ThaiPublica > เกาะกระแส > “โจ ไบเดน” คว้าชัยการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศถึงเวลา”เยียวยา”อเมริกา

“โจ ไบเดน” คว้าชัยการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศถึงเวลา”เยียวยา”อเมริกา

8 พฤศจิกายน 2020


ที่มาภาพ: https://edition.cnn.com/2020/11/07/politics/joe-biden-wins-us-presidential-election/index.html

สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น(CNN) รายงานข่าว Biden defeats Trump in an election he made about character of the nation and the President ว่า โจ ไบเดน คว้าชัยการเลือกตั้งประธานาธิบดี

อเมริกาได้เลือกให้ โจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครตเป็นประธานาธิบดีคนที่ 46 ซึ่งเป็นการส่งมอบช่วงวิกฤตของประเทศให้กับชายคนหนึ่งที่บุคคลิกถูกหล่อหลอมจากความโศกเศร้าที่น่าเจ็บปวดส่วนตัว และผู้ที่ให้คำมั่นว่าจะนำความสงบและความจริงกลับคืนมา หลังจากที่วาระแห่งความเหนื่อยล้าและคลั่งไคล้ของโดนัลด์ ทรัมป์สิ้นสุดลงในวาระเดียว จากการรายงานของสำนักข่าว CNN

ในการกล่าวสุนทรพจน์แห่งชัยชนะ เมื่อคืนวันเสาร์ที่บ้านเกิดของเขาที่วิลมิงตัน เดลาแวร์ นายไบเดนกล่าวว่า เขารู้สึกว่าได้รับเกียรติมากจากความไว้วางใจที่ชาวอเมริกามอบให้และจากการที่เข้าถึงชาวอเมริกันที่ไม่ได้ลงคะแนนให้

“ผมเข้าใจถึงความผิดหวังในค่ำคืนนี้ ผมแพ้มา2-3 ครั้งแล้ว แต่ตอนนี้ ขอโอกาสให้กันและกัน” นายไบเดนกล่าว “นี่ถือเป็นช่วงเวลาที่ต้องเยียวยาอเมริกา”

กมลา แฮร์ริส วุฒิสมาชิกรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งลงเลือกตั้งคู่กันในตำแหน่งรองประธานาธิบดี กำลังจะสร้างประวัติศาสตร์ในฐานะผู้หญิงคนแรก คนผิวดำคนแรก และคนเชื้อสายเอเชียใต้คนแรก ที่ได้เป็นรองประธานาธิบดี ได้ตอกย้ำถึงความสำคัญของตำแหน่งของเธอบนเวทีเมื่อคืนวันเสาร์

“แม้ว่าฉันอาจจะเป็นผู้หญิงคนแรกในที่ทำงานนี้ แต่ฉันก็จะไม่ใช่คนสุดท้ายเพราะผู้หญิงตัวเล็กๆ ทุกคนที่เฝ้าดูอยู่ในคืนนี้ จะเห็นว่านี่คือประเทศแห่งความเป็นไปได้” นางแฮร์ริสกล่าว

ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน รองประธานาธิบดีที่ได้รับการเลือกตั้งได้โพสต์วิดีโอบนทวิตเตอร์ถึงชัยชนะของเธอกับไบเดนในชื่อ “เราทำได้ เราทำได้แล้ว โจ คุณจะได้เป็นประธานาธิบดีคนต่อไปของสหรัฐอเมริกา”

ที่มาภาพ: https://edition.cnn.com/2020/11/07/politics/joe-biden-wins-us-presidential-election/index.html

ขณะที่สำนักข่าว CNN และเครือข่ายสื่ออื่นๆ เกาะติดการแข่งขันของอดีตรองประธานาธิบดี ด้านทรัมป์ซึ่งอยู่ในสนามกอล์ฟ ไม่ได้แสดงให้เห็นว่าตั้งใจที่จะยอมรับผล เพราะระหว่างเดินทางไปเวอร์จิเนีย ได้ทวีตข้อความว่า “ผมชนะการเลือกตั้งครั้งนี้ ทิ้งห่างด้วย”

แต่ผู้สนับสนุนไบเดนซึ่งสวมใส่หน้ากากที่สะท้อนถึงสถานการณ์พิเศษของการเลือกตั้งในยุคที่มีการระบาดใหญ่ ได้หลั่งไหลเข้ามาสู่ท้องถนนทั่วประเทศ เพื่อเฉลิมฉลองชัยชนะของประธานาธิบดีที่ได้รับเลือก

หลังจาก 4 ปีแห่งการโกหกอย่างไม่หยุดหย่อนของทรัมป์ การกลั่นแกล้งและการให้ร้ายฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองของเขา อดีตรองประธานาธิบดีกล่าวว่า กำลังดำเนินการเพื่อฟื้นฟูคุณลักษณะของประเทศและนำศักดิ์ศรีกลับคืนสู่ทำเนียบขาว

นายไบเดนซึ่งจะมีอายุครบ 78 ปีในสิ้นเดือนนี้ จะเป็นประธานาธิบดีอายุมากที่สุดเมื่อเข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคม 2021 ท่ามกลางภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 100 ปี การตกต่ำทางเศรษฐกิจที่ลึกที่สุดนับตั้งแต่ทศวรรษที่ 1930 ตลอดจนการเหยียดสีผิวที่ลุกลามทั่วประเทศและความโหดร้ายของตำรวจที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข

การได้รับการเลือกตั้งของไบเดนจะยุติการบริหารที่ปั่นป่วนของทรัมป์ในวอชิงตันและเป็นการประณามพรรครีพับลิกัน ที่หมกมุ่นกับการเอาชนะมาตลอดชีวิต จนถึงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงที่แพ้หลังจากทำหน้าที่ได้เพียงวาระเดียว

อดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา ออกแถลงการณ์ซึ่งถือเป็นการรับรองคุณลักษณะของอดีตรองประธานาธิบดีในสมัยของเขา และขอให้ชาวอเมริกันละทิ้งความแตกต่างทางการเมืองและให้โอกาสไบเดน

“เมื่อไบเดนเดินเข้าทำเนียบขาวในเดือนมกราคม เขาจะต้องเผชิญกับความท้าทายที่ไม่ธรรมดาหลายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ทั้งการระบาดที่รุนแรงความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและระบบยุติธรรม ประชาธิปไตยที่อยู่ในความเสี่ยง” อดีตประธานาธิบดีโอบาระบุ “ผมรู้ว่าเขาจะทำงานโดยคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของชาวอเมริกันทุกคนเป็นหลัก ไม่ว่าเขาจะได้คะแนนเสียงหรือไม่ก็ตาม”

อดีตประธานาธิบดีขอให้ชาวอเมริกันทุกคน “ให้โอกาสไบเดนและให้การสนับสนุนไบเดน””ผลการเลือกตั้งในทุกระดับแสดงให้เห็นว่าประเทศยังคงแตกแยกอย่างรุนแรงและขมขื่น” โอบามากล่าว

“ไม่ใช่แค่โจและกมลาเท่านั้น แต่เราแต่ละคนต้องทำหน้าที่ของเรา ออกไปจากคอมฟร์ตโซนของเรา รับฟังคนอื่น เพื่อลดความร้อนแรงและหาจุดร่วมที่จะก้าวต่อไป พวกเราทุกคนจำไว้ว่าเราเป็นชาติเดียวกัน โดยมีพระเจ้าเป็นศูนย์กลาง”

หากเป็นภาพยนตร์ สถานะในวัยเด็กของไบเดนในเพนซิลเวเนีย ที่ทำให้เขาได้รับคะแนนเสียงจากคะแนนผู้แทนเลือกตั้งเกินเกณฑ์ 270 คนและก้าวสู่ทำเนียบขาว

ทรัมป์มีคะแนนนำไบเดนอย่างมากในคืนวันเลือกตั้ง แต่เมื่อเจ้าหน้าที่เลือกตั้งนับบัตรลงคะแนนทางไปรษณีย์หลายแสนใบ การแข่งขันก็เปลี่ยนไปอย่างมาก และมีผลโอนเอียงมาทางไบเดน ทำให้ทรัมป์และพันธมิตรขุ่นเคือง เพราะรู้ว่าเส้นทางของประธานาธิบดีไปสู่ทำเนียบขาวสิ้นสุดลง โดยที่ไม่มีคะแนนจากเพนซิลเวเนีย

การชนะที่รัฐเพนซิลเวเนียซึ่งเป็นอุปสรรคสุดท้ายในเส้นทางสู่ทำเนียบขาวของไบเดน ถือเป็นการสิ้นสุดของการแข่งขันที่เข้มข้นอย่างเหมาะสมเนื่องจากอดีตรองประธานาธิบดีได้ปลูกฝังภาพลักษณ์ของเขามายาวนานในฐานะ “โจ คนชั้นกลาง” จากสแครนตัน

ในการเยี่ยมเยือนที่ดูเหมือนจะเป็นลางสังหรณ์ ไบเดนได้เดินทางครั้งล่าสุดไปยังบ้านในวัยเด็กที่อยู่ในเมือง ในวันเลือกตั้งหลังจากใช้เวลาส่วนใหญ่กับการรณรงค์หาเสียง โดยสัญญาว่าจะให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่เป็นชนชั้นแรงงานจำนวนมาก ซึ่งเป็นกลุ่มที่ฮิลลารี คลินตันแพ้ให้กับทรัมป์ในการหาเสียงปี 2016

บนผนังห้องนั่งเล่นห้องหนึ่งในบ้านที่เขาเติบโตขึ้นมา ไบเดนได้เขียนว่า “จากบ้านหลังนี้ถึงทำเนียบขาว ด้วยพระคุณของพระเจ้า” พร้อมเซ็นชื่อและวันที่ “11.3.2020”

ในวันสุดท้ายของการแข่งขัน ทีมของไบเดนได้เพิ่มความพยายามเป็น 2 เท่าที่จะสร้าง “กำแพงสีน้ำเงิน” ของพรรคเดโมแครตขึ้นมาใหม่ และกลเม็ดนี่ส่งผลให้ไบเดนชนะในเพนซิลเวเนีย มิชิแกน และวิสคอนซิน ตามความคาดการณ์ของ CNN ในขณะที่ครองคะแนนในมินิโซต้าซึ่งประธานาธิบดีให้ความสำคัญในการผลักดันการลงเลือกตั้งครั้งใหม่ของเขา

CNN ยังคาดว่า นายไบเดนยังจะชนะในเนวาดา และสถานะผู้นำในการเลือกตั้งเริ่มโดดเด่น เนื่องจากยังมีการนับคะแนนทั่วประเทศ ขณะที่รัฐจอร์เจียอาจจะต้องนับคะแนนใหม่ และคะแนนเสียงยังคงไหลเข้ามาจาก รัฐแอริโซนาซึ่งไบเดนยังคงรักษาความได้เปรียบ

ณ ขณะนี้ ไบเดนยังนำด้วยคะแนน 279-214

ขณะที่เฝ้าคอยความหวังในการเลือกตั้งใหม่ ที่ถูกกดดันด้วยคะแนนเสียงแต่ละชุดในเพนซิลเวเนีย ทรัมป์ก็ฟาดฟันผ่านทวิตเตอร์ในระหว่างการนับคะแนนที่ตึงเครียด โดยพยายามทำลายสถาบันประชาธิปไตยด้วยข้อเรียกร้องเช่น “หยุดนับคะแนน” “STOP THE COUNT”

ประธานาธิบดีอ้างว่า ถูกโกงการเลือกตั้ง จากบัตรเลือกตั้งทางไปรษณีย์จำนวนมาก ที่ทุ่มคะแนนให้ฝ่ายตรงข้าม ทั้งนี้บัตรลงคะแนนทางไปรษณีย์มักจะนำมานับคะแนนหลังมีการลงคะแนนในวันเลือกตั้ง

ขณะที่ต้องเผชิญกับประเทศที่กำลังแตกอย่างหนัก นายไบเดนพยายามที่จะแสดงถึงความเป็นมิตร ความอดทนและความปรารถนาที่จะสมานฉันท์

“จะไม่มีรัฐสีน้ำเงินและรัฐสีแดงเมื่อเราชนะ มีเพียงสหรัฐอเมริกา” นายไบเดนกล่าวในบ่ายวันที่ 4 พฤศจิกายน“เราไม่ใช่ศัตรู การที่เรามาร่วมกันทำให้ชาวอเมริกันแข็งแกร่งเกินกว่าที่จะมีสิ่งใดๆ มาแยกเราออกจากกันได้”

ความไม่พอใจของทรัมป์ส่วนหนึ่ง เกิดจากการที่การหาเสียงของเขาที่วางแผนอย่างดีได้ทำให้เกมการแข่งขันประสบความสำเร็จในการเปลี่ยน “ฐานเสียงทรัมป์ที่ซ่อนอยู่” ได้มากกว่าที่คาดไว้ ทำให้การแข่งขันเป็นการแข่งขันที่เข้มข้นขึ้นจากการสำรวจก่อนการเลือกตั้ง

ทรัมป์ยังคงใช้วิธีการเลือกตั้งแบบบิดเบือน โดยชี้ให้เห็นอย่างผิดๆ ว่า มีบางอย่างที่คลุมเครือ ขณะที่ความจริงก็คือ การนับคะแนนในรัฐสำคัญยังคงดำเนินต่อไปด้วยดีหลังจากคืนวันอังคาร ซึ่งเป็นไปตามปกติของการเลือกตั้งของสหรัฐฯ

ขณะเดียวกันทีมของเขาได้ดำเนินการฟ้องร้องหลายคดีในหลายรัฐรวมถึงเพนซิลเวเนีย โดยต้องการที่จะหยุดการนับคะแนนในบางพื้นที่ พร้อมกับท้าทายว่าผู้สังเกตการณ์อย่างใกล้ชิด สามารถตรวจสอบเจ้าหน้าที่ที่นับคะแนนได้

ทรัมป์ยังใช้วิธีการว่า จะเรียกร้องให้มีการนับคะแนนใหม่ในวิสคอนซิน ซึ่งไบเดนนำทรัมป์ด้วยคะแนนเสียงประมาณ 20,000 เสียง แม้ที่ผ่านมาคะแนนทีต่างกันเพียงนิดเดียวก็ไม่สามารถพลิกผลให้กลับมาได้

เส้นทางอาชีพที่ยาวนานเป็นจริง

ที่มาภาพ: https://edition.cnn.com/2020/11/07/politics/joe-biden-wins-us-presidential-election/index.html

ชัยชนะของโจเซฟ โรบิเนตเต้ ไบเดน จูเนียร์ ซึ่งอยู่ในอาชีพวุฒิสมาชิกและรองประธานาธิบดีมาร่วม 50 ปี จากฐานที่มั่นซึ่งเป็นบ้านที่อยู่อาศัยในเดลาแวร์ มีขึ้นในช่วงเวลาที่ครบรอบ 30 ปีเต็มนับจากการหาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีครั้งแรก

ชีวิตของไบเดนเต็มไปด้วยความเศร้า โดยได้ทำพิธีฝังภรรยาคนแรก ลูกสาวคนแรกของเขา และลูกชายที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้วซึ่งเสียชีวิตในปี 2015 ตัวเขาเองรอดชีวิตจากภาวะสมองสองข้างโป่งพอง และอยู่ในแวดวงการเมืองหลังจากการรณรงค์เพื่อเข้าสู่ทำเนียบขาวล้มเหลวถึง 2 ครั้ง ทำให้ภาพลักษณ์ของเขาเป็นผู้ชายที่สามารถปรับตัวได้ทุกสถานการณ์และมีความสภาพ

คุณสมบัติเหล่านี้ทำให้ไบเดนเป็นทางเลือกของอเมริกา ในฐานะประธานาธิบดีที่สามารถแบกรับความเศร้าโศกของประเทศที่บอบช้ำจากการสูญเสียพลเมืองมากกว่า 234,000 คนจากการป่วยโรคโควิด -19 และมีผู้ว่างงานหลายล้านคนในสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนสูง

ชัยชนะของไบเดนหมายความว่า ตำแหน่งประธานาธิบดีที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวของทรัมป์ ซึ่งขับเคลื่อนโดยความเป็นชาตินิยมของเขา การเหยียดผิวอย่างร้ายแรง การโกหกอย่างไม่หยุดหย่อน และการทำร้ายสถาบันประชาธิปไตย อาจถูกมองว่าเป็นความผิดปกติทางประวัติศาสตร์มากกว่าความปกติใหม่

แต่ไบเดนต้องเผชิญกับภารกิจใหญ่ในการสร้างความปรองดองในประเทศ และจัดการกับความเข้าใจผิดของอเมริกาที่มีต่อบุคคลสำคัญ เช่น ตัวเขาซึ่งทำให้ประธานาธิบดีคนปัจจุบันโดดเด่นขึ้นในทางการเมือง ในฐานะคนนอกที่ได้รับการเลือกตั้งจากกระแสประชานิยมในปี 2016

ไบเดน ให้คำมั่นที่จะฟื้นฟู “จิตวิญญาณ” ของอเมริกา ซึ่งเขากล่าวว่า ถูกเหยียบย่ำ โดยวิธีการที่สร้างความแตกแยกของทรัมป์ และจะยกเลิกนโยบายต่างประเทศ “America First” ของประธานาธิบดี และผลักดันสหรัฐฯอเมริกาให้กลับมาสู่ตำแหน่งผู้นำโลกแบบเดิมให้ได้

แต่ความฝันของพรรคเดโมแครตที่จะปฏิรูปการดูแลสุขภาพ เศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การแข่งขันและการขยายบทบาทของศาลสูง อาจจะถูกขัดขวางจากการขาดดุลอำนาจในสภาคองเกรส

สำนักข่าว CNN ประเมินว่า พรรคเดโมแครตจะยังคงคุมสภาผู้แทนราษฎร แต่พรรครีพับลิกันมีคะแนนนำกว่าที่คาดไว้ในการเลือกวุฒิสมาชิกในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ

ภายใต้รัฐบาลที่แตกแยก งานส่วนใหญ่ของไบเดนจะต้องมุ่งเน้นไปที่การสกัดการแพร่ระบาดที่สถานการณ์กำลังเลวร้ายลง ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจากโครงการ Institute for Health Metrics and Evaluation ของมหาวิทยาลัยวอชิงตัน กล่าวว่า ไวรัสอาจจะทำให้ชาวอเมริกันเสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 400,000 คนกว่าจะถึงเวลาที่ไบเดนสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง

อนาคตที่ขึ้นอยู่กับการระบาดและความไม่แน่นอน

ประเทศกำลังเหนื่อยหน่ายกับการปิดตัวเกือบหนึ่งปี การแยกตัวจากครอบครัวและเพื่อนฝูง และการกีดกันทางเศรษฐกิจจะต้องได้รับการกระตุ้นเพื่อปรับใช้แนวทางใหม่ในเชิงรุกมากขึ้นเพื่อสกัดการระบาด ซึ่งไบเดนระบุว่าฝ่ายบริหารของทรัมป์ยอมแพ้

การมีวัคซีนออกใช้ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญคาดหวังไว้มากว่าจะมีใช้อย่างกว้างขวางในปี 2021 เและแม้จะต้องใช้เวลาหลายเดือนก่อนที่ชีวิตจะกลับมาเป็นปกติ นั่นหมายความว่า ปีแรกของไบเดน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ประธานาธิบดีคนใหม่มีอำนาจสูงสุด นั้นจะถูกกดดันจากการระบาดของไวรัสโคโรนา และยังคงไม่แน่นอนว่า นิสัยชอบปฏิบัติของไบเดน ความเชื่อของเขาคนเดียวที่ว่ายุคใหม่ของความร่วมมือระหว่างพรรครีพับลิกันมีความเป็นไปได้จะเกิดขึ้น และความปรารถนาของเขาที่จะรักษาแนวร่วมที่ชนะ ทั้งกลุ่มกลางๆหรือกลุ่มไม่เอาทรัมป์ อาจนำไปสู่การปะทะกันที่เร็วขึ้นกับความก้าวหน้าของประชาธิปไตย

งานของไบเดนมีความซับซ้อน เพราะรับช่วงต่อการเมืองที่แตกแยกอย่างมากจากการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของทรัมป์ หลังจากที่ประธานาธิบ ดีคาดการณ์มาหลายเดือนว่า การเลือกตั้งจะมี “การโกง” ผู้สนับสนุนของทรัมป์มองชัยชนะของพรรคเดโมแครตว่า เป็นสิ่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายทำให้กระทบความหวังของไบเดนในการที่จะสร้างการปรองดองในชาติ

การต่อสู้เพื่อทิศทางอุดมการณ์ในอนาคตของพรรครีพับลิกัน ระหว่างพรรคพวกของประธานาธิบดี กับพรรคอนุรักษ์นิยมในยุคหลังทรัมป์ อาจทำให้เกิดความไม่ลงรอยกันในวอชิงตัน และโอกาสที่ทรัมป์จะเลือนหายไปในประวัติศาสตร์นั้นดูเหมือนจะมีน้อยมาก เนื่องจากเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์มีประวัติในการควบคุมสื่อ ในขณะที่ทรัมป์ใช้ทวิตเตอร์เป็นอาวุธเพื่อระบายความคับข้องใจทางการเมือง

ความมุ่งในด้านต่างประเทศของไบเดน ยังต้องเผชิญกับความท้าทาย โลกเดินหน้าไป ในช่วง 4 ปีแห่งความว้าวุ่นใจของชาวอเมริกัน จีนได้เร่งการแสดงพลังในเอเชียและทั่วโลกและสงครามเย็นครั้งใหม่ก็เกิดขึ้น พันธมิตรของสหรัฐฯสงสัยว่า อเมริกาจะเชื่อถือได้อีกต่อไปหรือไม่ และการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจากอชิงตันจะอยู่ได้นานแค่ไหน การเผชิญหน้ากับเกาหลีเหนือ อิหร่านและ รัสเซียรุนแรงยิ่งกว่าเมื่อประธานาธิบ ดีบารัค โอบามาออกจากตำแหน่ง

ผู้นำทั่วโลกแสดงความยินดี

ที่มาภาพ: https://www.npr.org/sections/live-updates-2020-election-results/2020/11/07/932530415/world-leaders-congratulate-biden-on-win-and-some-celebrate-trumps-defeat

สำนักข่าว NPR รายงานว่า ผู้นำจากหลายประเทศทั่วโลกได้แสดงความยินดีกับโจ ไบเดน ที่คว้าชัยในการเลือกตั้งและ บางรายฉลองที่โดนัลด์ ทรัมป์พ่ายแพ้

พันธมิตรของสหรัฐฯเช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี สหภาพยุโรป และยูเครน ได้แสดงความยินดีกับโจ ไบเดนที่รับการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี และกมลา แฮร์ริสที่ได้รับการเลือกตั้งเป็นรองประธานาธิบดี

นายกรัฐมนตรีแคนาดา จัสติน ทรูโด กล่าวว่า หวังว่าจะได้ทำงานร่วมกับไบเดนและ แฮร์ริส และคณะบริหาร

“เรามีที่ตั้งร่วมกัน ความสนใจเหมือนกัน และความสัมพันธ์ส่วนบุคคลที่ลึกซึ้ง และควมสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจมี่ใกล้ชิดทำให้เราเป็นเพื่่อนสนิท หุ้นส่วน และพันธมิตร” ทรูโดระบุในแถลงการณ์

นายกรัฐมนตรีเยอรมนี แองเจลา เแมร์เคิล แสดงความบินดีกับแฮร์ริสที่สร้างประวัติศาสตร์เป็นผู้หญิงคนแรกที่คว้าชัยเป็นรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ และย้ำความสัมพันธ์ระหว่างเยอรมนีกับสหรัฐฯ

“มิตรภาพข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก ไม่สามารถถูกแทนที่ได้ หากเราต้องต่อสู้กับความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ในยุคของเรา”

ประธานาธิบดีเอ็มานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส ทวิตว่า “ชาวอเมริกันได้เลือกประธานาธิบดีเรียบร้อยแล้ว ขอแสดงความยินดีกับโจ ไบเดน และกมลา แฮร์ริส เรามีสิ่งที่ต้องทำอีกมากกับความท้าทายของทุกวันนี้ มาร่วมมือกันเถอะ”

มาครงได้พยายามที่จะพัฒนาความสัมพันธ์กับทรัมป์ในช่วงที่เดินทางมาเยือนฝรั่งเศสปี 2017 แต่ผู้ทั้งสองผู้นำไม่ได้พบปะกันเป็นการส่วนตัวในนระหว่างการประชุมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ปารีส และอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่าน ซึ่งทรัมป์ถอนตัวทั้งสองข้อตกลง

ประธานาธิบดียูเครนโวโลดีมีร์ เซเลนสกี้ ทวีต ว่า ยูเครน “มีมุมทางบวกต่ออนาคตของยุทธศาสตร์พันธมิตร กับสหรัฐ”

เลขาธิการ นาโต้ เจนส์ สโตลเต็นเบิร์ก ออกแถลงการณ์ว่า “ผมรู้จัก โจ ไบเดน ในฐานะเป็นผู้สนับสนุนคนหนึ่งของโครงการ Alliance และหวังว่าจะได้ทำงานใกล้ชิด นาโต้ที่แข็งแกร่งจะดีสำหรับอเมริกาเหนือและยุโรป”

ทรัมป์มักตำหนินาโต้ และครั้งหนึ่งเคยระบุว่า ล้าสมัย แต่ก็มีช่วงที่แสดงความกระตือรือร้น

ในตะวันออกกลาง ผู้นำกาตาร์ ชีค ทามิน บิน ฮาหมัด อัล ตานี ทวิตว่า หวังว่าจะได้ร่วมงานกับคณะบริหารของไบเดน เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ

ทั้งนี้ทรัมป์ ถูกมองว่า เอนเอียงเข้าข้างซาอุดิอาระเบียในปี 2017 ท่ามกลางความแยกแตกของรัฐอาหรับและร่วมกันต่อต้านกาตาร์

การแสดงความยินดีและการส่งความปรารถนาดีมายังไบเดนและแฮร์ริส ยังมาจากผู้นำรายอื่นที่เป็นพันธมิตรระหว่างประเทศใกล้ชิดของทรัมป์

นายกรัฐมนตรี บอริส จอห์นสัน ซึ่งมีความสัมพันธ์ที่ดีกับทรัมป์ ก็ส่งสารที่มีข้อความไม่ต่างผู้นำโลกรายอื่น

“สหรัฐฯเป็นพันธมิตรที่มีความสำคัญกับเราและผมหวังว่าจะได้ทำงานใกล้ชิดในประเด็นที่เราให้ความสำคัญร่วมกัน จากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การค้า และความมั่นคง” จอห์นสันระบุในแถลงการณ์ ที่โพสต์ผ่านทวิตเตอร์

ก่อนหน้านี้หลายวัน โฆษก ประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เต้ ฟิลิปปินส์ กล่าวว่า มีความมั่นใจว่า จะสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับไบเดน เช่นเดียวกับที่เคยมีกับทรัมป์

ดูเตอร์เต้ สนับสนุนทรัมป์อย่างชัดเจนในการเลือกตั้ง แต่มีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับอดีตประธานาธิบดี บารัค โอบามา ซึ่งได้วิจารณ์ดูเตอร์เต้กรณีทำสงครามปราบยาเสพติด

นายกรัฐมนตรีอินเดีย นเรนทรา โมดี ชาตินิยมฝ่ายขวา เคยบอกว่าทรัมป์เป็นเพื่อนสนิท กล่าวว่า งานของไบเดน ในฐานะรองประธานาธิบดีมีความสำคัญและมีคุณค่าต่อการเสริมสร้างความสัมพันธ์ของอินเดียกับสหรัฐฯ

โมดียังได้ชื่นชม รองประธานาธิบดีที่ได้รับการรับเลือก ซึ่งมีเชิ้อสายอินเดียจากฝั่งมารดา โดยระบุว่า ความสำเร็จของแฮร์ริส ว่า “เป็นการสร้างเส้นทางใหม่และเป็นเรื่องของความภาคภูมิใจอันยิ่งใหญ่” ของชาวอเมริกันเชื้อสายอินเดีย

“ผมมั่นใจว่าความสัมพันธ์ที่ดีของอินเดียและสหรัฐฯ จะดีขึ้นจากการสนัสนุนของเธอและจากความเป็นผู้นำ”

ประธานาธิบดีอิยิปต์ อับเดล ฟาตตาช เอล ซิสซี ซึ่งทรัมป์เคยเรียกว่าเป็น เผด็จการที่ชื่นชอบ เป็นผู้นำอาหรับรายแรกที่แสดงความยินดีกับไบเดน คณะบริหารของทรัมป์ได้ยกเลิกการช่วยเหลือทางทหารแก่อียิปต์จากที่ใช้ก่อนหน้านี้ เป็นผลจากเหตุผลด้านสิทธิมนุษยชน

ขณะที่ผู้นำหลายรายแสดงความยินดีกับชัยชนะของไบเดน อีกหลายรายฉลองที่ทรัมป์พ่ายแพ้

สำนักข่าวอิหร่าน รายงานว่าประธานาธิบดีฮัสสัน รูฮานี ระบุว่า สหรัฐฯต้องแก้ไขแนวทางที่ผิดพลาดต่ออิหรานในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา

รูฮานีได้อ้างถึงข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2015 ระหว่างอิหร่านและชาติมหาอำนาจของโลก ซึ่งเรียกร้องให้มีการผ่อนคลายการคว่ำบาตรอิหร่านเพื่อแลกกับการที่เตหะรานถอนโครงการนิวเคลียร์ ทรัมป์ถอนสหรัฐฯออกจากข้อตกลงในปี 2018 และนับจากนั้นได้มีการคว่ำบาตรอิหร่านอีกหลายรอบ

รูฮานี กล่าวว่า ชาวอิหร่านยืนหยัดต่อสู้กับ “การก่อการร้ายทางเศรษฐกิจ” ของอเมริกัน ภายใต้ทรัมป์และถึงเวลาแล้วที่สหรัฐฯจะต้องกลับไป “ปฏิบัติตามคำมั่นสัญญา”

ผู้นำปาเลสไตน์บางคนยังแสดงความโล่งใจต่อการพ่ายแพ้ของทรัมป์

ฮานัน อัชราวีเจ้าหน้าที่ปาเลสไตน์ทวีตว่า “อเมริกา ไม่มีทรัมป์ โลกยังสามารถหายใจได้ ลัทธิทรัมป์ต้องได้รับการพิจารณาอย่างรอบคอบและแก้ไข เพื่อฟื้นฟูดุลยภาพของมนุษย์ ศีลธรรมและกฎหมายทั้งในและนอกสหรัฐอเมริกา”

ในฉนวนกาซา อิสมาอิล ฮานิเยห์ ผู้นำทางการเมืองของกลุ่มก่อการร้ายฮามาสเรียกรัฐบาลทรัมป์ว่า “หัวรุนแรงที่สุดในการสนับสนุนการยึดครองโดยใช้สิทธิของชาติปาเลสไตน์”

ทรัมป์เป็นพันธมิตรที่เข้มแข็งของเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ทรัมป์ยอมรับว่า เยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอลและย้ายสถานทูตสหรัฐฯไปที่นั่น แม้ชาวปาเลสไตน์จะใช้ส่วนหนึ่งของเมืองเพื่อเป็นเมืองหลวงในอนาคต

“เราขอเรียกร้องให้ฝ่ายบริหารที่มาจากการเลือกตั้ง ละทิ้งข้อตกลงแห่งศตวรรษ และยกเลิกการตัดสินใจที่จะให้เยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของการยึดครองและย้ายสถานทูตอเมริกันไปที่นั้น” ฮานิเยห์กล่าว

เนทันยาฮูไม่ได้ออกแถลงการณ์ใด ๆ เกี่ยวกับผลการเลือกตั้งปี 2020 ส่วนพันธมิตรของทรัมป์อีกคนหนึ่งคือจาอีร์ บอลโซนาโรประธานาธิบดีบราซิลไม่ได้แถลงต่อสาธารณะเกี่ยวกับผลการเลือกตั้ง