ThaiPublica > เกาะกระแส > ไทยยกเลิกฟรีวีซ่า ฮ่องกง-เกาหลีใต้-อิตาลี วีซ่าหน้าด่าน VOA 18 ประเทศ

ไทยยกเลิกฟรีวีซ่า ฮ่องกง-เกาหลีใต้-อิตาลี วีซ่าหน้าด่าน VOA 18 ประเทศ

12 มีนาคม 2020


นายกรัฐมนตรีสั่งยกเลิกฟรีวีซ่าฮ่องกง-อิตาลี-เกาหลีใต้ และยกเลิกการขอรับการตรวจลงตราที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองของไทย (VOA) อีก 18 ประเทศ และ 1 เขตเศรษฐกิจ เพื่อสกัดโควิด-19

ที่ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้บัญชาการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ได้แถลงข่าวมาตรการป้องกันและรับมือการแพร่ระบาดของโควิด-19 หลังการประชุมด่วนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่า วันนี้เป็นการประชุมเพื่อรองรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละวันที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ข้อมูลที่มีการแพร่ระบาดเหล่านี้ในต่างประเทศนั้นเป็นข้อมูลที่ได้รับจากระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รายงาน จำเป็นต้องมาทบทวนกันว่าจะรับมือกับสิ่งเหล่านี้ได้อย่างไร

สิ่งที่คุยกันในวันนี้คือ มาตรการต่างๆ ที่รองรับคนต่างประเทศที่เข้ามา อย่างประเทศที่เสี่ยง ในประเด็นที่หนึ่ง ประเด็นที่สอง คือ การดูแลคนไทยบนมาตรฐานอันเดียวกัน แต่อาจจะต้องดูแลเป็นพิเศษตามสิทธิพลเมืองไทย วันนี้ได้มีการหารือกันถึงการเข้ามาทางตรงและทางอ้อม ซึ่งทางตรงนั้นมีความกังวลกันว่าเข้ามาได้เลย ส่วนการบินอ้อมมาจากที่อื่นจะทำอย่างไร ก็ได้มีข้อสรุปไปแล้ว

ทางด้านพื้นที่ควบคุมมี 2 ส่วนด้วยกัน ส่วนแรกเป็นของคนต่างประเทศที่มาจากประเทศสุ่มเสี่ยง และมีการเตรียมการไว้ที่สนามบิน โรงแรมที่มีพื้นที่ควบคุมโดยเฉพาะ ที่ได้จัดไว้เฉพาะ ขึ้นอยู่กับว่าผู้โดยสารเหล่านั้นจะอยู่กี่วัน แต่ต้องยอมรับว่าจะต้องถูกกักตัว 14 วันที่โรงแรมที่สนามบิน

สำหรับมาตรการคัดกรองวันนี้มีความชัดเจนขึ้น วันนี้มีหน่วยปฏิบัติมาด้วย ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สาธารณสุขที่อยู่ตามสนามบินหรือตามพื้นที่ต่างๆ และช่องทางต่างๆ อีกทั้งยังมีกระทรวงกลาโหม ซึ่งมีการคัดกรองอย่างเข้มข้นอยู่แล้วในเวลานี้ที่ชายแดนทั้งหมด

ทางด้านคนที่ผ่านเข้ามาในระบบ ถ้าเข้ามาตามกติกาที่ว่านี้แล้ว เข้ามาในประเทศไทยอาจจะมีความยุ่งยากมากขึ้น ซึ่งตรงนี้จะมีมาตรการออกมาโดยกระทรวงมหาดไทย และมาตรการความเข้มข้นของรัฐในพื้นที่ต้องต่อมาจากสนามบินเลย มีการขนส่งไปถึงจังหวัดที่เป็นภูมิลำเนา โดยกระทรวงคมนาคมจะเป็นคนจัดยานพาหนะที่ปิด ไม่มีการปล่อยคนลงข้างทางเด็ดขาด จะส่งไปถึงพื้นที่ต้นทางของมหาดไทยในจังหวัดต่างๆ ซึ่งในแต่ละจังหวัดจะมีคำสั่งแต่งตั้งผู้เชี่ยวชาญลงไปถึงผู้ว่าราชการ สาธารณสุขจังหวัด เจ้าหน้าที่ที่ต้องไปตรวจสอบตามครัวเรือนต่างๆ

อีกประการหนึ่งคนที่เข้ามาจากต่างประเทศ เขารู้อยู่แล้วว่าใครเข้ามาแล้วด้วย คนเหล่านี้จะช่วยเจ้าหน้าที่อีกส่วนหนึ่งที่จะคอยตามเพื่อนที่มาด้วยกัน และมีการรายงานเข้ามา ซึ่งอันนี้ได้เร่งรัดให้มีการใช้แอปพลิเคชันเพิ่มเติมอีกด้วย เพื่อให้เกิดความมั่นใจในพื้นที่ด้วยว่าควบคุมคนเหล่านี้ได้

“สำหรับคนไทยเป็นมาตรการกลางและมีการดูแลเป็นพิเศษ คนที่มาจาก 4 ประเทศจะต้องผ่านมาตรการคัดกรองและนำเข้าสู่การเฝ้าระวังในพื้นที่ที่กำหนด ในภูมิลำเนา มีเจ้าหน้าที่ติดตามกำกับดูแลถึงครัวเรือนถึงบ้านพัก ทุกคนจะต้องรับผิดชอบและมีความผิดหากหลบหนีออกมานอกบ้าน มีการลงโทษทั้งปรับทั้งจำ กฎหมายมีอยู่แล้ว เราพยายามใช้กฎหมายที่มีอยู่แล้วทุกฉบับให้สามารถดำเนินการได้” พลเอก ประยุทธ์ กล่าว

อีกประการหนึ่งที่สำคัญคือความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ วันนี้ก็ได้ให้กระทรวงต่างประเทศมีการติดต่อพูดคุยกับทูตประจำประเทศไทย ในการส่งข่าว ข้อมูลถึงมิตรประเทศของเรา เป็นความจำเป็นที่จะต้องบอกให้ทราบว่าจะทำอะไร เมื่อไร เพื่อให้เตรียมความพร้อม นอกจากนี้สถานทูตทุกแห่ง และสถานกงสุลจะต้องเตรียมการรองรับมาตรการเหล่านี้ด้วย เพราะเป็นต้นทางที่ต้องมา

ในระบบเดิมทั้งหมดทุกคนต้องไปขอวีซ่า การยกเลิก วีซ่าหน้าด่าน Visa on Arrival (VoA) จะเห็นว่าเราให้ความสำคัญ ต้องไว้ใจในกระบวนการเหล่านี้ ต้องร่วมมือต้องช่วยกันดูแล ทุกอย่างต้องปฏิบัติทั้งกฎหมาย ทั้งเจ้าหน้าที่ บังคับใช้กฎหมาย ปฏิบัติตามกฎหมาย

พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่มาภาพ www.thaigov.go.th

“ถ้าเราไม่ทำแบบนี้ สถานการณ์อาจจะควบคุมไว้ไม่ได้ในระยะต่อไป นี่คือสิ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญและเตรียมการมา เพื่อไม่ต้องการให้แพร่ไปสู่ระยะที่ 3 ตอนนี้เราอยู่ระยะที่ 2 แต่ตอนนี้ สถานการณ์รอบบ้านและทั่วโลกเริ่มมีการแพร่ระบาดมากยิ่งขึ้น เราต้องสกัดกั้นตั้งแต่วันนี้ โดยมีมาตรการที่เหมาะสม ต้องพูดคุยทำความเข้าใจ เตรียมเจ้าหน้าที่ไว้รองรับทั้งหมด แต่ยืนยันว่าเราจะทำให้ดีที่สุดและเข้มแข็งให้มากที่สุด” นายกรัฐมนตรีกล่าว

นอกจากนี้ ต้องการให้มีการหมุนเวียนเจ้าหน้าที่ทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร สาธารณสุข สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพราะมีความเป็นห่วงและเห็นใจที่ทำงานหนัก และเพื่อให้การคัดกรองมีประสิทธิภาพ และเกรงว่าหากยังคงให้มีการดำเนินการเช่นเดิม มีการเข้าออกประเทศต่อไป ก็อาจจะเกิดปัญหากับเจ้าหน้าที่

“ก็ยืนยันความพร้อมว่าเราสามารถรับสถานการณ์ได้ในขณะนี้ ตามสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบันและเผื่อไว้ในสถานการณ์ที่อาจจะแพร่ระบาดมากขึ้น การเตรียมการตรงนี้อย่างน้อยก็รองรับไม่ให้ขยายต่อไป ส่วนที่เป็นปัญหาก็ได้แก้ไขหมดแล้ว คนที่หลบหนีก็ตามกลับมาได้หมดแล้ว แต่เนื่องจากคนที่เข้ามามีจำนวนมาก อาจจะต้องมีมาตรการให้เข้ามาน้อยลง แต่ผลกระทบก็มีต่อภาคธุรกิจซึ่งรัฐบาลต้องคิดให้รอบคอบ เพราะต้องหามาตรการที่เหมาะสม” นายกรัฐมนตรีกล่าว

“ในระหว่างที่ทุกอย่างยังอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการตรงนี้ มาตรการเดิมที่มีอยู่แล้วจะเข้มข้นมากขึ้น ดังนั้นผมคิดว่าคนที่จะเข้าประเทศเราจะลดลงเป็นจำนวนมากจากมาตรการที่ออกไปในวันนี้ เพราะต้องไปขอวีซ่า โดยเฉพาะประเทศต้นทางที่มีสถานทูตของไทย” นายกรัฐมนตรีกล่าว

พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า จะยกเลิก Visa on Arrival ที่ให้กับ 18 ประเทศเป็นการชั่วคราว เและยกเลิก Free Visa ชั่วคราวกับนักท่องเที่ยว 3 ประเทศ คือ อิตาลี เกาหลีใต้ ฮ่องกง ที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดรุนแรง โดยมีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

นอกจากนี้ ผู้ที่ต้องการเดินทางเข้าไทยจะต้องผ่านการตรวจร่างกายและมีใบรับรองแพทย์ไม่เกิน 3 วันมายืนยันกับสถานทูตหรือสถานกงศุล ส่วนต่างชาติที่เดินทางมาจากจีน เกาหลีใต้ อิตาลี และอิหร่าน เมื่อผ่านเข้ามาจะต้องถูกกักตัวไว้ที่โรงแรมโนโวเทล สนามบินสุวรรณภูมิ เป็นเวลา 14 วัน เพื่อเฝ้าสังเกตอาการ หากไม่ยินยอมจะส่งกลับประเทศต้นทางทันที

ทางด้านคนไทยที่เดินทางกลับจากประเทศเสี่ยง กระทรวงคมนาคมจะจัดรถรับส่งตั้งแต่สนามบินจนถึงบ้านพัก และจะไม่มีการส่งระหว่างทาง

สำหรับรายชื่อ 18 ประเทศ และ 1 เขตเศรษฐกิจ (ไต้หวัน) ที่ยกเลิก Visa on Arrival หรือการขอรับการตรวจลงตราที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองของไทย ประกอบด้วย

    1. สาธารณรัฐบัลแกเรีย (The Republic of Bulgaria)
    2. ราชอาณาจักรภูฏาน (Kingdom of Bhutan)
    3. สาธารณรัฐประชาชนจีน (People’s Republic of China)
    4. สาธารณรัฐไซปรัส (Republic of Cyprus)
    5. สหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเอธิโอเปีย (Federal Democratic Republic of Ethiopia)
    6. สาธารณรัฐหมู่เกาะฟิจิ (The Republic of Fuji)
    7. จอร์เจีย (Georgia)
    8. สาธารณรัฐอินเดีย (Republic of India)
    9. สาธารณรัฐคาซัคสถาน (The Republic of Kazakhstan)
    10. สาธารณรัฐมอลตา (The Republic of Malta)
    11. สหรัฐเม็กซิโก (The United Mexican States)
    12. สาธารณรัฐนาอูรู (The Republic of Nauru)
    13. ปาปัวนิวกินี (Papua New Guinea)
    14. โรมาเนีย (Romania)
    15. รัสเซีย (The Russian Federation)
    16. ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย (Kingdom of Saudi Arabia)
    17. ไต้หวัน (Taiwan – China)
    18. อุซเบกิสถาน (The Republic of Uzbekistan)
    19. สาธารณรัฐวานูอูตู (The Republic of Vanuatu)