นักวิชาการฟันธง ประเทศไทยยังไม่ถึงเวลามีกาสิโนถูกกฎหมาย ชี้ปัญหาสังคม อาชญากรรม ผู้ป่วยโรคติดพนันพุ่ง โดยนักวิชาการกว่า 99 รายชื่อร่วมกันออกแถลงการณ์คัดค้าน entertainment complex ขณะที่มติณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาศึกษาเปิดสถานบันเทิงครบวงจร และสั่งศึกษาความเป็นได้เสนอ ครม. ใน 30 วัน
ขณะที่ มติคณะรัฐมนตรีรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2567 มีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาศึกษา เรื่อง ศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (entertainment complex) เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ ของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ สภาผู้แทนราษฎร
ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังรับศึกษาความเป็นไปได้รายละเอียดของคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร หรือกาสิโนถูกกฎหมาย เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมาย ให้นำมาเสนอต่อคณะรัฐมนตรีภายใน 30 วัน
ในวันเดียวกัน ศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต และมูลนิธิต่อต้านการทุจริต จัดเสวนาวิชาการ “ถึงเวลากาสิโนไทย? มองปัจจุบัน ฝันถึงอนาคต” โดยนักวิชการที่เข้าร่วมเสวนาต่างเห็นร่วมกันว่า รายงานการศึกษาของสภาผู้แทนราษฎรยังไม่รอบด้านเพียงพอ และประเทศไทยยังไม่ควรจะมีการเปิดกาสิโนถูกกฎหมาย นอกจากนี้ ยังได้อ่านแถลงการณ์ 99 นักวิชาการด้วย

ศ.พิเศษ วิชา มหาคุณ คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า การศึกษาของสภาผู้แทนราษฎรยังไม่รอบด้านถึงปัญหาผลกระทบทางด้านสังคมและปัญหาสุขภาพจิต อาชญากรรม จึงเห็นว่ายังไม่ควรมีการเปิดกาสิโน นอกจากนี้ ยังเห็นว่าการเกิดขึ้นของกาสิโนถูกกฎหมายอาจจะนำไปสู่การแบ่งผลประโยชน์กับ ส.ส. ที่อยู่ในพื้นที่ เช่น ถ้า ส.ส. คนไหนสนับสนุนจะได้กาสิโนไป 1 บ่อน เนื่องจากมีข้อมูลว่าเลือกพื้นที่ในการตั้งกาสิโนแล้วว่าอยู่ในภาคไหนบ้าง
เพราะฉะนั้น กระบวนการที่กังวลคือเรื่องของการผูกขาดตัดตอน ที่ไม่สามารถจะยับยั้งได้เลย เนื่องจากมีการตั้งธงมาแล้วจากรายงานการศึกษาของกรรมาธิการฯ ว่าจะใช้รูปแบบการให้สัมปทานกับรายใหญ่ และให้เหตุผลว่าความเชี่ยวชาญ ซึ่งการให้สัมปทานจะนำไปสู่การผูกขาดรายใหญ่ ดังนั้นไม่ควรให้สัมปทาน แต่ควรจะต้องมีการประมูลแข่งขันแบบเอาเป็นเอาตายเพื่อนำเม็ดเงินเข้ามาพัฒนาเศรษฐกิจ และต้องมีการตรวจสอบตั้งแต่เริ่มต้น เรื่องการขนย้ายเงินว่ามาจากยาเสพติด ค้าอาวุธ ค้ามนุษย์หรือไม่
“ปัญหาคือระบบการให้สัมปทานจะนำไปสู่ปัญหา คอร์รัปชัน ขณะที่การบังคับใช้กฎหมายของเรายังไม่ดีเพียงพอ ระบอบการเมืองของเรายังไม่มั่นคง ซึ่งทำให้อะไรก็เกิดขึ้นได้ เพราะฉะนั้น ถ้าถามว่าถึงเวลากาสิโนหรือยัง ต้องตอบว่าต้องมีการศึกษา และต้องการทำประชามติ ให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากที่สุด ในสมัย ร.5 สั่งยกเลิกบ่อนพนันทั้งหมดเพราะเห็นว่าไม่ดี ถ้าจะทำให้กาสิโนถูกกฎหมาย ต้องทำประชามติ”

หวั่นผู้ป่วย “โรคติดพนัน” เพิ่มขึ้น
ด้านแพทย์หญิงมธุรดา สุวรรณโพธิ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศรีธัญญา กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับการเปิดกาสิโน เพราะมีผลกระทบด้านสุขภาพเกิดขึ้นจำนวนมากหรือมีผู้ป่วยโรคติดพนันเพิ่มขึ้น โดยจากการศึกษาพบว่า ในจำนวนผู้ที่เล่นพนัน 10 คนจะต้องมี 2 คนที่ต้องมาพบแพทย์ เพราะว่าไม่สามารถเอาตัวเองออกจากวังวันการพนันได้ หรือเรียกว่าโรคติดพนัน และการติดพนันมากกว่าการติดสารเคมีเพราะมีความรู้สึกสนุก เพราะฉะนั้นจึงเกรงว่า ถ้าให้กาสิโนถูกกฎหมายจะมีผู้ป่วยโรคพนันมากขึ้น
โดยขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขได้นำเข้ายานาลเทรกโซน (naltrexone) ซึ่งความจริงยาตัวนี้ใช้สำหรับการเลิกเหล้าแต่นำมาใช้รักษาผู้ป่วยโรคติดพนันร่วมด้วยซึ่ง ขณะนี้เตรียมไว้สำหรับผู้ป่วยประมาณ 2 หมื่นคน ขณะที่ตัวเลขของคนที่ติดพนันอาจจะมากถึง 1 แสนรายที่ต้องมาบำบัด
“กระทรวงสาธารณสุขพยายามเตรียมพร้อมเพราะเรามีบทเรียนของสารเสพติดแล้วพบว่า คุกไม่พอขังคน ถ้สทำให้กาสิโนเป็นการพนันถูกกฎหมายขึ้นมา ผู้ป่วยโรคติดพนันเพิ่มขึ้นแน่ จึงกังวลผลกระทบต่อปัญหานี้มาก”

ต้องใช้เวลาทำความเข้าใจศึกษา กาสิโนถูกกฎหมาย
พลตำรวจตรี สุพิศาล ภักดีนฤนาท นักการเมือง หนึ่งในกรรมการศึกษรายงานผลการพิจารณาศึกษา เรื่องศึกษาเปิดสถานบันเทิงครบวงจรเพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจ ของสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า กรรมาธิการได้มีการศึกษาผลกระทบทางด้านลบด้านเศรษฐกิจ รวมทั้งการติดการพนันเรื้อรังที่มีอยู่แล้วในสังคมไทย
ดังนั้น หากรัฐบาลจะทำเรื่องนี้ต้องทำความเข้าใจและฟังเสียงประชาชน รวมไปถึง 99 อาจารย์ที่เขียนรายงานคัดค้าน โดยเห็นว่ารัฐบาลอาจจะต้องเชิญประชาชน อาจารย์ ที่คัดค้านไปทำเนียบเพื่อตอบคำถามทุกประเด็น
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติให้มีการศึกษาสถานบันเทิงครบวงจร โดยต้องส่งกลับมาให้พิจารณาภายใน 30 วัน และให้มีการตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาและออกแบบกฎหมาย เพื่อเสนอเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร โดยคาดว่าน่าจะเสนอประมาณเดือนกรกฏาคม

กาสิโน “ไม่ได้ดึงเงินรายได้เข้าประเทศ”
นายวิเชษฐ์ พิชัยรัตน์ สื่อสารมวลชนข่าวอาวุโส กล่าวว่า ย้ำมาตลอดว่ารัฐบาลมีสิทธิเลือกว่าจะทำอะไรที่เป็นประโยชน์กับประเทศ และการมองมิติทางเศรษฐกิจอย่างเดียวโดยขาดมุมมองด้านสังคมเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดปัญหามากกว่า เพราะฉะนั้น ตราบใดที่การบังคับใช้กฎหมายของไทยยังเป็นแบบนี้ ก็ยังไม่ถึงเวลาของกาสิโนถูกกฎหมาย และไทยยังศึกษาไม่เพียงพอ
ทั้งนี้หากย้อนกลับไปเมื่อ 21 ปีที่ผ่านมา เรื่องกาสิโนถูกกฎหมาย อดีตนายกรัฐมนตรีนายทักษิณ ชินวัตร เคยเสนอเมื่อปี 2546 และทำหนังสือไปถึงถามสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ขณะนั้นมีนายอานันท์ ปันยารชุน เป็นประธาน โดยขอความเห็นเรื่อง entertainment complex รวมถึงกาสิโน ซึ่งนายอานันท์ตอบว่า สังคมไทยยังขาดความพร้อมเพราะค่านิยมของคนไทยชอบเล่นการพนัน และการบังคับใช้กฎหมายไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ ทำให้การพนันเป็นหนทางหายนะ
นายอานันท์ยังให้เหตุผลว่า ธุรกิจการพนันไม่ใช่ปัจจัยส่งเสริมการจ้างงานและทำให้ผู้เล่นการพนันสูงขึ้น ขณะที่สังคมจะมีอาชญากรรมและความเจ็บป่วยมากขึ้น ทำให้บรรทัดฐานของสังคมเสื่อมลง
ส่วนในเรื่องของการสร้างรายได้จากการพนันคือการดึงเงินจากมือประชาชนเข้าสู่ระบบมากขึ้น การพนันถูกกฎหมายแก้ปัญหาเงินไหลออกนอกประเทศไม่ได้อย่างสมบูรณ์ แต่ทำให้เกิดการเปลี่ยนผู้มีอิทธิพลท้องถิ่นไปสู่ผู้มีอิทธิพลระดับชาติ ที่กลายเป็นเครือข่ายนักการเมือง เกิดปัญหาคอร์รัปชันระดับชาติ ซึ่งเหตุผลดังกล่าวทำให้กาสิโนถูกกฎหมายเกิดขึ้นไม่ได้ในช่วงเวลานั้น และเป็นเหตุผลเดียวกันที่ไม่ควรจะมีกาสิโนถูกกฎหมายในประเทศไทย

กาสิโนถูกกฎหมายเพิ่มความเหลื่อมล้ำ
ผศ. ดร.ชิดตะวัน ชนะกุล คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า ยังไม่ถึงเวลากาสิโนของประเทศไทย เนื่องจากผลการศึกษาที่ผ่านมาในต่างประเทศ การมีกาสิโนถูกกฎหมายไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา ยุโรป หรือแม้แต่เอเชีย พบว่า การมีกาสิโนถูกกฎหมายอาจจะส่งผลให้เศรษฐกิจกระเตื้องขึ้นในระยะสั้น แต่ว่ากาสิโนถูกกฎหมายไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือมีผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจระยะยาว
นอกจากนี้ผลการศึกษายังพบอีกว่า แม้ว่าจะเป็นประเทศที่มีการใช้กฎหมายเข้มงวด การเปิดกาสิโนถูกกฎหมายก็ทำให้อัตราการเกิดอาชกรรมสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งเดนมาร์ก เยอรมัน และฟินแลนด์ รวมทั้งในเอเชีย และยังพบอีกว่า ในเรื่องการพนัน กาสิโนถูกกฎหมายจะทำให้มีความเหลื่อมล้ำเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ส่วนกรณีศึกษาในประเทศไทยพบว่า เมื่อประชาชนรับความช่วยเหลือจากรัฐเป็นเงินสด เช่น เบี้ยยังชีพคนชรา เบี้ยคนพิการ หรืออื่นๆ จะมีผลทำให้ครัวเรือนมีการใช้จ่ายด่านการพนันเพิ่มสูงขึ้น เพราะว่าได้รับความช่วยเหลือเป็นเงินสด คือ กลุ่มเปราะบางเพื่อการอุปโภคบริโภค แต่เขาเอาไปใช้ในการพนันมากขึ้นไม่ใช่การอุปโภคบริโภค จึงทำให้เกิดความสูญเสียและทำให้บุคคลที่อ่อนแอทางการเงินอยู่แล้วทำให้อ่อนแอมากขึ้น ปัญหานี้ก็จะซ้ำเติมความยากจนของประเทศ
นอกจากนี้ ภาคเหนือ/อีสาน ซึ่งได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐเป็นเงินสดมากที่สุด แต่จำนวนครัวเรือนทั้ง 2 ภูมิภาคมีการใช้จ่ายการพนันสูงที่สุดเช่นกัน เป็นเรื่องที่น่าตกใจมาก ซึ่งต่อไปถ้ามีกาสิโนถูกกฎหมาย ประชาชนจำนวนมากที่เป็นกลุ่มเปราะบาง 15 ล้านคน หรือ 20% ของประเทศ และหากกลุ่มคนดังกล่าวมาเล่นการพนันมาก จะส่งผลกระทบต่อผลิตภาพของกำลังแรงงานเศรษฐกิจและจะบั่นทอนการเจริญเติบของเศรษฐกิจประเทศ
ทั้งนี้การยกตัวอย่าง ประเทศสิงคโปร์มาเป็นต้นแบบนั้นไม่ถูกต้อง เพราะในช่วงที่สิงคโปร์มีกาสิโนถูกกฎหมายปี 2005 เขาเป็นประเทศรายได้สูง มีประชากรเปาะบางที่รัฐให้ช่วยเหลือน้อยแค่ 2% เมื่อเทียบกับไทยในปัจจุบันมีประชากรเปราะบาง 15 ล้านหรือ 20% และสิงคโปร์มีคะแนนการบังคับใช้กฎหมาย 9.9 ขณะที่ไทยมีคะแนนบังคับใช้กฎหมายเพียง 5.5 เท่านั้น
“ถ้าเรามีกาสิโนถูกกฎหมาย ไทยจะมีครบทั้งเรื่องของผู้หญิง การพนัน เมา ขณะที่การบังคับกฎหมายไม่มีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกัน เราจะดึงนักท่องเที่ยวแบบไหนเข้ามา เป็นเรื่องที่รัฐบาลจะต้องตระหนักถึงปัญหาที่จะเกิดขึ้นตามมา และจะทำรายได้จริงหรือไม่” ผศ. ดร.ชิดตะวันกล่าว

กาสิโนถูกกฎหมาย ต้องศึกษาไม่ใช่เริ่มทำ
รศ. ดร.นวลน้อย ตรีรัตน์ ผอ. ศูนย์ศึกษาปัญหาพนัน กล่าวว่า เรามีการสำรวจปัญหาการพนันในทุก 2 ปี และเราพบตัวเลขล่าสุดในปี 2566 คือคนที่มีผลกระทบจากการพนันประมาณ 20% ถ้าดูเฉพาะเรื่องกาสิโนจะพุ่งขึ้นไปประมาณ 30% ซึ่งหากเทียบกับรายได้ทางเศรษฐกิจที่เก็บภาษีได้ 10%-15% แต่ต้นทุนที่เขามีปัญหากับการติดพนันจำนวนมากถึง 30% แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับสังคมไทยซึ่งต้องมองในมุมเหล่านี้ด้วย
ความสำเร็จของกาสิโนจากบทเรียนของประเทศเพื่อนบ้านขึ้นอยู่กับการวางแผนที่ดี ถ้าวางแผนไม่ดีจะเกิดปัญหาทางสังคมเพิ่มขึ้นจำนวนมาก เป็นข้อเท็จจริงของประเทศต่างๆ กรณีของประเทศไทย แม้ว่ารายการผลการศึกษาของสภาผู้แทนราษฎร ฉบับนี้จะค่อนข้างดีกว่าฉบับที่ผ่านมา แต่ยังไม่เพียงพอที่จะบอกว่าให้ทำได้เลย ไม่ใช่ว่าผลักดันให้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ต้องมีการศึกษาอย่างรอบคอบ เช่น กรณีของญี่ปุ่นที่พูดถึงเรื่องนี้มา 10 ปีและเริ่มลงมือทำ ใช้เวลาหลายปี เขาวางแผนอย่างเป็นขั้นตอนในการป้องกันปัญหา เพราะฉะนั้น ถ้าถามว่าถึงเวลาประเทศไทยควรจะมีกาสิโนหรือยัง ต้องบอกว่าถึงเวลาศึกษา ไม่ใช่ถึงเวลาทำตอนนี้ เพราะว่ามีความไม่พร้อมจำนวนมาก
“ได้อ่านรายงานฉบับนี้กรรมาธิการที่มีการศึกษาของสภาผู้แทนราษฎรอย่างละเอียด ต้องบอกว่าคณะกรรมการพยายามใช้ 2 คำสลับกันตลอด คือ คำว่าสถานบริการครบวงจร แล้วก็กาสิโน แต่ยอมรับว่าการศึกษาของคณะกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎรมีการศึกษาและยอมรับผลกระทบทางสังคมที่จะเกิดขึ้น แต่ไม่มีรายละเอียดในเชิงลึก จึงยังต้องศึกษาเพิ่มมากขึ้น”
นักวิชาการ 99 รายชื่อ ค้าน Entertainment Complex
ทั้งนี้นักวิชาการจำนวน 99 รายชื่อได้ร่วมกันออกแถลงการณ์คัดค้าน entertainment complex รายงานการศึกษาของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ
คณาจารย์ตามรายนามด้านท้าย ขอแสดงความห่วงใยและเสนอแนะความเห็นต่อนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีต่อเรื่องนี้ ดังต่อไปนี้
การพนันไม่ถือเป็นกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ก่อให้เกิดผลผลิต เพราะเป็นเพียงการยักย้ายถ่ายโอนเงินจากกระเป๋าของผู้แพ้พนันไปสู่กระเป๋าของผู้ชนะพนัน ซึ่งในกรณีของกาสิโนนี้ ผู้ชนะคือเจ้าของสถานกาสิโน การส่งเสริมให้มีกาสิโนจึงเท่ากับเป็นการสนับสนุนให้กลุ่มทุนดูดซับเงินจากภาคครัวเรือน โดยเฉพาะครัวเรือนชั้นกลาง ผู้ใช้แรงงาน ผู้มีรายได้น้อย และชนชั้นล่างของสังคม
แม้คณะกรรมาธิการฯ จะเสนอให้เริ่มต้นที่ไซส์ XL ก่อน แต่รายงานของคณะกรรมาธิการฯ ก็เปิดช่องให้สามารถมีแหล่งพนันที่มีขนาดเล็กรองลงมาที่น่าจะเข้ามาเปิดใกล้ชุมชนมากขึ้น และลดกฎเกณฑ์ความเข้มงวดให้คนไทยได้เข้าเล่นง่ายขึ้น ถึงวันนั้นกาสิโนจะเป็นสิ่งถ่างขยายความเหลื่อมล้ำในสังคมให้มากขึ้น และซ้ำเติมภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่รัฐบาลพร่ำบอกมาตลอดว่ากำลังอยู่ในภาวะวิกฤติ
แม้รัฐบาลอาจมองเห็นว่า การมีกาสิโนรวมถึงสถานบันเทิงครบวงจรอื่นๆ จะก่อให้เกิดการจ้างงาน การกระจายรายได้และการหมุนเวียนของเงินตราในระบบเศรษฐกิจ แต่หากนับเฉพาะส่วนของกาสิโนที่คณะกรรมาธิการฯกล่าวว่ามีสัดส่วนเพียงร้อยละ 5 ของกิจการทั้งหมด
กิจการกาสิโนจึงอาจก่อให้เกิดผลดีต่างๆ ที่กล่าวมาได้ไม่มาก แต่อาจก่อให้เกิดผลกระทบทางสังคมที่รุนแรงมากกว่า การได้ไม่คุ้มเสียจึงเป็นข้อห่วงใยที่สำคัญ และกิจการอื่นๆ ที่เป็นส่วนประกอบของสถานบันเทิงครบวงจรอาจเป็นแหล่งสร้างรายได้ที่รัฐบาลพึงคาดหวังมากกว่า โดยอาจไม่จำเป็นต้องมีกาสิโนก็ได้
การอยู่ในสถานพนันเป็นเวลาต่อเนื่องครั้งละนานๆ กับกิจกรรมพนันที่รู้ผลแพ้-ชนะรวดเร็ว และเมื่อเสียก็เปิดโอกาสให้แก้มือได้ในทันทีทันใด จะมีผลต่อการกระตุ้นอารมณ์ให้เกิดการเล่นพนันจนเกินขีดความเหมาะสม และนำมาสู่การเล่นพนันจนเป็นปัญหาที่ขยายผลไปสู่การเป็นผู้เสพติดการพนัน ซึ่งเท่ากับการเป็นผู้ป่วยที่ยากต่อการบำบัดรักษาด้วยตนเอง และจำเป็นต้องอาศัยการรักษาทางการแพทย์ที่ต่อเนื่องเป็นปีจึงจะหาย
ผู้ป่วยจะตกอยู่ในภาวะที่ทุกข์ทรมานในการต่อสู้กับอาการอยากเล่นพนัน ที่พยายามจะฝืนทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตนได้เล่นพนันแม้จะไม่มีเงินก็ตาม และเกิดเป็นภาระต่อครอบครัวและชุมชนในการดูแลผู้ประสบปัญหาตลอดช่วงของการรักษาเยียวยา กาสิโนจึงอาจเป็นสาเหตุของการเซาะกร่อนบ่อนทำลายสุขภาพของสังคมโดยรวม
เป็นที่ทราบกันดีว่ากิจกรรมการพนันสามารถถูกใช้เป็นช่องทางการฟอกเงินของธุรกิจผิดกฎหมาย รวมทั้งเป็นช่องทางทำมาหากินของเจ้าหน้าที่รัฐหรือนักการเมืองที่ทุจริตคอร์รัปชัน สถานกาสิโนจึงอาจโยงใยกับการกระทำความผิด การฝ่าฝืนกฎหมาย และการประพฤติมิชอบได้มากมาย โดยเฉพาะในประเทศที่การบังคับใช้กฎหมายยังไม่มีประสิทธิภาพมากพอ
ความหวังที่ว่าการนำธุรกิจใต้ดินขึ้นมาอยู่บนดินจะทำให้ธุรกิจผิดกฎหมายและการทุจริตของเจ้าหน้าที่รัฐมีน้อยลงจึงอาจไม่เป็นจริง และกลับกลายเป็นการสร้างโอกาสให้เหล่าผู้กระทำความผิดมีช่องทางใช้ประโยชน์ที่มากขึ้น ตราบใดที่หน่วยงานและการบังคับใช้กฎหมายยังอ่อนแอและไม่ใสสะอาด คงเป็นการยากที่จะให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นต่อความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตได้หากมีแหล่งอบายมุขขนาดใหญ่มาอยู่ใกล้ชุมชนและบุคคลในครอบครัวของตนมากขึ้น
ด้วยเหตุผลที่กล่าวอ้างมา จึงนำมาสู่ข้อเสนอแนะต่อนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ดังต่อไปนี้ รัฐบาลควรเร่งเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมายให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่น โดยการปฏิรูปองค์กรตำรวจ และการปราบปรามการทุจริตอย่างจริงจัง เพราะนี่คือด่านท้าทายที่สำคัญหากรัฐบาลมีแนวทางจะเปลี่ยนกิจการผิดกฎหมายต่างๆ ให้มาอยู่บนดินได้ทั้งหมด
รัฐบาลควรมีข้อเสนอที่ชัดเจนต่อสังคมถึงสิ่งที่ตนต้องการผลักดัน ทั้งขนาดและจำนวนของกาสิโน พื้นที่เป้าหมาย กลุ่มเป้าหมาย และอื่นๆ และทำการศึกษาอย่างรอบด้านให้ครบทุกมิติ ทั้งการศึกษาความเป็นไปได้ทางธุรกิจ การศึกษาผลกระทบทางสังคม การวางมาตรการและกลไกในการกำกับดูแลผู้ประกอบการกาสิโนอย่างละเอียด รอบคอบ และรัดกุม การกำหนดมาตรการและกลไก ในการป้องกันปัญหาและผลกระทบอย่างเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน โดยไม่เร่งรัดหรือเข้าแทรกแซงกระบวนการศึกษา และให้มีการเผยแพร่ผลการศึกษาในทุกด้านอย่างเปิดเผย
อย่างไรก็ตาม การศึกษาทุกเรื่องที่กล่าวมาล้วนต้องใช้งบประมาณจำนวนไม่น้อย ฉะนั้น สิ่งสำคัญจึงอยู่ที่การมีจุดเริ่มต้นที่ชัดเจนตั้งแต่แรก
เมื่อทำการศึกษาครบถ้วนทุกมิติ รัฐบาลควรนำเรื่องนี้เข้าสู่กระบวนการประชามติ เพื่อรับฟังความเห็นของประชาชนทั้งประเทศ โดยสนับสนุนการรณรงค์ให้ความรู้ของทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายสนับสนุนและฝ่ายที่เห็นต่าง ด้วยความตระหนักว่าการมีสถานกาสิโนหรือบ่อนพนันถูกกฎหมายเป็นแหล่งรวมอบายมุขที่มีความสลับซับซ้อน จึงมิอาจใช้วิธีรับฟังความเห็นจากประชาชนเพียงบางส่วนได้
การหวังพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศด้วยธุรกิจอบายมุข เป็นแนวนโยบายที่พึงตรึกตรองอย่างรอบคอบให้กว้างไกลกว่าการคำนึงถึงเพียงมูลค่าทางเศรษฐกิจ เพราะอาจเป็นการเปลี่ยนแปลงบรรทัดฐานของความถูกต้องและชอบธรรมทางสังคมอย่างยากจะถอดถอนให้กลับมาดังเดิมได้ รัฐบาลจึงพึงสังวรและตัดสินใจบนฐานความเชื่อมั่นที่มากพอ
อ่านแถลงการณ์และรายชื่อนักวิชาการ 99 คน
[pdf-embedder url=”https://thaipublica.org/wp-content/uploads/2024/04/เอกสาร-99นักวิชาการต้านกาสิโน.pdf” title=”เอกสาร 99นักวิชาการต้านกาสิโน”]