ThaiPublica > เกาะกระแส > “นิวเจน” รับ AOC สายการบินสุดท้าย ก่อนระงับบินระหว่างประเทศ 1 ก.ย. นี้ กระทบ 12 สายการบิน

“นิวเจน” รับ AOC สายการบินสุดท้าย ก่อนระงับบินระหว่างประเทศ 1 ก.ย. นี้ กระทบ 12 สายการบิน

27 สิงหาคม 2017


นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) โดยนายเจริญพงษ์ ศรประสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบิน และนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม (ซ้าย-ขวา)

เมื่อวันนี้ 24 สิงหาคม 2560 นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) เชิญสายการบินนิวเจน โดยนายเจริญพงษ์ ศรประสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบิน พร้อมคณะผู้บริหารของสายการบิน เข้ารับมอบใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศใหม่ (AOC Recertification) โดยมีนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเป็นประธาน

นายจุฬากล่าวว่า สายการบินนิวเจนมีการสรุปขั้นตอนสุดท้ายคือเฟส 5 เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2560 ที่ผ่านมา และทาง กพท. ได้แจ้งองค์กรการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization: ICAO) รับทราบแล้วว่านิวเจนเป็นสายการบินที่ 9 ที่ได้รับ AOC จาก กพท.

ตั้งแต่เริ่มกระบวนการในเดือนกันยายน 2559 นิวเจนถือเป็นสายการบินที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มที่ 3 ของการตรวจ แต่สามารถปรับปรุงข้อค้นพบที่ต้องแก้ไข (Finding) ที่ กพท. พบได้อย่างรวดเร็ว และใช้เวลาน้อยที่สุดทำให้สามารถรุดหน้าไปกว่าสายการบินอื่น

ด้านนายอาคมระบุว่า ในการออกใบรับรองการเดินอากาศใหม่นั้นไม่มีข้อยกเว้นใดๆ เรื่องใดที่สายการบินใหญ่ทำ สายการบินเล็กก็ต้องทำ เพราะใช้มาตรฐานเดียวกัน ตามสิ่งต่างๆ ที่ ICAO กำหนดไว้เพราะอยู่ในธุรกิจสายการบิน และสิ่งที่ต้องคำนึงเป็นอันดับแรกเหนือสิ่งอื่นใดคือความปลอดภัยของผู้โดยสาร

“ความปลอดภัยของบริษัท ความพร้อมของเครื่องบิน ลูกเรือ และนักบินต่างๆ ต้องพร้อมทั้งหมด ซึ่งก็ได้รับคำยืนยันจาก ICAO ไม่ว่าเล็ก กลาง ใหญ่ เล็กก็ต้องทำ ในเรื่องการลงทุนของบริษัทใหญ่ ทั้งบุคลากร รวมไปถึงการบริหารงานต่างๆ บริษัทใหญ่ทำบริษัทเล็กก็ต้องลงทุนด้วย โดยเฉพาะเรื่องของบุคลากร ซึ่งสายการบินนิวเจนมีความทุ่มเททำให้สามารถก้าวจากกลุ่ม 3 มาอยู่ในกลุ่ม 2 และได้รับใบรับรองการดำเนินการเดินอากาศในวันนี้” นายอาคมกล่าว

เริ่ม 1 ก.ย. 12 สายการบินถูกระงับบินระหว่างประเทศ

ทั้งนี้มีสายการบินที่ได้รับ AOC ใหม่รวมทั้งสิ้น 9 สายการบิน จากที่เหลือเพียง 21 สายการบิน หลังจากมีบางสายการบินขอถอนตัวไปก่อนหน้าโดยขอทำการบินในประเทศอย่างเดียว ซึ่งอีก 12 สายการบินที่เหลือจะต้องระงับการให้บริการระหว่างประเทศทันที ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2560 เป็นต้นไป ตามเงื่อนไขของ ICAO ที่จะเข้ามาตรวจสอบ ICVM(ICAO Coordinated Validation Mission) เพื่อปลดธงแดง อย่างไรก็ตาม กพท. ยืนยันว่าจะยังคงดำเนินการตรวจสอบสายการบินที่เหลือให้แล้วเสร็จ เพื่อให้สายการบินที่ได้มาตรฐานยังสามารถผ่านการประเมินและกลับมาให้บริการได้อีกครั้ง

นายจุฬากล่าวว่า ตามกระบวนการตรวจสอบคาดว่าการออก AOC ใหม่“>ให้แก่สายการบินเอ็มเจ็ทไม่ทันภายในเดือนสิงหาคมนี้ แต่คาดว่าจะได้ในสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนกันยายน 2560 ซึ่งเอ็มเจ็ทจะเป็นสายการบินที่ 10 ถัดจากนี้คือสายการบินเวียดเจ็ท และสายการบินโอเรียนท์ไทย

“ถึงแม้เราจะมีการหยุดบิน แต่การตรวจทั้งหมดยังดำเนินการต่อไป ดังนั้น บางสายการบินจะถูกหยุดบินเพียง 2-3 สัปดาห์ อันนี้ขึ้นอยู่กับว่าสายการบินจะสามารถดำเนินการได้เร็วแค่ไหน ใช้เวลาออกใบรับรองนานเท่าไรก็กระทบสายการบินมากเท่านั้น ซึ่งก็จะทำให้เขาผลักดันตัวเองให้ผ่านมาตรฐานเร็วที่สุด” นายจุฬากล่าว

นายจุฬากล่าวว่า การเข้าตรวจสอบเพื่อปลดธงแดงของ ICAO นั้นมีโอกาสที่จะสุ่มตรวจสายการบิน แต่เป็นการตรวจในเชิงเอกสารว่าเอาสิ่งที่รับรองไปใช้จริงหรือไม่ ซึ่ง กพท. ก็มีแผนการติดตามผลตามมาตรฐานของยุโรป โดยเฉพาะมาตรฐานความปลอดภัย ไม่ใช่ได้ใบรับรองแล้วก็จบ

ยุทธศาสตร์บินตรงเมืองรอง-เพิ่มปริมาณนักท่องเที่ยวสู่ไทย

สำหรับเส้นทางการบินนิวเจน ปัจจุบันมีเส้นทางบิน 37 เส้นทาง ประกอบด้วยเส้นทางการบินจาก 4 สนามบินหลักของประเทศไทย คือ ดอนเมือง กระบี่ สุราษฎร์ธานี และภูเก็ต เชื่อมสู่ 26 เมืองท่องเที่ยวในประเทศจีน ถือเป็นสายการบินที่ให้บริการแบบเช่าเหมาลำในเส้นทาง ไทย-จีน มากที่สุดในประเทศไทย และรับการโหวตให้เป็นสายการบินที่นักท่องเที่ยวจีนชื่นชอบเป็นอันดับหนึ่ง

โดยนายเจริญพงษ์ระบุว่า สายการบินนิวเจนเลือกทำการเปิดเส้นทางการบินในเมืองรองของจีน เนื่องจากนักท่องเที่ยวจีนส่วนใหญ่มาจากเมืองรองมากขึ้น และการที่ประเทศไทยเป็นส่วนหนึ่งของนโยบาย One Belt One Road มีการสร้างเส้นทางรถไฟความเร็วสูงระหว่างจีนและไทย นโยบายนี้จะสร้างงานและรายได้ในจีนมาก โดยเฉพาะในเมืองรอง เมื่อรายได้สูงขึ้น ความต้องการท่องเที่ยวต่างประเทศย่อมเติบโตขึ้นเป็นเงาตามตัว การบินตรงสู่เมืองรองจึงเป็นการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย มีส่วนทำให้ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้นภายใน 5 ปี จากไม่ถึง 2 ล้านคนต่อปี เพิ่มเป็น 8.9 ล้านคนในปี 2559 ขณะเดียวกันตลาดของอินเดียก็เป็นอีกกลุ่มที่น่าสนใจ เนื่องจากสำรวจพบว่านักท่องเที่ยวอินเดียสนใจที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยจำนวนมาก แต่ติดปัญหาเรื่องสิทธิทางการบินที่ต้องอาศัยการเจรจาระหว่างรัฐบาล

“ภายในสิ้นปีนี้จะมีการเพิ่มเครื่องบินเป็น 13 ลำ โดยคาดว่าในปี 2560 จะสามารถให้บริการนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเป็น 1.5 ล้านคน และจะส่งผลให้รายได้รวมเพิ่มขึ้น 78% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 4,500 ล้านบาท เป็น 8,000 ล้านบาท ซึ่งในครึ่งปีที่ผ่านมาสามารถให้บริการนักท่องเที่ยวได้แล้ว 7 แสนคน” นายเจริญพงษ์กล่าว