ThaiPublica > สู่อาเซียน > ASEAN Roundup เวียดนามเร่งส่งออกข้าวหลังราคาตลาดโลกพุ่ง

ASEAN Roundup เวียดนามเร่งส่งออกข้าวหลังราคาตลาดโลกพุ่ง

6 สิงหาคม 2023


ASEAN Roundup ประจำวันที่ 30 กรกฎาคม – 5 สิงหาคม 2566

  • เวียดนามเร่งส่งออกข้าวหลังราคาตลาดโลกพุ่ง
  • เวียดนาม-จีนยกระดับการค้าผ่านเส้นทางรถไฟ
  • ชาวเวียดนามนิยมชำระเงินผ่าน QR-มือถือ
  • เวียดนามเทรดคริปโทเคอร์เรนซีสูงติดอันดับ 4 ของโลก
  • ชาวกัมพูชาแห่ใช้ e-wallet ชำระเงิน
  • ผลเลือกตั้งกัมพูชา พรรค CPP ของฮุนเซนนำขาด
  • ลาวเร่งเดินหน้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัล
  • เวียดนามเร่งส่งออกข้าวหลังราคาตลาดโลกพุ่ง

    ที่มาภาพ: https://e.vnexpress.net/news/news/vietnam-farmers-benefit-from-india-s-rice-export-ban-4633771.html

    กระทรวงเกษตรและการพัฒนาชนบทของเวียดนามได้เสนอให้นายกรัฐมนตรีพิจารณายกระดับการส่งออกข้าว หลังจากราคาข้าวในตลาดโลกกำลังเพิ่มสูงขึ้น อันเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงยุทธศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับข้าวในหลายประเทศ ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ รัสเซียระงับข้อตกลงสำคัญที่อนุญาตให้ส่งออกธัญพืชจากยูเครนผ่านทะเลดำ

    ข้อตกลงดังกล่าวดำเนินการโดยสหประชาชาติและตุรกีในเดือนกรกฎาคม มีเป้าหมายเพื่อบรรเทาวิกฤติอาหารโลกโดยอนุญาตให้ส่งออกธัญพืชของยูเครนได้อย่างปลอดภัย หลังจากเกิดความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน

    อินเดียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ก็ห้ามส่งออกข้าวเช่นกัน โดยเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคมอินเดียห้ามส่งออกข้าวขาวอื่นๆที่ไม่ใช่ข้าวบาสมาติ ต่อมาวันที่ 28 กรกฎาคม สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ห้ามส่งออกข้าวและส่งกลับออกไป(re-export) ข้าวที่นำเข้ามาจากอินเดียเป็นเวลา 4 เดือน

    นอกจากนี้สภาพอากาศที่แห้งแล้งของเอลนีโญ การรุกล้ำของน้ำเค็มที่เลวร้ายลง และความแห้งแล้งคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อการผลิตและการส่งออกข้าวทั่วโลก

    ข้อเสนอของกระทรวงเพื่อเพิ่มการส่งออกข้าวมีเป้าหมายเพื่อตอกย้ำสถานะของเวียดนามในห่วงโซ่อุปทานอาหารโลก และเป็นหลักความมั่นคงทางอาหารของโลกท่ามกลางความไม่แน่นอนต่างๆ

    กระทรวงยังได้เสนอให้นายกรัฐมนตรี ประกาศแนวทางเกี่ยวกับการกระตุ้นการส่งออกข้าวต่อกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกระทรวงเกษตรและการพัฒนาชนบทควรจับตาการผลิตข้าวอย่างใกล้ชิด และดำเนินการป้องกันศัตรูพืชและตอบสนองต่อสภาพอากาศที่ผิดปกติเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการผลิตข้าว 43 ล้านเมตริกตันในปีนี้

    รวมทั้งเสนอให้รัฐบาลมอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า กระตุ้นการส่งออกข้าวโดยคาดการณ์การส่งออกข้าวทั่วโลก การนำเข้า การบริโภค และราคาข้าว

    หน่วยงานในจังหวัดและเมืองต่างๆ ควรสร้างเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยต่อชาวนาและบริษัทข้าวในการปลูก ผลิต และค้าข้าว ตามข้อเสนอ

    กระทรวงเกษตรยังเสนอแนะ ให้มอบหมายสมาคมอาหารเวียดนาม แสวงหาผู้นำเข้าข้าวต่างประเทศเพื่อให้การส่งออกข้าวเวียดนามราบรื่น

    การห้ามส่งออกข้าวขาวที่ไม่ใช่ข้าวบาสมาตีของอินเดีย ส่งผลให้ราคาข้าวในภูมิภาคสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงของเวียดนามเมื่อสัปดาห์ที่แล้วพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา

    เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม อินเดียได้ออกคำสั่งห้ามการส่งออกข้าว โดยมีเป้าหมายเพื่อให้มีข้าวเพียงพอในประเทศในราคาที่เหมาะสม การห้ามส่งออกข้าวส่งผลให้ราคาข้าวเพิ่มขึ้นไปที่ 445-450 เหรียญสหรัฐต่อตัน ซึ่งสูงเป็นประวัติการณ์ในช่วง 5 ปีครึ่งที่ผ่านมา

    ราคาข้าวหัก 5 เปอร์เซนต์ ของเวียดนามเพิ่มขึ้นเป็น 550-575 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตันเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม สูงสุดนับตั้งแต่ปี 2554 ในสัปดาห์ก่อนหน้านั้นอยู่ที่ 515-525 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตันเท่านั้น ขณะที่ราคาข้าวหัก 5 เปอร์เซนต์ ของไทยก็เพิ่มขึ้นเป็น 605-610 เหรียญสหรัฐต่อตันในวันที่ 27 กรกฎาคม ซึ่งสูงที่สุดในรอบ 11 ปีที่ผ่านมา

    ในวันอังคาร(1 ส.ค.)ข้าวหัก 5 เปอร์เซ็นต์ของเวียดนามขายในราคา 588 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน เพิ่มขึ้น 55 ดอลลาร์ต่อตันเมื่อเทียบกับราคาที่กำหนดเมื่อ 10 วันก่อนหน้า จากข้อมูลของสมาคมค้าข้าว

    ราคาข้าวหัก 5 เปอร์เซ็นต์ ของเวียดนามต่ำกว่าราคาข้าวไทย 35 เหรียญสหรัฐต่อตัน

    ราคาส่งออกข้าวเฉลี่ยของเวียดนามในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2566 อยู่ที่ 539 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น 10.2% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ตามข้อมูลของกรมศุลกากรเวียดนาม

    ณ เดือนกรกฎาคม เวียดนามส่งออกข้าวมูลค่า 2.58 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยราคาข้าวเฉลี่ยอยู่ที่ 534 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น 9.2% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

    เวียดนามมีเป้าหมายที่จะส่งออกข้าวมากกว่า 7.5 ล้านตัน คิดเป็น มูลค่า 4.1 พันล้านเหรียญสหรัฐในปีนี้

    ผู้ค้ารายหนึ่งในนครโฮจิมินห์กล่าวว่า ผู้ส่งออกคาดว่า ราคาข้าวจะสูงขึ้นอีกหลังจากที่อินเดียจำกัดการส่งออกข้าว

    ด้านสมาคมอาหารเวียดนามกล่าวว่า เวียดนามไม่มีแผนที่จะจำกัดการส่งออกข้าวในขณะนี้ หลังจากการจำกัดการส่งออกข้าวของอินเดียทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับอุปทานทั่วโลกของวัตถุดิบ

    “ขณะนี้ บริษัทเวียดนามส่งออกข้าวตามปกติ” เหวียน หง็อก นัม ประธานสมาคมอาหารเวียดนาม ซึ่งเป็นตัวแทนของผู้แปรรูปและผู้ส่งออกข้าวของประเทศและทำงานใกล้ชิดกับรัฐบาล กล่าว

    อินเดียซึ่งมีสัดส่วน 40% ของการส่งออกข้าวของโลก ได้สั่งระงับการส่งออกข้าวประเภทใหญ่ที่สุดเมื่อกว่าสัปดาห์ที่แล้ว เพื่อดึงราคาในประเทศลง จากที่พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบหลายปีในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากสภาพอากาศที่แปรปรวนคุกคามการผลิต

    นัมกล่าวว่า ราคาข้าวของเวียดนามเพิ่มสูงขึ้นนับตั้งแต่อินเดียประกาศจำกัดการส่งออกเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม และว่า เวียดนามซึ่งเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก รองจากอินเดียและไทย ยังคงเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวรอบฤดูร้อน – ใบไม้ร่วง

    ประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ของฟิลิปปินส์ กล่าวว่า ฟิลิปปินส์ต้องเพิ่มสต็อกข้าว และอาจทำข้อตกลงด้านอุปทานกับอินเดีย เพราะกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากสภาพอากาศที่แห้งแล้งต่อการเก็บเกี่ยวในประเทศและซัพพลายเออร์รายอื่นๆ

    ฟิลิปปินส์เป็นผู้ซื้อข้าวรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม

    เวียดนาม-จีนยกระดับการค้าผ่านเส้นทางรถไฟ

    ที่มาภาพ: https://en.vietnamplus.vn/first-freight-train-on-shijiazhuang-yen-vien-railway-route-welcomed/265514.vnp
    เมื่อวันที่ 2 สิงหาคมได้มีพิธีต้อนรับรถไฟบรรทุกสินค้าขบวนแรกในเส้นทางรถไฟฉือเจียจวง ของจีนกับ เข้าสู่สถานีเยน เวียน ในกรุงฮานอยของเวียดนาม

    ดาง ไซ มันห์ ประธานสภาสมาชิกของ Vietnam Railway Corporation (VRC) กล่าวว่า รถไฟขนส่งสินค้าต่อเนื่องระหว่างประเทศขบวนแรกที่เริ่มจาก ฉือเจียจวง ถึง เยน เวียน วิ่งในระยะทางประมาณ 2,700 กิโลเมตร ใช้เวลา 4-5 วัน ที่เริ่ม โดยมีตู้สินค้า 23 ตู้และบรรทุกสินค้าเกือบ 800 ตัน ซึ่งมีทั้งอุปกรณ์โลหะ สารเคมี และปุ๋ย

    เซียง โป เอกอัครราชทูตจีนประจำเวียดนามกล่าวว่า การเปิดตัวเส้นทางรถไฟสายนี้อย่างเป็นทางการเป็นก้าวสำคัญในโครงการ Belt and Road Initiative ระหว่างจีนและเวียดนาม ซึ่งช่วยให้ผลิตภัณฑ์คุณภาพของทั้งสองประเทศเจาะตลาดระหว่างกันได้สะดวกยิ่งขึ้น

    ในงานดังกล่าว บริษัทขนส่งทางรถไฟและการค้า JSC (Ratraco) และบริษัท Shijiazhuang Inland Port Co. Ltd. ได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือที่ครอบคลุม

    ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า เส้นทางนี้จะส่งเสริมการค้าสองทางระหว่างมณฑลเหอเป่ยของจีนกับประเทศในอาเซียน จะนำไปสู่การสร้างกลไกเสริมสำหรับการจัดหาวัตถุดิบร่วมกันระหว่างอาเซียนและพื้นที่สามเหลี่ยมปักกิ่ง-เทียนจิน-เหอเป่ยในจีน

    ชาวเวียดนามนิยมชำระเงินผ่าน QR-มือถือ

    ที่มาภาพ: https://en.vietnamplus.vn/mobile-phone-qr-code-payments-soar-in-popularity/265129.vnp

    การชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์และแบบไม่ใช้เงินสด เพิ่มขึ้นอย่างมากในเวียดนามในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ โดยการทำธุรกรรมทางอินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้น 76% ในเชิงปริมาณและ 1.79% ในเชิงมูลค่า

    การชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือยังเพิ่มขึ้นถึง 65% ในเชิงปริมาณและ 77% ในเชิงมูลค่า ในขณะที่การทำธุรกรรมผ่านคิวอาร์โค้ดเพิ่มขึ้น 152% และมูลค่าเพิ่มขึ้น 301% ตามลำดับ ในขณะเดียวกัน ธุรกรรมที่ทำผ่านตู้เอทีเอ็มมีปริมาณลดลง 4% และมูลค่าลดลง 6%

    รัฐบาลได้ผลักดันโครงการ National Digital Transformation จนถึงปี 2025 โดยมีวิสัยทัศน์ถึงปี 2030 นอกจากนี้ ธนาคารของรัฐยังได้ประกาศแผนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลของอุตสาหกรรมการธนาคารไปจนถึงปี 2025 โดยมีวิสัยทัศน์ถึงปี 2030 ซึ่งเป็นโอกาสสำหรับธนาคารในการปรับโฉมธุรกิจปรับปรุงบริการทางการเงิน และปรับตัวให้เข้ากับภูมิทัศน์ที่เปลี่ยนแปลง โดยการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลายที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า

    ในการประชุมเชิงปฏิบัติการ “Finovate Innovation Day: When Innovation Meets Sustainability” ซึ่งจัดโดยศูนย์นวัตกรรมแห่งชาติ และ JobHopin นั้น เหวียน ก๊วก หุ่ง รองประธานและเลขาธิการสมาคมธนาคารเวียดนามเปิดเผยว่า ธนาคารและสถาบันสินเชื่อ 96 แห่งในเวียดนามกำลังพัฒนากลยุทธ์การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลอย่างแข็งขัน ยิ่งไปกว่านั้น 92% ของธนาคารได้พัฒนาอินเทอร์เน็ตและแอพมือถือเพื่อยกระดับบริการของตน

    เหวียน ก๊วก หุ่งกล่าวอีกว่า การชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์มีมูลค่าเฉลี่ยต่อวันสูงถึงประมาณ 900,000 ล้านล้านดอง (4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) จากธุรกรรมมากกว่า 8 ล้านรายการต่อวัน ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มที่แข็งแกร่งของ การชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ เป็นผลจากการที่ธนาคารและตัวกลางการชำระเงินเชื่อมโยงกันในการทำธุรกรรมแบบเรียลไทม์

    นอกจากนี้กว่า 70% ของผู้ใหญ่ในเวียดนามมีบัญชีธนาคารผ่านช่องทางดิจิทัล อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้สำหรับธนาคารลดลงประมาณ 30% ทำให้ประหยัดต้นทุนได้อย่างมาก

    จากการสำรวจการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัลในปี 2566 โดยกลุ่มบริการทางการเงินของ DBS พบว่า เวียดนามอยู่ในอันดับที่สองรองจากสิงคโปร์เท่านั้นในบรรดา 10 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในระดับของการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล เพื่อยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าและการมีส่วนร่วมในภาคการเงิน

    เวียดนามเทรดคริปโทเคอร์เรนซีสูงติดอันดับ 4 ของโลก

    ที่มาภาพ: https://e.vnexpress.net/news/markets/vietnam-ranks-4th-in-global-cryptocurrency-trade-4637885.html
    เวียดนามติด อันดับที่ 4 ของโลกในด้านปริมาณการซื้อขายคริปโทเคอเรนซี จากที่บันทึกโดย Binance ในเดือนพฤษภาคม มีมูลค่ารวม 20.84 พันล้านดอลลาร์

    จีนเป็นผู้นำด้วยมูลค่าการซื้อขาย 90.08 พันล้านเหรียญสหรัฐและคิดเป็น 20% ของวอลุ่มทั้งหมดของ Binance ในเดือนนั้น ตามมาด้วยเกาหลีใต้ (58.32 พันล้านเหรียญสหรัฐ) และตุรกี (44.42 พันล้านดอลลาร์)

    Binance เป็นตลาดสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลกในแง่ของปริมาณการซื้อขายรายวัน เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2560

    รายงานก่อนหน้านี้โดย Nikkei Asia กล่าวว่า ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2564 ถึงมิถุนายน 2565 เวียดนามมีการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลมูลค่า 112.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ เป็นอันดับสองในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รองจากไทยที่ 135.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ

    ในปี 2565 เป็นปีที่สองติดต่อกัน เวียดนามได้รับการจัดอันดับเป็นที่หนึ่งใน Global Cryptocurrency Adoption Index ที่เผยแพร่โดย Chainalysis บริษัทวิเคราะห์ตลาดบล็อกเชน

    ชาวกัมพูชาแห่ใช้ e-wallet ชำระเงิน

    ที่มาภาพ: https://m.phnompenhpost.com/business/nbc-e-wallet-accounts-cambodia-hit-179m-2022

    ธนาคารแห่งชาติกัมพูชา (National Bank of Cambodia-NBC) เปิดเผยว่า กัมพูชามีการชำระเงินผ่านมือถือเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากคนจำนวนมากขึ้นหันมาเลือกทำธุรกรรมด้วยช่องทางดิจิทัลมากกว่าเงินสด

    ส่งผลให้จำนวน บัญชี e-walletที่ลงทะเบียนเพิ่มขึ้นเป็น 20.2 ล้าน ณ เดือนมิถุนายนปีนี้

    จำนวนธุรกรรมทั้งหมดเพิ่มขึ้นเป็น 333.7 ล้านรายการในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ จาก 211.2 ล้านรายการในช่วงเวลาเดียวกันในปี 2565 โดยมีมูลค่ารวม 58.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 98.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี

    ระบบการชำระเงินของกัมพูชาได้รับการพัฒนาให้ทันสมัย โดยใช้เทคโนโลยีใหม่ที่มุ่งเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการชำระเงิน เพื่ออำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการได้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น ยกระดับสภาพแวดล้อมทางการเงิน และส่งเสริมการบูรณาการระบบการชำระเงินในภูมิภาค นายเจีย จันโต ผู้ว่าการ NBC กล่าว

    “การชำระเงินระหว่างธนาคารในกัมพูชากลายเป็นเรื่องง่ายขึ้น เพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของบริษัท องค์กร และผู้บริโภค ซึ่งพึ่งพาการซื้อสินค้าออนไลน์และการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้นในยุคของเทคโนโลยีดิจิทัล”

    รายงานของ NBC ระบุว่า มีผู้ให้บริการการชำระเงินได้รับใบอนุญาต 35 แห่งและสถาบันการเงินและธนาคารสองแห่ง (BFIs) ได้รับอนุญาตให้ดำเนินธุรกิจการชำระเงิน

    ผลเลือกตั้งกัมพูชา พรรค CPP ของฮุนเซนนำขาด

    ที่มาภาพ: https://www.khmertimeskh.com/501080116/on-campaign-trail-campaign-kicked-off-on-saturday-and-will-end-on-june-4/
    คณะกรรมการการเลือกตั้งแห่งชาติ (กกต.) กัมพูชาประกาศผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอย่างเป็นทางการในเช้าวันที่ 5 สิงหาคม

    ผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาแห่งชาติครั้งที่ 7 อย่างเป็นทางการ พบว่า มีบัตรลงคะแนนเสียงที่ถูกต้องและใช้ได้ 7,774,276 เสียง และมีบัตรเสียทั้งหมด 440,154 เสียง

  • ‘ฮุน เซน’ ประกาศลาออก ‘ฮุน มาเนต’ ขึ้นนายกรัฐมนตรี 22 ส.ค.นี้
  • พรรคประชาชนกัมพูชา (Cambodian People’s Party-CPP) ได้รับคะแนนเสียงสูงสุดด้วยคะแนนเสียง 6,398,311 เสียง พรรคฟุนซินเปก( FUNCINPEC) ได้เสียงมากเป็นอันดับสองด้วยคะแนนเสียง 716,490 เสียง พรรค Cambodia United National Party ได้รับคะแนนเสียง 134,285 เสียง พรรคเยาวชนกัมพูชา( Cambodian Youth Party)ได้รับคะแนนเสียง 97,412 เสียง พรรค Theosophical ได้รับคะแนนเสียง 84,030 เสียง และพรรคอื่นๆ ได้รับคะแนนเสียงเพียงเล็กน้อย

    NEC ระบุว่า การเลือกตั้งสมาชิกสภาแห่งชาติครั้งที่ 7 ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 23 กรกฎาคม 2023 ประสบความสำเร็จ เสรีและเป็นธรรม โดยมีประชากรออกมาใช้สิทธิประมาณ 84.59% หรือมีผู้มีสิทธิเลือกตั้งมากกว่า 9 ล้านคนออกไปเลือกตั้ง

    ลาวเร่งเดินหน้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัล

    นายสอนไซ สีพันดอน นายกรัฐมนตรีสปป.ลาว ที่มาภาพ:https://www.vientianetimes.org.la/sub-new/Previous_27_y23/freeContent/FreeConten27_govtpledges_y23.php
    รัฐบาลสปป.ลาว กำลังดำเนินการภายใต้ยุทธศาสตร์เพื่อสร้างเศรษฐกิจดิจิทัล สังคมดิจิทัล และรัฐบาลดิจิทัล ด้วยการขับเคลื่อนวิสัยทัศน์การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลแห่งชาติ 20 ปี (2564-2583) ยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลแห่งชาติ 10 ปี (2564-2573) และแผนพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลแห่งชาติ 5 ปี (2564-2568)

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีและการสื่อสาร ศ.ดร.บ่อเวียงคำ วงดาลา ได้รายงานนายกรัฐมนตรีสอนไซ สีพันดอน ซึ่งเป็นประธานการประชุมครั้งแรก-ของคณะกรรมการแห่งชาติเพื่อการปฏิรูปสู่ดิจิทัลเมื่อวันพฤหัสบดี(3 ส.ค.)ว่า การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลถือเป็นปฏิวัติที่สำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมและความทันสมัยของลาว

    กระบวนการดังกล่าวจะสนับสนุนการพัฒนาทางสังคมและเศรษฐกิจของลาวในระยะสั้นและระยะยาว การสร้างเศรษฐกิจดิจิทัลจะช่วยยกระดับประสิทธิภาพและเพิ่มมูลค่าให้กับกิจกรรมเชิงพาณิชย์และเศรษฐกิจ การผลิต การส่งมอบ การขาย การบริการ และการจัดการ ขณะที่สังคมดิจิทัลจะช่วยให้ประชาชนเข้าถึงบริการต่างๆ ได้อย่างกว้างขวางมากขึ้น และลดความเหลื่อมล้ำระหว่างเขตเมืองและชนบท และรัฐบาลดิจิทัลยังส่งผลให้มีการจัดการบริการภาครัฐที่โปร่งใสมากขึ้น ซึ่งเชื่อมโยงกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพสูง โดยเฉพาะการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านไอซีที

    กระทรวงกำลังเตรียมขยายการทดลองใช้ 5G และพัฒนาลาวให้เป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อและเกตเวย์ดิจิทัลภายในภูมิภาค และรับประกันความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่แข็งแกร่ง

    นายกรัฐมนตรีสอนไซ สีพันดอน แนะนำให้กระทรวงและสถาบันการวิจัยทั้งหมดจัดทำแผนปฏิบัติการโดยละเอียดที่เชื่อมโยงกับวิสัยทัศน์ ยุทธศาสตร์ และแผนการพัฒนาสำหรับเศรษฐกิจดิจิทัลแห่งชาติ และร่างข้อเสนอและโครงการลำดับความสำคัญภายในปี 2568

    นายกรัฐมนตรีสั่งการให้ทุกกระทรวงเร่งพัฒนาระบบเทคโนโลยี โดยเฉพาะโครงข่ายโทรคมนาคมและอินเทอร์เน็ต พร้อมยกระดับ ศูนย์ข้อมูลข่าวสารแห่งชาติและจัดทำบัตรประจำตัวอิเล็กทรอนิกส์และฐานข้อมูลดิจิทัลในแต่ละกระทรวง

    นอกจากนี้ ยังเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการเชื่อมโยงกระทรวงต่างๆ ด้วยระบบดิจิทัลเพื่อให้สามารถแบ่งปันข้อมูลได้ ตลอดจนยกระดับระบบดิจิทัลทั้งหมดของรัฐบาล และใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการจัดเก็บรายได้และรายจ่าย และควรมีการนำระบบดิจิทัลมาใช้อย่างกว้างขวางในการจัดหาเงินทุนและการสนับสนุนงบประมาณจากประชาคมระหว่างประเทศ

    ดร.สอนไซกล่าวว่า การขยายความร่วมมือกับภาคเอกชนให้มากขึ้นก็เป็นสิ่งจำเป็น เช่นเดียวกับการสนับสนุนทุนเพื่อสนับสนุนกิจกรรมและโครงการที่มีความสำคัญ ทั้งหมดนี้ต้องมีการติดตามอย่างใกล้ชิดและรายงานความคืบหน้าเพื่อให้แน่ใจว่าโครงการพัฒนามีประสิทธิภาพและประหยัด และหลีกเลี่ยงการลงทุนในโครงการที่ซ้ำซ้อน

    นายกรัฐมนตรีแนะนำว่า เจ้าหน้าที่รัฐทุกคนควรมีทักษะดิจิทัลขั้นพื้นฐานและควรเรียนรู้บทเรียนในสาขานี้จากประเทศอื่นๆ ควรมีการส่งเสริมความรู้ด้านดิจิทัลทั่วประเทศ