ThaiPublica > เกาะกระแส > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์: “ทักษิณสวนประวิตร ไม่นุ่มนวลอ่อนหวานเหมือนตอนขอเป็น ผบ.ทบ.” และ “เกาหลีเหนือ – ใต้ ร่วมปลดอาวุธนิวเคลียร์-มุ่งสู่ยุคใหม่”

ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์: “ทักษิณสวนประวิตร ไม่นุ่มนวลอ่อนหวานเหมือนตอนขอเป็น ผบ.ทบ.” และ “เกาหลีเหนือ – ใต้ ร่วมปลดอาวุธนิวเคลียร์-มุ่งสู่ยุคใหม่”

22 กันยายน 2018


ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 15-21 ก.ย. 2561

  • ครบรอบ รปห. 19 กันยาฯ โต้เดือด ทักษิณสวนประวิตร ไม่นุ่มนวลอ่อนหวานเหมือนตอนขอเป็น ผบ.ทบ.
  • ออมสินจับมือซีพี ฝาก-ถอนที่เซเว่นได้ ค่าธรรมเนียม 15 บาทต่อครั้ง เริ่ม 31 ต.ค.
  • ข้าราชการเกษียณชง สนช. หนุนร่าง พ.ร.บ.บำเหน็จบำนาญ โอด เดือนสองหมื่นไม่พอใช้
  • ป.ป.ส. แจง กัญชายังเป็นยาเสพติดผิดกฎหมาย รอ สนช. ไฟเขียว
  • เกาหลีเหนือ-ใต้ ร่วมแนวทางปลดอาวุธนิวเคลียร์-มุ่งสู่ยุคใหม่
  • ครบรอบ รปห. 19 กันยาฯ โต้เดือด ทักษิณสวนประวิตร ไม่นุ่มนวลอ่อนหวานเหมือนตอนขอเป็น ผบ.ทบ.

    ที่มาภาพ: ทวิตเตอร์ Thaksin Shinawatra (http://bit.ly/2ODmSU3)

    เช้าวันที่ 19 กันยายน 2561 ณ กระทรวงมหาดไทย พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยออกมาเรียกร้องให้ปลดล็อกการเมืองทั้งหมด ว่า ขอให้ครบ 90 วันก่อนถึงจะปลดล็อกทั้งหมด ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้า คสช. ระบุแล้วว่าสามารถทำอะไรได้บ้างและมีการปลดล็อกให้ 9 ข้อแล้ว เพียงแต่ว่าไม่ให้โฆษณาชวนเชื่อ นอกนั้นก็ไม่มีอะไร

    นอกจากนี้ พล.อ. ประวิตร ยังย้ำว่า การหาเสียงเลือกตั้ง ต้องรอไปถึงเดือนธันวาคมนี้ และที่ขณะห้ามใช้โซเชียลมีเดียหาเสียงก็เพราะการใช้โซเชียลมีเดียก็เหมือนกับการพูด ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะเป็นผู้พิจารณาว่าการใช้โซเชียลมีเดียของพรรคการเมืองใดบ้างที่จะเข้าข่ายเป็นการหาเสียง จะต้องมีบทลงโทษตามกฎหมาย

    และสำหรับกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร ออกมาโพสต์เฟซบุ๊ก Thaksin Shinawatra ในโอกาสครบรอบ 12 ปีที่ถูกรัฐประหาร โดยมีใจความแสดงความเสียใจที่เกิดรัฐประหารขึ้นสองครั้งในรอบ 12 ปี ซึ่งทำให้ประเทศเสียหาย รวมทั้งทิ้งท้ายว่าขออโหสิกรรมให้ทุกคนที่ให้ร้ายกลั่นแกล้งตน พล.อ. ประวิตร กล่าวถึงการโพสต์ดังกล่าวของนายทักษิณว่า บ้านเมืองที่วุ่นวายอยู่ทุกวันนี้เป็นเพราะใคร แต่ไม่ใช่พวกเราแน่นอนเพราะพวกเราไม่ได้เกี่ยวข้อง เราออกมาแก้ไขปัญหาให้กับประเทศชาติ ส่วนกรณีที่นายทักษิณ ระบุพร้อมพูดคุยปรองดองนั้น พล.อ. ประวิตร บอกว่า นายทักษิณยังมีเรื่องที่ทำผิดกฎหมายอยู่ ขอให้ไปเคลียร์ตรงนั้นให้ได้ก่อน

    และเพียงไม่นานหลังจากนั้น ในเวลา 12.22 น. ของวันเดียวกัน นานทักษิณก็ได้ทวีตลิงก์ข่าวที่ พล.อ. ประวิตร พูดถึงตนดังกล่าวลงในทวิตเตอร์ Thaksin Shinawatra พร้อมกับข้อความว่า “ท่าทีและน้ำเสียงขึงขังน่ากลัวจัง ไม่นุ่มนวลอ่อนหวานเหมือนตอนมาเกาะโต๊ะขอเป็น ผบ.ทบ. เลย”

    ซึ่งในเวลาต่อมา พล.อ. ประวิตร ก็เพียงตอบประเด็นดังกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม และการปฏิเสธการสัมภาษณ์

    เรียบเรียงจาก

    เว็บไซต์ PPTVHD36: “ทักษิณ” โพสต์12 ปีรัฐประหาร อโหสิกรรม “คนให้ร้าย-กลั่นแกล้ง”
    เว็บไซต์เนชั่นทีวี: “บิ๊กป้อม” ไล่ “ทักษิณ” เคลียร์คดีก่อนปรองดอง
    เว็บไซต์วอยซ์ทีวี: ‘ประวิตร’ ปัดตอบปม ‘ทักษิณ’ ทวีตข้อความหยอก

    ออมสินจับมือซีพี ฝาก-ถอนที่เซเว่นได้ ค่าธรรมเนียม 15 บาทต่อครั้ง เริ่ม 31 ต.ค.

    ที่มาภาพ: เฟซบุ๊ก Workpoint News – ข่าวเวิร์คพอยท์ (http://bit.ly/2O4d0FM)

    วันที่ 19 ก.ย. 2561 เฟซบุ๊ก Workpoint News – ข่าวเวิร์คพอยท์ รายงานว่า ตั้งแต่วันที่ 31 ต.ค. เป็นต้นไป ผู้มีบัญชีเงินฝากของธนาคารออมสิน จะสามารถฝากและถอนเงินออกจากบัญชีได้ที่เคาน์เตอร์เซอร์วิสของ 7-11 โดยมีค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมครั้งละ 15 บาท

    ธนาคารออมสินได้ลงนามความร่วมมือกับ บริษัท ซีพีออลล์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทเคาน์เตอร์เซอร์วิสแล้ว ในฐานะผู้ให้บริการตัวแทนธนาคาร หรือ Banking Agent เพื่อให้ลูกค้าของธนาคารสามารถฝากและถอนเงินสดได้ที่ 7-11 ตลอด 24 ชั่วโมง โดยจะเริ่มต้นวันแรกในวันที่ 31 ต.ค. นี้

    โดยการฝากเงินที่เคาท์เตอร์เซอร์วิสนั้น สามารถฝากได้ครั้งละไม่เกิน 30,000 บาท ส่วนการถอนเงิน สามารถถอนได้ครั้งละไม่เกิน 5,000 บาท และในแต่ละวันจะถอนรวมกันได้ไม่เกิน 20,000 บาท โดยทุกธุรกรรมทั้งฝากและถอน จะมีค่าธรรมเนียมครั้งละ 15 บาท อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ใช้บริการที่อายุระหว่าง 7-20 ปี จะได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมทั้งหมดเป็นระยะเวลา 1 ปี

    สำหรับเหตุผลในการจับมือเป็นพันธมิตรกับ 7-11 ในครั้งนี้ นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการ ธนาคารออมสิน ระบุว่า เมื่อจับมือกับซีพีแล้ว ธนาคารออมสินก็ไม่มีความจำเป็นต้องขยายสาขาในชนบทอีก โดยตู้เอทีเอ็มของธนาคารและสาขาของร้านสะดวกซื้อจะสามารถครอบคลุมพื้นที่การให้บริการได้

    ข้าราชการเกษียณชง สนช. หนุนร่าง พ.ร.บ.บำเหน็จบำนาญ โอด เดือนสองหมื่นไม่พอใช้

    เว็บไซต์แนวหน้ารายงานว่า เมื่อวันที่ 20 ก.ย. 2561 ที่รัฐสภา สหพันธ์ข้าราชการบำนาญแห่งประเทศไทย กว่า 30 คน นำโดย นายชัยวัฒน์ อุตอิ่นแก้ว เลขาธิการฯ เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อ นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คนที่ 2 เพื่อเสนอร่าง พ.ร.บ.บำเหน็จบำนาญ

    โดยนายชัยวัฒน์กล่าวว่า ขอให้ สนช. สนับสนุนร่างกฎหมายฉบับนี้เข้าสู่การพิจารณา เพื่อทำให้ข้าราชการบำนาญมีรายได้เพิ่มขึ้น เนื่องจากปัจจุบันมีเข้าราชบำนาญสังกัดทุกประเทศ จำนวน 654,634 คน ได้รับความเดือดร้อนจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น แต่เงินบำนาญเท่าเดิม ทำให้รายได้ไม่พอกับค่าใช้จ่าย เป็นไปตามสภาวะเงินเฟ้อ ทั้งนี้ หากข้าราชการบำนาญมีรายได้เพิ่มขึ้นก็จะนำเงินไปใช้จ่าย ส่งผลให้เศรษฐกิจตามนโยบายของรัฐบาลดีขึ้น

    “ข้าราชการบำนาญถือเป็นคนจนรุ่นใหม่ ได้เงินบำนาญเดือนละ 20,000 บาท หักค่าใช้จ่ายอื่นเหลือ 18,000 บาทต่อเดือน ไม่เพียงพอต่อค่าครองชีพที่สูงขึ้น ซึ่งจะกระทบต่อข้าราชปัจจุบันอีก 2 ล้านคน แล้วคนไทยรุ่นใหม่ที่จะเข้าสู่ระบบข้าราชการ ทำงานเพื่อประเทศชาติ” นายชัยวัฒน์กล่าว

    ด้านนายพีระศักดิ์กล่าวว่า โดยหลักการค่อนข้างเห็นด้วยกับผู้ทำคุณประโยชน์ให้ประเทศชาติ แต่กฎหมายฉบับนี้เข้าข่ายกฎหมายการเงิน ต้องให้รัฐบาลเห็นชอบก่อนเสนอ สนช. เสนอเองไม่ได้ จึงขอประสานหาช่องทางให้ประยื่นต่อรัฐบาล ส่วน สนช. จะให้ กมธ. พิจารณาศึกษารายละเอียดควบคู่กันไป

    ป.ป.ส. แจง กัญชายังเป็นยาเสพติดผิดกฎหมาย รอ สนช. ไฟเขียว

    เว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์รายงานว่า เมื่อวันที่ 20 ก.ย. 2561 นายศิรินทร์ยา สิทธิชัย เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) กล่าวถึงกรณีสื่อสังคมออนไลน์เรียกร้องให้มีการอนุญาตให้ใช้กัญชาเพื่อใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์ รวมถึงเครื่องดื่มยี่ห้อหนึ่งในต่างประเทศ สนใจพัฒนาเครื่องดื่มกัญชาเพื่อสุขภาพ ว่า ป.ป.ส. และหน่วยงานภาคีที่เกี่ยวข้องได้รวบรวมข้อมูลศึกษาวิเคราะห์ผลดีผลเสียและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น เพื่อควบคุมการนำกัญชาไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ และอาจก่อเป็นกระแสการเข้าใจผิดของสังคมได้ ที่ผ่านมาศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ (ศอ.ปส.) ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อศึกษาวิเคราะห์มาตรการทางกฎหมายเกี่ยวกับพืชเสพติด

    “โดยเห็นว่าควรกำหนดให้กัญชาเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 ต่อไป โดยไม่อนุญาตให้มีการใช้ในเชิงสันทนาการ แต่เปิดช่องให้สามารถขออนุญาตศึกษาวิจัยกัญชา เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ได้อย่างสะดวกและคล่องตัวมากยิ่งขึ้น ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้ออกกฎกระทรวง เรื่อง การขออนุญาตและการอนุญาตผลิต จำหน่าย นำเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 4 หรือในประเภท 5 พ.ศ. 2559 ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา คือวันที่ 6 ม.ค. 2560” เลขาธิการ ป.ป.ส. ระบุ

    นายศิรินทร์ยากล่าวต่อว่า กฎกระทรวงดังกล่าวกำหนดให้ผู้ที่มีความประสงค์ปลูก จำหน่าย นำเข้าส่งออก หรือมีกัญชาไว้ในครอบครอง เพื่อการศึกษาวิจัย หรือเพื่อประโยชน์ในทางการแพทย์ ต้องยื่นคำขอพร้อมด้วยเหตุผลความจำเป็น จำนวนหรือปริมาณและหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องต่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อเสนอความเห็นต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขพิจารณาอนุญาต ขณะเดียวกัน ป.ป.ส. ยังได้เสนอร่างประมวลกฎหมายยาเสพติด กำหนดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มีอำนาจอนุญาตให้ผลิต นำเข้า ส่งออกจำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 (กัญชา) เพื่อการศึกษาวิจัย หรือเพื่อประโยชน์ในทางการแพทย์ วิทยาศาสตร์ หรืออุตสาหกรรมได้

    นอกจากนี้ยังมีอำนาจประกาศกำหนดชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 (กัญชา) ซึ่งอนุญาตให้เสพเพื่อการรักษาโรค หรือเสพเพื่อการศึกษาวิจัยได้โดยไม่เป็นความผิด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)

    เกาหลีเหนือ-ใต้ ร่วมแนวทางปลดอาวุธนิวเคลียร์-มุ่งสู่ยุคใหม่

    ที่มาภาพ: เว็บไซต์ไทยพีบีเอส (http://bit.ly/2NY9M6F)

    วันที่ 19 ก.ย. 2561 เว็บไซต์บีบีซีไทยรายงานว่า มุน แจ อิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ และ คิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ ประกาศความร่วมมือในการสร้างอนาคตใหม่ของสองประเทศเกาหลี และร่วมลงนามในข้อตกลงหลายฉบับในกรุงเปียงยาง รวมทั้งเตรียมเสนอตัวเป็นเจ้าภาพร่วมกันในการจัดโอลิมปิกปี 2032

    ทั้งสองฝ่ายได้ “ตกลงในแนวทางร่วมกันที่จะบรรลุการปลดอาวุธนิวเคลียร์” นายมุน แจ อิน กล่าว

    สองประเทศเกาหลียังวางแผนสร้างเส้นทางรถไฟเชื่อมต่อถึงกัน อนุญาตให้ชาวเกาหลีเหนือ-ใต้ที่ถูกแยกจากสงครามได้มีโอกาสได้รวมญาติ และการร่วมมือในระบบสาธารณสุข

    นายคิม ยังเรียกผลของการประชุมสุดยอดครั้งนี้ว่าเป็นการ “ก้าวเข้าสู่อนาคต” ของสันติภาพทางการทหาร และยังให้คำมั่นสัญญาว่าจะเดินทางไปเยือนกรุงโซล ของเกาหลีใต้ในเร็วๆ นี้ ซึ่งจะเป็นการเยือนเกาหลีใต้ครั้งแรกของผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ

    “เกาหลีเหนือตกลงที่จะปิดฐานทดสอบขีปนาวุธตองชัง-รี และฐานปล่อยขีปนาวุธอย่างถาวร ต่อหน้าผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้อง” นายมุน กล่าวหลังลงนามในข้อตกลง นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของเกาหลีใต้ และผู้บัญชาการกองทัพเกาหลีเหนือ ยังลงนามในข้อตกลงฉบับนี้ด้วย

    ทั้งสองประเทศเกาหลี ยังเตรียมที่เสนอตัวเป็นเจ้าภาพร่วมกันในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนในปี 2032

    การลงนามในข้อตกลงนี้ เกิดขึ้นระหว่างที่นายมุน แจ อิน ผู้นำเกาหลีใต้ ได้เดินทางเยือนกรุงเปียงยางเป็นเวลา 3 วัน ซึ่งเป็นการเยือนเกาหลีเหนือเป็นครั้งแรกในรอบทศวรรษ แต่ทว่าเป็นการพบกันครั้งที่ 3 ของทั้งคิมและมุน หลังจากประชุมสุดยอดสองเกาหลีเมื่อเดือน เม.ย. 2561 ที่ผ่านมา