เป็นหนี้ต้องมีวันจบตอนนี้ เป็นเรื่องราวของคุณครูอีกราย ที่สำนวนสมัยนี้ใช้คำว่า สู้ชีวิต แต่ถูกชีวิตสู้กลับจนแทบล้มคว่ำ เป็นหนี้ก้อนโตถึง 7-8 ล้านบาท เพราะใช้จ่ายไปกับการรักษาและดูแลลูกคนโตที่ตกชิงช้า แขนหัก ขาหัก ต้องเข้าโรงพยาบาลเป็นปี ระหว่างนั้นสามีก็ตกงาน ยังมีลูกคนเล็กอายุได้ไม่ถึงขวบ ทำให้ชีวิตต้องวนเวียนอยู่กับการกู้เงินจนกลายเป็นหนี้จำนวนมหาศาล ครูจึงเข้าขอคำแนะนำจากโครงการแก้หนี้ เพราะตั้งใจจะปลดหนี้ที่มีอยู่ เพื่อให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น
ครูบอกว่า ค่าใช้จ่ายตอนรักษาลูก เมื่อคำนวณย้อนกลับไปสูงมาก ทำให้ต้องกู้หมดทุกทาง จนล้ม แชร์ก็ล้ม ทั้งแชร์ที่เล่นกับคนอื่นไว้ หรือที่ตั้งเอง พอล้ม เพื่อนที่กู้เงินไว้มีสัญญาด้วย เขาก็ฟ้องยึดทรัพย์ ยึดบ้าน ตอนนี้ไม่มีบ้านแล้ว กลายเป็นแบล็คลิสต์ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ธนาคารออมสิน ชีวิตเกือบตาย ต้องหลบหน้าหลบตาผู้คน อยู่ไม่ได้ แต่ยังไปสอนหนังสือปกติ ทำงานปกติ แต่พยายามไม่เจอผู้คน
“แต่โชคดีที่มีคนดูแลเรา คือพ่อแม่ น้อง เพื่อนอีก 5-6 คนที่ไม่ทิ้งกัน รวมทั้งผู้ใหญ่โรงเรียนก็เดินเรื่องช่วยให้ปิดยอดหนี้บางส่วน ถือว่ายืนขึ้นมาได้เพราะกำลังใจจากคนข้าง ๆ จนแม่ เพื่อน บอกให้ลุกขึ้น”
ครูกลับมาขายขนมปังปิ้ง ลูกชิ้นปิ้ง ขายน้ำ จนมีรายได้ส่วนหนึ่งไปชำระหนี้ พอมีโครงการแก้หนี้ ก็เข้าไปขอคำปรึกษา ซึ่งพอได้รับคำแนะนำ ก็วางแผนว่าจะเคลียร์หนี้ให้หมดภายใน 5 ปี โดยเริ่มเคลียร์หนี้ในระบบให้หมดก่อน และจะไม่ก่อหนี้ใหม่ ไม่กู้เงินสหกรณ์ด้วย
อ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็ม เป็นหนี้ต้องมีวันจบ (5) : ครูสู้ชีวิตตั้งใจปลดหนี้หนี้ 8 ล้าน ขอคืนความสุขครอบครัว ได้ที่เว็บไซต์ไทยพับลิก้า
อย่าลืม Subscribe กดติดตาม ที่ช่องทาง