ThaiPublica > คอลัมน์ > นินจา โลกที่เราไม่รู้จัก House of Ninjas

นินจา โลกที่เราไม่รู้จัก House of Ninjas

17 มีนาคม 2024


1721955

จัดได้ว่าเป็นซีรีส์ครบรส มีทั้งบู๊ล้างผลาญ ดราม่าครอบครัว ตลกหน้าตาย ภารกิจพิชิตใจ และหน้าที่พิทักษ์ประเทศชาติ House of Ninjas ซีรีส์ 8 ตอนจบที่เพิ่งลงสตรีมมิ่งเมื่อกลางกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ตีความครอบครัวนินจาให้กลายเป็นฮีโร่ช่วยเหลือชาติในระดับที่ตำรวจทำไม่ได้ แต่ซีรีส์เริ่มต้นตรงที่ผู้พ่อตัดสินใจให้ทุกคนในบ้านวางมือมานานกว่าหกปี หันเหมาใช้ชีวิตอยู่อย่างปุถุชนปกติทั่วไป เนื่องจากการสูญเสียลูกชายคนโตไปในภารกิจเมื่อหกปีก่อน ความตลกคือแม้พวกเขาจะทำตัวเป็นปกติ แต่ด้วยความมีวิชานินจา การใช้ชีวิตของพวกเขาย่อมไม่เหมือนคนปกติทั่วไปอยู่ดี ซึ่งในที่สุดก็มีอันต้องถูกเรียกตัวให้กลับมารับใช้ประเทศชาติ

House of Ninjas เป็นซีรีส์ชุดแรกที่ครีเอ็ทและกำกับโดย เดฟ บอยล์ ชาวอเมริกันที่จ้อญี่ปุ่นได้คล่องปร๋อ ก่อนหน้านี้เขามีผลงานโดดเด่นในด้านหนังอินดี้ตามเทศกาลหนังทั่วโลก ที่มักใช้นักแสดงชาวญี่ปุ่นและถ่ายทำในญี่ปุ่นอยู่แล้ว อาทิ Big Dreams Little Tokyo (2006), White on Rice (2009), Surrogate Valentine (2011), Daylight Savings (2012), Man from Reno (2014) แต่ซีรีส์นี้ไม่ได้กำกับคนเดียว ผู้กำกับร่วมอีกคนคือ เคนโตะ คาคุ ผู้รับบทพระเอกในซีรีส์นี้ด้วย บ้านเราน่าจะรู้จักเขาจาก From Today, It’s My Turn!! (ซีรีส์ 2018 / หนัง 2020) ในบทหนุ่มนักเรียนผมย้อมทอง ซีรีส์ที่เขาว่าเน้นฮาโบ๊ะบ๊ะอย่างเดียว และ Tokyo MER: Mobile Emergency Room (ซีรีส์ 2021 / หนัง 2023)

“จงมีศักดิ์ศรี ชิโนบิเป็นหนึ่งเดียวกับเงา ไม่จำเป็นต้องมีใครรู้ว่าเรามีตัวตน แต่เราปกป้องประเทศนี้”

ประโยคเด่นที่ปรากฏในตัวอย่าง น่าจะอธิบายถึงครอบครัว ใน House of Ninjas ได้เป็นอย่างดี ว่าแต่ ชิโนบิ คืออะไร แล้วอันที่จริง นินจา คือใครกันแน่ แน่นอนว่าเราต่างรู้จักนินจากันมานานเน รู้ว่าแต่งชุดดำ ไปมาราวสายลม ล่องหนได้ มีอาวุธลับมากมาย แต่จริง ๆ แล้วเราแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตระกูลนินจาเลย

นินจาคือใคร

อันที่จริงกลุ่มคนที่เราเรียกรวม ๆ กันว่า นินจา แปลตามตัวอักษร คือ “ผู้ที่ไม่มีใครมองเห็น” ชื่อเต็ม ๆ ของพวกเขาเขียนด้วยตัวคันจิว่า 忍びの者 คำนี้ถ้าอ่านด้วยสำเนียงพื้นถิ่น(การอ่านแบบคุงโยมิ)จะออกเสียงว่า “ชิโนบิ (ขโมยไปซ่อน) โนะ (แห่ง) โมโนะ (บุคคล)” หรือ “นักย่องเบา / ผู้สอดแนม” แต่เมื่อกร่อนคำ โดยใช้ตัวแรกกับตัวสุดท้ายจะกลายเป็น 忍者 ซึ่งถ้าอ่านแบบสำเนียงจีน (แบบออนโยมิ) จะออกเสียงว่า “นินจา” ดังนั้นไม่ว่า นินจา หรือ ชิโนบิ คือสิ่งเดียวกัน ทว่าจริง ๆ แล้วในญี่ปุ่นจะนิยมเรียกคนกลุ่มนี้ว่า ชิโนบิ แต่เนื่องด้วย นินจา เป็นคำที่ชาวต่างชาติออกเสียงได้คล่องปากกว่า ในที่สุดพวกเขาจึงถูกเรียกว่า นินจา แต่ขณะเดียวกันพวกเขายังถูกเรียกในชื่ออื่น ๆ ด้วย อาทิ โมโนมิ (ผู้แลเห็น), โนคิซารุ (ลิงบนหลังคา), รัปปะ (อันธพาล), คุสะ (หญ้า), อิกะโมโนะ (พวกตระกูลอิกะ)

นินจา จะว่าไปแล้วก็ไม่ต่างจากสายลับ พวกเขาเป็นเหมือนทหารรับจ้าง แม้ในซีรีส์จะเอ่ยถึงศักดิ์ศรี แต่ สตีเฟน เทิร์นยูล นักประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น ยืนยันว่านินจาส่วนใหญ่คัดเลือกมาจากชนชั้นล่าง และมักจะไม่ค่อยได้รับความสนใจในทางวรรณกรรม มักจะถูกมองว่าพวกเขาทำงานก็เพื่อเงินเท่านั้นโดยปราศจากเกียรติหรือศักดิ์ศรี ดังนั้นในทางวรรณกรรมที่ถูกเขียนโดยชนชั้นรู้หนังสือ จึงมักเน้นไปที่ตัวละครจำพวกซามูไรที่มาจากชนชั้นสูงเป็นหลัก และเขียนให้มีบุคลิกที่น่าดึงดูดใจผู้อ่านมากกว่า

คิโยชิ วะตะทานิ นักประวัติศาตร์อีกคนกล่าวว่านินจาได้รับการฝึกฝนให้เป็นความลับเกี่ยวกับภารกิจและการมีตัวตนของพวกเขาเพื่อให้แน่ใจว่าคู่ต่อสู้ไม่รู้ว่าพวกเขามีอยู่จริง หรือมีการฝึกอบรมอยู่จริง หรือมีวิชาลับเหล่านี้อยู่จริง เช่น หายตัว ตัวเบา ฯลฯ

หน้าที่ของนินจาได้การแก่ การล้อมซุ่มโจมตี แทรกซึม คุ้มกัน ลาดตระเวน ไปจนถึงจารกรรม ต้มตุ๋นหลอกลวง วางยาพิษ ก่อวินาศกรรม และอาจถึงขั้นลอบสังหาร มักจะถูกใช้ให้ไปแฝงตัวในระหว่างสงคราม(อันถือว่าไร้ศักดิ์ศรี) พบว่ามีการฝึกฝนในช่วงศตวรรษที่ 15 สมัยยุคเซ็นโงกุ (ยุคสงครามระหว่างรัฐ) และอาจสืบเชื้อสายจากบรรพบุรุษในช่วงต้นศตวรรษที่ 12

อย่างไรก็ตามหลังจากญี่ปุ่นรวมชาติภายใต้รัฐบาลโชกุนโตกุงาวะ ในศตวรรษที่ 17 นินจาก็เริ่มจางหายไป พอถึงช่วงการฟื้นฟูเมจิ ในปี 1868 ชิโนบิ ก็กลายเป็นเหมือนจินตนาการ เป็นความลี้ลับยอดนิยม พวกเขาถูกเล่าขานผ่านเรื่องเล่านิทานพื้นเมือง และแทบจะไม่มีใครรู้เกี่ยวกับตัวตนของนินจาอีกเลย

นินจาหญิงไม่มีอยู่จริง

ในซีรีส์เราจะเห็นว่ามีนินจาหญิงอยู่หลายคน อย่างคุณย่า คุณแม่ คุณน้องสาว ของตระกูลทาวาระ ที่มีวิชาไม่น้อยหน้านินจาชายเลย แต่อันที่จริงนินจาหญิง ที่ทั่วไปมักจะถูกเรียกว่า “คุโนะอิจิ” และมักจะปรากฎอยู่ในนิยาย ซีรีส์ทีวี มังงะ และภาพยนตร์มากมาย ทว่า ยูจิ ยามาดะ และ คัตสึยะ โยชิมารุ สองนักประวัติศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยมิเอะ ผู้เชี่ยวชาญด้านชิโนบิ ให้ข้อสรุปว่าไม่เคยมีนินจาหญิงในบันทึกประวัติศาสตร์ของนินจาเล่มใดเลย อย่างไรก็ตามในตำรานินจา Bansenshukai เล่มที่ 8 ซึ่งเขียนในปี 1676 อธิบายว่า มีเทคนิคหนึ่งเรียกว่า kunoichi-no-jutsu (วิชานินจาสำหรับสตรี) คือการฝึกสตรีให้เข้าไปแทรกซึมเพื่อปฏิบัติภารกิจลับบางอย่าง เป็นการฝึกให้พอมีวิชาบางอย่าง แต่ไม่ได้รู้เกี่ยวกับวิชานินจาทั้งหมด โดยหน้าที่คือ ลักลอบจารกรรม แฝงตัวในบ้านศัตรู เก็บข้อมูล หลอกให้ได้รับความไว้วางใจ ดักฟังการสนทนา

การจะทำความเข้าใจคำว่า “คุโนะอิจิ” จริง ๆ แล้วง่ายมาก เพราะอันที่จริงมันไม่มีความหมายอะไรเลย แต่คือการตวัดพู่กันく(คุ) ノ(โนะ) 一 (อิจิ) เมื่อนำมันมารวมกันจะได้อักษรเป็นคำว่า 女 (อนนะ / ผู้หญิง) ในเมื่อไม่มีอยู่จริง แต่ทำไมจึงปรากฎอยู่มากมาย นักวิจัยคนเดิมระบุว่าเป็นไปได้ว่าส่วนใหญ่มาจากนิยายชุด Ninpocho ของ ฟุทาโระ ยามาดะ (1922-2001) ที่มักจะมีตัวเอกเป็นนินจาหญิง

ตำรานินจาบันเซ็นชูไค

Bansenshukai (แม่น้ำหมื่นสายไหลรวมกันสร้างมหาสมุทร) เป็นบันทึกรวมรวมความรู้จากทั้งกลุ่มนินจา อิกะ และโคงะ เป็นคัมภีร์เคล็ดวิชาต่าง ๆ สรุปประเด็นหลักของคัมภีร์ Ninjitsu รวบรวมโดย ฟูจิบายาชิ ยาสุตาเกะ ในปี 1676 ในสมัยโชกุนโตกุงาวะ ตำรานี้ประกอบด้วย แนวคิด ปรัชญา สองเล่ม, การเป็นผู้นำ สี่เล่ม, วิชาโยนิน(การปลอมตัว) สามเล่ม, วิชาอินนิน(การแทรกซึม) ห้าเล่ม, โหราศาสตร์ สองเล่ม และอาวุธต่าง ๆ ห้าเล่ม

(ซ้าย) ฮัตโตริ-อิกะ (ขวา) เคมุมากิ-โคงะ

อิกะ โคงะ

การจะเล่าไปถึงสองตระกูลอิกะและโคงะ คงต้องอธิบายก่อนว่าพวกเขามาจากเมืองติดกัน อิกะ (ปัจจุบันอยู่ในเขตจังหวัดมิเอะ) อยู่ติดกันกับเมือง โคงะ (ปัจจุบันอยู่ในเขตจังหวัดชิงะ) ทั้งสองเป็นหมู่บ้านห่างไกลมีภูเขาล้อมรอบ เข้าถึงได้ยาก พวกเขาจึงอุทิศให้กับการฝึกวิชานินจาและพวกเขาเป็นพันธมิตรกันจากภัยคุคามของพวกทหารทางการ ต่างฝ่ายต่างเป็นสมาพันธ์ทหารที่ปกครองตนเอง ข้อตกลงเป็นพันธมิตรได้รับการยืนยันว่าครั้งแรกคือในปี 1487 กระทั่งมีการทำเอกสารอย่างเป็นทางการในปี 1560 โดยกรรมาธิการทหาร 10 คนจากอิกะ และ 12 คนจากโคงะ อย่างไรก็ตามพวกเขาได้สิ้นสุดความสัมพันธ์ต่อกันเมื่อฝ่ายโคงะยอมจำนนต่อกองกำลังของ โอดะ โนบุนากะ (ไดเมียว ขุนนางศักดินา ผู้รวมชาติคนแรก แต่มีด้านเหี้ยมโหดด้วยเช่น ฆ่าน้องชาย ฆ่าลุง ฆ่าสามีน้องสาว เผาวัดสำคัญ และเคยสั่งฆ่าคนทั้งเมือง) เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 1574 ส่งผลให้โนบุนากะ เข้ามาทำลายอิกะในปี 1581

ดังนั้นความสัมพันธ์แบบ อิกะ-โคงะ จึงมักถูกเล่าในแบบมิตรศัตรู อย่างที่บ้านเราคุ้นเคยกันในการ์ตูนดัง นินจาฮัตโตริ เมื่อฮัตโตริ คันโซ มาจากอิกะ มีไม้เบื่อไม้เมาเป็นเด็กเกเรชื่อ เคมุมากิ เคมุโซ จากฝ่ายโคงะ

ความแค้นสองตระกูล

ในซีรีส์ House of Ninjas เล่าว่าครอบครัวทาวาระ สืบเชื้อสายตรงมาจาก ฮัตโตริ ฮันโซ รุ่นที่ 2 และมีตัวละครเจ้าลัทธิผู้เป็น ฟูมะ โคทาโร่ รุ่นที่ 19 แน่นอนว่าครอบครัวทาวาระไม่มีอยู่จริง เช่นเดียวกับเจ้าลัทธิเก็นเท็นไคของพวกฟูมะในเรื่องนี้ก็ไม่มีตัวตนในประวัติศาตร์เช่นกัน (รวมไปถึง ฮัตโตริ คันโซ ในการ์ตูนนินจาฮัตโตริ ที่สืบเชื้อสายมาจากบรรพบุรุษก็ไม่มีจริง) แต่อันที่จริง ฮัตโตริ ฮันโซ และ ฟูมะ โคทาโร่ เป็นบุคคลที่มีตัวตนอยู่จริง และสองตระกูลนี้เป็นศัตรูกัน

จากรูปในซีรีส์ด้านบน ภาพซ้าย จะเห็นภาพวาดตรงกลางบนแท่นบูชา นั่นคือภาพวาดของฮัตโตริ ฮันโซ รุ่นที่ 2 (ชื่อเดิม ฮัตโตริ มาซานาริ) ครอบครัวของเขาเป็นชนชั้นซามูไรจากอิกะ แต่ย้ายมาอยู่ในแคว้นมิคาวะและทำหน้าที่เป็นนินจาในสมัยเซ็นโงกุ เขาเป็นครูให้กับพวกนินจาอิกะ วีรกรรมอันโด่งดังของฮัตโตริ ฮันโซ คือการช่วยเหลือ โตกุงาวะ อิเอยาสึ (ภายหลังขึ้นเป็นโชกุนโตกุงาวะคนแรก) ให้รอดปลอดภัยหลังการเสียชีวิตของ โอดะ โนบุนากะ ในปี 1582 ฮัตโตริพาโตกุงาวะข้ามเมืองอิกะและโคงะ โดยการสนับสนุนจากกลุ่มนินจาท้องถิ่นผู้รอดชีวิตอีกจำนวนหนึ่ง ฮัตโตริเสียชีวิตในปี 1596 เมื่ออายุ 55 ปี ตัวละครของเขาในมังงะหลายเรื่องมักจะเป็นจอมคาถา ล่องหนหายตัวไปมาได้รวดเร็ว ทำนายอนาคต หรือใช้พลังจิตเคลื่อนย้ายสิ่งของ

ส่วน ฟูมะ โคทาโร่ รุ่นที่ 5 (ชื่อเดิม คาซามะ โคทาโร่) เป็นผู้นำกองทัพและนินจาโจนิน (ผู้นำนินจา) ของตระกูลโฮโจที่ตั้งอยู่ในจังหวัดซากามิ แม้ว่าเขาจะไม่ได้มาจากอิกะหรือโคงะ แต่เขาก็ได้รับการฝึกฝนยุทธวิธีแบบนินจามาอย่างโชกโชน กองกำลังพิเศษของเขาใช้สงครามกองโจรและการจารกรรมเพื่อต่อสู้กับกลุ่มตระกูลทาเคดะ ต่อมาตระกูลโฮโจตกเป็นของโทโยโตมิ ฮิเดโยชิในปี 1590 หลังจากการปิดล้อมปราสาทโอดาวาระ ปล่อยให้โคทาโร่และเหล่านินจาของเขาหันไปใช้ชีวิตแบบโจร และสาเหตุที่ ฟูมะ โคทาโร่ กลายเป็นศัตรูของ ฮัตโตริ ฮันโซ ก็เพราะว่า เขาคือผู้สังหาร ฮัตโตริ ฮันโซ ด้วยการล่อลวงฮัตโตริลงไปในทะเลแคบ ๆ รอให้กระแสน้ำเข้ามา ก่อนจะเทน้ำมันลงบนน้ำ และเผาเรือและกองทหารของฮัตโตริในปี 1597 ส่วนการตายของฟูมะ โคทาโร จบลงในปี 1603 เมื่อโชกุนโตกุงาวะ อิเอยาสึสั่งประหารชีวิต ฟูมะ ด้วยการตัดศีรษะ

ดังนั้นจะเห็นว่าใน อีพี 2 จึงเป็นตลกร้ายอย่างมาก เมื่อตัวลูกชายคนเล็กกระเปี๊ยกไปทัศนศึกษาที่ปราสาทโอดาวาระของตระกูลโฮโจ แล้วเล่าถึงการแสดง(จากฝ่ายโฮโจ)ที่ว่าพวกฟูมะมีความเท่เก่งกาจอย่างไรให้พ่อแม่และย่าฟัง ซึ่งตระกูลของพวกเขาสืบสายเลือดแท้ ๆ มาจากฝั่งฮัตโตริ ที่เป็นศัตรูกับฟูมะและมีบรรพบุรุษและลูกชายคนโตเคยถูกพวกฟูมะฆ่าตาย

ผู้เขียนขอสรุปรวม ๆ ประเด็นน่าสนใจ จากบทสัมภาษณ์ต่าง ๆ คือ ไอเดียที่มาของซีรีส์นี้ ตัวคาคุ(หนึ่งในผู้กำกับที่แสดงเป็นพระเอกในเรื่องด้วย) เล่าว่า “ช่วงล็อคดาวน์โควิดที่ผ่านมากิจกรรมที่ผมมักจะอยู่เล่นกับลูก ๆ ก็คือการเล่นเป็นนินจา ทำให้ผมรู้สึกว่าวัฒนธรรมนินจามันห่างหายด้อยความนิยมลงอย่างมาก” ขณะที่เดฟ บอยล์ ที่ในอดีตเคยเป็นสาวกมอร์มอนในระดับเผยแผ่ศาสนาเล่าว่า “ผมใช้ประสบการณ์ตัวเองเพื่อค้นหามุมมองที่ไม่เหมือนใครในการสร้างเรื่องราว ด้วยการเปรียบเทียบวิถีชีวิตอันเคร่งครัดของนินจากับการเลี้ยงดูมาจากครอบครัวแบบมอร์มอนของผม ทำให้เกิดความเชื่อมโยงและเข้าใจตัวละครได้ยิ่งขึ้น โดยเฉพาะความขัดแย้งของแต่ละเพศวัยในครอบครัวทาวาระในเรื่อง”

แต่อันที่จริงพวกเขาสองคนไม่รู้จักกันมาก่อน “โปรเจกต์เริ่มต้นเมื่อสามปี เพื่อนของผมที่ทำงานในเน็ตฟลิกซ์โทรมาถามว่า ผมชอบนินจามั้ย ผมตอบไปว่ามีใครบ้างล่ะไม่ชอบ เพื่อนเล่าว่าคาคุเสนอโปรเจกต์หนึ่งมา และเขากำลังมองหาคนมาช่วยพัฒนาโปรเจกต์ ผมเลยเสนอไอเดียออกไปในที่สุดก็ได้รับหน้าที่เป็นผู้จัดซีรีส์นี้”

ส่วนไอเดียที่ บอยล์ เล่าให้เน็ตฟลิกซ์ฟังในเบื้องต้น คือ “นินจาดำรงอยู่ตลอดช่วงเวลาสำคัญในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น แต่จะเป็นอย่างไรหากพวกเขายังคงปฏิบัติภารกิจอย่างลับ ๆ ในสังคมสมัยใหม่ ซีรีส์นี้มีฉากอยู่ในญี่ปุ่นในปัจจุบัน โดยบอกเล่าเรื่องราวของตระกูลทาวาระ ซึ่งเป็นกลุ่มนินจากลุ่มสุดท้ายที่ละทิ้งรากเหง้าของตนเองหลังจากภารกิจผิดพลาด ตอนนี้วิกฤตการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนทำให้ครอบครัวกลับมาดำเนินภารกิจครั้งสำคัญด้วยกันอีกครั้ง”