ThaiPublica > เกาะกระแส > นายกฯ ไม่หวั่น “ศักดิ์สยาม” ติดโควิดฯ ชี้ประชุมออนไลน์ได้-มติ ครม. ขยายเวลารับลูกจ้างตกงาน สมัคร ม.39 ถึง 30 มิ.ย. นี้

นายกฯ ไม่หวั่น “ศักดิ์สยาม” ติดโควิดฯ ชี้ประชุมออนไลน์ได้-มติ ครม. ขยายเวลารับลูกจ้างตกงาน สมัคร ม.39 ถึง 30 มิ.ย. นี้

7 เมษายน 2021


พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ที่มาภาพ: www.thaigov.go.th

นายก ฯไม่หวั่น “ศักดิ์สยาม” ติดโควิดฯ ชี้ประชุมออนไลน์ได้-สั่ง กทม.-มท.-กลาโหม เตรียม รพ.สนาม รับมือโควิด ฯรอบใหม่-มติ ครม.ขยายเวลารับลูกจ้างตกงาน สมัคร ม.39 ถึง 30 มิ.ย.นี้-เคาะค่าสัมปทาน “ท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3” ที่ 29,050 ล้าน

เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาลมีการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งภายหลังจากมีการตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวนมาก ได้มีการยกเลิกวาระงานทั้งหมด และได้ปรับเปลี่ยนให้การประชุมในวันนี้เป็นการประชุมผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ โดยมี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน

ทั้งนี้ รองนายกรัฐมนต์รี และรัฐมนตรีหลายท่านเลี่ยงเดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาล และขอลาหยุด โดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แจ้งประชุมผ่านวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ที่บ้าน นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แจ้งประชุมผ่านวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ ณ กระทรวงของตน

ส่วนนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีอีก 9 ราย ได้แก่ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เนื่องจากติดราชการที่จังหวัดกระบี่ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้แจ้งลาการประชุมในวันนี้ โดยนายศักดิ์สยาม ได้เปิดเผยว่าตนติดเชื้อโควิดฯ ในช่วงเช้าที่ผ่านมา

ไม่หวั่น “ศักดิ์สยาม” ติดโควิดฯ ชี้ รบ.ทำงานผ่านออนไลน์ได้

พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้เป็นการประชุม ครม. อีกครั้งหนึ่งถึงแม้จะเป็นการประชุมผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ก็ตาม แต่ก็ได้มีการพูดคุยหารือเหมือนเช่นปกติ

เมื่อถามว่ามีความกังวลต่อกรณีของนายศักดิ์สยาม หรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า กรณีดังกล่าวก็รักษากันไปเหมือนกับคนทั่วไป ตนไม่ได้มีความกังวลแต่อย่างใด

“อาจมีหลายท่านที่อยู่ในมาตรการที่ต้องกักตัวเอง แต่ก็ไม่เป็นปัญหาอะไร เพราะมีการเชื่อมต่อกันทางระบบออนไลน์อยู่แล้วในขณะนี้”

ยัน “ไม่สบายใจ แต่ไม่ท้อ” – เล็งปิดเพิ่ม “สถานบันเทิง” การ์ดตก

พล.อ. ประยุทธ์ ตอบคำถามถึงมาตรการของรัฐบาลในการดำเนินการต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกล่าสุด ที่มีการระบาดในคลัสเตอร์โรงเรียนนานาชาติ และนักการเมือง ว่า รัฐบาลมีความห่วงใย และจำเป็นต้องหามาตรการที่เหมาะสมเป็นมาตรฐานในการดำเนินการ ยอมรับว่าไม่สบายใจในหลายเรื่อง แต่ยืนยันไม่ท้อแท้

“เราต้องบริหารหลายเรื่องด้วยกันทั้งเรื่องของโควิดฯ เรื่องของเศรษฐกิจ การบริหารความรู้สึกของประชาชน ผมไม่สบายใจหลายเรื่องการในขณะนี้แต่อย่างไรก็ตามเราต้องอย่าท้อแท้เราต้องให้กำลังใจซึ่งกันและกัน และสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนไม่ว่าสถานการณ์แพร่ระบาดในระดับใดก็ตาม”

ต่อคำถามถึงการแพร่ระบาดระรอกล่าสุดโดยเฉพาะในคลัสเตอร์กรุงเทพมหานคร มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่าจะเป็นเชื้อกลายพันธุ์ พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องของกลายพันธุ์หรือไม่กลายพันธุ์ก็ตาม เป็นเรื่องของมาตรการทางสาธารณสุข ซึ่งแพทย์ได้มีการพิจารณาหารือกันอยู่ในขณะนี้ ขอให้ทางการแพทย์เขาพิจารณาอย่าเพิ่งตื่นตระหนกกับเรื่องพวกนี้ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องเร่งรัดคือเรื่องของการฉีดวัคซีนให้มากยิ่งขึ้น ให้สอดคล้องกับจำนวนวัคซีนที่กำลังทยอยเข้ามาในประเทศไทยเวลานี้

ทั้งนี้ การจัดหาวัคซีนอาจมีปัญหา เนื่องจากหลายเรื่องเป็นปัญหาระดับโลกระดับประเทศด้วย แม้กระทั่งในประเทศผู้ผลิตวัคซีนก็มีปัญหาเรื่องการผลิตวัคซีนเช่นเดียวกันเพราะสถานการณ์แพร่ระบาดรุนแรงขึ้นในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ที่ผลิตวัคซีนเองก็ตาม ดังนั้นก็ต้องเตรียมแก้ปัญหาเหล่านี้

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีได้ขอความร่วมมือประชาชนให้ปฏิบัติตามมาตรการของภาครัฐ และทุกคนต้องมีมาตรฐานของตัวเองการใส่หน้ากาก การเว้นระยะห่างการเข้าไปอยู่ในสถานที่ที่มีความเสี่ยง สถานท่องเที่ยวสถานบันเทิงต่างๆ ได้มีการปิดสถานบันเทิงบางแห่งบางพื้นที่ไปแล้ว โดยหากมีการตรวจสอบพบว่ามีการจัดทำมาตรการไม่พร้อมในการป้องกันโควิดฯ จะปิดเพิ่มเติมอีกโดยทันที โดยยืนยันรัฐบาลยังสามารถจัดการสถานการณ์ได้อยู่

“ผมก็ไม่อยากจะปิดทั่วประเทศเพราะผมเข้าใจ แต่ทุกคนต้องเรียนรู้ที่จะดูแลตัวเองและครอบครัวอย่างไร การสนุกสนานการบันเทิงก็ขอให้ทุกคนได้ระงับยับยั้งชั่งใจด้วย เพราะว่าผลกระทบกับครอบครัวตัวเองกับสังคมด้วย ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามผมมีความห่วงใยทั้งสิ้นได้สั่งการให้กระทรวงสาธารณสุขมีมาตรการในการป้องกันการแพร่ระบาดมาตรการในการรักษาให้หาย ซึ่งเราได้รักษาคนให้หายไปหลายหมื่นคนแล้วในเวลานี้ ทุกอย่างเรายังคงจัดการได้อยู่ในขณะนี้ยืนยัน”

สั่ง กทม.-มท.-กลาโหม เตรียม รพ.สนาม รับมือโควิดฯ รอบใหม่

นอกจากนี้ ตนได้สั่งการให้มีการเตรียมโรงพยาบาลสนามในพื้นที่กรุงเทพฯ ให้ กทม. ร่วมกับกระทรวงมหาดไทยเตรียมพื้นที่ทำโรงพยาบาลสนาม ในกรณีที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดจำนวนมากไว้ให้พร้อมตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป หากไม่เพียงพอจะให้กระทรวงกลาโหมจัดหาพื้นที่เพิ่มเติม

สำหรับกรณีมาตรการในต่างจังหวัดนั้นเนื่องจากแต่ละจังหวัดก็มีความแตกต่างกันในเรื่องของธุรกิจ เรื่องของประชาชนเพราะฉะนั้นตนได้มอบอำนาจนอกจากมาตรฐานกลางที่ ศบค. ออกไปแล้ว คือให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) พิจารณาเพิ่มเติมได้ตามความจำเป็นข้อสำคัญเราต้องการ์ดไม่ตก ใส่หน้ากากให้ดีแล้วกัน

ขอร่วมมือ งดจัดงานรดน้ำดำหัว – ห่วง ปชช.เดินทางช่วงสงกรานต์

พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวต่อไปว่า การจัดกิจกรรมต่างๆ ในช่วงสงกรานต์ต้องเข้มงวดมากขึ้น อะไรที่ไม่จำเป็นก็อย่าจัดเลยโดยเฉพาะอย่างยิ่งการรดน้ำดำหัวที่มีคนร่วมงานเป็นจำนวนมาก แม้กระทั่งการทำบุญต่างๆ ก็ตามก็คงต้องเว้นระยะห่างให้ได้

“ไม่ว่าจะทางพระทั้งคนไปต่างๆ ก็ต้องใส่หน้ากากกันทั้งคู่ทั้งสองฝ่าย วันนี้สิ่งที่ผมอยากแนะนำก็คือถ้ายังรดน้ำใครไม่ได้เกรงสถานการณ์แพร่ระบาดก็ขอให้รดน้ำพระพุทธรูปที่บ้าน วันนี้รัฐบาลก็หยุดงานที่เราจะจัดเรื่องการสรงน้ำของพวกเราไปแล้วเพราะก็เป็นห่วงไม่อยากให้คนมารวมกันเป็นจำนวนมาก”

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวไปถึงสถานที่ที่มีความเสี่ยงสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เหล่านี้ทุกคนต้องระมัดระวังให้มากที่สุดคนที่ได้รับผลกระทบจากท่านมากที่สุดคือครอบครัวของท่านต่อไปก็เป็นสังคม

พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า บ่ายนี้ตนจะเดินทางไปดูเส้นทางสายกรุงเทพฯ-โคราช ที่เปิดให้บริการช่วงแรกที่จะนำมาใช้บรรเทาปัญหาความเดือดร้อนในการเดินทางในช่วงสงกรานต์นี้ โดยได้กล่าวย้ำเตือนผู้ที่เดินทางไปต่างจังหวัดให้ใช้ความระมัดระวัโดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ยานพาหนะ รถต้องพร้อม คนต้องพร้อมไม่ดื่มสุรา พักผ่อนให้เพียงพอ สนุกสนานอะไรก็อย่าเกินเลย

“สิ่งที่สำคัญที่สุดคือชีวิตตัวเองชีวิตครอบครัว และชีวิตคนอื่นที่จะได้รับผลกระทบจากเราไปด้วยนี่แหละคือจิตสำนึกของคนไทยทั้งประเทศควรจะต้องนึกแบบนี้ อย่านึกถึงแต่ตัวเองนึกถึงแต่ความสนุกชั่วคราว จะทำอะไรก็ตามมันจะได้มีสติมีสติสัมปชัญญะในการดำรงชีวิตต่อไปเพื่อตัวเองเพื่อครอบครัวและเพื่อนคนอื่นด้วย รัฐบาลก็มีหน้าที่ในการบริหารเหล่านี้ให้มันบูรณาการซึ่งกันและกัน รัฐบาลก็พยายามจะแก้ปัญหาทุกเรื่องทุกวันอย่างไม่ย่อท้อก็ขอเพียงกำลังใจให้กับรัฐบาลเท่านั้นเองอะไรที่มีปัญหาก็พูดคุยกันแก้ปัญหาได้ก็แก้ให้แต่ขอให้เป็นไปตามกฎระเบียบ”

ปัดตอบปมแจก “ขันน้ำ” ชื่อ “บิ๊กป้อม”

พล.อ. ประยุทธ์ ปฏิเสธที่จะตอบคำถามกรณีพรรคพลังประชารัฐ จัดทำ “ขันน้ำ” สลักชื่อ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แจกจ่ายสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ให้นำไปแจกให้กับประชาชนในพื้นที่ โดยกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า “เรื่องการเมืองถามมาก็เป็นเรื่องของการเมืองไป”

สั่ง การกีฬาฯ หาทางคัดนักกีฬาเพิ่ม

พล.อ. ประยุทธ์ ตอบคำถามถึงแนวคิดส่งเสริมนักกีฬาไทยในประเภทต่างๆ อย่างไร หลังโปรเหมียว ปภังกร ธวัชธนกิจ คว้าแชมป์กอล์ฟระดับเมเจอร์ ว่า ตนก็ขอแสดงความยินดี ซึ่งตนได้ติดตามการแข่งขันของโปรเหมียวมาโดยตลอด วันสุดท้ายตนก็ลุ้นอยู่เหมือนกันโชคดีที่ทำคะแนนไว้ได้สูง เป็นแนวทางที่จะไปสู่การแข่งขันในระดับสูงต่อไปเป็นกำลังใจให้โปรเหมียว

ขณะเดียวกันสำหรับนักกีฬาใหม่ๆ ตนก็ได้ให้แนวทางมาโดยตลอดสำหรับการกีฬาแห่งประเทศไทยว่าทำอย่างไรเราจะมีนักกีฬาใหม่เพิ่มมากขึ้น มีรูปร่างที่เหมาะสมกับการเป็นนักกีฬาอย่างแท้จริง เนื่องจากนักกีฬาไทยมีความสามารถแต่รูปร่างเล็กอาจทำให้เสียเปรียบเรื่องความเข้มแข็งความอดทนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทีมหรือบุคคลก็ตามตนก็ได้ให้นโยบายไปแล้วเรื่องวิทยาศาสตร์การกีฬาคัดเลือกช้างเผือกที่มีพรสวรรค์เข้ามา ส่วนนักกีฬาเก่าๆ เมื่ออายุมากขึ้นก็ไปเป็นโค้ชก็ว่ากันไปก็เป็นอาชีพหนึ่งเหมือนกัน ผมยินดีสนับสนุน

“ขอให้กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงการท่องเที่ยวและการกีฬา หามาตรการที่เหมาะสมในการให้ทุกคนสมัครเข้ามาหากต้องการคัดเลือกให้มาคัดกรองเอาไว้ก่อนเมื่อถึงเวลาที่ขาดก็จะได้เติมคนเข้าไปได้ทันที ลองไปดูนะครับฝากกระทรวงการท่องเที่ยวและการกีฬาไปด้วยและคณะกรรมการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง”

เร่งสภาผ่านร่าง กม.อำนวยความสะดวก-ดึงดูดทุนต่างชาติ

พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวต่อไปว่า กฎหมายที่เกี่ยวข้องหลายอย่างรัฐบาล ก็กำลังปรับแก้หลายตัวด้วยกัน และได้มีการเสนอไปยังสภาจำนวนหนึ่งแล้ว คงต้องฝากระบวนการของรัฐสภาให้เร่งผ่านกฎหมายเหล่านี้ที่มีความเร่งด่วนในการอำนวยความสะดวกประชาชนเรื่องของกระบวนการยุติธรรม เรื่องอะไรต่างๆ เหล่านี้ที่มันจะเกิดผลดีกับประชาชน เกิดผลดีกับการค้าการลงทุนต่างๆ เป็นเรื่องที่เราจะต้องให้ความสำคัญในช่วงนี้ นอกจากเรื่องโควิดฯ แล้วคือเรื่องของการพัฒนาประเทศของเราให้สอดคล้องกับสถานการณ์หลังโควิดฯ

“เราต้องเตรียมความพร้อมในช่วงนี้แหละถึงแม้จะมีโควิดฯ เราก็ต้องทำวันนี้ การเจรจาการพูดคุยการทำข้อตกลงกับต่างประเทศต้องเร่งรัดในการพิจารณาดำเนินการกับ ทุกกลุ่มประเทศไม่ว่าจะประเทศใหญ่ ประเทศเล็ก ต้องพูดคุยกันตลอดเวลาประชุมผ่านทางไกลกันก็ได้”

วันนี้ตนได้ตั้งคณะกรรมการติดตามการลงทุน เพื่อเชื่อมต่อกับบริษัทเอกชนต่างประเทศที่เขาสนใจอยากจะมาลงทุน ว่ารัฐบาลต้องดูแลอะไรบ้างตามตามมาตรฐานของสากลในปัจจุบัน ไม่อย่างนั้นจะแข่งกับใครไม่ได้หากยังคิดแบบเดิมก็จะแก้ปัญหาอะไรไม่ได้เลย

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้เปิดเผยว่าโซนี่ พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเมนท์ ได้ร่วมกับบริษัท อเมซอน ฟอลส์ จำกัด มาเปิดสวนสนุก สวนน้ำ แห่งแรกในโลกในธีมภาพยนต์ของโคลัมเบีย พิคเจอร์ ภายใต้ชื่อ โคลัมเบีย ฟิคเจอร์ อคาเวิร์ส ที่ อ.บางเสร่ จังหวัดชลบุรี ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ซึ่งจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยว สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้ประเทศ โดยจะมีการเซ็นสัญญาในเดือนมิถุนายน 2564 นี้

“ก็ขอเพียงความรักความสามัคคีเราก็ฟังรัฐบาลบ้างแล้วก็เชื่อในสิ่งที่ควรเชื่อ บรรดาสื่อโซเชียลอะไรต่างๆ ที่ออกมากันเยอะแยะไปหมด ผมห้ามใครไม่ได้อยู่แล้วแต่ท่านต้องมีการใคร่ครวญให้ดีว่ามันใช่หรือไม่ใช่จริงหรือไม่จริง ควรจะเชื่อหรือไม่เชื่อ ผมไม่ต้องการให้สร้างความเกลียดชังกันต่อไปมันเป็นอันตรายต่อประเทศของเราเป็นอย่างยิ่ง”

ด้าน ผศ. ดร.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า ตามที่จะมีการเปิดสมัยประชุมสามัญสามัญสภาผู้แทนราษฎรในเดือนพฤษภาคมนี้ นายกรัฐมนตรีได้ย้ำเรื่องการทำงานกับคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฏร ขอให้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับประชาชนโดยตรง อำนวยความสะดวกประชาชนและเอกชน และส่งเสริมการค้าการลงทุน เข้าสู่การพิจารณาของสภาเป็นลำดับต้นๆ เพราะขณะนี้มีกฎหมายที่รอเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฏรอยู่หลายฉบับ ซึ่งแต่ละฉบับมีความจำเป็นเร่งด่วนไม่เท่ากัน

โดย สถานภาพร่างกฎหมาย ณ วันที่ 1 เมษายน 2564 ครม. ได้ผ่านร่างพระราชบัญญัติแล้ว 99 ฉบับ แบ่งเป็น

  • ร่างฯที่รัฐสภาให้ความเห็นชอบแล้ว 23 ฉบับ (อยู่ระหว่างนำขึ้นทูลเกล้า 3 ฉบับ และประกาษในราชกิจจานุเบกษาแล้ว 20 ฉบับ)
  • ร่างฯที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของรัฐสภา 20 ฉบับ
  • ร่างฯ ที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติในหลักการแล้วและอยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา 24 ฉบับ เช่น ร่าง พ.ร.บ.กองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์
  • ร่างฯ พ.ร.บ. ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้วและอยู่ระหว่างกระทรวงยืนยัน 16 ฉบับ เช่น ร่าง พ.ร.บ.การสอบสวนคดีอาญา ร่าง พ.ร.บ. ลการมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการนโยบายสาธารณะ
  • ร่างฯ ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร 16 ฉบับ เช่น ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการปรับเป็นพินัย ร่าง พ.ร.บ.ยกเลิกกฎหมายบางฉบับที่หมดความจำเป็นหรือซ้ำซ้อนกับกฎหมายอื่น ร่าง พ.ร.บ.การปฏิบัติราชการทางอิเล็คทรอนิกส์ ร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการบังคับบุคคลให้สูญหาย

ชี้คุยเมียนมาลดความรุนแรงแล้ว เล็งหารือต่อในที่ประชุมอาเซียน

พล.อ. ประยุทธ์ ตอบคำถามถึงสถานการณ์ชายแดน ที่เครือข่ายภาคประชาชนลุ่มน้ำสาละวิน เสนอให้รัฐตั้งศูนย์ประสานงานเฉพาะกิจเพื่อช่วยเหลือผู้ อพยพที่ได้รับบาดเจ็บหรือป่วย รัฐบาลมีแน่วทางอย่างไร ว่า เรื่องดังกล่าว วันนี้มีกลไกลอยู่แล้ว เรื่องของระหว่างประเทศก็คือคณะกรรมการชายแดนไทย-พม่า ส่วนท้องถิ่น (ทีบีซี) เป็นการพูดคุยของรัฐบาลต่อรัฐบาล ทหารกับทหาร วันนี้มีมาตรฐานการดูแลชายแดน ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของกองกำลังฝ่ายความมั่นคงที่จะต้องดูแล ซึ่งอยู่แนวหน้าอยู่แล้ว คือถ้าจะมีใครเข้าหรือออกก็ต้องเผชิญกับกองกำลังเหล่านี้ โดยเขาก็สามารถส่งตัวมารักษาพยาบาล

“ที่ผ่านมาหลายราย ที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบ ก็ได้นำรักษาพยาบาลจนปลอดภัยได้หลายรายแล้ว ในส่วนของการช่วยเหลือต่างๆ ก็สามารถให้เขาดำรงชีพอยู่ได้ในฝั่งของเขา เพราะว่าสถานการณ์ยังไม่วิกฤติมากขนาดนั้น แต่ก็ต้องไปดูอีกทีว่าถ้าเกิดสถานการณ์วิกฤติ เราจะเตรียมพร้อมอย่างไร ไม่ใช่ว่าเราไม่ดูแลมนุษยธรรมของเขา ชีวิตคนก็คือ ชีวิตคน”

พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวต่อไปว่า ในส่วนของรัฐบาลได้มีการเสนอแนะแนวทางการแก้ปัญหาผ่านช่องทางของกระทรวงการต่างประเทศ ผ่านช่องทางของอาเซียน ซึ่งจะมีการประชุมในเวลาอันใกล้นี้ โดยต้องแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ

“เราทำตามใจตัวเองไม่ได้มาก เพราะว่าเรามีชายแดนที่ติดกัน เราจำเป็นต้องพึ่งพาอาศัยกันหลายๆ อย่าง แต่ในส่วนของความรุนแรง เราไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว ก็ได้เสนอไป ได้แจ้งไปตลอดเวลา ก็ขอให้ลดผลกระทบเหล่านี้ให้ได้”

เตรียมถกปมหนี้รถไฟฟ้าสายสีเขียว

พล.อ. ประยุทธ์ ตอบคำถามถึงกรณีครบกำหนด 60 วันที่ บีทีเอส ทางหนี้เดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย ที่ กทม.ติดค้างเป็นเงินกว่า 30,000 บาท รัฐบาลได้พิจารณาเรื่องนี้อย่างไร ว่า ตนได้ทราบถึงความเดือดร้อนของประชาชน เพราะมองความเดือดร้อนประชาชนเป็นหลักในการพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

“ในขณะนี้ก็เหลือขั้นตอนเพียงอย่างเดียว คือนำเข้า ค.ร.ม. เพื่อพิจารณาและจะนำไปสู่ของเรื่องการเจรจา ที่ได้พูดคุยและหาลือกันมาบ้างแล้ว เพราะฉะนั้นสิ่งที่ผมต้องคำนึงถึงเป็นที่สุด คือ ความเดือดร้อนของประชาชน ความต้องการของประชาชน เพราะฉะนั้นรัฐต้องเข้าแก้ไข ทุกคนที่อยู่ในตรงนี้ต้องช่วยกันแก้ไข”

พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวต่อไปว่า หลายๆ เรื่องบางทีเกิดปัญหาหาตามมาซับซ้อนหลายอย่างด้วยกัน ซึ่งรัฐบาลก็ต้องมาแก้ พอแก้แล้ว ก็จะมาปัญหาอื่นตามมาเสมอ รัฐบาลก็จำเป็นต้องแก้ให้ถูกต้อง เพื่อไม่ให้เป็นปัญหาต่อรัฐบาลในอนาคต ทั้งนี้ ขอความร่วมมือกับภาพเอกชนและธุรกิจต่างๆ ด้วย เพื่อให้สามารถเดินหน้าต่อไปได้โดยเร็ว เพื่อที่จะลดความเดือดร้อนของประชาชน และราคาต้นทุนที่มันไม่สูงมากจนเกินไป

“ถ้าหากทุกคนยังร้องขอทีละอย่าง สองอย่าง แล้วมันหาลือกันไม่ได้ ตกลงกันไม่ได้ มันก็เดินต่อไปไม่ได้ ทั้งๆ ที่เรามีความพร้อม ที่จะเปิดเดินอยู่แล้ว ซึ่งเปิดไปแล้ว มีการให้บริการไปแล้วบางระยะแล้วไม่ได้เก็บค่าโดยสารเลย นั้นคือสิ่งที่ประชาชนได้รับประโยชน์ไปแล้วส่วนหนึ่ง เพราะฉะนั้น ก็ต้องหาวิธีการที่เหมาะสม ถ้ามัวแต่จะทะเลาะกัน ขัดแย้งกัน จับผิดจับถูกกันแบบนี้ก็เดินหน้าต่อไปไม่ได้สักอย่าง ดังนั้นรัฐบาลจะทำให้ดีที่สุด โดยคำนึงถึงผู้ที่ได้รับผลประโยชน์มากที่สุด นั้นก็คือประชาชน”

สั่งคลังแก้ปัญหาหนี้ “ครู-กยศ.”

พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้เรื่องที่ตนเน้นย้ำคือการให้ความสำคัญแก้ไขปัญหา กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ที่มีคนเดือดร้อนเยอะ มีการฟ้องร้องกันเป็นจำนวนมาก ว่าจะแก้ปัญหาได้อย่างไร เพราะมันติดข้อกฎหมายด้วยอะไรด้วย ซึ่งอันนี้เป็นกรณีเร่งด่วน

นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องหนี้สินของคนต่างๆ ที่มีเป็นจำนวนมาก หลายแสนล้าน ซึ่งเราจะทำอย่างไรเพื่อให้ได้มาตรการที่เหมาะสม เพราะรัฐบาลก็ไม่สามารถหาเงินมาช่วยท่านได้ ก็ต้องหามาตรการที่เหมาะสมว่าจะปลดกันได้อย่างไร จะผ่อนชำระกันกันได้แบบไหน จะยืดเวลากันได้หรือไม่ เพราะตรงนี้เป็นหนี้ส่วนบุคคลทั้งสิ้น ยืนยันว่าจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง แต่ต้องหามาตรการที่เหมาะสม ว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร

ด้านผศ. ดร.รัชดา กล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐมีความตั้งใจที่จะเข้าไปแก้หนี้ครูและแก้หนี้ กยศ. ซึ่งหนี้ทั้งสองกลุ่มนี้ ไม่ว่าจะเป็นหนี้ กยศ. หรือหนี้ ครู มีมูลหนี้รวมกันแล้วหลายแสนบาท ลูกหนี้มีล้านกว่าราย เพราะฉะนั้นแนวทางที่จะแก้ไขตรงนี้ จะต้องเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน ซึ่งในคณะรัฐมนตรีกฤษฎีกาก็จะรับไปดูแลเรื่อง หนี้ของ กยศ. ส่วนเรื่องหนี้ของครู กระทรวงการคลังจะเข้ามาดูแล

“ทั้งนี้ไม่ใช่ว่าจะยกหนี้ให้ เพียงแต่ว่ารัฐเข้ามาดูแลหนี้ที่เกิดขึ้น เพื่อรัฐบาลจะช่วยหาแนวทางแก้ไข เช่น เข้าไปเจรจา หรือการเข้าไปปรับโครงสร้าง จัดหนี้ให้เกิดภาระน้อยที่สุดกับลูกหนี้ทั้งสองกลุ่ม ซึ่งในอีกไม่นานนี้ ก็จะได้แนวทางในการคลี่คลายภาระหนี้ไปได้บ้าง ซึ่งทั้งสองหน่วยงานก็กำลังดำเนินการอยู่” ผศ. ดร.รัชดากล่าว

นอกจากนี้ การแก้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยการลดอัตราดอกเบี้ยผิดนัด ซึ่ง ครม. ผ่านร่างกฎหมายแล้ว หากมีผลบังคับใช้จะช่วยบรรเทาภาระของลูกหนี้ได้บ้าง

มติ ครม. มีดังนี้

ผศ. ดร.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่มาภาพ www.thaigov.go.th

ผ่านแผนฯ 13 ชูสโลแกน “เศรษฐกิจสร้างคุณค่า สังคมเดินหน้าอย่างยั่งยืน”

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม. รับทราบกรอบแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566-2570) มุ่งพลิกโฉมประเทศไทย (Thailand’s Transformation) ให้เท่าทันและสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของโลก ทั้งสร้างความสมดุลในการกระจายผลประโยชน์จากการพัฒนาแก่ทุกภาคส่วนเศรษฐกิจและสังคมอย่างเป็นธรรม เสริมสร้างคุณภาพชีวิต และรักษาความยั่งยืนของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อนำไทยไปสู่ประเทศที่มี “เศรษฐกิจสร้างคุณค่า สังคมเดินหน้าอย่างยั่งยืน” Hi-Value and Sustainable Thailand ภายใต้องค์ประกอบที่ต้องดำเนินการ 4 ด้าน เศรษฐกิจมูลค่าสูงที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สังคมแห่งโอกาสและความเสมอภาค วิถีชีวิตที่ยั่งยืน ปัจจัยสนับสนุนการพลิกโฉมประเทศ โดยมี 13 หมุดหมาย (milestone) ที่ประเทศไทยให้ความสำคัญในช่วงระยะเวลา 5 ปี ได้แก่

  1. ไทยเป็นประเทศชั้นนำด้านสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปมูลค่าสูง
  2. ไทยเป็นจุดหมายของการท่องเที่ยวที่เน้นคุณค่าและความยั่งยืน
  3. ไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าของอาเซียน
  4. ไทยเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์และสุขภาพมูลค่าสูง
  5. ไทยเป็นประตูการค้าการลงทุนและจุดยุทธศาสตร์ทางโลจิสติกส์ที่สำคัญของภูมิภาค
  6. ไทยเป็นฐานการผลิตอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะและบริการดิจิทัลของอาเซียน
  7. ไทยมีผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่เข้มแข็ง มีศักยภาพสูง และสามารถแข่งขันได้
  8. ไทยมีพื้นที่และเมืองหลักของภูมิภาคที่มีความเจริญทางเศรษฐกิจ ทันสมัย และน่าอยู่
  9. ไทยมีความยากจนข้ามรุ่นลดลงและคนไทยทุกคนมีความคุ้มครองทางสังคมที่เพียงพอ เหมาะสม
  10. ไทยมีเศรษฐกิจหมุนเวียนและสังคมคาร์บอนต่ำ
  11. ไทยสามารถลดความเสี่ยงและผลกระทบจากภัยธรรมชาติและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
  12. ไทยมีกำลังคนสมรรถนะสูง มุ่งเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตอบโจทย์การพัฒนาแห่งอนาคต
  13. ไทยมีภาครัฐที่มีสมรรถนะสูง

นายอนุชา กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ สศช. อยู่ระหว่างจัดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนทุกภาคส่วนในช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม 2564 ผ่าน 3 ช่องทางหลัก คือการประชุมระดมความเห็นระดับกลุ่มจังหวัดทั้ง 18 กลุ่มจังหวัด การประชุมระดมความเห็นกลุ่มเฉพาะและการระดมความเห็นผ่านสื่อออนไลน์และสื่อสาธารณะ ทั้งนี้ เมื่อผ่านการระดมความคิดเห็นแล้ว ก็จะมีการยกร่างแผนพัฒนาฯ เสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบและรายงานต่อรัฐสภาเพื่อทราบต่อไป

อนุมัติ 11,629.65 ล้าน สร้างอาคาร รพ.รามาฯ

นายอนุชา กล่าวว่า ครม. เห็นชอบหลักการโครงการอาคารโรงพยาบาลรามาธิบดีและย่านนวัตกรรมโยธี กรอบวงเงิน 11,629.65 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ 6 ปี (2565-2570) เป็นเงินงบประมาณจำนวน 7,764.00 ล้านบาท และ เงินนอกงบประมาณ จำนวน 3,865.65 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างอาคารโรงพยาบาลรามาธิบดีอาคารใหม่ ทดแทนอาคารเดิมที่ใช้งานมากว่า 50 ปี รวมทั้งขับเคลื่อนความร่วมมือย่านนวัตกรรมโยธี เชื่อมโยงสถาบันทางการแพทย์เป็นเครือข่ายที่จะใช้ทรัพยากรร่วมกันให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ทั้งนี้ โครงการฯ เป็นการก่อสร้างอาคารโรงพยาบาลรามาธิบดีอาคารใหม่ จำนวน 4 อาคาร ในที่ดิน 16 ไร่ 3 งาน 30 ตารางวา ด้านหน้าขององค์การเภสัชกรรมที่ตั้งอยู่ตรงข้ามคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี รวมพื้นที่ก่อสร้างทั้งสิ้น 275,000 ตารางเมตร ประกอบด้วย

  1. อาคารโรงพยาบาลมีความสูง 28 ชั้น ชั้นใต้ดิน 2 ชั้น พื้นที่ 191,000 ตารางเมตร ให้บริการสุขภาพแก่ประชาชนทั่วไป ได้แก่ พื้นที่สำหรับหน่วยเวชระเบียน ประชาสัมพันธ์ แผนกพยาธิวิทยา แผนกรังสีวิทยา นิติเวชวิทยา แผนกผ่าตัด หน่วยตรวจผู้ป่วยนอก หอผู้ป่วยในสามัญ หอผู้ป่วยพิเศษ และหอผู้ป่วยวิกฤตรวมมีขนาดประมาณ 800 เตียง และเป็นพื้นที่ย่านนวัตกรรมโยธี ประกอบด้วย ศูนย์พัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์(MIND CENTER: Medical Innovations Development Center) Co Working Space ที่สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบตามความเหมาะสมของการใช้งาน Clinical research center สำหรับการบริหารจัดการการทำวิจัยทางคลินิก และสำนักงานบริหารจัดการ (Administrative office)
  2. อาคารสาธารณูปโภคสูง 4 ชั้น พื้นที่ 8,000 ตารางเมตร เป็นพื้นที่สนับสนุนการให้บริการสุขภาพ ได้แก่ ฝ่ายสารสนเทศ ฝ่ายโภชนาการ หน่วยปลอดเชื้อ และงานผ้า
  3. อาคารจอดรถสูง 10 ชั้น พื้นที่ 40,000 ตารางเมตร จอดรถได้ประมาณ 1,200 คัน
  4. อาคารสำนักงานสูง 10 ชั้น (อาคาร Buffer) พื้นที่ 36,000 ตารางเมตร รองรับพื้นที่ใช้สอยเดิมขององค์การเภสัชกรรม ได้แก่ สำนักงาน สหกรณ์ออมทรัพย์ พื้นที่สวัสดิการต่างๆ และอื่นๆ ก่อนย้ายออกไปใช้พื้นที่ใหม่ที่จังหวัดปทุมธานีในปี 2573

“การสร้างย่านนวัตกรรมโยธี Yothi medical Innovation District: YMID) สอดคล้องกับแนวคิดพัฒนาการบริการทางการแพทย์สู่อุตสาหกรรมและบริการแห่งอนาคต โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับคุณภาพการบริหารด้านสาธารณสุขและสุขภาพให้เข้าสู่ระดับสากล แข่งขันได้ มุ่งสู่ความเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ (Medical Hub) ในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งเป็นไปตามนโยบายที่ทุกรัฐบาลได้ผลักดันไว้”

ขยายเวลารับลูกจ้างตกงาน สมัคร ม.39 ถึง 30 มิ.ย.นี้

ผศ. ดร.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม. มีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงแรงงานเรื่องขยายกำหนดเวลาแสดงความจำนงเป็นผู้ประกันตน และการนำส่งเงินสมทบของผู้ประกันตนตามมาตรา 39 ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ โดยสาระสำคัญของร่างกฎกระทรวงฉบับนี้คือกำหนดให้ผู้ประกันตนที่สิ้นสุดการเป็นลูกจ้างตั้งแต่วันที่ 6 กันยายน 2562 ถึง 31 ธันวาคม 2563 ได้รับการขยายกำหนดเวลาการแสดงตนเป็นผู้ประกันตนต่อไปตามมาตรา 39 และให้แสดงความจำนงภายในวันที่ 30 มิย 2564 ซึ่งปัจจุบันมีผู้ประกันตนตามมาตรา 39 ประมาณ 207,000 ราย

ส่วนเงินสมทบที่จะต้องส่งประจำงวดช่วงเดือนมีนาคม 2563 ถึง พฤษภาคม 2564 กำหนดให้ขยายเวลาส่งเงินเข้ากองทุนภายในวันที่ 15 มิถุนายน 2564

ต่อเวลาตรวจโควิด-19 แรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติถึง มี.ค.65

ผศ. ดร.รัชดา กล่าวว่า ครม. มีมติเห็นชอบขยายระยะเวลาการดำเนินการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และการจัดเก็บอัตลักษณ์บุคคล (Biometrics) เป็นภายในวันที่ 16 มิถุนายน 2564 จากเดิมที่ต้องดำเนินการภายในวันที่ 16 เมษายนนี้ และขยายระยะเวลาให้คนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตทำงานไปจัดทำทะเบียนประวัติคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย (บัตรสีชมพู) ออกไปเป็นภายในวันที่ 31 มีนาคม 2565 พร้อมกันทั้งกลุ่มแรงงานต่างด้าวที่มีนายจ้างและไม่มีนายจ้าง

ผศ. ดร.รัชดา กล่าวต่อว่า จากข้อมูลกระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ณ วันที่ 5 เมษายน 2564 มีคนต่างด้าวตรวจหาเชื้อโควิด-19 และขึ้นทะเบียนประกันสุขภาพแล้วประมาณ 170,000 คน และคนต่างด้าวที่ดำเนินการจัดเก็บอัตลักษณ์บุคคล (Biometrics) แล้วประมาณ 422,000 คน จากจำนวนคนต่างด้าว 3 สัญชาติ ทั้งหมด 654,864 คน

ผ่านร่าง กม.รองรับงานทะเบียนราษฎรดิจิทัล

ผศ. ดร.รัชดา กล่าวว่า ครม. มีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง กำหนดการปฏิบัติงานการทะเบียนราษฎรด้วยระบบดิจิทัลและค่าธรรมเนียม ตามที่กระทรวงมหาดไทยนำเสนอ เพื่อให้ประชาชนสามารถแจ้งย้ายที่อยู่ปลายทางผ่านแอปพลิเคชั่นได้

ผศ. ดร.รัชดา กล่าวต่อว่า กระทรวงมหาดไทยได้พัฒนาระบบยืนยันตัวตนและแอปพลิเคชั่นในรูปแบบ Digital ID โดยจะเปิดให้บริการในระยะแรก 3 ประเภท คือ (1) การตรวจข้อมูลส่วนบุคคลผ่านระบบฐานข้อมูลประชาชนและบริการ (2) จองคิวรับบริการงานทะเบียนล่วงหน้า และ (3) แจ้งย้ายที่อยู่ปลายทาง โดยเบื้องต้นจะยกเว้นค่าธรรมเนียมการแจ้งย้ายที่อยู่ปลายทางเป็นเวลา 1 ปี

ทั้งนี้ ผู้ใช้งานจะต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นและลงทะเบียนที่สำนักงานอำเภอ หรือสำนักงานเขตหรือสำนักงานทะเบียนท้องถิ่น เพื่อยืนยันตัวตนผ่านระบบตรวจสอบลายนิ้วมือ และนำรหัสผ่านไปใช้บริการผ่านทางแอปพลิเคชั่น

เห็นชอบร่าง กม.จัดระเบียบร้านขายก๊าซหุงต้ม

ผศ. ดร.รัชดา กล่าวว่า ครม. มีมติอนุมัติร่างกฎกระทรวงสถานที่เก็บรักษาก๊าซปิโตรเลี่ยมเหลวประเภทร้านจำหน่าย หรือ ก๊าซหุงต้ม เพื่อเพิ่มมาตรฐานความปลอดภัยให้เหมาะกับการประกอบกิจการในปัจจุบันตามกฎหมายแม่บท

สาระสำคัญของร่างกฎกระทรวงคือกำหนดหลักเกณฑ์ ที่ตั้ง แผนผัง รูปแบบและลักษณะสถานที่เก็บก๊าซปิโตรเลี่ยมเหลว และห้ามตั้งร้านจำหน่ายในอาคารชุด อาคารสรรพสินค้า อาคารแสดงสินค้าหรือสถานีบริการก๊าซปิโตรเลียมเหลว รายละเอียดดังนี้

  1. กำหนดให้ร้านจำหน่ายที่อยู่อาคารอื่นไม่เกิน 6 เมตร เก็บรักษาได้ไม่เกิน 2,400 ลิตร
  2. กรณีร้านจำหน่ายอยู่ห่างจากอาคารอื่นเกิน 6 เมตรให้เก็บรักษาก๊าซได้ไม่เกิน 12,000 ลิตร
  3. ร้านที่จำหน่ายเกิน 500 ลิตรขึ้นไป ต้องมีระบบป้องกันและระงับอัคคีภัยแบบกระจายน้ำดับเพลิง
  4. ร้านที่ตั้งอยู่ในตึกแถวที่ประกอบกิจการอยู่ก่อน จะได้รับการยกเว้นไม่ต้องได้รับการยินยอมจากผู้มีกรรมสิทธิ์ในตึกแถวข้างเคียงที่มีผนังร่วมกัน

ทั้งนี้ ร้านที่ประกอบกิจการก่อนหน้านี้ให้ปฏิบัติตามกฎกระทรวงนี้ภายใน 1 ปีนับจากวันประกาศใช้

ไฟเขียวสถานธนานุเคราะห์กู้ 500 ล้าน เสริมสภาพคล่อง

ผศ. ดร.รัชดา กล่าวว่า ครม. มีมติอนุมัติให้สถานธนานุเคราะห์ภายในสังกัดกระทรวงพัฒนาสังคม กู้เงินเพิ่มอีก 500 ล้านบาท เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนรองรับธุรกรรมการรับจำนำของประชาชนผู้ใช้บริการกว่า 1,400,000 คน และเป็นการกู้เงินประจำปี 2564 ซึ่งอยู่ในแผนบริหารบงานหนี้สาธารณะที่กระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน

ผศ. ดร.รัชดา กล่าวต่อว่า ในปี 2564 คาดว่าสถานธนานุเคราะห์จะมีผู้ใช้บริการประมาณ 1,450,000 ราย เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วเกือบ 50,000 ราย และมีจำนวนเงินรับประกันประมาณ 20,647 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 609 ล้านบาทจากปีก่อน

“โรงรับจำนำของรัฐเป็นช่องทางหนึ่งที่เป็นแหล่งพึ่งพิงสำคัญ สำหรับผู้มีรายได้น้อยที่ไม่สามารถกู้ยืมจากสถาบันการเงินอื่นๆ ได้ ซึ่งที่ผ่านมา สธค. มีผลประกอบการที่มีกำไรอย่างต่อเนื่อง มีความสามารถในการชำระหนี้อยู่ในเกณฑ์ดี และวงเงินกู้ดังกล่าวได้รับการบรรจุในแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปี 2564 ตามที่ ครม. ได้มีมติอนุมัติไปแล้วเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2563”

เคาะค่าสัมปทาน “ท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3” ที่ 29,050 ล้าน

นางสาวไตรศุลี​ ไตรสรณกุล​ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี​กล่าวว่า​ ครม. ​อนุมัติผลประโยชน์ตอบแทนทางการเงินขั้นต่ำที่ภาครัฐจะได้รับของโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 1 ในส่วนของท่าเทียบเรือ F ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(สกพอ.)​เสนอ โดยค่าสัมปทานคงที่เท่ากับมูลค่าปัจจุบันสุทธิ (NPV)ที่ 29,050 ล้านบาท และค่าสัมปทานผันแปร​ที่ 100 บาทต่อทีอียู​ ซึ่งค่าสัมปทานคงที่ดังกล่าวต่ำกว่าผลประโยชน์ตอบแทนที่รัฐคาดหมายตามมติคณะรัฐมนตรี​เมื่อวันที่​ 30​ ตุลาคม​ 2561 มูลค่าปัจจุบันสุทธิ (NPV) ประมาณ 32,225 ล้านบาท

ทั้งนี้ สกพอ.รายงานว่า ในการเปิดเชิญชวนให้เอกชนร่วมลงทุนครั้งที่ 1 มีมายื่นเอกสารข้อเสนอ 1 ราย แต่ขาดหลักประกันซอง คณะกรรมการคัดเลือก จึงมีมติว่าไม่ผ่านการประเมิน ส่วนครั้งที่ 2 มีเอกชนยื่นข้อเสนอ 2 ราย มีผู้ผ่านการประเมิน 1 ราย คือกลุ่มกิจการร่วมค้า GPC โดยการประเมินข้อเสนอซองที่ 4 ด้านผลประโยชน์ตอบแทนนั้น กลุ่มกิจการร่วมค้า GPC ได้เสนอให้ค่าสัมปทานคงที่คิดเป็นมูลค่าปัจจุบันสุทธิ (NPV) ที่ 12,051 ล้านบาท และค่าสัมปทานผันแปรที่ 100 บาทต่อทีอียู ซึ่งค่าสัมปทานคงที่ดังกล่าวต่ำกว่าที่รัฐคาดหมายตามมติคณะรัฐมนตรี คณะกรรมการคัดเลือก จึงได้เจรจาผลประโยชน์ตอบแทนทางการเงินกับกลุ่มกิจการร่วมค้า GPC จำนวน 6 ครั้ง โดยข้อเสนอสุดท้ายอยู่ที่ค่าสัมปทานคงที่ 29,050 ล้านบาท และค่าสัมปทานผันแปรคงเดิมที่ 100 บาทต่อทีอียู

ขณะเดียวกันทางการท่าเรือแห่งประเทศไทย และสกพอ.ได้เสนอความเห็นร่วมกันว่า ผลตอบแทนโครงการเฉพาะส่วนของท่าเทียบเรือ F จะมีอัตราผลตอบแทนทางการเงิน(FIRR)อยู่ที่ร้อยละ 11.01 และมีมูลค่าปัจจุบันสุทธิ(NPV ) อยู่ที่ 30,032 ล้านบาท และหากนำมูลค่าที่ดินของการท่าเรือแห่งประเทศไทยมาคำนวณเป็นมูลค่าสุดท้าย(Terminal Value) จะมีอัตราผลตอบแทนทางการเงินอยู่ที่ร้อยละ 11.54 และมีมูลค่าปัจจุบันสุทธิอยู่ที่ 39,959 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในระดับที่ดีสำหรับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่

ส่วนความเสี่ยงด้านผลตอบแทนต่อเงินลงทุนของการท่าเรือแห่งประเทศไทยนั้น เนื่องจากมูลค่าเงินลงทุนก่อสร้างโครงการพัฒนาท่าเรือแหลงฉบัง ระยะที่ 3 ต่ำกว่าวงเงินลงทุนที่ได้ประมาณการไว้ รวม 5,161.06 ล้านบาท ทำให้มูลค่าการลงทุนท่าเทียบเรือ F เหลือ 13,786.67 ล้านบาท จากเดิม 15,954.74 ล้านบาท ส่งผลให้ต้นทุนของการลงทุนของการท่าเรือแห่งประเทศไทยในส่วนของท่าเรือF ตามหลักการการคำนวณเป็น 27,845 ล้านบาท ดังนั้น ข้อเสนอสัมปทานคงที่ของเอกชนจึงครอบคลุมความเสี่ยงด้านผลตอบแทนต่อเงินลงทุนของการท่าเรือแห่งประเทศไทยได้

นอกจากนี้หากต้องมีการคัดเลือกเอกชนใหม่ จะมีผลกระทบต่อการเปิดดำเนินการของท่าเทียบเรือ F อาจล่าช้าไป 2 ปี จึงมีความเสี่ยงที่ท่าเรือแหลมฉบังจะไม่สามารถรองรับปริมาณตู้สินค้าผ่านท่าได้ รวมถึงข้อจำกัดในการรองรับเรือสินค้าขนาดใหญ่ของท่าเรือในปัจจุบัน และกรณีที่มีการถมทะเลแล้วเสร็จแต่ไม่มีการร่วมลงทุนสร้างท่าเทียบเรือได้ทันที จะทำให้การท่าเรือแห่งประเทศไทยต้องเสียค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาและซ่อมบำรุงโครงสร้างในส่วนดังกล่าว รวมทั้งภาครัฐยังมีความเสี่ยงที่จะไม่มีเอกชนยื่นข้อเสนอหรือเสนอผลตอบแทนต่ำกว่าเดิม เนื่องจากการระบาดของโควิด-19

ผ่านร่าง พ.ร.บ.เครื่องสำอางฯ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน

นางสาวไตรศุลี กล่าวว่า ครม. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง ซึ่งเป็นการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.เครื่องสำอางพ.ศ.2558 เกี่ยวกับกระบวนการพิจารณาเครื่องสำอางเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการพิจารณาอนุญาตเครื่องสำอางให้เหมาะสมและรวดเร็ว ซึ่งกำหนดให้ผู้เชี่ยวชาญ องค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐหรือองค์กรเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศทำหน้าที่ในการประเมิน การตรวจวิเคราะห์ และตรวจสอบทางวิชาการ เพื่อให้สอดคล้องกับความรู้และเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยผู้ยื่นคำขอเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ

ทั้งนี้กระทรวงสาธารณสุขรายงานว่า การผลิตเครื่องสำอางเพื่อขาย หรือการนำเข้าเครื่องสำอาง มีกระบวนการพิจารณาอนุญาตที่ซ้ำซ้อน และกำหนดให้ผู้ประกอบการต้องขอให้ตรวจสถานที่ เพื่อขอหนังสือรับรองประกอบการส่งออก ซึ่งปัจจุบันเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านเครื่องสำอางพัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ประกอบการเพิ่มมากขึ้น ทำให้การดำเนินการเกิดความล่าช้า จึงต้องเสนอแก้ไขเพิ่มเติมกระบวนการพิจารณาอนุญาตเครื่องสำอางดังกล่าว ซึ่งจะช่วยรองรับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ เพิ่มศักยภาพในการแข่งขันทางธุรกิจผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและสุขภาพ ทั้งในระดับภูมิภาคอาเซียนและระดับการค้าโลก

จัดงบกลาง 726 ล้าน ซ่อมถนน 4 จว.ภาคใต้

นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล กล่าวว่า ครม. อนุมัติการขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน 726.25 ล้านบาท เพื่อฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้จำนวน 4 จังหวัด จำนวน 14 รายการ แยกเป็นในส่วนของกรมทางหลวงจำนวน 539.50 ล้านบาท และกรมทางหลวงชนบท จำนวน 186.75 ล้านบาท ซึ่งระหว่างวันที่ 4-16 มกราคม 2564 ได้เกิดเหตุอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ 4 จังหวัดได้แก่ จังหวัดนราธิวาส ปัตตานี ยะลา และสงขลา ส่งผลให้ทางหลวงแผ่นดินและทางหลวงชนบทได้รับความเสียหาย สร้างความเดือดร้อนต่อประชาชนผู้ใช้เส้นทาง รวมทั้งส่งผลกระทบต่อการคมนาคมขนส่งและระบบโลจิสติกส์

รับทราบแผนบูรณาการป้องกัน-ลดอุบัติเหตุช่วงสงกรานต์

นางสาวไตรศุลี กล่าวว่า ครม. รับทราบแผนบูรณาการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2564 ตามที่ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.)เสนอ โดยชื่อในการรณรงค์ว่า “สงกรานต์สุขใจ ขับขี่ปลอดภัย ห่างไกลโควิด” มุ่งเน้นการบริหารจัดการในลักษณะพื้นที่เป็นตัวตั้งควบคู่กับการดำเนินการตามมาตรการและแนวทางการดำเนินการเพื่อเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด -19) โดยบูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วนอย่างเข้มแข็งและต่อเนื่อง ให้ความสำคัญกับการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังและเคร่งครัด ควบคู่กับการสร้างจิตสำนึกและความตระหนักด้านความปลอดภัยให้แก่ผู้ใช้รถใช้ถนนและประชาชน

ทั้งนี้ได้กำหนดตัวชี้วัดผลการดำเนินงานที่สำคัญดังนี้คือ จำนวนครั้งการเกิดอุบัติเหตุ จำนวนผู้เสียชีวิต และจำนวนผู้บาดเจ็บลดลงไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับสถิติในช่วงเทศกาลสงกรานต์เฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี จำนวนผู้ถูกดำเนินคดีในพฤติกรรมเสี่ยงหลัก เช่น ขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด ดื่มแล้วขับ ไม่สวมหมวกนิรภัยและไม่คาดเข็มขัดนิรภัยเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับสถิติในช่วงเทศกาลสงกรานต์เฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี

สำหรับมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนประกอบด้วย 5 ด้าน ได้แก่

  1. ด้านการบริหารจัดการ เช่น จัดตั้งศูนย์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ระดับส่วนกลาง จังหวัด กรุงเทพมหานคร อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดทำประชาคมชุมชนหรือหมู่บ้าน จัดตั้งด่านชุมชน รณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเดินทางท่องเที่ยวอย่างระมัดระวัง
  2. ลดปัจจัยเสี่ยงด้านถนนและสภาพแวดล้อม เช่น สำรวจและตรวจสอบลักษณะกายภาพของถนน จุดเสี่ยง จุดอันตราย จุดที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้งและจุดที่เกิดอุบัติเหตุใหญ่ และดำเนินการปรับปรุงแก้ไขให้มีความปลอดภัย กำหนดมาตรการแนวทางการแก้ไขปัญหาบริเวณจุดตัดทางรถไฟให้มีความปลอดภัยในการสัญจร
  3. ลดปัจจัยเสี่ยงด้านยานพาหนะ เช่น กำกับดูแล ควบคุม รถโดยสารสาธารณะ รถโดยสารไม่ประจำทาง พนักงานขับรถโดยสาร และพนักงานประจำรถให้ถือปฏิบัติตามระเบียบ กฎหมาย อย่างเคร่งครัด ขอความร่วมมือผู้ประกอบการขนส่งด้วยรถบรรทุกหยุดประกอบกิจการในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เข้มงวดกับรถตู้ส่วนบุคคลหรือรถเช่าให้มีมาตรฐานความปลอดภัย
  4. ด้านผู้ใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัย เช่น การบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ทั้งการขับรถเร็ว ดื่มแล้วขับ การเสพยาเสพติดหรือของมึนเมา ขับรถย้อนศร และดำเนินการตามมาตรการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์อย่างเข้มข้น
  5. ด้านการช่วยเหลือหลังเกิดอุบัติเหตุ เช่น จัดเตรียมความพร้อมของโรงพยาบาล แพทย์ พยาบาล และหน่วยบริการการแพทย์ฉุกเฉิน จัดเตรียมความพร้อมของหน่วยกู้ชีพและกู้ภัย

ตั้ง “สมบูรณ์ สุนันทพงศ์ศักดิ์” นั่งผู้ว่า กปภ.

นางสาวไตรศุลี กล่าวว่า วันนี้ที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบแต่งตั้งข้าราชการระดับสูงที่สำคัญ อาทิ

  • เห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอการแต่งตั้ง นายสมบูรณ์ สุนันทพงศ์ศักดิ์ เป็นผู้ว่าการการประปาส่วนภูมิภาค โดยให้ได้รับค่าตอบแทนคงที่ในปีแรกอัตราเดือนละ 250,000 บาท ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้างเป็นต้นไป แต่ไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
  • มีมติเป็นหลักการมอบหมายให้รัฐมนตรี เป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ตามความในมาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ตามลำดับ ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ ดังนี้
    • รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์)
    • รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (นายอิทธิพล คุณปลื้ม)
  • เห็นชอบตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอการแต่งตั้ง นายเอกสิทธิ์ คุณานันทกุล เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 7 เมษายน 2564 เป็นต้นไป

อ่านมติ ครม. ประจำวันที่ 7 เมษายน 2564เพิ่มเติม