ThaiPublica > เกาะกระแส > ครม.ไฟเขียวส่วนราชการยื่นคำขอตั้งงบลงทุนปี’67 – งบผูกพันวงเงินเกิน 1,000 ล้านบาท

ครม.ไฟเขียวส่วนราชการยื่นคำขอตั้งงบลงทุนปี’67 – งบผูกพันวงเงินเกิน 1,000 ล้านบาท

3 ตุลาคม 2023


นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ที่มาภาพ : www.thaigov.go.th/

โฆษกรัฐบาล แจงหลักเกณฑ์ขอตั้งงบลงทุนปี’67 – งบผูกพันของส่วนราชการที่มีวงเงินเกิน 1,000 ล้านบาท ต้องเสนอ ครม.อนุมัติก่อนส่งให้สำนักงบฯพิจารณา

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้ที่ประชุม ครม.มีมติอนุมัติในหลักการในการเสนอคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2567 ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยให้ส่วนราชการ นำรายการลงทุนที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาท ขึ้นไป ส่งให้ที่ประชุม ครม.อนุมัติก่อนยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายปี 2567 และงบผูกพัน ให้สำนักงบประมาณพิจารณามีรายละเอียดดังนี้

อนุมัติงบฯสร้างเรือนจำ 3 แห่ง กว่า 5,000 ล้านบาท

นายชัย กล่าวว่า ที่ประชุม ครม. มีมติอนุมัติในหลักการให้กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) นำรายการที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป จำนวน 3 โครงการ วงเงินทั้งสิ้น 5,004,197,200 บาท เพื่อเสนอเป็นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จำนวน 1,000,835,900 บาท ส่วนที่เหลือผูกพันปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 – พ.ศ. 2569 จำนวน 4,003,343,300 บาท ตามนัยมาตรา 26 ของพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้

    1. โครงการก่อสร้างเรือนจำ จังหวัดอุตรดิตถ์ พร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบ วงเงินรวมทั้งสิ้น 1,743,288,600 บาท เสนอเป็นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จำนวน 348,657,800 บาท (ปัดเศษ) ส่วนที่เหลือผูกพันปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 – พ.ศ. 2569 จำนวน 1,394,630,800 บาท
    2. โครงการก่อสร้างเรือนจำ จังหวัดยโสธร พร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบ วงเงินรวมทั้งสิ้น 1,616,560,600 บาท เสนอเป็นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จำนวน 323,312,200 บาท (ปัดเศษ) ส่วนที่เหลือผูกพันปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 – พ.ศ. 2569 จำนวน 1,293,248,400 บาท
    3. โครงการก่อสร้างเรือนจำ จังหวัดชัยนาท พร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบ วงเงินรวมทั้งสิ้น 1,644,330,00 บาท เสนอเป็นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จำนวน 328,866,000 บาท ส่วนที่เหลือผูกพันปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 – พ.ศ. 2569 จำนวน 1,315,464,000 บาท

นายชัย กล่าวต่อว่า การก่อสร้างเรือนจำแห่งใหม่จะช่วยให้เรือนจำทั้ง 3 แห่ง สามารถควบคุมและป้องกันการหลบหนีของผู้ต้องขังได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นไปตามมาตรฐานสากล รวมถึงจะช่วยให้เรือนจำมีสถานที่เอื้ออำนวยต่อการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังในด้านต่าง ๆ ซึ่งทำให้ผู้ต้องขังที่พ้นโทษไปมีความรู้ความสามารถเลี้ยงดูตนเองด้วยอาชีพสุจริตได้ โดยไม่ก่อความเดือดร้อนแก่สังคม นอกจากนี้ ยังทำให้เรือนจำมีระบบกำจัดขยะมูลฝอยและน้ำเสีย ซึ่งไม่ก่อให้เกิดปัญหามลภาวะและสิ่งแวดล้อมเป็นพิษรบกวนชุมชนด้วย

ไฟเขียว อว.ตั้งผูกพัน 2.4 หมื่นล้านบาท

นายชัย กล่าวต่อว่า ที่ประชุม ครม. มีมติอนุมัติในหลักการให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม นำเสนอรายการที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป จำนวน 5 โครงการ วงเงินรวมทั้งสิ้น 24,032,304,900 บาท เสนอเป็นคำขอตั้งงบประมาณ ตามนัยมาตรา 26 ของพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เสนอ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ

ทั้งนี้ อว. ขออนุมัติรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป ของ อว. จำนวน 5 โครงการ วงเงินรวมทั้งสิ้น 24,032,304,900 บาท เป็นเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี จำนวน 21,944,725,800 บาท และเงินนอกงบประมาณสมทบ จำนวน 2,087,579,100 บาท ดังนี้

    1. โครงการอาคารรักษาพยาบาลและสถานีศิริราช คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล (พ.ศ. 2567 – 2570)
    2. โครงการโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ภูเก็ต (พ.ศ. 2567 – 2570)
    3. โครงการอุทยานการแพทย์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (พ.ศ. 2567 – 2572)
    4. โครงการผลิตนักฉุกเฉินการแพทย์ด้วยการจัดการศึกษาที่แตกต่างจากมาตรฐานการอุดมศึกษา ระยะที่ 1 พ.ศ. 2567 – 2571 ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์/สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
    5. โครงการพัฒนาและผลิตยา เพื่อสนับสนุนและเสริมสร้างความมั่นคงทางยาของประเทศ (พ.ศ. 2567 – 2576) สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์/สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม

อนุมัติศูนย์ราชการฯ ตั้งงบฯปี’67 ขยายพื้นที่โซน C

นายชัย กล่าวต่อว่า ที่ประชุม ครม. มีมติอนุมัติในหลักการให้กระทรวงการคลังนำรายการที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป โครงการพัฒนาพื้นที่ส่วนขยายศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 พื้นที่โซน C เพื่อเป็นค่าเช่าอาคารให้กับบริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด (ธพส.) เป็นเวลา 30 ปี ในอัตราค่าเช่า 390 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน หรือ ปีละ 2,386,800 บาท และปรับปรุงอัตราค่าเช่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 7 ของอัตราค่าเช่าเดิมทุก 3 ปี รวม 30 ปี วงเงินรวมทั้งสิ้น 98,931,293,982 บาท เสนอเป็นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ตามนัยมาตรา 26 ของพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าและประหยัด การพิจารณาเป้าหมาย ประโยชน์ที่จะได้รับ ประสิทธิภาพ และผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ

คมนาคมตั้งงบฯปี’67 ลงทุน 53 โครงการ 2.4 หมื่นล้านบาท

นายชัย กล่าวต่อว่า ที่ประชุม ครม. มีมติอนุมัติในหลักการให้กระทรวงคมนาคม (คค.) นำรายการที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป ของกรมทางหลวง (ทล.) กรมทางหลวงชนบท (ทช.) กรมท่าอากาศยาน (ทย.) และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จำนวน 53 โครงการ วงเงินรวมทั้งสิ้น 146,803.4450 ล้านบาท เสนอเป็นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จำนวน 24,605.689 ล้านบาท ตามนัยมาตรา 26 ของพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ

สาระสำคัญ ดังนี้

กระทรวงคมนาคม โดย ทล. ทช. ทย. และ รฟม. ได้เสนอขอตั้งงบประมาณปี 2567 สำหรับรายการงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป จำนวน 53 โครงการ ระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่ปี 2566 – 2576 รวมวงเงินทั้งสิ้น 146,803.4450 ล้านบาท โดยวงเงินที่จะขอรับจัดสรรงบประมาณปี 2567 เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 24,605.6890 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการที่มีความพร้อมในการเริ่มดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 สรุปได้ดังนี้

1. ทล. ได้เสนอขอตั้งงบประมาณปี 2567 จำนวน 46 โครงการ ระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่ปี 2567 – 2569 วงเงินรวมทั้งสิ้น 91,643.4450 ล้านบาท โดยเป็นการดำเนินการตามแผนงานบูรณาการพัฒนาด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ จำนวน 42 โครงการ วงเงินรวม 83,957.7053 ล้านบาท และแผนงานบูรณาการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก จำนวน 4 โครงการ วงเงินรวม 7,685.7397 ล้านบาท ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาโครงข่ายทางหลวงแผ่นดินให้สมบูรณ์ และมีประสิทธิภาพ สามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัย และสามารถรองรับปริมาณการจราจรในปัจจุบันและอนาคตที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงช่วยลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ของประเทศ ทั้งนี้ ทล. มีวงเงินที่ขอตั้งงบประมาณปี 2567 จำนวน 18,328.6890 ล้านบาท

2. ทช. ได้เสนอขอตั้งงบประมาณปี 2567 จำนวน 3 โครงการ ระยะเวลาดำเนินการปี 2567 – 2569 วงเงินรวมทั้งสิ้น 4,510 ล้านบาท โดยเป็นการดำเนินการตามแผนงานบูรณาการพัฒนาด้านคมนาคม และระบบโลจิสติกส์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของโครงข่ายให้สามารถรองรับปริมาณจราจรที่เพิ่มขึ้น และแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัด รวมทั้งผู้ใช้ทางได้รับความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย และช่วยลดต้นทุนโลจิสติกส์ของประเทศ ทั้งนี้ ทช. มีวงเงินที่ขอตั้งงบประมาณปี 2567 จำนวน 902 ล้านบาท

3. ทย. ได้เสนอขอตั้งงบประมาณปี 2567 จำนวน 2 โครงการ ระยะเวลาดำเนินการปี 2567 – 2570 วงเงินรวมทั้งสิ้น 3,100 ล้านบาท โดยเป็นการดำเนินการตามแผนงานบูรณาการพัฒนาด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อรองรับปริมาณผู้โดยสารที่เพิ่มมากขึ้น และรองรับเที่ยวบินทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทย ทั้งนี้ ทย. มีวงเงินที่ขอตั้งงบประมาณปี 2567 จำนวน 620 ล้านบาท

4. รฟม. ได้เสนอขอตั้งงบประมาณปี 2567 จำนวน 2 รายการ ระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่ปี 2566 – 2576 วงเงินรวมทั้งสิ้น 47,550 ล้านบาท โดยเป็นการดำเนินการตามแผนงานบูรณาการพัฒนาด้านคมนาคม และระบบโลจิสติกส์และมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2560 ที่เห็นชอบผลการคัดเลือกเอกชนและร่างสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย – มีนบุรี และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว – สำโรง ทั้งนี้ รฟม. มีวงเงินที่ขอตั้งงบประมาณปี 2567 จำนวน 4,755 ล้านบาท

สตช.ตั้งงบฯปี 67 เช่ารถ 15,332 คัน 446 ล้านบาท

นายชัย กล่าวต่อว่า ที่ประชุม ครม. มีมติอนุมัติในหลักการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาตินำรายการที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป จำนวน 2 รายการ เพื่อเป็นค่าเช่ารถยนต์พร้อมอุปกรณ์ จำนวน 1 รายการ และจัดหารถจักรยานยนต์ พร้อมอุปกรณ์ 1 รายการ จำนวนรวม 15,332 คัน วงเงินรวมทั้งสิ้น 2,856,442,800 บาท เพื่อเสนอเป็นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จำนวน 446,888,000 บาท และส่วนที่เหลืออีก จำนวน 2,409,554,800 บาท ผูกพันปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 – พ.ศ. 2571 ตามนัยมาตรา 26 ของพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ ดังนี้

1. โครงการเช่ารถยนต์พร้อมอุปกรณ์ (ทดแทน) เพื่อใช้ในภารกิจงานสืบสวนสะกดรอยติดตามจับกุมคนร้ายของเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนในสถานีตำรวจ 890 คัน วงเงิน 1,010,755,200 บาท เสนอเป็นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จำนวน 77,750,400 บาท และส่วนที่เหลืออีก จำนวน 933,004,800 บาท ผูกพันปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 – พ.ศ. 2571

2. โครงการรถจักรยานยนต์งานสายตรวจ พร้อมอุปกรณ์ (ทดแทน) ให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจงานสายตรวจในสถานีตำรวจทั่วประเทศ 14,442 คัน วงเงิน 1,845,687,600 บาท เสนอเป็นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จำนวน 369,137,600 บาท และส่วนที่เหลืออีก จำนวน 1,476,550,000 บาท ผูกพันปีงบประมาณ พ.ศ. 2568

เกษตรตั้งงบลงทุนปี’67 วงเงิน 2,766 ล้านบาท

นายชัย กล่าวต่อว่า ที่ประชุม ครม. มีมติอนุมัติในหลักการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์นำรายการที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป จำนวน 5 โครงการ 7 รายการ วงเงินรวมทั้งสิ้น 13,834,253,400 บาท เพื่อเสนอเป็นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จำนวน 2,766,850,700 บาท และผูกพันปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 – พ.ศ. 2570 อีกจำนวน 11,067,402,700 บาท ตามนัยมาตรา 26 ของพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้

1. โครงการเขื่อนทดน้ำผาจุก จังหวัดอุตรดิตถ์ รายการระบบส่งน้ำสายซอย พร้อมอาคารประกอบพื้นที่ฝั่งซ้าย สัญญาที่ 1 วงเงินทั้งสิ้น 2,050,000,000 บาท เสนอเป็นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จำนวน 410,000,000 บาท ส่วนที่เหลือผูกพันปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 – พ.ศ. 2570 จำนวน 1,640,000,000 บาท

2. โครงการอ่างเก็บน้ำน้ำกิ จังหวัดน่าน รายการเขื่อนหัวงานและอาคารประกอบพร้อมส่วนประกอบอื่น วงเงินทั้งสิ้น 2,441,653,400 บาท เสนอเป็นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จำนวน 488,330,700 บาท ส่วนที่เหลือผูกพันปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 – พ.ศ. 2570 จำนวน 1,953,322,700 บาท

3. โครงการปรับปรุงคลองบางขนาก จังหวัดฉะเชิงเทรา จำนวน 3 รายการ วงเงินทั้งสิ้น 6,492,600,000 บาท เสนอเป็นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จำนวน 1,298,520,000 บาท ส่วนที่เหลือผูกพันปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 – พ.ศ. 2569 จำนวน 5,194,080,000 บาท ประกอบด้วย

    3.1 รายการกำแพงป้องกันน้ำท่วมพร้อมอาคารประกอบ โครงการปรับปรุงคลองบางขนาก จังหวัดฉะเชิงเทรา วงเงินทั้งสิ้น 2,070,100,000 บาท เสนอเป็นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จำนวน 414,020,000 บาท ส่วนที่เหลือผูกพันปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 – พ.ศ. 2569 จำนวน 1,656,080,000 บาท

    3.2 รายการกำแพงป้องกันน้ำท่วมพร้อมอาคารประกอบ โครงการปรับปรุงคลองบางขนาก จังหวัดฉะเชิงเทรา (สัญญาที่ 2) วงเงินทั้งสิ้น 2,106,100,000 บาท เสนอเป็นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จำนวน 421,220,000 บาท ส่วนที่เหลือผูกพันปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 – พ.ศ. 2569 จำนวน 1,684,880,000 บาท

    3.3 รายการกำแพงป้องกันน้ำท่วมพร้อมอาคารประกอบ โครงการปรับปรุงคลองบางขนาก จังหวัดฉะเชิงเทรา (สัญญาที่ 3) วงเงินทั้งสิ้น 2,316,400,000 บาท เสนอเป็นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จำนวน 463,280,000 บาท ส่วนที่เหลือผูกพันปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 – พ.ศ. 2569 จำนวน 1,853,120,000 บาท

4. โครงการปรับปรุงคลองระพีพัฒน์แยกใต้ จังหวัดปทุมธานี รายการกำแพงป้องกันน้ำท่วมพร้อมอาคารประกอบ โครงการปรับปรุงคลองระพีพัฒน์แยกใต้ จังหวัดปทุมธานี (สัญญาที่ 1) วงเงินทั้งสิ้น 1,500,000,000 บาท เสนอเป็นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จำนวน 300,000,000 บาท ส่วนที่เหลือผูกพันปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 – พ.ศ. 2570 จำนวน 1,200,000,000 บาท

5. โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำคลองระพีพัฒน์ จังหวัดสระบุรี รายการกำแพงป้องกันน้ำท่วมพร้อมอาคารประกอบ โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำคลองระพีพัฒน์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (สัญญาที่ 1) วงเงินทั้งสิ้น 1,350,000,000 บาท เสนอเป็นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จำนวน 270,000,000 บาท ส่วนที่เหลือผูกพันปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 – พ.ศ. 2569 จำนวน 1,080,000,000 บาท

อนุมัติ มท.ลงทุน 4 โครงการ 10,636 ล้านบาท

นายชัย กล่าวต่อว่า ที่ประชุม ครม. มีมติอนุมัติในหลักการให้กระทรวงมหาดไทยนำรายการที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไปของ 3 หน่วยงาน จำนวน 4 โครงการ วงเงินทั้งสิ้น 10,636.2438 ล้านบาท เพื่อเสนอเป็นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ตามนัยมาตรา 26 ของพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2566 เรื่อง การปรับปรุงปฏิทินงบประมาณ พร้อมแนวทางการจัดงบประมาณและยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้

1. สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย จำนวน 1 โครงการ ได้แก่ โครงการก่อสร้างศูนย์ราชการกระทรวงมหาดไทย ระยะที่ 2 วงเงินทั้งสิ้น 3,344.3738 ล้านบาท เสนอเป็นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จำนวน 668.8748 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจำนวน 2,675.4990 ล้านบาท ผูกพันปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 – พ.ศ. 2570

2. การประปาส่วนภูมิภาค จำนวน 1 โครงการ ได้แก่ โครงการก่อสร้างปรับปรุงขยายการประปาส่วนภูมิภาคสาขาพังงา – ภูเก็ต ระยะที่ 1 อำเภอเมือง – ตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต วงเงินทั้งสิ้น 3,269.8700 ล้านบาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณ จำนวน 2,452.4025 ล้านบาท เสนอเป็นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จำนวน 490.4805 ล้านบาท ผูกพันปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 – พ.ศ. 2569 จำนวน 1,961.9220 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจำนวน 817.4675 ล้านบาท เบิกจ่ายเงินกู้ภายในประเทศ หรือเงินรายได้สมทบตามความเหมาะสมและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

3. กรุงเทพมหานคร จำนวน 2 โครงการ วงเงินรวมทั้งสิ้น 4,022.0000 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายการที่ยังไม่ได้กำหนดสัดส่วนแหล่งเงินค่าก่อสร้างที่จะดำเนินโครงการระหว่างเงินอุดหนุนรัฐบาลกับเงินรายได้กรุงเทพมหานคร ได้แก่

    3.1 โครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเลบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร และศูนย์สำรวจและเฝ้าระวังชายฝั่ง วงเงินรวมทั้งสิ้น 1,718.0000 ล้านบาท

    3.2 โครงการก่อสร้างระบบรวบรวมน้ำเสียและระบบบำบัดน้ำเสียมีนบุรี ระยะที่ 2 วงเงินทั้งสิ้น 2,304.0000 ล้านบาท