ThaiPublica > คอลัมน์ > รัฐฉาน พื้นที่สั่นคลอนกองทัพเมียนมา

รัฐฉาน พื้นที่สั่นคลอนกองทัพเมียนมา

26 พฤศจิกายน 2023


พอเพียง จิตสมานฉันท์

ที่มาภาพ : https://www.irrawaddy.com/opinion/analysis/operation-1017-is-creating-a-new-political-template-for-myanmars-future.html

นับตั้งแต่การรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาลเมียนมาเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 กองทัพเมียนมาได้สู้รบกับกองกำลังชาติพันธุ์และกองกำลังพิทักษ์ประชาชาชนมาตลอด แต่แล้วกองทัพเมียนมาภายใต้การนำของ พล.อ.อาวุโส มิน อ่องหล่าย ไม่ได้คาดคิดว่ากองกำลังติดอาวุธชาติพันธุ์ 3 กลุ่ม ประกอบด้วย กองทัพโกก้าง (Myanmar National Democratic Alliance Army หรือ MNDAA) กองทัพตะอั้ง (Ta’ang National Liberation Army หรือ TNLA) และกองทัพอาระกัน (Arakan Army หรือ AA) ซึ่งได้รวมตัวกันในนาม “พันธมิตรภาคเหนือ” ได้เปิด “ปฏิบัติการ 1027” โจมตี ยึดฐานที่มั่นของทหารเมียนมาที่กระจายตัวอยู่หลายเมืองในภาคเหนือของรัฐฉานอย่างพร้อมเพรียงกัน ในช่วงเช้ามืดวันศุกร์ที่ 27 ตุลาคม 2566 โดยไม่เปิดโอกาสให้กองทัพเมียนมาได้ตั้งตัว

พันธมิตรภาคเหนือได้แบ่งกำลังโจมตีกองทัพเมียนมาและกองกำลังพิทักษ์ชายแดน (Border Guard Force: BGF) ตั้งแต่ทางหลวงหมายเลข 3 ตั้งแต่เมืองหมู่เจ้ เมืองน้ำคำ ชายแดนรัฐฉาน-จีน ผ่านเมืองน้ำผักกา ลงมาถึงเมืองก๊ตขาย เมืองแสนหวี และพื้นที่โดยรอบเมืองล่าเสี้ยว กองทัพตะอั้งบุกตีกองทัพเมียนมาในเมืองหนองเขียว จังหวัดจ๊อกแม จนสามารถยึดสะพานก๊กตวินซึ่งอยู่ด้านล่างสุดของหุบเขาก๊กเทค จุดเชื่อมต่อระหว่างเมืองปินอูลวิน ภาคมัณฑะเลย์ กับจังหวัดจ๊อกแม ของรัฐฉาน

กองทัพโกก้างได้ยึดฐานที่มั่นของกองทัพเมียนมาในพื้นที่ทางหลวงหมายเลข 34 ตั้งแต่ด่านชิงส่วยเหอ และเมืองกุ๋นโหลงในเขตพิเศษหมายเลข 1 พื้นที่ปกครองตนเองชนชาติโกก้าง ต่อมาถึงเมืองแสนหวี กองทัพ

โกก้างยังเข้ายึดฐานที่มั่นของกองทัพเมียนมาที่ตั้งอยู่โดยรอบเมืองเล่าก์ก่าย ต่อขึ้นไปถึงเมืองโกและเมืองป่างซาย ชายแดนรัฐฉาน-จีน ในจังหวัดหมู่เจ้

ปฏิบัติการ 1027 ของพันธมิตรภาคเหนือได้ทำให้การสู้รบในพื้นที่รัฐฉานได้ขยายวงกว้าง หลายพื้นที่ยังมีการสู้รบ ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงไปยังทุกภาคส่วน ต่อมาในวันที่ 30 ตุลาคม 2566 พันธมิตรภาคเหนือได้แถลงผลปฏิบัติการ 1027 ระบุว่าช่วง 4 วันแรก พันธมิตรภาคเหนือสามารถยึดที่มั่นของกองทัพเมียนมาและกองกำลังพิทักษ์ชายแดนได้มากกว่า 150 จุด รวมถึงยึดรถหุ้มเกราะและอาวุธยุทโธปกรณ์ได้อีกจำนวนหนึ่ง ยึดเมืองได้อย่างน้อย 4 เมือง และสังหารทหารและตำรวจเมียนมาไปเป็นจำนวนมาก รวมถึงผู้บัญชาการกองพลทหารราบ

การเพลี่ยงพล้ำและสูญเสียกองกำลังและฐานที่มั่นทางทหารหลายแห่ง ส่งผลให้สภาบริหารแห่งรัฐ (State Administration Council :SAC) ต้องประชุมสภาความมั่นคงและการป้องกันแห่งชาติ (National Defense and Security Council) เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2566 เพื่อหารือฉุกเฉินถึงสถานการณ์สู้รบในรัฐฉาน และได้สั่งการให้มีปฏิบัติการทางอากาศยานอย่างหนัก มีการทิ้งระเบิดโจมตีพันธมิตรภาคเหนือ แต่ยังไม่สามารถต้านทานการรุกคืบของพันธมิตรภาคเหนือได้

ขณะที่ พล.อ. มินต์ ส่วย ประธานาธิบดีเมียนมา เตือนว่าอันตรายจากการพ่ายแพ้ในการรบที่รัฐฉานนั้น อาจทำให้ประเทศเสี่ยงที่จะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ โดยเป็นการยอมรับครั้งแรกของรัฐบาลทหารถึงความท้าทายร้ายแรงที่กำลังเผชิญอยู่

จีนซึ่งถูกมองว่าเป็นผู้สนับสนุนสำคัญของกองทัพเมียนมา ขณะเดียวกันก็เป็นที่รับรู้ในทางลับว่า จีนมีความสัมพันธ์ที่ดีกับกองทัพสหรัฐว้าและกลุ่มพันธมิตรในภาคเหนือ ได้แสดงท่าทีไม่สบายใจต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากมีชาวจีนได้เสียชีวิตจากการสู้รบในรัฐฉาน มีกระสุนปืนตกเข้าไปฝั่งจีนเป็นระยะ รัฐบาลจีนจึงได้เรียกร้องให้ทั้งฝ่ายกองกำลังพันธมิตรภาคเหนือและกองทัพรัฐบาลเมียนมายุติการสู้รบและหาทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่รัฐฉานด้วยสันติวิธีผ่านการพูดคุยเจรจา

ต่อมาจึงได้ส่งผู้แทนระดับสูงเยือนเมียนมา โดยได้กล่าวกับพล.อ.อาวุโส มิน อ่องหล่ายว่า ขอให้เมียนมาเร่งรักษาเสถียรภาพและความมั่นคงตามแนวพรมแดนจีน-เมียนมา เพื่อความปลอดภัยของประชาชนทั้งสองฝ่าย พร้อมทั้งเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเคารพในความแตกต่างและแก้ไขความขัดแย้งผ่านการหารือและข้อกฎหมาย

นับตั้งแต่การรัฐประหารในเมียนมา จีนได้แสดงท่าทีเป็นกลาง ไม่ยินดีกับการก่อการรัฐประหาร แต่จีนไม่สามารถแสดงท่าทีอย่างชัดเจนเหมือนกับโลกตะวัน เพราะเมียนมาอยู่ติดกับจีนมากและเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญที่จีนไม่อาจจะทิ้งได้ จีนจำต้องปฏิสัมพันธ์กับทุกขั้วการเมืองในเมียนมา เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของจีน

พื้นที่ปฏิบัติการ 1027 ที่มาภาพ : https://www.irrawaddy.com/opinion/guest-column/has-china-lost-control-of-ethnic-armies-in-myanmars-war-torn-borderland.html

ถึงแม้จีนจะมีจุดยืนที่เป็นกลาง พยายามสานสัมพันธ์กับกองทัพเมียนมา แต่จีนพยายามแสดงบทบาทในเมียนมาอยู่เนืองๆ โดยในเดือนกันยายน 2564 จีนได้ส่ง ซุน โก๊ะเซียง ผู้แทนพิเศษด้านพม่าในขณะนั้นเดินทางไปเนปิดอว์เพื่อพบปะกับผู้นำรัฐบาลทหารพม่าและเขาได้ขอพบกับออง ซาน ซู จี ด้วยแต่ได้รับการปฏิเสธจากเมียนมา อีกทั้งจีนยังได้แสดงไมตรีในระดับพรรคต่อพรรค ด้วยการเชิญผู้แทนพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยเข้าร่วมประชุมพรรคการเมืองร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์จีนและพรรคการเมืองอื่นๆ จากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกหลายพรรคการเมือง

จุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้สถานการณ์การสู้รบในรัฐฉานได้เกิดจุดพลิกผัน มาจากประเด็นความเห็นต่างระหว่างรัฐบาลจีนกับกองทัพเมียนมาเรื่องกลุ่มทุนจีนสีเทา เพราะกองทัพเมียนมาและ BGF มีผลประโยชน์ร่วมทางเศรษฐกิจกับกลุ่มทุนจีนสีเทา มีการลักลอบนำชาวจีนและประชาชนจากประเทศอื่นๆ เข้าไปทำประกอบอาชีพผิดกฎหมายในพื้นที่รัฐฉาน โดยเฉพาะเมืองเล้าก์ก่าย พื้นที่ปกครองตนเองโกก้าง

รัฐบาลจีนมีนโยบายอย่างจริงจังที่จะปราบปรามกลุ่มทุนจีนสีเทา แต่กองทัพเมียนมากลับเพิกเฉย ประเด็นความเห็นต่างดังกล่าวอาจทำให้จีนสนับสนุนกองทัพโกก้าง กองทัพตะอั้งและกองทัพอาระกันมากขึ้น เพื่อบีบให้กองทัพเมียนมาและ SAC ต้องยอมดำเนินตามข้อเรียกร้องของจีน

จนถึงขณะนี้ ปฏิบัติการ 1027 ยังคงดำเนินอยู่ สถานการณ์ในรัฐฉานที่ติดกับชายแดนจีนยังไม่สงบ การสู้รบยังคงเกิดขึ้นอยู่ในหลายจุด เส้นทางหลวงหมายเลข 3 และ 34 ยังถูกปิดตาย การค้าชายแดนจีนกับเมียนมายังหยุดชะงัก

เมียนมามีคุณค่ายิ่งต่อยุทธศาสตร์ทางความมั่นคงและเศรษฐกิจของจีน เพราะเมียนมาคือทางออกสู่มหาสมุทรอินเดียภายใต้โครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางที่จีนได้ลงทุนสร้างระเบียงเศรษฐกิจ (China-Myanmar Economic Corridor) ภายใต้โครงการนี้จีนได้รวมเอาเส้นทางคมนาคมและระบบท่อขนส่งแก๊สและน้ำมันจากเจ้าผิวก์ในรัฐยะไข่ผ่านมัณฑะเลย์ไปยังเมืองคุนหมิง ที่เริ่มการก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2556 เข้าไปเป็นส่วนสำคัญ

พร้อมทั้งเสริมขยายโครงสร้างพื้นฐานอีกหลายอย่าง เช่น ถนน ทางรถไฟ ท่าเรือ เข้าไปในแผนและเชื่อมโยงกับย่างกุ้งอัน จนทำให้ระเบียงเศรษฐกิจแห่งนี้ปรากฏเป็นรูปอักษรตัว Y กลับหัว มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจถึง 33 ฉบับ ระหว่างที่ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เยือนเมียนมาในเดือนมกราคม 2563 เพื่อพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษเจ้าผิวก์ ท่าเรือน้ำลึก เส้นทางรถไฟ และทางด่วนระหว่างมูเซ-มัณฑะเลย์ และทางหลวงเจ้าผิวก์-เนปิดอว์

ดังนั้น จีนต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้สถานการณ์ในเมียนมากลับคืนภาวะปกติโดยเร็วที่สุด จีนมุ่งหวังให้พันธมิตรภาคเหนือปรองดองกับกองทัพเมียนมา เพื่อคัดคานอำนาจอิทธิพลของสหรัฐอเมริกาและประเทศตะวันตกหรือประเทศอื่นใดที่สนับสนุน PDF ของรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ

จีนคือผู้เดียวที่จะทำให้การพูดคุยเจรจากันอย่างเป็นทางการระหว่าง SAC กองทัพเมียนมา และพันธมิตรภาคเหนือได้เกิดขึ้นจริง ความสงบในรัฐฉาน และเสถียรภาพของกองทัพเมียนมา จึงขึ้นอยู่กับท่าทีของจีนเป็นสำคัญ