ThaiPublica > เกาะกระแส > “ประภัสร์ จงสงวน” ค้าน ครม. รักษาการ รับทราบมติอีอีซี แก้สัญญารถไฟเชื่อม 3 สนามบิน

“ประภัสร์ จงสงวน” ค้าน ครม. รักษาการ รับทราบมติอีอีซี แก้สัญญารถไฟเชื่อม 3 สนามบิน

27 มิถุนายน 2023


นายประภัสร์ จงสงวน แกนนำพรรคเพื่อไทย อดีตผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)

“ประภัสร์ จงสงวน” ค้าน ครม. รักษาการ รับทราบมติอีอีซี แก้สัญญารถไฟเชื่อม 3 สนามบิน ทั้งยังผ่านจ่ายค่าสิทธิ “แอร์พอร์ต เรลลิงก์” รวมทั้งแก้เงื่อนไข “เหตุสุดวิสัย” ทั้งๆ ที่ยังไม่เริ่มตอกเสาเข็ม ตั้งคำถาม เสนอ ครม. “เพื่อทราบ” หมายถึง “การอนุมัติ” ตาม กม. อีอีซีหรือไม่ หวั่นทำรัฐเสียหายยิ่งกว่าค่าโง่โฮปเวล

นายประภัสร์ จงสงวน แกนนำพรรคเพื่อไทย อดีตผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และอดีตผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กล่าวว่า รู้สึกไม่สบายใจ และไม่เห็นด้วยกับกรณีที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะมีวาระรับทราบมติคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ที่เห็นชอบให้เอกชนผ่อนชำระค่าสิทธิร่วมลงทุนโครงการแอร์พอร์ตเรลลิงก์ (ARL) จำนวน 10,671.09 ล้านบาท บวกดอกเบี้ยและค่าเสียโอกาส ออกเป็น 7 งวด และแก้ไขสัญญาร่วมทุนเงื่อนไข ‘เหตุสุดวิสัย’ กรณีที่มีการแพร่ระบาดของโรค หรือมีสงคราม ที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินโครงการ

นายประภัสร์กล่าวต่อว่า เนื่องจาก ครม. ชุดนี้เป็นรัฐบาลรักษาการ จะไม่มีอำนาจแล้ว พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า นำเสนอ ครม. เพื่อทราบ แท้จริงแล้วคือการอนุมัติตามกฎหมายของอีอีซีใช่หรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นจริงจะสร้างปัญหาให้กับโครงการ และสร้างปัญหาให้กับรัฐบาลชุดใหม่เป็นอย่างมาก เพราะโดยหลักของทางราชการ สัญญาที่ลงนามไปแล้วไม่สามารถแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงได้ โดยเฉพาะส่วนที่เป็นสาระสำคัญ โดยคณะกรรมการอีอีซีที่ดูแลโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ที่เสนอ ครม. เพื่อทราบนั้น เป็นสาระสำคัญทั้งสิ้น โดยเฉพาะการจ่ายเงินช่วยเหลือให้บริษัทผู้ได้รับสัมปทาน (บริษัท เอเชีย เอรา วัน จำกัด) คู่สัญญาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน จากเดิมตามสัญญาคือ “จ่ายเงินเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดให้บริการ” เปลี่ยนเป็น “จ่ายตั้งแต่เริ่มดำเนินการก่อสร้าง” ทั้งนี้ ถามว่าการแก้ไขสัญญาการก่อสร้างรถไฟฟ้าเชื่อม 3 สนามบิน หัวใจสำคัญของโครงการนี้คือการใช้ประโยชน์จากที่ดินมักกะสัน ไม่ใช่การก่อสร้างรถไฟฟ้าใช่หรือไม่

ทั้งนี้ สัญญาการก่อสร้างดังกล่าวเริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2563 จนวันนี้ยังไม่มีการเริ่มก่อสร้างหรือตอกเสาเข็ม ซ้ำยังมีประเด็นพิพาท รวมถึงประเด็นการส่งมอบแอร์พอร์ตลิงก์ ซึ่งตามสัญญาต้องจ่ายเงินการส่งมอบรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) แต่กลับพบว่า มีการส่งมอบรถไฟแอร์พอร์ตลิงก์ไปแล้ว แต่จ่ายเงินเพียง 10% ส่วนเงินที่เหลืออีก 90% อยู่ในรายละเอียดของการแก้ไขสัญญาข้างต้น หากไม่พิจารณาอย่างถ่องแท้ หรือทำไปโดยความกดดันจากบุคคลใดบุคคลหนึ่ง อาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ภาครัฐยิ่งกว่ากรณีค่าโง่โฮปเวล จึงอยากให้ทุกฝ่ายพิจารณาเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วนด้วย

“เรื่องนี้หากเป็นจริง คงเป็นกระบวนการที่ไม่ค่อยถูกต้องเท่าไหร่ ผมเชื่อว่าเมื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้ามาทำงาน ผู้ที่เข้ามาดูแลกระทรวงคมนาคมจะพิจารณาในรายละเอียดอีกครั้งว่าเกิดอะไรขึ้น และเหตุผลที่แท้จริงที่ไม่สามารถก่อสร้างโครงการได้ แม้จะอ้างว่าเพราะสถานการณ์โควิด แต่ไม่มีความเกี่ยวข้องกันโดยตรง และจนถึงปัจจุบันสถานการณ์โควิดคลี่คลายลงมากแล้วจนเป็นโรคประจำถิ่น เหตุใดจึงไม่เร่งก่อสร้าง เหตุใดต้องแก้สัญญา” นายประภัสร์กล่าว