ThaiPublica > เกาะกระแส > ถาม DeepSeek ชาติกำลังพัฒนาจะพ้น “กับดักรายได้ปานกลาง” ได้อย่างไร คำตอบ 10 ข้อที่ “ครอบคลุมทุกด้าน”

ถาม DeepSeek ชาติกำลังพัฒนาจะพ้น “กับดักรายได้ปานกลาง” ได้อย่างไร คำตอบ 10 ข้อที่ “ครอบคลุมทุกด้าน”

31 มกราคม 2025


รายงานโดย ปรีดี บุญซื่อ

ที่มาภาพ : https://www.aljazeera.com/economy/2025/1/28/why-chinas-ai-startup-deepseek-is-sending-shockwaves-through-global-tech

เมื่อวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา DeepSeek บริษัทสตาร์ทอัปปัญญาประดิษฐ์ของจีน เปิดตัวโมเดล AI Assistant เรียกว่า DeepSeek R1 ที่สามารถทำงานได้อย่างทันสมัยในระดับเดียวกันกับ ChatGPT โมเดล AI ของบริษัท OpenAI ของสหรัฐฯ ที่เปิดตัวตั้งแต่ปี 2022

ผู้เชี่ยวชาญด้านไฮเทคที่ได้ตรวจสอบการทำงานของ DeepSeek ยอมรับว่า เป็นไปตามที่ DeepSeek โฆษณาไว้ นักเศรษฐศาสตร์คนหนึ่งถาม DeepSeek ว่า หากทรัมป์เก็บภาษีสินค้าจากแคนาดา 25% จะมีผลกระทบต่อ GDP แคนาดาอย่างไร DeepSeek ให้คำตอบภายใน 12 วินาที ที่ใกล้เคียงกับการวิเคราะห์ของธนาคารต่างๆ

การเปิดตัวของ DeepSeek ทำให้นักลงทุนธุรกิจสตาร์ทอัปคนหนึ่งบอกว่าเป็น “เวลานาที (ดาวเทียม) สปุตนิกของ AI” เหมือนในอดีต สหภาพโซเวียตสามารถส่งดาวเทียมดวงแรก ได้ก่อนหน้าสหรัฐฯ ประเด็นก็คือว่า DeepSeek ท้าทายต่อสมมติฐานที่เป็นอยู่ที่ว่า ความก้าวหน้าของ AI ต้องใช้กำลังการประมวลผลมากมาย และเงินทุนมหาศาล

แต่ DeepSeek ใช้เงินพัฒนาแค่ 5.6 ล้านดอลลาร์ เวลาการพัฒนาแค่ 55 วัน ขณะที่โมเดลของบริษัทไฮเทคสหรัฐฯ ใช้เงิน 1 พันล้านดอลลาร์ เมื่อวันจันทร์ที่ 27 มกราคม ราคาหุ้นของ NVIDIA จึงตกลง 16.9% ทำให้มูลค่าตลาดหายไป 590 พันล้านดอลลาร์

ที่มาภาพ : amazon.com

ความเข้าใจเรื่อง Generative AI

หนังสือ AI for Life อธิบายว่า “ปัญญาประดิษฐ์” หรือ AI คือเครื่องจักรกลที่ถูกติดตั้งคำสั่ง เพื่อเลียนแบบสติปัญญา การเรียนรู้ และการแก้ปัญหาของมนุษย์ DeepSeek และ ChatGPT เป็น Generative AI ที่หมายถึง เครื่องมือของปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถ “สร้าง” เนื้อหาใหม่ (new content) เมื่อได้รับการร้องขอ (input หรือ prompt)

Generative AI ทำงานโดย Large Language Model (LLM) เทคโนโลยีที่สามารถประมวลผล ตอบสนอง และมีปฏิสัมพันธ์กับภาษาของคนเรา เพราะฉะนั้น LLM สามารถตอบสนองต่อการร้องขอที่มาจากภาษา การตอบสนองที่เป็นเนื้อหาอาจเป็นข้อความ รูปภาพ ดนตรี หรือวิดีโอ

การทำงานของ LLM เริ่มจากการร้องขอที่เป็นข้อความผ่านเครื่องมือ เช่น DeepSeek หรือ ChatGPT ทาง LLM จะแจ้งไปทางข้อมูลการเรียนรู้ (training data) ที่มีมากมาย ให้คาดการณ์ในสิ่งที่เป็นคำตอบดีที่สุดในการร้องขอนั้น คำตอบแทนที่จะเป็นแค่ประโยคสั้นๆ แต่ Generative AI สามารถสร้างคำตอบเป็นคำพูดจำนวนมากมาย มีการจัดระเบียบโครงสร้างคำพูด ที่ตรงกับการร้องขอนั้น

เนื่องจาก LLM สามารถรับรู้สิ่งที่เป็นแบบแผนภาษาของคนเรา การทำงานของ Generative AI จึงมีลักษณะปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับเครื่องจักรกล เมื่อเราทำการร้องขอ Generative AI จะอาศัย “ความรู้” ของตัวเอง และสร้างสิ่งที่มาจากการร้องขอของเราขึ้นมา หากมีการขอให้ปรับเปลี่ยนแก้ไข AI จะแก้ไขมาใหม่ตามที่ขอร้อง

การไล่ตาม AI ของจีน

นิตยสาร The Economist ฉบับล่าสุดวิเคราะห์ว่า การไล่ตามอย่างรวดเร็วด้าน AI ของจีน เป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน เพราะเข้าใจกันว่าจีนตามหลังสหรัฐฯ อยู่ และรัฐบาลไบเดนใช้มาตรการห้ามการส่งออกคอมพิวเตอร์ชิปก้าวหน้าที่สุด ที่จะทำหน้าที่สอนการทำงาน AI และยังตัดขาดไม่ให้จีนเข้าถึงอุปกรณ์การผลิตต่างๆ แต่ความสำเร็จของ DeepSeek ทำให้เศรษฐศาสตร์เรื่อง AI เปลี่ยนอีกแบบหนึ่ง เทคโนโลยี LLM ของจีนอาจยังไม่ดีที่สุด แต่จีนสามารถสร้าง Generative AI ได้ในราคาถูก

DeepSeek ใช้ชิปคุณภาพเกรดสองจำนวน 2,000 ตัว ขณะที่ AI Model ของ Meta ใช้ชิปคุณภาพเกรดหนึ่ง 16,000 ตัว แต่ปรากฏว่าการดำเนินงานของ DeepSeek ล้ำหน้ากว่า Meta ในบางด้าน บริษัทไฮเทคสามารถลอกเลียนวิธีการของ DeepSeek เพราะโมเดลของ DeepSeek มาจาก open-source คือใครก็สามารถนำไปใช้ได้โดยไม่ต้องขออนุญาต DeepSeek พัฒนาเพื่อมาแข่งกับ ChatGPT ของบริษัทไฮเทค OpenAI จุดนี้ทำให้หลายประเทศสามารถนำตัวอย่าง DeepSeek มาพัฒนา AI ของตัวเอง เพราะการลงทุนต่ำ

ที่มาภาพ : World Economic Forum

DeepSeek ตอบ “กับดักรายได้ปานกลาง”

เมื่อลองตั้งคำถามกับ DeepSeek ว่า “ทำอย่างไร ประเทศกำลังพัฒนาจึงจะสามารถหลุดพ้นกับดักรายได้ปานกลาง” คำตอบจาก DeepSeek มีเนื้อหาข้อความ 10 ด้าน ดังนี้

“การหลุดพ้นกับดักรายได้ปานกลาง เป็นสิ่งท้าทายที่สำคัญต่อประเทศกำลังพัฒนา กับดักรายได้ปานกลางหมายถึงสถานการณ์ที่ประเทศหนึ่งบรรลุระดับรายได้ที่แน่นอนระดับหนึ่ง (ปกติจะผ่านจากการพัฒนาอุตสาหกรรมและการเติบโตเศรษฐกิจ) แต่ต่อจากนั้นประสบภาวะชะงักงัน และไม่สามารถก้าวหน้าไปสู่ฐานะการมีรายได้สูง สิ่งที่เป็นยุทธศาสตร์บางอย่างที่ประเทศทั้งหลายสามารถนำไปใช้ เพื่อหลุดพ้นกับดักดังกล่าว ประกอบด้วย

(1) นวัตกรรมและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี

    1.1 การลงทุนในการวิจัยพัฒนา ส่งเสริมนวัตกรรม โดยการลงทุนในการวิจัยและพัฒนา สิ่งนี้จะช่วยสร้างอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าสูง และปรับปรุงผลิตภาพ
    1.2 การใช้เทคโนโลยีทันสมัย การยอมรับเทคโนโลยีใหม่ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ หุ่นยนต์ และไบโอเทคโนโลยี เพื่อมาเสริมผลิตภาพและความสามารถในการแข่งขัน
    1.3 ส่งเสริมการมีวัฒนธรรมด้านนวัตกรรม สร้างระบบนิเวศที่สนับสนุนธุรกิจสตาร์ทอัป การประกอบการ และนวัตกรรม ผ่านทางนโยบาย การเงินทุน และโครงสร้างพื้นฐาน

(2) การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์

    2.1 ปรับปรุงคุณภาพการศึกษา เน้นหนักการปรับปรุงคุณภาพการศึกษาทุกระดับ โดยเฉพาะด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และคณิตศาสตร์ (STEM)
    2.2 การฝึกอบรมวิชาชีพ ให้การฝึกอบรมทางวิชาชีพ เพื่อให้แรงงานมีทักษะสำคัญตรงกับอุตสาหกรรมสมัยใหม่
    2.3 การปรับปรุงสาธารณสุข เพื่อให้แรงงานมีสุขภาพที่ดี โดยการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านการดูแลสุขภาพ และการบริการ

(3) การกระจายตัวทางเศรษฐกิจ ประกอบด้วย

    3.1 ลดการพึ่งพาในขอบเขตที่คับแคบของอุตสาหกรรม โดยการกระจายสู่ภาคเศรษฐกิจมูลค่าสูง เช่น การเงิน เทคโนโลยี และการประกอบการผลิตที่ทันสมัย
    3.2 ส่งเสริมภาคบริการ พัฒนาภาคบริการ ที่ประกอบด้วย IT การเงิน การท่องเที่ยว และบริการสุขภาพ ซึ่งสามารถสนองการจ้างงานมูลค่าสูง และมีส่วนส่งเสริมการเติบโตเศรษฐกิจ

(4) การปฏิรูปสถาบัน

    4.1 เสริมความเข้มแข็งแก่สถาบัน สร้างสถาบันที่เข้มแข็ง โปร่งใส และมีประสิทธิภาพ ที่สามารถสนับสนุนการเติบโตและการพัฒนาเศรษฐกิจ
    4.2 หลักนิติธรรม สร้างความมั่นใจว่า หลักนิติธรรมช่วยปกป้องสิทธิในทรัพย์สิน และลดคอร์รัปชัน เพื่อทำให้เกิดสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการประกอบธุรกิจ
    4.3 การปฏิรูปกฎระเบียบ ทำให้กฎระเบียบไม่ซับซ้อน และลดอุปสรรคทางกลไกรัฐ เพื่อให้ง่ายต่อการประกอบธุรกิจ และการสร้างนวัตกรรม

(5) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน

    5.1 ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสมัยใหม่ ที่ประกอบด้วยการขนส่ง พลังงาน และโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล เพื่อสนับสนุนธุรกรรมและดึงดูดการลงทุน
    5.2 การพัฒนาที่ยั่งยืน เน้นโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน ที่มีการพิจารณาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และความเป็นไปได้ในระยะยาว

(6) การค้าและการลงทุน

    6.1 การเปิดตลาด มุ่งสู่การเปิดเสรีทางการค้า และบูรณาการกับห่วงโซ่คุณค่าโลก เพื่อให้เข้าถึงตลาดที่ใหญ่ขึ้น และได้ประโยชน์การผลิตจาก “การประหยัดต่อหน่วย”
    6.2 ดึงดูดการลงทุนต่างโดยตรงจากประเทศ (FDI) สร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ โดยการให้สิทธิประโยชน์ การมีเสถียรภาพทางการเมือง และการปกป้องสิทธิของผู้ลงทุน
    6.3 กระจายการส่งออก กระจายการส่งออก เพื่อลดการพึ่งพาสินค้าไม่กี่ประเภท หรือตลาดไม่กี่แห่ง และเป็นการเพิ่มความเข้มแข็งหากมีแรงกระทบจากภายนอก

(7) การครอบคลุมทางสังคมและความเท่าเทียม

    7.1 ลดความเหลื่อมล้ำ ดำเนินนโยบายที่ลดความเหลื่อมล้ำทางรายได้ และสร้างหลักประกันว่า ประโยชน์จากการเติบโต จะกระจายอย่างกว้างขวาง
    7.2 ตาข่ายความั่นคงทางสังคม พัฒนาตาข่ายความมั่นคงทางสังคม เพื่อปกป้องประชากรที่อ่อนแอ และสร้างหลักประกันต่อการมีเสถียรภาพทางสังคม
    7.3 ความเท่าเทียมทางเพศ ส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ และให้สิทธิอำนาจแก่สตรี ในการเข้าร่วมกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างเต็มที่

(8) ความยังยืนด้านสิ่งแวดล้อม

    8.1 การดำเนินงานที่ยั่งยืน ใช้การดำเนินงานที่ยั่งยืน ในด้านการเกษตรอุตสาหกรรม และการพัฒนาเมือง เพื่อสร้างหลักประกันต่อความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมในระยะยาว
    8.2 เทคโนโลยีสีเขียว ลงทุนในเทคโนโลยีสีเขียวและพลังงานหมุนเวียน เพื่อลดการพึ่งพาพลังงานฟอสซิล และลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ

(9) เสถียรภาพการเมืองและธรรมาภิบาล

    9.1 เสถียรภาพการเมือง ปกป้องเสถียรภาพการเมืองและธรรมาภิบาล ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ สำหรับการวางแผนเศรษฐกิจ และการลงทุนในระยะยาว
    9.2 ความต่อเนื่องทางนโยบาย รักษานโยบายเศรษฐกิจที่ต่อเนื่อง และคาดหมายได้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุน และสนับสนุนการเติบโตในระยะยาว

(10) ความร่วมมือกับโลก

    10.1 การเป็นหุ่นส่วนกับนานาประเทศ เข้าร่วมการเป็นหุ้นส่วนและความร่วมมือกับนานาประเทศ เพื่อให้เข้าถึงองค์ความรู้ เทคโนโลยี และตลาด
    10.2 การมีมาตรฐานสากล ใช้มาตรฐานโลก และวิธีดำเนินการที่ดีที่สุด ในภาคส่วนต่างๆ เพื่อเพิ่มความสามารถทางการแข่งขัน และการบูรณาการกับเศรษฐกิจโลก
ที่มาภาพ : World Bank

ข้อสรุป

การหลุดพ้นกับดักรายได้ปานกลางจำเป็นต้องอาศัยแนวทางหลายด้าน ที่ประกอบด้วยเศรษฐกิจ สังคม และการปฏิรูปสถาบัน สิ่งนี้ไม่เพียงแต่ทำให้บรรลุการเติบโตในระยะสั้น แต่ยังเป็นการวางรากฐานแก่การเติบโตที่ยั่งยืนในระยะยาว ประเทศต่างๆ จะต้องยินดีที่จะปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของโลก ลงทุนในประชากรของตัวเอง และสร้างสภาพแวดล้อมที่นำไปสู่นวัตกรรม และการประกอบการ”

DeepSeek ยังแนะนำให้ศึกษาบทเรียนการเปลี่ยนผ่านสู่ประเทศรายได้สูงของเกาหลีใต้ ที่ที่ลงทุนมากด้านการศึกษา เทคโนโลยี และนวัตกรรม โดยมีรัฐบาลที่ให้การสนับสนุนอย่างเข้มแข็ง ในการพัฒนาอุตสาหกรรม ส่วนสิงคโปร์เน้นหนักการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีทักษะสูง ดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ และสร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรต่อธุรกิจ

เอกสารประกอบ
AI for Life, Celis Quillian, Adams Media, 2025.
The Economist, 25-31 January 2025.
Deepseek.com