
หลังจากบริษัท ซุปเปอร์ซาร่า จำกัด ได้นำรถเมล์เอ็นจีวีลอตแรกที่ถูกกรมศุลกากรแจ้งข้อกล่าวหาสำแดงถิ่นกำเนิดสินค้าเป็นเท็จจำนวน 1 คัน (กลุ่มนี้มีทั้งหมด 100 คัน) ผ่านพิธีการศุลกากรเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2559 และนำไปจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกเรียบร้อยในวันที่ 30 ธันวาคม 2559
วันที่ 11 มกราคม 2560 เวลา 13.00 น. บริษัทซุปเปอร์ซาร่าส่งตัวแทนมาติดต่อเจ้าหน้าที่ศุลกากร ท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อขอนำรถเมล์เอ็นจีวีลอตที่ 2 ไม่ได้ถูกกรมศุลกากรแจ้งข้อกล่าวหาจำนวน 291 คัน ผ่านพิธีการศุลกากร และนำรถไปจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก เตรียมส่งมอบให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.)
นายกิตติ สุทธิสัมพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2560 บริษัทซุปเปอร์ซาร่าส่งตัวแทนมาติดต่อกรมศุลกากร เพื่อขอนำรถเมล์เอ็นจีวีผ่านพิธีการศุลกากร โดยยื่นใบขนสินค้าจำนวน 2 ฉบับ ฉบับแรกมีรถเมล์ที่ขอผ่านพิธีการศุลกากรจำนวน 146 คัน ฉบับที่ 2 จำนวน 145 คัน ทั้ง 2 ฉบับ สำแดงเป็นรถเมล์ที่ประกอบจากโรงงานประเทศมาเลเซีย แต่ไม่ได้ยื่นใบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าใบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (Form D) เพื่อใช้สิทธิยกเว้นภาษี ตามข้อตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) ขณะที่เจ้าหน้าที่ศุลกากรมีความเห็นว่าน่าจะเป็นรถเมล์ที่ผลิตในประเทศจีน ต้องเสียภาษีนำเข้าในอัตราทั่วไป ซึ่งทางบริษัทซุปเปอร์ซาร่าขอสงวนสิทธิโต้แย้งภายหลังตามกฎหมายศุลกากร และยอมชำระค่าภาษีที่อัตรา 40% ของราคา คิดเป็นมูลค่ารวม 427 ล้านบาท
“การนำรถเมล์เอ็นจีวีลอตที่ 2 จำนวน 291 คัน ผ่านพิธีการศุลกากร จะแตกต่างจากลอตแรกจำนวน 1 คัน ตรงที่ลอตแรกกรมศุลกากรแจ้งข้อกล่าวหาสำแดงถิ่นกำเนิดสินค้าเป็นเท็จ การนำรถเมล์ออกจากอารักขากรมศุลกากรต้องจ่ายเงินค่าปรับ 2 เท่าของค่าภาษีนำเข้าส่วนที่ขาด หรือวางประกันเท่ากับมูลค่าภาษีและค่าปรับ ก่อนนำรถเมล์ออกจากอารักขาของกรมศุลกากร แต่ลอตที่ 2 จำนวน 291 คัน นั้นไม่ได้ใช้เอกสาร Form D แต่ใช้สิทธิโต้แย้งกับกรมศุลกากรในภายหลัง ซึ่งตามกฎหมายศุลกากรเปิดช่องให้ทำได้ ในวันนี้ทางบริษัทซุปเปอร์ซาร่าได้นำเงินมาจ่ายภาษีแล้ว 427 ล้านบาท ประกอบด้วย ใบขนสินค้าฉบับแรก 146 คัน คิดเป็นเงิน 213 ล้านบาท ทางกรมศุลกากรได้ดำเนินการตรวจปล่อยรถเมล์เอ็นจีวีเรียบร้อยแล้ว ทางบริษัทฯ จะนำรถเมล์ออกจากท่าเรือแหลมฉบังในคืนวันที่ 11 มกราคม 2560 จำนวน 40 คัน ส่วนที่เหลือจะนำรถออกจากท่าเรือในวันถัดไป ส่วนใบขนสินค้าฉบับที่ 2 จำนวน 145 คัน คิดเป็นเงิน 214 ล้านบาท กรมศุลกากรทำการตรวจปล่อยรถในวันที่ 12 มกราคม 2560” นายกิตติกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2560 เวลา 21.00 น. มีผู้สื่อข่าวภูมิภาคประมาณ 10 คน มารอทำข่าวที่ด้านหน้าของท่าเทียบเรือ C-0 ซึ่งดำเนินงานโดย บริษัท แหลมฉบัง อินเตอร์เนชั่นแนล โร-โร เทอร์มินัล จำกัด ต่อมาเวลา 23.00 น. มีรถโดยสารประจำทางนำพนักงานขับรถ 40 คน มาจอดที่หน้าของท่าเทียบเรือ C-0 จากนั้นเวลา 23.05 น. รถเมล์เอ็นจีวีจำนวน 40 คัน ทยอยขับออกจากท่าเรือแหลมฉบัง มุ่งหน้าสู่อำเภอกิ่งแก้ว จังหวัดสมุทรปราการ