ThaiPublica > เกาะกระแส > “เศรษฐา” สั่ง “ธรรมนัส” เตรียมมาตรการเพิ่มรายได้เกษตรกร/รับมือเอลนีโญ ชงครม.นัดแรก 13 ก.ย.นี้

“เศรษฐา” สั่ง “ธรรมนัส” เตรียมมาตรการเพิ่มรายได้เกษตรกร/รับมือเอลนีโญ ชงครม.นัดแรก 13 ก.ย.นี้

6 กันยายน 2023


เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (นัดพิเศษ) ณ ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล
ที่มาภาพ : www.thaigov.go.th/

“เศรษฐา” สั่ง “ธรรมนัส” รวบรวมข้อมูล – จัดทำมาตรการเพิ่มรายได้เกษตรกร – แก้ปัญหาเอลนีโญ ชง ครม.นัดแรก 13 ก.ย.นี้ ยอมรับเป็นนายก ฯกดดัน ประชาชนคาดหวังสูง – ขอเวลาทำงาน 3-6 เดือน พิสูจน์ความเป็นอิสระจากครอบครัวชินวัตร

เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2566 ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (นัดพิเศษ) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง กล่าวว่า “วันนี้เป็นการพบปะพูดคุยครั้งแรก ครม. วาระพิเศษ เป็นการรับฟังความเห็นพูดคุยกัน ไม่ได้เป็นการสั่งการใดๆ ทั้งสิ้น เป็นการให้แนวทางเฉย ๆถึงวิธีการทำงานของรัฐบาล ซึ่งเป็นรัฐบาลของประชาชน เราต้องทำงานเพื่อประชาชน ลืมความเหน็ดเหนื่อย ยึดหลักตามกฎหมาย และความชอบธรรมเรื่องการจัดสรรงบประมาณ และดูให้ดีเรื่องของการจัดสรรงบประมาณที่เหมาะสม ให้เกียรติกับข้าราชการเวลาสั่งการ”

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกรัฐมนตรีห่วงเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายตอนนี้ ได้มีการกำชับอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ในช่วงนี้เป็นฤดูกาลโยกย้ายพอดี และเป็นที่ทราบกันดีอยู่ว่าเรื่องพวกนี้มักมีเกิดขึ้นอยู่ตลอด ไม่ใช่แค่ว่าช่วงนี้ ซึ่งหลายๆ ช่วงรัฐบาลไหนก็ตามที ซึ่งอยากจะเน้นย้ำข้าราชการเป็นภาคส่วน ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งกับการขับเคลื่อนประเทศ เขาทำงานมาตลอดชีวิต อยากได้ความก้าวหน้าทางหน้าที่การงาน การปูนบำเหน็จทั้งหลาย ก็ขออยากให้เป็นธรรมด้วยผลงาน ไม่ใช่จากการซื้อขายตำแหน่ง

เมื่อถามว่า ข้าราชการสบายใจได้หรือไม่ว่าจะไม่มีการซื้อขายตำแหน่งเกิดขึ้น นายเศรษฐา กล่าวว่า จะพยายามและถือเป็นนโยบายหลักเรื่องแรกๆ ที่ตนพูดไป หวังว่า รัฐมนตรีทุกท่านจะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นพิเศษ เพราะจริงๆ แล้วคณะรัฐมนตรีเรามีนโยบายดี ๆ ที่จะแถลงต่อรัฐสภา ซึ่งหลายๆ เรื่อง เราต้องการการขับเคลื่อนจากภาคข้าราชการเยอะ ถ้าหากเราไม่ให้เกียรติเขา หรือ ไม่ให้ความเป็นธรรมกับเขาในเรื่องการขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ก็จะเป็นไปได้ด้วยความลำบาก

เมื่อถามถึงเรื่องนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ไม่อยู่ในคำแถลงนโยบายต่อรัฐสภา นายเศรษฐา กล่าวว่า เป็นคำแถลงกว้าง ๆ ถึงระบบขนส่งมวลชนทั้งหมด ทั้งทางน้ำ ทางอากาศ ทางบก ทางราง ในเรื่องรถไฟฟ้าต้องมาดูว่า เราต้องเชื่อมต่อทุกสายให้เข้ากันเป็นรูปธรรม และต้องใช้บัตรใบเดียวเพื่อความสะดวก เรื่องทั้งหมดต้องกลับมาดูว่าค่าใช้จ่ายที่เหมาะสมจะเป็นเท่าไหร่ รัฐบาลจะต้องชดเชย จุนเจือเท่าไหร่ ในแง่ของงบประมาณทั้งหมด ขอเวลานิดหนึ่ง บรรจุไว้เป็นเรื่องคร่าวๆอยู่แล้ว

เมื่อถามว่าจะทำได้เมื่อไหร่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ขอเวลานิดหนึ่ง ตอนนี้นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ยังไม่ได้เข้ากระทรวงเลย ทุกอย่างเป็นเรื่องเร่งด่วนหมด

ส่วนการแถลงนโยบายนอกจากนายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้แถลงแล้ว หากมีการพาดพิงจะมอบหมายให้รัฐมนตรี และคนอื่นที่เกี่ยวข้องชี้แจงหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หากกระทรวงไหนที่เกี่ยวข้องหรือถูกพาดพิง หรือ ต้องการการอธิบายในเชิงลึก เชื่อว่า รัฐมนตรีทุกท่านเตรียมพร้อม และวันนี้ได้มีการพูดคุยกันในเรื่องนี้

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ที่มาภาพ : www.thaigov.go.th/

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรที่จะเพิ่มขึ้นอย่างไร เพราะว่ามีปัญหาเอลนีโญค่อนข้างรุนแรง น้ำน้อยจะแก้ปัญหาในเรื่องนี้อย่างไร

นายเศรษฐา กล่าวว่า เป็นคำถามที่ดี เรื่องของการเกษตร และปากท้องของคนไทยทุกคน เป็นเรื่องที่รัฐบาลนี้ตระหนักดี ตั้งแต่ที่หาเสียงก็ใช้เป็นนโยบายหลักของพรรคเพื่อไทย และเมื่อมาอยู่ในพรรคร่วมรัฐบาล ทุกพรรคการเมืองก็เห็นด้วย ที่จะต้องให้ความสำคัญกับภาคการเกษตร ทั้งเรื่องการขยายตลาดรายได้ ซึ่งอาจมี 2 เรื่องที่อาจย้อนแย้ง คือ การเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร ก็จะต้องมีการส่งออก แต่จะส่งออกอะไร และถ้าส่งออกไปแล้ว คนไทยไม่มีกิน เราจึงต้องมาดูให้ดี และการเพิ่มรายได้ก็คือเรื่องการส่งออก ก็ต้องมีการเปิดตลาดใหม่ โดยเฉพาะการเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูก การลดค่าใช้จ่าย ทั้งเรื่องปุ๋ยและยาฆ่าแมลง ซึ่งทั้งหมดจะเป็นการเพิ่มรายได้สุทธิของเกษตรกร แต่เราต้องคำนึงถึงว่าพืชบางชนิด อาจจะมีการขาดแคลน ที่เกิดจากปรากฎการณ์เอลนีโญเอฟเฟค

ถามว่า ก่อนหน้านี้เกษตรกรปลูกข้าวเสียหายประมาณ 7 ล้านตัน ทั้งปีนี้และมีเกษตรกรไม่สามารถปลูกข้าวได้เลย 9 ล้านไร่ ตรงนี้รัฐบาลจะต้องมีการชดเชยหรือไม่ ตามนโยบายรัฐบาล

นายเศรษฐา กล่าวว่า “ขอไปดูข้อมูลก่อน ตรงนี้ตนยังไม่ได้รับรายงาน. ขอหลังแถลงนโยบายครับ เรื่องของการแก้ปัญหานี้ รัฐบาลตระหนักดี ในการประชุม ครม.นัดแรก ขอให้อดใจอีกนิด เราจะประชุม ครม.ครั้งแรกในวันที่ 13 กันยายนนี้ จะมีมาตรการต่างๆออกมาเกี่ยวกับเรื่องเอลนีโญ ขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวบรวมข้อมูลนิดนึง”

ส่วนการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจคนใหม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่แน่ใจว่าใช้คำว่าว่า เบรกจะถูกต้องหรือเปล่า แต่ตนจะไปนั่งประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) เอง กำลังหาวันที่เหมาะสมไปประชุม ก.ตร.

เมื่อถามว่า ตำแหน่ง ผบ.ตร. คนใหม่มีชื่ออยู่ในใจหรือยัง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “ยังครับๆ ตอนนี้ยังไม่ได้เข้าบริหารราชการเลย ขออาทิตย์หน้าหลังแถลงนโยบายก่อน”

เมื่อถามว่า เรื่องห้ามการซื้อขายตำแหน่ง จะรวมไปถึงในส่วนของตำรวจด้วยหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เปล่าครับ ทุกๆ ส่วนราชการ ไม่ได้เจาะจง หรือ ไปบอกว่าเป็นหน่วยงานไหนที่มีปัญหามากเป็นพิเศษ

ถามว่าจะพิจารณาถึงผลงานและความอาวุโสด้วยหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า “ทั้ง 2 อย่างครับ”

ผู้สื่อข่าวถามถึงความเป็นอิสระในการบริหารงานของนายกรัฐมนตรี ท่ามกลางพรรคเพื่อไทย (พท.) และนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

นายเศรษฐา กล่าวว่า ขอเวลา 3-6 เดือน เพื่อบริหารงาน จากนั้นสื่อมวลชนค่อยมาถามอีกครั้ง แต่เชื่อว่ามีอิสระทางด้านความคิด ซึ่งไม่ใช่แค่ครอบครัวชินวัตร ถ้าใครมีข้อมูลดี ๆ หรือคำแนะนำดีๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน ก็พร้อมรับฟัง อะไรที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชน ใครที่มีข้อมูลหรือคำแนะนำที่ดี ผมพร้อมรับฟัง วันนี้ผมและรัฐบาลนี้เรามาทำงานเพื่อประชาชน อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน ใครที่มีข้อมูลหรือมีคำแนะนำที่ดีพร้อมรับฟัง”

ส่วนที่จะเดินทางไปประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติครั้งที่ 78 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา นายเศรษฐา กล่าวว่า ถือเป็นโอกาสหนึ่งที่ทำให้ต่างประเทศสนใจประเทศไทยมากขึ้น ปัจจุบันมอบหมายให้กระทรวงต่างประเทศ รวบรวมรายชื่อผู้นำประเทศที่เราจะเข้าพบ ส่วนตัวพยายามนัดหมายกับนักธุรกิจระดับโลก เพื่อพูดคุยเรื่องการลงทุนในไทย พร้อมกับกำลังนัดหมายกับผู้นำสหรัฐอเมริกา น่าจะได้พบกัน เพราะท่านจะเลี้ยงอาหารค่ำหนึ่งวันด้วย

นายเศรษฐา ยอมรับว่ารู้สึกกดดัน เพราะปัญหาของพี่น้องประชาชนเป็นเรื่องใหญ่ อาสาเข้ามาทำงานแล้ว ต้องยอมรับ เรามีความตั้งใจจริง เพียงแต่ขอเวลานิดหนึ่ง ส่วนจะเข้ากระทรวงการคลังเมื่อไร คงต้องดูฤกษ์ ทั้งฤกษ์สะดวกและฤกษ์ตามฮวงจุ้ย