ThaiPublica > เกาะกระแส > นายก ฯเผยยังไม่มีแผนเยียวยา ขรก. -มติ ครม.เคาะ “ทัวร์เที่ยวไทย” แจกคนละ 5,000 บาท 1 ล้านสิทธิ์

นายก ฯเผยยังไม่มีแผนเยียวยา ขรก. -มติ ครม.เคาะ “ทัวร์เที่ยวไทย” แจกคนละ 5,000 บาท 1 ล้านสิทธิ์

23 มีนาคม 2021


พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ที่มาภาพ: www.thaigov.go.th

นายก ฯแจงปมขายข้าว 700 กระสอบ ทหารไม่มีเอี่ยว ห่วงร่าง พ.ร.บ.ประชามติ ถูกคว่ำวาระ 3 -มติ ครม.เคาะ“ทัวร์เที่ยวไทย” แจกเงินเที่ยวคนละ 5,000 บาท 1 ล้านสิทธิ์-สงกรานต์ขึ้นทางด่วนฟรี 9 – 16 เม.ย.นี้

เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาลมีการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยมี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นประธาน

เผยยังไม่มีแผนเยี่ยวยา ขรก.

พล.อ. ประยุทธ์ ตอบคำถามถึงการออกมาตรการเยียวยาให้กับข้าราชการ ว่า ในส่วนของข้าราชการนั้นยังไม่มี ต้องดูก่อน แต่ตนเห็นใจข้าราชการจริงๆ แต่เพราะมีเงินเดือนอยู่แล้วจึงผ่านเงื่อนไขได้ลำบาก อย่างไรก็ตาม จะดูว่าทำอย่างไรได้บ้าง

“สิ่งสำคัญคือจะทำให้เกิดการหมุนเวียนเศรษฐกิจ จะต้องดูตรงนั้นด้วย แต่อย่างไรก็ตามก็ต้องดูแลประชาชนให้มากที่สุดก่อน ก็ขอร้องทำความเข้าใจกับข้าราชการด้วย ไม่ใช่ว่ารัฐบาลไม่ห่วงใย เป็นเรื่องของการเยียวยา รัฐบาลให้ความสำคัญห่วงใยประชาชนที่ได้รับผลกระทบในทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นประชาชน ภาคธุรกิจ เอสเอ็มอี ก็ได้มีมาตรการซอฟต์โลน เขาก็ทยอยปลดล็อกมาเพื่อให้ทุกคนได้เข้าถึง”

ทั้งนี้ วันนี้ได้มีการเห็นชอบมาตรการเยียวยาต่างๆ รายละเอียดต่างๆ เป็นเรื่องของหน่วยงานปฏิบัติที่จะต้องดำเนินการให้รวดเร็วขึ้น ไม่ว่าจะเรื่องมาตรการที่เคยทำมาแล้วและจะทำต่อเนื่องอย่างไรต่อไปเดี๋ยวหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะชี้แจงมาตรการที่เราทำมาแล้ว

แจงปมขายข้าว 700 กระสอบ ทหารไม่มีเอี่ยว

พล.อ. ประยุทธ์ ตอบคำถามถึงกรณีข้าวสาร 700 กระสอบที่สบเมย ที่แม้จะเป็นการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแต่ก็ยังถูกโยงในลักษณะไทยสนับสนุนกองทัพเมียนมา ว่า ท่านต้องเข้าใจว่าการค้าขายเป็นปกติ และการค้าขายเป็นเรื่องที่รัฐไม่ต้องการให้เขาเข้ามาซื้อในประเทศไทย ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการช่วยเหลือทางทหารแต่อย่างใด

“ไม่เกี่ยวข้องเลย เป็นเรื่องที่เขาสั่งซื้อจากพ่อค้าของไทยไปในฝั่งโน้น เพราะว่าประชาชนเมียนมาที่อยู่เป็นชุมชนตามสันเขา จำนวน 100 กว่าจุด ผมต้องพูดถึงเรื่องมนุษยธรรมแล้วจะทำอย่างไรเขาจะอยู่กันอย่างไรฝั่งโน้น เพราะสมัยก่อนอยู่บนสันเขาแล้วเขาลงมาซื้อที่บ้านเรา เราก็ไม่อยากให้มีการข้ามแดนไปมาในลักษณะอย่างนี้นานมาแล้วเป็น 10 ปีแล้ว สร้างความเข้าใจด้วยคงไม่ต้องแถลงอะไรอีกแล้วพูดกันไปแล้ว”

พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวต่อไปว่า กรณีดังกล่าวทางกระทรวงกลาโหมได้ชี้แจงไปแล้ว ดังนั้นอย่าเอาไปเป็นประเด็น พร้อมถามกลับว่า “อะไรที่ไม่ใช่ประเด็นที่มีปัญหาทำไมจะต้องทำให้เป็นปัญหาก็ไม่ทราบเหมือนกัน แต่ผมก็ยืนยันความชัดเจนว่าทหารไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการขนย้ายข้าวอะไรต่างๆ แต่เป็นเรื่องของพ่อค้า ที่คนไปส่งแล้วเขาก็มารับไปเท่านั้นเอง”

สั่ง ทร.-ทอ.สอบรายละเอียด “เอวิเอ แซทคอม”

พล.อ. ประยุทธ์ ตอบคำถามถึงกรณี บริษัท เอวิเอ แซทคอม จำกัด คู่สัญญาขายเครื่องตรวจสารระยะไกลและอุปกรณ์ยี่ห้อ Global Technical รุ่ง GT200 ให้กับหน่วยงานราชการไทย ซึ่งมีข้อพิพาทในชั้นศาลและได้แพ้คดีไปแล้ว แต่บริษัทดังกล่าวยังไม่ถูกขึ้นบัญชีดำเป็นผู้ทิ้งงาน (แบล็กลิสต์) ยังคงขายสินค้าจำนวนมากให้กองทัพอากาศ และกองทัพเรือ ว่า ตนได้สั่งการให้ทางกองทัพอากาศกับกองทัพเรือไปตรวจสอบรายละเอียดเรื่องพวกนี้ขึ้นมาแล้วว่าจะทำอย่างไร ในส่วนของการขึ้นแบล็กลิสต์ต่างๆ ก็จะต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป ให้ตรวจสอบเรื่องนี้มา

ห่วงร่าง พ.ร.บ.ประชามติ ถูกคว่ำวาระ 3

พล.อ. ประยุทธ์ ตอบคำถามถึงกรณีร่างพระราชบัญญัติประชามติ ที่มีสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ออกมาระบุว่าอาจมีปัญหา หลัง ส.ว. แพ้โหวต คณะกรรมาธิการเสียงข้างน้อยในวาระที่ 2 ให้ไปปรับเพิ่มเรื่องประชาชนมีสิทธิเข้าชื่อเสนอทำประชามติ ในฐานะที่รัฐบาลเป็นผู้เสนอกฎหมายปฏิรูป มองว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไร ว่า ตนเข้าใจว่าเดี๋ยวนี้คำถามบางคำถามเป็นคำถามที่สลับซับซ้อนมากยิ่งขึ้น โดยตั้งข้อสังเกตว่า คงเป็นคำถามมาจากส.ส., ส.ว. มาให้ตนตอบ เพราะคำถามช่วงนี้มาแปลกๆ

“ก็เป็นเรื่องของในสภาวะที่เขาต้องดำเนินการตรงนี้ ผมเองก็มีความห่วงใยเหมือนกันในเรื่องของกฎหมายประชามติเพราะเราต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในโอกาสต่อไปด้วย การทำประชามติกฎหมายนี้สำคัญก็ขอให้ช่วยกันสามารถออกมาได้ด้วยดีอยู่ในวาระการพิจารณาอยู่”

ต่อคำถามที่ ส.ว. บางคนเป็นห่วงว่าถ้าถูกคว่ำในวาระ 3 จะทำให้รัฐบาลซึ่งเป็นผู้เสนอกฎหมายปฏิรูป ต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก หรือยุบสถา นายกฯ ตอบว่า เรื่องการให้คว่ำวาระ 3 นั้นทุกคนก็เข้าใจดีอยู่แล้วถามว่าห่วงไหมก็ห่วง แต่ตนคิดว่า ส.ส. ทุกคนก็ต้องเป็นห่วงเหมือนกัน

ชี้ปัญหา “ชาวบ้านบางกลอย” คุยจบแล้ว

พล.อ. ประยุทธ์ ตอบคำถามกรณีชาวบ้านบางกลอย ที่เหมือนยังไม่จบ หลังมีตัวแทนรัฐบาลเข้าไปพูดคุยทำความเข้าใต แต่ ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระบุว่าตัวแทนดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับคณะกรรมการแก้ปัญหาฯ ว่า เรื่องกรณีบางกลอยไม่จบได้อย่างไร วันนี้ชาวบางกลอยเขากลับกันไปหมดแล้ว ที่เหลืออยู่ที่ยังคงส่งเสียงอยู่ข้างทำเนียบนั้นเป็นกลุ่มอื่นๆ ทั้งนั้นความมุ่งหมายคนละอย่างกัน

“เรื่องตรงนั้นก็เป็นเรื่องของการที่จัดตัวแทนไปร่วมพูดคุยและเมื่อพูดคุยไปแล้วไม่ได้ข้อยุติตรงนั้นจะต้อง มานำให้คณะกรรมการที่มีส่วนร่วมหลายกระทรวงร่วมกันพิจารณาในเรื่องของการดูแลช่วยเหลือประชาชนชาวบางกลอย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องฟังความคิดเห็นของประชาชนชาวไทยด้วยที่เขามีปัญหาอยู่เช่นเดียวกันเรื่องที่ทำกินต่างๆ ให้เกิดความเป็นธรรม”

แจงคดี “วิคตอเรีย ซีเครท” ออกหมายแดงจับเจ้าของแล้ว

พล.อ. ประยุทธ์ ตอบคำถามถึงกรณีที่ยังไม่สามารถจับกุมเจ้าของสถานบริการวิคตอเรีย ซีเครทได้ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาค้ามนุษย์ ขณะที่อีกไม่กี่เดือนสหรัฐจะออกรายงานค้ามนุษย์ (TIP Report) ว่า กรณีของวิคตอเรีย ซีเครท ที่ยังไม่สามารถจับกุมตัวได้นั้น ในเรื่องคดีความได้มีการออกหมายแดงไปแล้ว (เสร็จสิ้นการพิจารณา) และได้ขอข้อมูลจากต่างประเทศไปแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้รับข้อมูลส่งมายังไม่ได้มีการจับกุมตัวส่งมา

“ก็มีอีกหลายคดีที่หนีไปอยู่ต่างประเทศ ก็รู้อยู่ก็ยังไม่มีใครส่งมาสักที ทั้งที่เราก็มีหมายอะไรต่างๆ หมดแล้วมันขึ้นอยู่กับความร่วมมือของเขาด้วย ก็เหมือนกันเวลาเราขอมาเราก็ต้องพิจารณาเหมือนกัน”

ทั้งนี้ เรื่องการจัดอันดับ ที่ไทยตั้งเป้าไปอยู่ในกลุ่มเทียร์หนึ่ง ตนยังยืนยันว่าต้องการให้ไทยอยู่ในกลุ่มเทียร์หนึ่งให้ได้โดยเร็ว เพราะฉะนั้นก็ต้องช่วยกันตรงนี้อะไรที่ดีก็ดีอะไรที่เป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เรื่องที่เป็นไปตามกฎหมายตามขั้นตอนก็ว่ากันไป ต้องเข้าใจเรื่องข้อกฎหมายตรงนี้ด้วยขั้นตอนการปฏิบัติ

รอผล ป.ป.ช.สอบปมหนี้ “รถไฟฟ้าสายสีเขียว” ก่อนชง ครม.

พล.อ. ประยุทธ์ ตอบคำถามถึงความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาค่าโดยสารและภาระหนี้ของรถไฟฟ้าสายสีเขียว ว่า วันนี้ก็พร้อมที่จะขับเคลื่อนต่อไปเพื่อไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน แต่ขณะเดียวกันก็ต้องรอผลตรวจสอบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) อีกด้านหนึ่งด้วย และรัฐบาลก็พร้อมที่จะนำเข้าพิจารณาใน ครม. ในโอกาสต่อไป ทำอย่างไรประชาชนจะไม่เดือดร้อนและได้ประโยชน์สูงสุด

ปัดเอี่ยวตั้งพรรคใหม่ “รวมไทยสร้างชาติ”

พล.อ. ประยุทธ์ ตอบคำถามถึงสโลแกน “รวมไทยสร้างชาติ” ว่ามีจดลิขสิทธิ์หรือไม่สามารถเอาไปตั้งชื่อพรรคได้หรือไม่ ว่า ผมไม่ได้สงวนสิทธิ์ก็ใครก็ได้ที่จะรวมไทยสร้างชาติ เป็นคนไทยหรือเปล่าถ้าเป็นคนไทยจะตั้งรวมไทยสร้างชาติหรือรวมไทยอะไรก็แล้วแต่ก็ไปตั้งเถอะ

เมื่อถามถึงเรื่องที่มีการโยงว่าจะถูกเอาไปตั้งเป็นชื่อพรรคสํารอง นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า สื่อไม่ใช่หรือที่เป็นคนโยง ส่วนตนนั้นไม่มีแนวคิดต่อเรื่องดังกล่าว เพราะ ไม่ใช่เรื่องของตน

”ผมทำงานรัฐบาลนี้ให้รอดไปก่อน ทำประเทศชาติให้หลุดพ้นจากกับดักต่างๆ ให้ได้เสียก่อน เธอมองตรงนี้สิอย่าไปมองการเมืองด้านเดียว การเมืองก็คือการเมือง ก็ต้องปฏิรูปการเมืองการปฏิรูปการเมืองก็ไม่ใช่นายกปฏิรูปคนเดียวทุกคนต้องช่วยกันปฏิรูปทางองคาพยพทั้งหมด เพราะประชาชนเป็นคนเลือกท่านเข้ามานายกฯ ไม่ได้เป็นคนเลือกทุกคนเข้ามาเป็นเรื่องของประชาชน เลือกเข้ามาเป็นตัวแทนของเขาต้องเคารพกติกาตรงนี้”

ยันต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ไม่เกี่ยวเมียนมา

พล.อ. ประยุทธ์ ตอบคำถามการต่ออายุการใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ) ไปอีก 2 เดือนนั้นเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ในเมียนมาหรือไม่ ว่า ไม่เกี่ยว แต่เป็นเรื่องการบูรณาการการใช้เจ้าหน้าที่หน่วยงานของรัฐอื่นๆ ที่ไม่มีอำนาจตามกฎหมายปกติ เช่น เอาทหาร ตำรวจ มาดูแลเรื่องสถานที่ควบคุมโรคก็ไม่ได้ ไปตรวจตามถนนหนทางก็ไม่ได้ เพราะหลายหน่วยงานไม่มี พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ทำให้เกิดการบูรณาการกฎหมายของหน่วยงานอื่นมาให้สามารถทำงานได้

“ทางกระทรวงสาธารณสุขหากจะใช้พระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 เพียงอย่างเดียว ท่านรองนายกรัฐมนตรี ก็บอกว่าจำเป็นต้องใช้ก่อนเพราะเขาก็ไม่ไหวเหมือนกันที่จะดูแลในพื้นที่ต่างๆ ทั้งด่านตรวจ จุดสกัด การควบคุมชายแดน ยังคงต้อง เอา พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ มาบูรณาการไม่อย่างนั้นจะทำงานไม่ได้ หากเรื่องของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเดียวทำงานไม่ไหว ก็เห็นชอบด้วย”

มติ ครม. มีดังนี้

ผศ. ดร.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประสำนักนายกรัฐมนตรี และนางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (ซ้าย-ขวา)
ที่มาภาพ www.thaigov.go.th

เคาะ “ทัวร์เที่ยวไทย” แจกเงินเที่ยวคนละ 5,000 บาท 1 ล้านสิทธิ์

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุม ครม. ได้มีการรับทราบการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” โดยสาระสำคัญคือ

  • ปรับระยะเวลาการจองห้องพัก ล่วงหน้าจากเดิม 3 วันปรับให้เป็น 7 วัน ขยายสิทธิ์เพิ่มอีก 2 ล้านสิทธิ์ จากเดิมที่มีอยู่แล้ว 6 ล้านสิทธิ์ เป็น 8 ล้านสิทธิ์ โดยจะเริ่มโครงการนี้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2564 เป็นต้นไปและถ้าสิ้นสุดโครงการในเดือนสิงหาคม 2564
  • การปรับวิธีการชำระเงินค่าห้องโดยให้ชำระผ่านแอปพลิเคชั่นเป๋าตังและถุงเงินและเพิ่มระบบการยืนยันตัวตนของผู้ใช้สิทธิ์โครงการ โดยผู้ใช้สิทธิ์มีความจำเป็นที่จะต้องสแกนใบหน้าเพื่อทำการเช็คอินห้องพักด้วย
  • การปรับมูลค่า e-voucher จากเดิมไม่เกิน 900 บาทสำหรับการท่องเที่ยวในวันธรรมดา คือคืนวันจันทร์ถึงพฤหัสบดี และไม่เกิน 600 บาท ในคืนวันศุกร์ถึงคืนวันอาทิตย์
  • มีการเปลี่ยนแปลงโดยรัฐบาลจะสนับสนุน e-voucher ในลักษณะร่วมจ่ายในอัตราร้อยละ 40 แต่ไม่เกิน 600 บาทต่อคืน เป็นราคาเดียวกันทั้งวันธรรมดาและวันหยุด
  • ยกเลิกการใช้สิทธิ์ในจังหวัดภูมิลำเนาตามทะเบียนบ้านด้วย โดยผู้ที่เข้าร่วมโครงการต้องใช้บริการโรงแรมที่พักและ e-voucher ในพื้นที่จังหวัดอื่น ที่ไม่ใช่จังหวัดในทะเบียนบ้าน โดยจะใช้งบประมาณที่เหลืออยู่ในโครงการมีจำนวนทั้งสิ้น 5,700 บาท

ส่วนโครงการ “กำลังใจ” ขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายงบประมาณโครงการกำลังใจจากเดิมที่จะสิ้นสุดในวันที่ 31 มีนาคม 2564 เป็นวันที่ 30 มิถุนายน 2564 เพื่อให้ ททท. มีระยะเวลาในการรวบรวมหลักฐานจากผู้ประกอบการบริษัทนำเที่ยว เพื่อให้การจ่ายเงินเป็นไปด้วยความรักฝดกุมืและถูกต้อง สำหรับผลการดำเนินโครงการกำลังใจ ณ วันที่ 8 มีนาคม 2564 มี อสม. ที่เดินทางและจ่ายเงินแล้ว 680,794 คน และที่เดินทางและอยู่ระหว่างการตรวจสอบโดยยังไม่เบิกจ่ายอีก 6,183 คน

นอกจากนี้ ยังมีโครงการใหม่ที่เพิ่มเติมเข้ามาคือโครงการ “ทัวร์เที่ยวไทย” ในกรอบวงเงิน 5,000 บาท ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โดยรัฐบาลสนับสนุนค่าเดินทางของประชาชนในลักษณะร่วมจ่า (Co-pay) ร้อยละ 40 ของค่าใช้จ่ายแพ็กเกจนำเที่ยว แต่ไม่เกิน 5,000 บาท โดยต้องเป็นการเดินทางท่องเที่ยวข้ามจังหวัดในวันธรรมดา (วันอาทิตย์-วันพฤหัสบดี) ไม่ต่ำกว่า 3 วัน 2 คืน ไม่มีการกำหนดราคาขั้นต่ำ รวม 1,000,000 สิทธิ์ วงเงินงบประมาณ 5,000 ล้านบาท ตั้งแต่ พฤษภาคม. – สิงหาคม 2564

ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมโครงการ ได้แก่ นักท่องเที่ยว ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ณ วันลงทะเบียน โดย นักท่องเที่ยว 1 คนสามารถใช้สิทธิ์ตามโครงการฯ ได้ 1 สิทธิ์ และได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับประชาชนผู้ท่องเที่ยวที่ได้รับเงินสนับสนุนหรือประโยชน์ใดๆ สำหรับ ผู้ประกอบการ ต้องเป็นบริษัทที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายกับกรมการท่องเที่ยวก่อนวันที่ 1 มกราคม 2563 ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติโดยกรมการท่องเที่ยว สามารถรับนักท่องเที่ยวได้บริษัทละ 3,000 รายขั้นต่ำซึ่งรวมแล้วทั้งสิ้นที่เปิดโอกาสให้ใช้จำนวน 1 ล้าน 10 ใช้วงเงินจำนวน 5,000 บาทระยะเวลาตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นไปจนสิ้นสุดที่สิ้นเดือนสิงหาคม 2564 สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจใช้สิทธิ์จะต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไปนะวันลงทะเบียน นักท่องเที่ยว 1 คนสามารถใช้สิทธิ์ตามโครงการนี้ได้เพียง 1 สิทธิ์เท่านั้น ผู้ที่ได้รับสิทธิ์จะได้รับการยกเว้นภาษีต่างๆไม่นำมาคำนวณเดือนเมื่อยื่นภาษี

  • ครม.เคาะ “ทัวร์เที่ยวไทย-เราเที่ยวด้วยกัน” แจกเงินเที่ยว 3 ล้านสิทธิ์ วงเงิน 10,700 ล้าน
  • เปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ 7-8 เม.ย.นี้

    นายอนุชา กล่าวว่า ที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภา พ.ศ. … และร่างพระราชกฤษฎีกาปิดประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภา พ.ศ. … ไปในคราวเดียว ทั้งนี้เนื่องจากในการประชุมสภาสมัยวิสามัญในครั้งที่ผ่านมา เมื่อสัปดาห์ก่อน ยังพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการออกเสียงประชามติ พ.ศ. … ได้เพียงบางมาตราเท่านั้น และยังไม่ได้พิจารณาในเรื่องของร่างพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. … และร่างประมวลกำหมายยาเสพติด และร่างพระราชบัญญัติวิธีการพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ. …

    ดังนั้น เพื่อให้ที่ประชุมได้พิจารณาร่างพระราชบัญญติประชามติฯ และร่างกฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติด ให้เสร็จสิ้นจึงมีความจำเป็นที่จะต้องเรียกประชุมสมัยวิสามัญอีกครั้ง คาดว่า วันที่ 7-8 เมษายน 2564 แต่ทั่งนี้เรื่องของวันที่จะมีการแจ้งให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง เพราะต้องมีการทูลเกล้าให้ลงพระปรมาภิไธยก่อนที่จะแจ้งสมาชิกรัฐสภาได้อย่างเป็นทางการ

    “เนื่องจากการแก้รัฐธรรมนูญได้จะต้องมีการทำประชามติ นายกฯ ได้กำชับให้หัวหน้าพรรคแต่ละพรรคให้ความสำคัญเกี่ยวกับกฎหมายต่างๆ เหล่านี้”

    บริจาคเงินเพิ่มทุนกองทุน ADF-13 กว่า 71 ล้าน

    นายอนุชา กล่าวว่า ที่ประชุม ครม. มีมติยืนยันการบริจาคเงินเพิ่มทุนในกองทุนพัฒนาเอเชีย 13 (Asian Development Fund 13 : ADF) จำนวน 71,219,320 บาท แบ่งชำระเงินการบริจาค 4 งวด งวดละ 17,804,830 บาท ตั้งแต่ปี 2564 – 2567 โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจะลงนามในร่าง Instrument of Contribution (IOC) ยืนยันการบริจาคเงินเพิ่มทุนในกองทุนพัฒนาเอเชีย 13 ดังกล่าว

    ทั้งนี้ จำนวนเงินบริจาคเพิ่มทุนดังกล่าวใกล้เคียงกับจำนวนเงินบริจาคครั้งที่ผ่านมา และสามารถชำระเป็นเงินสกุลบาทซึ่งไม่เป็นภาระต่องบประมาณ ทั้งนี้ ADF 13 เป็นยุทธศาสตร์หนึ่งของธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (Asian Development Bank: ADB) เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืนแก่ประเทศกำลังพัฒนาที่มีฐานะยากจน ซึ่งการพัฒนาเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศดังกล่าว โดยเฉพาะกลุ่มประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง จะส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจและการลงทุนในภูมิภาคอีกด้วย

    ป.ป.ช.แนะเร่งสร้าง “เทอร์มินัล” สุวรรณภูมิ เฟส 2

    นายอนุชา กล่าวว่า ครม. มีมติรับทราบข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริต กรณีศึกษา โครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 กรณีการก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศเหนือ (North Expansion) โดย ครม. ให้กระทรวงคมนาคม รับข้อเสนอแนะและข้อสังเกตดังกล่าว เพื่อให้บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) ดำเนินการตามแผนเดิมคือขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศตะวันออกและทิศตะวันตกและก่อสร้างอาคารผู้โดยสารด้านทิศใต้ เพื่อรองรับอาคารผู้โดยสารได้สูงสุด 120 ล้านคนต่อปี เป็นลำดับแรกก่อน แล้วจึงสร้างอาคารผู้โดยสารทางทิศใต้เป็นลำดับสุดท้าย

    ทั้งนี้เนื่องจาก ทอท.ได้มีการปรับแผนแม่บทการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจากเดิมที่เป็นงานก่อสร้างอาคารผู้โดยสารด้านทิศตะวันตกและโครงการส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศเหนือและย้ายการก่อสร้างส่วยต่อขยายอาคารผู้โดยสารจากด้านทิศตะวันออกซึ่งแต่เดิมอยู่ในระยะที่ 2 ไปอยู่ในการพัฒนาระยะเพิ่มเติม (Extra Phase)ทั้งนี้ ทอท.ชี้แจงว่าาการปรับเปลี่ยนแผนแม่บทดังกล่าวเป็นการปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์และจะทำให้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิรับผู้โดยสารเพิ่มอีก 30 ล้านคนต่อปีจากเดิมที่คาดว่าจะรับได้ 120 ล้านคนต่อปีเป็น 150 ล้านคนต่อปี

    ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้นำความเห็นจากนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ และข้อสังเกตของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ระบุถึงปัญหาของการก่อสร้งส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารทิศเหนือ อาทิ กรณีการก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศเหนือยังไม่ได้เริ่มออกแบบและจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และจะต้องใช้งบประมาณสูงถึง 42,000 ล้านบาท ขณะที่การก่อสร้างส่วนขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศตะวันออกและทิศตะวันตกใช้งบประมาณเพียง 12,000 ล้านบาท แต่สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 30 ล้านคนต่อปีเท่ากัน

    นอกจากนี้ การรองรับผู้โดยสารของส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศเหนือจำนวน 30 ล้านคนต่อปีนั้น อาจไม่สอดคล้องกับจำนวนหลุมจอดอากาศยาน รวมทั้งยังเพิ่มภาระให้ผู้โดยสารโดยไม่จำเป็น เพราะจะต้องนั่งรถไฟเพื่อเดินทางระหว่างอาคารถึง 3 – 4 ต่อ ส่งผลทำให้ปริมาณการสัญจรบนทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 กรุงเทพ – ชลบุรี (มอเตอร์เวย์) ติดขัด เพราะอาคารผู้โดยสารขนาดใหญ่ตั้งอยู่รวมกันเพียงด้านเดียว

    ดังนั้น ครม. จึงให้กระทรวงคมนาคม รับข้อเสนอแนะและข้อสังเกตดังกล่าว เพื่อให้บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) เร่งดำเนินการก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศตะวันออก (East Expansion) ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2553 ซึ่งอยู่ในแผนงานเดิมโดยเร็ว ให้สอดคล้องกับอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 ที่กำลังจะเปิดให้บริการในปี พ.ศ. 2565 และดำเนินโครงการก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศตะวันตก (West Expansion) ในคราวเดียวกัน เพื่อให้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สามารถรองรับผู้โดยสารสูงสุด 75 ล้านคนต่อปี ลดความแออัดของอาคารผู้โดยสารปัจจุบัน

    เคาะแผนบริหารน้ำฯปี 65 วงเงิน 3.66 แสนล้าน

    นายอนุชา กล่าวว่า ครม. รับทราบแผนปฏิบัติการด้านทรัพยากรน้ำ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 วงเงิน 366,538.8423 ล้านบาท รวม 48,687 แผนงาน/โครงการ ซึ่งสอดคล้องกับแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี (พ.ศ. 2561-2580) ประกอบด้วย

    แผนปฏิบัติการ ฯ จำแนกตามกระทรวง/หน่วยงาน รวม 9 กระทรวง ได้แก่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงพลังงาน รวมแผนส่วนภูมิภาค องค์กรส่วนท้องถิ่น กรุงเทพมหานคร และจังหวัด วงเงิน 366,538.8423

    และครอบคลุมแผนแม่บท ฯ ทั้ง 6 ด้าน คือ การจัดการน้ำอุปโภคบริโภค การสร้างความมั่นคงของน้ำภาคการผลิต การจัดการน้ำท่วมและอุทกภัย การจัดการคุณภาพน้ำและอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ การอนุรักษ์ฟื้นฟูสภาพป่าต้นน้ำที่เสื่อมโทรมและป้องกันการพังทลายของดินการบริหารจัดการ โดยแผนปฏิบัติการนี้ จะกระจายอยู่ในทุกภาค ทั้งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ ภาคตะวันออกและส่วนกลางด้วย

    ยกเว้นค่าใบอนุญาตตั้งคลังสินค้าปลอดอากร 1 ปี

    นายอนุชา กล่าวต่อว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีให้แก่ผู้ได้รับใบอนุญาตจัดตั้งคลังสินค้าทัณฑ์บน โรงพักสินค้า ที่มั่นคง ท่าเรือรับอนุญาต และเขตปลอดอากร และผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการในเขตปลอดอากรตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร พ.ศ. …. เพื่อบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับใบอนุญาตจัดตั้งคลังสินค้าทัณฑ์บน โรงพักสินค้า ที่มั่นคง ท่าเรือรับอนุญาต เขตปลอดอากร และผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการในเขตปลอดอากร เป็นเวลา 1 ปี คือ ปีพ.ศ. 2564 ซึ่งมีผู้ประกอบกิจการรวมทั้งสิ้นประมาณ 995 ราย ที่ได้รับประโยชน์ โดยรัฐจะสูญเสียรายได้ประมาณ 57.58 ล้านบาท

    ต่อเวลา พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ถึง 31 พ.ค.นี้

    นายอนุชา กล่าวว่าที่ประชุม ครม. พิจารณาให้ความเห็นชอบในการ พิจารณาขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน- 31 พฤษภาคม 2564 นอกจากนั้นทาง ครม. ยังเห็นชอบตามที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) มีข้อสรุปในเรื่องของการจัดพื้นที่ต่างๆ ในสถานการณ์ปัจจุบันทั่วราชอาณาจักร

    สำหรับ แนวทางการจัดกิจกรรมสงกรานต์วิถีใหม่คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบเพิ่มเติมตามแนวทางดังกล่าวของ ศบค. ดังนี้

    • การจัดพิธีรดน้ำดำหัว ขอให้หลีกเลี่ยงการจัดในที่คับแคบหรือพื้นที่ที่เป็นห้องปรับอากาศ จำนวนผู้ที่เข้าร่วมตามขนาดของสถานที่ขอให้อยู่ที่ประมาณ 1 คนต่อ 1 ตารางเมตร และการทดน้ำให้มีการเรียงแถวเข้ารดน้ำแบบเป็นระยะห่างระหว่างบุคคลอย่างน้อย 1 เมตร และสวมหน้ากากอนามัยทุกคน หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มร่วมกันเป็นเวลานาน
    • การจัดงานสงกรานต์ ขอให้จัดในพื้นที่โล่งแจ้ง อากาศระบายได้ดี และเป็นพื้นที่ที่แสงแดดส่องถึง จำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมเช่นเดียวกันตามขนาดของพื้นที่ประมาณ 1 คนต่อ 1 ตารางเมตร ให้งดกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมากได้แก่ กิจกรรมที่มีการรวมคนสาดน้ำ งดแป้ง งดการเล่นปาร์ตี้โฟม หลีกเลี่ยงการจัดเลี้ยงและการสังสรรค์ ที่มาจากหลายพื้นที่ งดดื่มแอลกอฮอล์ในสถานที่สาธารณะ โดยขอความร่วมมือองค์กรหน่วยงานผู้จัดงานดำเนินกิจกรรมให้สอดคล้องกับมาตรการเทศกาลสงกรานต์ ของศบค.ที่ได้มีการประกาศไปแล้ว และขอให้ยึดแนวทางของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดและกทม.อย่างเคร่งครัด
    • การรณรงค์การสืบสานวัฒนธรรมไทย ส่งเสริมให้จังหวัดต่างๆ ใช้พื้นที่จัดกิจกรรมทางศาสนา และวัฒนธรรมในเทศกาลสงกรานต์ร่วมกันสานประเพณีที่ดีงามและเหมาะสม เช่น ขอความร่วมมือประชาชนในการสื่อสารคุณค่าสาระ และสิ่งที่ควรทำของประเพณีสงกรานต์ด้วย เช่น การทำความสะอาดบ้านเรือน การทำความสะอาดวัด สถานที่สาธารณะ การทำบุญตักบาตร การปฏิบัติธรรม ฟังเทศน์ สรงน้ำพระ ขอพรผู้สูงอายุ นอกเหนือจากนั้นยังรณรงค์ให้แต่งกายด้วยชุดสุภาพใช้ผ้าไทย ผ้าท้องถิ่น หรือชุดไทยย้อนยุคเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ และขอความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ สนับสนุนศิลปินบ้านในการจัดกิจกรรมการละเล่นและการแสดงทางวัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่นตามแนวทางที่มาตรการเทศกาลสงกรานต์ 2564 ของ ศบค.

    อนุมัติงบกลาง 699 ล้าน ให้กลาโหมทำ “สเตทควอรันทีน”

    นายอนุชา กล่าวว่า ที่ประชุม ครม. มีมติอนุมัติ งบประมาณปี 2564 งบกลางรายการค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับโควิคฯ วงเงิน 699.31 ล้านบาท ตามที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม กระทรวงกลาโหม เสนอ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโควิดฯ ในช่วง 1 ธันวาคม 2563 – 28 กุมภาพันธ์ 2564 สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการพื้นที่กักกันโรคแห่งรัฐ (state quarantine) ในส่วนของสถานที่เอกชน ให้กับสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมที่เป็นผู้ดำเนินงานในโครงการนี้

    ขยายเวลายกเว้นอากรขาเข้า หน้ากากอนามัยถึง 30 ก.ย.นี้

    นายอนุชา กล่าวว่าที่ประชุม ครม. มีมติ เห็นชอบขยายระยะเวลามาตรการยกเว้นอากรขาเข้าสินค้าที่มีความจำเป็น เนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 เช่น หน้ากากชนิดที่ใช้ในห้องผ่าตัด หน้ากากกรองฝุ่น หมกควัน หรือสารพิษ บรรดาที่เป็นอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัย รวมถึงหน้ากากกรองเชื้อโรค หน้ากากทางการแพทย์นอกจากหน้ากากที่ใช้ในห้องผ่าตัด ที่นำเข้ามาเป็นชิ้น รวมถึงอุปกรณ์ต่างๆ ที่นำเข้ามาเพื่อที่จะผลิตด้วย

    ทั้งนี้ การขยายเวลายกเว้นอากรขาเข้าสินค้าดังกล่าว จะทำให้รัฐสูญเสียรายได้โดยประมาณ 9 ล้านบาทและการสูญเสียรายได้อาจเพิ่มสูงขึ้นตามปริมาณความต้องการภายในประเทศ แต่อย่างไรก็ตามมาตรการดังกล่าวก็มีความสำคัญในการที่จะรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดฯ ที่เกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบัน

    คาดงบ ฯปี 65 ประกาศใช้ต้น ก.ย.นี้

    นายอนุชา กล่าวว่า ที่ประชุม ครม. มีมติ เห็นชอบการปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 โดยหลังจากนี้จะเป็นการที่จะทางสำนักงบประมาณจะดำเนินการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน ซึ่งจะใช้เวลาช่วงตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม- 7 เมษายน 2564 หลังจากนั้นทางสำนักงบประมาณจะจัดพิมพ์ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณฯ เพื่อที่จะส่งกลับให้ ครม. เห็นชอบอีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะส่งร่างนี้ให้กับสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณา โดยคาดว่าจะเป็นวันที่ 27 หรือ 28 พฤษภาคม 2564 โดยหากดำเนินการตามระยะเวลานี้จะสามารถที่จะนำร่างพระราชบัญญัติงบประมาณฯ ขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อประกาศใช้ได้ภายในต้นเดือนกันยายน 2564

    ไฟเขียววีซ่า STV ดึงนักท่องเที่ยว-เรือสำราญเข้าไทยถึง 30 ก.ย.นี้

    ผศ. ดร.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม. มีมติเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำพวกอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีเป็นพิเศษ (ฉบับที่ .. ) เพื่ออนุญาตให้คนต่างด้าวที่เดินทางมากับเรือสำราญสามารถขอรับการตรวจลงตราวีซ่าประเภท Special Tourist Visa (STV) ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมืองได้ จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2564

    ต่ออายุ MOU “ไทย-บังกลาเทศ” ค้าข้าวปีละ 1 ล้านตัน 5 ปี

    ผศ. ดร.รัชดา กล่าวว่า ครม. มีมติอนุมัติต่ออายุบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยการซื้อขายข้าวระหว่างกระทรวงพาณิชย์แห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงอาหารแห่งสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ จากเดิมที่หมดอายุไปแล้วเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 ขยายให้มีผลบังคับใช้นับจากวันลงนามเป็นเวลา 5 ปี จนถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2569 โดยมีรายละเอียดดังนี้

    สาระสำคัญของ MOU ฉบับดังกล่าวกำหนดให้ไทยและบังกลาเทศตกลงซื้อขายข้าวไทยทุกชนิดแบบรัฐต่อรัฐ (G to G) ประมาณ 1 ล้านตันต่อปี ระหว่างปี พ.ศ.2564 – 2569 ตามสถานการณ์การผลิตของทั้งสองประเทศและระดับราคาในตลาดโลก โดยฝ่ายไทย มอบหมายให้กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เป็นผู้ดำเนินการ ส่วนบังกลาเทศมอบหมายให้กรมอาหาร กระทรวงอาหาร เป็นผู้ดำเนินการ

    ตั้งคณะกก.ร่วมเศรษฐกิจการค้า ไทย-สหราชอาณาจักร

    ผศ. ดร.รัชดา กล่าวว่า ครม. มีมติเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมด้านเศรษฐกิจและการค้า และกลไกสนับสนุนอื่นๆ ผ่านการจัดทำบันทึกความเข้าใจฯ (MOU) โดยจะมีการลงนามร่วมกันในวันที่ 29 มีนาคม 2564

    โดยร่าง MOU ฉบับดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและพัฒนาความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน และเศรษฐกิจระหว่างไทยและสหราชอาณาจักร และจัดตั้งคณะกรรมการร่วมด้านเศรษฐกิจและการค้า ทำหน้าที่ส่งเสริมและขยายความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจในสาขาที่ทั้งสองฝ่ายสนใจและมีศักยภาพร่วมกัน และมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของไทยและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการค้าระหว่างประเทศของสหราชอาณาจักรหรือผู้แทน เป็นประธานร่วม และมีการประชุมร่วมกันปีละ 1 ครั้ง

    ผศ. ดร.รัชดา กล่าวต่อว่า MOU ฉบับนี้เป็นการขยายโอกาสทางการค้า การลงทุน และเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศ ไม่ว่าจะเป็นด้านการเกษตร อาหารและเครื่องดื่ม เทคโนโลยี และการให้บริการด้านการเงิน ในส่วนความเป็นไปได้ในการจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA)ไทยกับสหราชอาณาจักร ทางกระทรวงพาณิชย์อยู่ระหว่างการศึกษาประโยชน์ และผลกระทบจากการจัดทำ FTA ระหว่างกันในอนาคต

    ทั้งนี้ มูลค่าการค้าระหว่างไทยและสหราชอาณาจักรในปี 2563 มีมูลค่ารวม 4,875 ล้านเหรียญสหรัฐ ไทยส่งออก 3,087 ล้านเหรียญสหรัฐ และนำเข้า 1,788 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยไทยมีสินค้าส่งออกที่สำคัญ เช่น ไก่แปรรูป ผลิตภัณฑ์ยาง รถจักรยานยนต์และส่ว
    นประกอบ รถยนต์และอุปกรณ์ แผงวงจรไฟฟ้า อัญมณีและเครื่องประดับ เป็นต้น

    สงกรานต์ขึ้นทางด่วนฟรี 9 – 16 เม.ย.นี้

    นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม. มีมติอนุมัติในหลักการร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนต์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 และทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 โดยให้ยกเว้นการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนต์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 และทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 สายถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร (ถนนกาญจนาภิเษก) ตอน บางปะอิน-บางพลี และตอนพระประแดง-บางแค ช่วงพระประแดง-ต่างระดับบางขุนเทียน ตั้งแต่เวลา 00.01 นาฬิกา ของวันที่ 9 เมษายน 2564 ถึงเวลา 24.00 นาฬิกาของวันที่ 16 เมษายน 2564

    เตรียมเสนอตัวร่วมเป็นเจ้าภาพจัดฟุตบอลโลกปี 77

    นางสาวไตรศุลี กล่าวว่า ครม. มีมติเห็นชอบต่อขอบเขตหน้าที่ (ทีโออาร์) ของคณะทำงานด้านเทคนิคเพื่อเตรียมการเสนอตัวร่วมเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกปีค.ศ.2034 หรือปีพ.ศ.2577 โดยคณะทำงานฯ มีหน้าที่จัดทำข้อเสนอการเสนอตัวร่วมเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 2034 ให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด และส่งเอกสารเสนอตัวในปี 2026 หรือตามระยะเวลาเสนอตัวร่วมเป็นเจ้าภาพ โดยมีคณะทำงานหลักได้แก่ ประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ และเวียดนาม ประเทศสมาชิกอื่นๆ

    โยกงบอุดหนุน อสม.ให้ สธ.รับผิดชอบแทน อบจ.

    นางสาวไตรศุลี กล่าวว่า ครม. มีมติเห็นชอบถอดรายการเงินอุดหนุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสนับสนุนการดำเนินงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ออกจากรายการเงินอุดหนุนขององค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และให้นำเงินงบประมาณเงินอุดหนุนสำหรับจ่ายค่าป่วยการอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านไว้ที่กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2565 เป็นต้นไป

    ทั้งนี้ ครม. ได้มีมติเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2561 เห็นชอบให้เพิ่มค่าป่วยการอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านจากเดิมเดือนละ 600 บาทต่อคน เพิ่มขึ้นเป็น 1,000 บาทต่อคน ทำให้ในปีงบประมาณ 2563 สัดส่วนเงินอุดหนุนอสม.คิดเป็นร้อยละ 44.64 ของเงินอุดหนุนที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดได้รับจัดสรร และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น

    เห็นชอบเสนอ “ต้มยำกุ้ง” ขึ้นทะเบียนยูเนสโก

    นางสาวไตรศุลี กล่าวว่า ครม. เห็นชอบให้เสนอต้มยำกุ้งขึ้นทะเบียนเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติต่อยูเนสโก ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ พร้อมเห็นชอบให้อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมเป็นผู้ลงนามในเอกสารที่จะเสนอต่อยูเนสโกในฐานะตัวแทนประเทศไทย

    สำหรับสาระสำคัญของการนำเสนอต้มยำกุ้ง ภายใต้ชื่อ Tomyum Kung ต่อยูเนสโกมีดังนี้คือ ด้านคุณค่าและความสำคัญ ต้มยำกุ้งเป็นอาหารที่สะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตที่เรียบง่ายของชุมชนเกษตรกรรมริมแม่น้ำลำคลองในภาคกลางของไทย ที่มีวัฒนธรรมการบริโภคอาหารผ่านการสังเกตและเรียนรู้จากธรรมชาติ โดยนำกุ้งที่มีมากมายในท้องถิ่นมาต้มในน้ำเดือดที่มีสมุนไพรทั้งข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด พริก และมะนาว ซึ่งนิยมปลูกไว้กินเองในครอบครัว ต้มยำกุ้งจึงสะท้อนถึงความเรียบง่ายและวิถีชีวิตที่พึ่งพิงธรรมชาติ พึ่งพาตนเองและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ

    ตั้ง “พิมพ์เพ็ญ ลัดพลี” นั่งบอร์ด ขสมก.

    นางสาวไตรศุลี กล่าวว่า วันนี้ที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบแต่งตั้งข้าราชการระดับสูงหลายตำแหน่ง เช่น

    • การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอแต่งตั้งนายกิตติพงศ์ แซ่เจ็ง ผู้อำนวยการสำนัก [ผู้อำนวยการเฉพาะด้าน (แพทย์) ระดับสูง] สำนักอนามัยการเจริญพันธุ์ กรมอนามัย ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านส่งเสริมสุขภาพ) กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2563
    • การแต่งตั้งผู้แทนกระทรวงการคลังเป็นกรรมการในคณะกรรมการบริหารกิจการขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ โดยกระทรวงคมนาคมเสนอแต่งตั้ง นางสาวพิมพ์เพ็ญ ลัดพลี ผู้แทนกระทรวงการคลัง เป็นกรรมการในคณะกรรมการบริหารกิจการขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ แทน นายจำเริญ โพธิยอด ผู้แทนกระทรวงการคลังเดิมที่ลาออก ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม 2564 เป็นต้นไป

    นอกจากนี้ ยังมีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2564 เห็นชอบการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง ตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี จำนวน 3 ราย (1. นายอมร มีมะโน 2. นายภูวิช ปัญญาสิทธิ์ และ 3. นายสมชาย สาโรวาท) เพื่อยกเลิกการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง ตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี จำนวน 2 ราย ดังนี้ 1. นายอมร มีมะโน 2. นายภูวิช ปัญญาสิทธิ์

    อ่านมติ ครม. ประจำวันที่ 23 มีนาคม 2564เพิ่มเติม