารถดำเนินการได้ โดยไม่ต้องจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและศึกษาผลกระทบทางสังคม ตาม มาตรา 13(7/1) แห่งพระราชบัญญัติสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ. 2517 และแก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2562
วิธีการดำเนินการ
- ออกแบบและจัดพิมพ์บนกระดาษสลาก หรือจัดให้มีสลาก
- ตัวแทนจำหน่ายที่เข้าร่วมโครงการจำหน่ายผ่านแพลตฟอร์มฯ มอบสลากให้สำนักงานฯ นำเข้าแพลตฟอร์มจำหน่ายสลาก
- นำสลากเข้าระบบ
- สำนักงานฯ เก็บใบสลากตัวจริงไว้เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการรับเงินรางวัลและพิสูจน์สลาก
- สลากเข้าสู่แพลตฟอร์มออนไลน์ ผ่านแอพ Line / Facebook และ Lottery Market place
- ประชาชนที่ต้องการซื้อสลากผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ จะต้องลงทะเบียนก่อน โดยระบุซื่อ นามสกุล หมายเลขโทรศัพท์
- เลือกสลาก ผ่านแพลตฟอร์ม ที่ต้องการซื้อ
- จ่ายเงินค่าสลากเข้าบัญชีตัวแทนจำหน่ายที่ขายสลาก ในราคาฉบับละ 80 บาท
- ตัวแทนจำหน่าย ตรวจสอบการได้รับเงินพร้อมทำการอนุมัติยอดขาย
- รายละเอียดการสั่งซื้อจะถูกบันทึกและจัดเก็บไว้ และสามารถตรวจสอบข้อมูลการซื้อสลากได้ในระบบ
- กรณีสลากถูกรางวัล แพลตฟอร์มจำหน่ายสลาก จะแจ้งผู้ถูกรางวัลผ่านระบบการแจ้งเตือน เพื่อให้ติดต่อขอรับรางวัลผ่าน ธนาคารกรุงไทย และธนาคารออมสิน ยกเว้นรางวัลที่ 1 ต้องมารับที่สำนักงานฯ