ThaiPublica > เกาะกระแส > นายกฯเปิดเวทีให้ รมต.ตอบคำถาม เริ่ม พ.ค.นี้-มติ ครม.ปรับแผนบริหารหนี้ฯกู้เพิ่ม 5 หมื่นล้าน

นายกฯเปิดเวทีให้ รมต.ตอบคำถาม เริ่ม พ.ค.นี้-มติ ครม.ปรับแผนบริหารหนี้ฯกู้เพิ่ม 5 หมื่นล้าน

12 เมษายน 2022


พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ที่มาภาพ : www.thaigov.go.th

นายกฯ เปิดเวทีสาธารณะมอบ รมต.ตอบคำถามประชาชน เริ่ม พ.ค.นี้-เตรียมมาตรการแก้ ‘ของแพง’ ช่วยเกษตรกร-ผู้บริโภค-ย้ำ “บิ๊กป้อม” ยืนยันเป็นร้อยครั้ง ไม่เป็นนายกฯ-มติ ครม.ปรับแผนบริหารหนี้สาธารณะกู้เพิ่ม 5 หมื่นล้าน-เลือกตั้ง ส.ส.เขต 3 ราชบุรี แทน “ปารีณา”-ผ่านเกณฑ์จัดชั้นนักโทษ ชี้ ‘อภัยโทษ’ ต้องรับโทษแล้ว 1 ใน 3-ปรับปรุงระบบสายส่งไฟฟ้าในอีอีซี 1.52 หมื่นล้าน

เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2565 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังการประชุมนายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว โดยวันนี้ ดร.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่รายงานข้อสั่งการแทนนายกรัฐมนตรี

อวยพร ครม.-สื่อ ขอให้มีความสุข-สุขภาพแข็งแรง

พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า ก่อนเริ่มการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ตนได้เป็นประธานการจัดงานสืบสานประเพณีวันสงกรานต์ ซึ่งมีคณะรัฐมนตรีได้มาร่วมทำบุญพระสงฆ์ สรงน้ำพระ รดน้ำนายกฯ และรองนายกฯ ทั้ง 3 คน ได้แก่ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ นายวิษณุ เครืองาม และนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ พร้อมทั้งกล่าวอวยพรปีใหม่ไทยให้คณะรัฐมนตรีว่า “ขอบคุณทุกคนที่ทำงานเพื่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ พร้อมอัญเชิญอำนาจพระศรีรัตนตรัย และพระบารมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ดลบันดาลประทานพรให้คณะรัฐมนตรีและข้าราชการทุกคนมีความสุขและสุขภาพแข็งแรง”

พลเอกประยุทธ์ กล่าวถึงสื่อมวลชนว่า ตนรู้สึกผูกพันและเคารพในการทำงานของสื่อมวลชนมาโดยตลอด ที่ผ่านมารัฐบาล ต้องทำงานร่วมกับสื่อท่ามกลางอุปสรรค ความเสี่ยง และความท้าทายต่างๆ ในช่วงวิกฤติที่ผ่านมาทั้งในอดีตและปัจจุบันพร้อมกัน

“ในฐานะที่ผมเป็นนายกรัฐมนตรี ขอใช้โอกาสนี้เป็นตัวแทนของรัฐบาลและภาครัฐขอบคุณสื่อทุกท่านอย่างจริงใจ ปีที่ผ่านมาท่านได้ช่วยเผยแพร่ข่าวสารและนโยบายของรัฐบาลไปสู่พี่น้องประชาชน เพื่อให้เกิดการรับรู้ความเข้าใจ ช่วยกันต่อต้านข่าวปลอมที่เกิดขึ้น ผมถือว่าสื่อมวลชนมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างการรับรู้และนำไปสู่การขับเคลื่อนนโยบายภาครัฐอย่างจริงจัง ถ้าไม่มีทุกท่านเราก็ทำงานลำบากมากกว่าเดิม” พลเอกประยุทธ์ กล่าว

พลเอกประยุทธ์ ยังกล่าวอวยพรประชาชนว่า ขอให้เป็นสงกรานต์ที่ปลอดภัยตามขนบธรรมเนียมประเพณีของไทย เตรียมตัวเองให้พร้อมในการขับรถ อย่าดื่มสุรา พักผ่อนให้เพียงพอ ตรวจสอบยานพาหนะ เคารพกฎจราจร และได้ย้ำเรื่องแผนความปลอดภัยทั้งการอำนวยความสะดวกความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน การป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ให้มีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกทุกเส้นทาง มีการตรวจขันเรื่อการวัดระดับแอลกอฮอล์อย่างเคร่งครัด

ระดม ‘หมอ-เตียง-ยา’ รับมือผู้ป่วยโควิดฯเพิ่ม

ส่วนรัฐบาล กระทรวงสาธารณสุข ศบค. ก็ได้หารือร่วมกันในการเตรียมความพร้อมระดมสรรพกำลังทางการแพทย์ เตียง ยา เวชภัณฑ์ให้เพียงพอต่อผู้ติดเชื้อที่อาจจะเพิ่มมากขึ้น ผมเองในนามรัฐบาลและนายกรัฐมนตรี ขอให้ทุกท่านมีความสุขในวันหยุดพักผ่อน ใช้เวลาที่มีคุณภาพกับครอบครัว บุคคลอันเป็นที่รัก ปลอดโรคปลอดภัยทุกท่าน” พลเอกประยุทธ์ กล่าว

“ปลอดภัยในชีวิตตัวเอง ชีวิตครอบครัว ชีวิตคนอื่น คือวัฒนธรรมประเพณีธรรมเนียมของไทย เราต้องช่วยกัน ไม่มีใครสามารถไปดูแลได้หมดตลอด 24 ชั่วโมงในเวลาที่ท่านเป็นอิสระของท่านเอง เวลาเกิดอุบัติเหตุมันเสียใจทุกครั้งไป ผมก็เห็นใจการสูญเสีย ไม่เคยสบายใจเรื่องเหล่านี้ ถนนเราก็มีเยอะขึ้น สภาพดีขึ้น คนก็ขับรถเร็วเยอะขึ้น แต่ช่วงสงกรานต์มันแออัด คงเร็วมากไม่ได้ แต่ก็เห็นมีบาดเจ็บสูญเสียทุกปี” พลเอกประยุทธ์ กล่าว

เตรียมมาตรการแก้ ‘ของแพง’ ช่วยเกษตรกร-ผู้บริโภค

พลเอกประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ในการประชุมวันนี้ได้เน้นย้ำในที่ประชุมเรื่อง ‘การแก้ปัญหาราคาสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้น’ ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากสถานการณ์โลกอย่างปัจจัยความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ทำให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มสูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็น น้ำมัน ก๊าซ ปุ๋ย อาหารสัตว์ และเงินเฟ้อ

“ผมเข้าใจถึงพี่น้องที่เดือดร้อน เดิมเราหารายได้ และก็นำมาจ่ายค่าอุปโภคบริโภค ก็พออยู่ได้ แต่มาวันนี้เมื่อราคาสินค้าแพงขึ้น รายได้ของท่านทั้งวัน หรือ ทั้งเดือน อาจจะใช้ในด้านนี้ 50 – 60% ผมก็พยายามหามาตรการรองรับตรงนี้ แต่เราก็ต้องทำด้วยความระมัดระวัง เราก็ทราบดีถึงปัญหางบประมาณของเรา” พลเอกประยุทธ์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม พลเอกประยุทธ์ย้ำเรื่องงบประมาณว่า ปัจจุบันไม่สามารถหยุดยั้งการลงทุนของภาครัฐได้ เนื่องจากเป็นโครงสร้างสำคัญที่ทำให้ทุกคนได้รับประโยชน์

พลเอกประยุทธ์ กล่าวต่อว่า สิ่งที่เป็นห่วงคือเกษตรกร เพราะจะกระทบเป็นห่วงโซ่ไปถึงผู้ประกอบการ และสุดท้ายกลับมาที่ผู้บริโภค โดยได้สั่งให้ทุกกระทรวงเร่งแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน และยึดหลักการสำคัญ คือ สินค้าต้องไม่ขาดตลาด ราคาต้องไม่สูง และต้องมีการปรับราคาสินค้าควบคุมทั้งหมด 18 หมวด

“เราต้องดูว่าทำยังไงให้พี่น้องเกษตรกรอยู่ได้ทั้งวันนี้และวันหน้า รัฐบาลอยากขับเคลื่อนนโยบายเกษตรอัจฉริยะ นโยบาย smart farmer ทำระบบแผนที่เกษตรและบริหารจัดการน้ำ เปิดช่องทางการค้าขายทางออนไลน์ การเพิ่มมูลค่าผลิตด้วยการตลาด เกษตรปลอดภัยจีเอพี และการจัดหาที่ดินอย่างเป็นธรรมและยั่งยืน” พลเอกประยุทธ์ กล่าว

ลดขั้นตอนส่งออกผลไม้ไปจีน

พลเอกประยุทธ์ กล่าวถึงช่องทางการส่งออกการส่งผลไม้ไปจีนว่า รัฐบาลได้แก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน และจากการหารือของรัฐบาล ทำให้ปัจจุบันการขนส่งสินค้า ก็ทำได้สะดวกยิ่งขึ้น เพราะรัฐบาลทั้งสองประเทศมีการเคารพหลักการซึ่งกันและกัน ร่วมกันแก้ปัญหาที่ต้นทาง ลดขั้นตอนจากประเทศจีน โดยให้มีการตรวจสอบในประเทศไทย ซึ่งเป็นประเทศต้นทาง

เดินหน้าพัฒนาประเทศภายใต้เศรษฐกิจ BCG

พลเอกประยุทธ์ กล่าวต่อว่า “เราต่อสู้กับโควิด-19 มานานกว่าสองปี วันนี้หลายอย่างเริ่มคลี่คลายจากผลสำเร็จในการขับเคลื่อนนโยบายต่าง ๆ ไปพร้อมกัน เช่น การสนับสนุนรถยนต์อีวี รถส่วนตัว รถประจำทางต่างๆ ก็เริ่มจัดหามาใหม่ ซึ่งต้องสอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาประเทศ เศรษฐกิจ BCG และเศรษฐกิจหมุนเวียนบนพื้นฐานที่สมดุล ยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อมไปด้วย”

นอกจากนี้พลเอกประยุทธ์ ยังกล่าวถึงการดำเนินงานของรัฐบาล ตั้งแต่ประเด็นการลดโลกร้อน ลดคาร์บอน การพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่ เทคโนโลยีดิจิทัล การสร้างเขตอุตสาหกรรมเมืออัจฉริยะเพื่อจะพัฒนานวัตกรรม ทั้งหมดทำให้มีรายได้เข้าประเทศมากขึ้น เพราะรัฐบาลได้วางโครงสร้างพื้นฐานเมาโดยตลอด โดยเฉพาะเรื่องเส้นทางรถไฟฟ้าทั่วประเทศและภูมิภาค

พลเอกประยุทธ์ กล่าวต่อว่า สิ่งสำคัญที่สุดที่หารือในที่ประชุมคือกุญแจสำคัญของความอยู่ดีกินดีของพี่น้องประชาชนคือเพิ่มรายได้ ควบคู่ไปกับการแก้ปัญหาหนี้สินและความจนอย่างยั่งยืนเชิงรุก และวันนี้มีหลายหน่วยงานออกมาแก้ปัญหาเรื่องหนี้ ได้แก่ ครัวเรือน หนี้บ้าน หนี้รถ การประนอมหนี้ การเจรจาไกล่เกลี่ยหนี้ ฯลฯ

ปลื้มนักท่องเที่ยวแน่นสนามบิน-จองห้องพักเพิ่ม 70%

พลเอกประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ ตนได้รับรายงานด้านการท่องเที่ยวว่ามีนักท่องเที่ยวเข้าประเทศจำนวนมาก โดยการจองที่พักในพื้นที่ท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นร้อยละ 70 ทำให้ธุรกิจเจริญเติบโตขึ้น แต่อาจจะมีปัญหาและอุปสรรคในความแออัดและคับคั่ง เพราะนักท่องเที่ยวมาในช่วงเวลาเดียวกัน โดยเฉพาะช่วงเช้าที่มีคนแน่นสนามบิน ดังนั้น จึงได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานไปแก้ปัญหาหน้างาน ภายใต้มาตรการโควิด-19

วันนี้เที่ยวบินมากขึ้น คนเข้าประเทศมากขึ้น การใช้การบริการสายการบินในประเทศมากขึ้น การท่องเที่ยวก็มากขึ้น แต่เราจะอยู่กับโควิดได้อย่างไร รัฐบาลก็เป็นกังวลตรงนี้ วันนี้ก็ยินดีกับบรรดาผู้ประกอบการธุรกิจหลายประเทศที่รับผลดีในช่วงเวลานี้ โดยเฉพาะภาคโรงแรม บริการ สถานที่ท่องเที่ยว ชุมชน ร้านอาหารต่างๆ ผมทราบว่ามีการจองเพิ่มสูงขึ้นตามลำดับ นี่คือโอกาสของเรา” พลเอกประยุทธ์ กล่าว

เผย จนท.พบผู้ต้องสงสัยปาระเบิดบ้านพักนายกฯ

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวถามถึงความคืบหน้าเหตุการณ์ที่มีผู้ต้องสงสัยปาระเบิดใส่บ้านพักหน้ากรมทหารราบที่ 1 ของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2565 โดยพลเอกประยุทธ์ ตอบประเด็นนี้ว่า “เขาก็รายงานมาตลอด ตรวจสอบจากกล้อง CCTV ด้วย ก็มีผู้ต้องสงสัยแล้ว กำลังสอบต่อ ก็คงเป็นกลุ่มเดิม ๆ ตอนนี้กำลังหาตัวอีก สอบไปสอบมา เดี๋ยวก็คงเจอ ไม่อยากให้ใครทำทั้งนั้น ช่วงนี้ไม่ควร ไม่ว่าช่วงไหน ก็ไม่ควร ทำทำไม อันตราย บ้านเมืองกำลังดีๆ แล้วมันจะแก้ไขอะไรได้ ถ้าทุกคนไม่ช่วยกัน”

ย้ำ “บิ๊กป้อม” ยืนยันเป็นร้อยครั้ง ไม่เป็นนายกฯ

ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสของที่มีการสนับสนุนพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้เป็นนายกรัฐมนตรีในสมัยหน้า โดยพลเอกประยุทธ์ตอบว่า “ท่านยืนยันร้อยครั้งแล้วว่า ท่านไม่เป็น” และต่อมาผู้สื่อข่าวจะย้ำกระแสข่าวของพลเอกประวิตรอีกครั้ง พลเอกประยุทธ์ จึงกล่าวว่า “ผมไม่รู้ว่าใครพูด แต่พลเอกประวิตร ก็พูดเกือบทุกครั้ง ไม่มีอะไรจะทำให้ผมแตกคอกันได้ทั้งสิ้น ไม่มี ท่านบอกผมว่าก็สนับสนุนเป็นนายกฯ ตลอดไป

“มันเป็นเรื่องอนาคต แต่วันนี้ผมก็อยู่พรรคพลังประชารัฐ อย่าไปให้ความสำคัญกันมากนักเลย มันยังไม่ถึงเวลาของมัน และผมไม่ได้พูดว่าจะไปอยู่ที่ไหน ผมก็อยู่พรรคพลังประชารัฐอยู่อย่างนี้ ก็เขาสนับสนุนผมอยู่เป็นวาระนี้แล้ว เรื่องของพรรคอื่นก็เป็นเรื่องของแต่ละพรรคว่าเราจะทำยังไงให้บ้านเมืองเราสงบ ผมก็ยินดีร่วมงานกับทุกพรรค”

สั่งกองทัพ-หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อำนวยความสะดวก ปชช.

ส่วน ดร.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รายงานข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีว่า นายกฯ มอบหมายให้กองทัพและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดูแล อำนวยความสะดวกการเดินทางของประชาชนอย่างเต็มที่ ขณะเดียวกันก็ขอให้หน่วยงานที่ปฏิบัติงานกวดขันกฎเกณฑ์และข้อบังคับต่างๆ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในทุกกรณี รวมทั้งเตรียมพร้อมเรื่องการแจ้งเหตุ โดยขอให้มีการติดตามสถานการณ์โควิด-19 ในทุกวัน โดยนายกฯ จะอยู่กรุงเทพฯ ในช่วงวันหยุดยาวนี้

พลเอกประยุทธ์ กล่าวย้ำว่า ใครที่จะเดินทางไปต่างจังหวัด ให้ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วย ATK ก่อน เพื่อจะได้ไม่เอาโรคไปแพร่สู่คนที่เรารักในพื้นที่ต่างจังหวัด

เปิดเวทีสาธารณะมอบ รมต.ตอบข้อสงสัย ปชช.เริ่ม พ.ค.นี้

ดร.รัชดา กล่าวต่อว่า ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2565 จะมีการเปิดเวทีเสวนาของรัฐบาล ซึ่งเป็นการเปิดพื้นที่ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และรัฐมนตรีที่รับผิดชอบในงานด้านต่างๆ มาตอบข้อสงสัยในประเด็นที่ประชาชนมีข้อสงสัย มีคำถาม หรือ มีความเข้าใจที่ไม่ตรงกัน เพื่อให้ใช้พื้นที่สาธารณะสำหรับการให้ข้อมูลที่ถูกต้อง รวมถึงรับฟังเสียงสะท้อนความคิดเห็นของประชาชน

มติ ครม.มีดังนี้

ดร.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกฯ (ซ้าย-ขวา)
ที่มาภาพ : www.thaigov.go.th/

ผ่านเกณฑ์จัดชั้นนักโทษ ชี้ ‘อภัยโทษ’ ต้องรับโทษแล้ว 1 ใน 3

ดร.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้ที่ประชุม ครม.รับทราบรายงานของกระทรวงยุติธรรมเกี่ยวกับการอภัยโทษ ซึ่งเป็นการปรับปรุงแนวทางการจัดชั้น เลื่อนชั้นนักโทษ เพื่อให้มีแนวทางที่ชัดเจนขึ้น โดยเป็นการรับข้อเสนอแนะจากคณะกรรมการตรวจสอบการดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการอภัยโทษที่ตั้งโดยนายกรัฐมนตรี มีข้อสรุปดังนี้

    1. ยังไม่มีความจำเป็นในการแก้ไขพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษเป็นการทั่วไป พ.ศ.2564

    2. นักโทษที่จะได้รับอภัยโทษ (ไม่ว่าลดโทษหรือปล่อยตัว) ต้องผ่านระยะปลอดภัย คือ ต้องรับโทษมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 หรือรับโทษจำคุกมาแล้ว 8 ปี (แล้วแต่ระยะเวลาใดถึงก่อน) และไม่ว่าจะเป็นนักโทษชั้นใด หลังจากนั้นจะมาดูอายุ สุขภาพ การจัดชั้น เพื่อลดโทษ ยกเว้นแต่เป็นการถวายฎีกาเฉพาะราย

    3. วางหลักเกณฑ์ใหม่ที่เข้มขึ้นเกี่ยวกับการลดโทษคดีร้ายแรงในความรู้สึกของสังคม เช่น คดียาเสพติด คดีทุจริต คดีที่ศาลให้ประหารชีวิตโดยให้การลดโทษและปล่อยตัว

    4. การจัดชั้นนักโทษ (ดี ดีมาก เยี่ยม) จะเข้มขึ้นและมีกฎเกณฑ์มากขึ้น

    5. มีการเตรียมการล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 30 วัน และต้องวางแผนระยะยาวล่วงหน้า

    6. การออกพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษฯ ยังคงมีความจำเป็นอยู่ตามโอกาสตามสมควร เพื่อจูงใจให้นักโทษมีความหวัง ไม่ก่อการจราจล ลดความแออัดในเรือนจำนำไปสู่การคืนคนดีกลับสู่สังคม และแสดงถึงพระมหากรุณาธิคุณ

ทั้งนี้ ที่ประชุมมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งปรับปรุงแก้ไขให้เป็นตามรายงานฉบับนี้ และสร้างการรับรู้แก่สังคมต่อไป

ปรับแผนบริหารหนี้ ปี’65 กู้เพิ่ม 5 หมื่นล้าน

ดร.รัชดา กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2565 ครั้งที่ 2 ตามที่คณะกรรมการ นโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเสนอ ดังนี้ 1. แผนการก่อหนี้ใหม่ วงเงิน 1,415,103.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49,619.73 ล้านบาท 2. แผนการบริหารหนี้เดิม วงเงิน 1,501,163.56 ล้านบาท ลดลง 35,794.42 ล้านบาท 3. แผนการชำระหนี้ วงเงิน 363,269.01 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,035.29 ล้านบาท ความจำเป็นในการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ครั้งที่ 2 นี้ มีปัจจัยมาจาก

    1. การกู้เงินเพิ่มเพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง จำนวน 10,000 ล้านบาท เพื่อให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสามารถรักษาเสถียรภาพระดับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมและไม่กระทบต่อค่าครองชีพของประชาชน

    2. การปรับเพิ่มวงเงินปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้รัฐบาลที่ครบกำหนดในปีงบประมาณ 2565 ซึ่งเป็นหนี้เงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดกู้เงินโควิด-19 เพิ่มเติม พ.ศ.2564 เพื่อบริหารความเสี่ยงวงเงินกู้ต่างประเทศที่คาดว่าจะลงนามสัญญาและหรือรองรับการระดมทุนในสกุลเงินตราต่างประเทศที่อาจจะเกิดขึ้น จำนวน 29,345 ล้านบาท

    3. การกู้เงินเพื่อลงทุนในโครงการพัฒนาและเพื่อดำเนินโครงการหรือเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการทั่วไปของรัฐวิสาหกิจ เพื่อให้สามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง จำนวน 39,445.05 ล้านบาท อาทิ การรถไฟแห่งประเทศไทยปรับเพิ่มวงเงินโครงการระบบขนส่งมวลชนทางรางในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล ช่วงบางซื่อ – ตลิ่งชัน (ระบบไฟฟ้า เครื่องกล และตู้รถไฟฟ้า) จำนวน 1,660.28 ล้านบาท การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยปรับเพิ่มเงินกู้เพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงินในปี 2565- 2567 ภายใต้กรอบวงเงินไม่เกิน 25,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ ที่ประชุมเห็นชอบบรรจุโครงการเพิ่มเติมในการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ครั้งที่ 2 จำนวน 21 โครงการ และให้รัฐวิสาหกิจ 2 แห่ง คือ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยและการรถไฟแห่งประเทศไทยที่มีสัดส่วนความสามารถในการหารายได้เทียบกับภาระหนี้ของกิจการ (DSCR) ต่ำกว่า 1 สามารถกู้เงินและบริหารหนี้ภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ครั้งที่ 2 โดยให้รัฐวิสาหกิจดังกล่าวและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะไปดำเนินการด้วย

ดร. รัชดา กล่าวว่า กระทรวงการคลัง คาดว่า ประมาณการหนี้สาธารณะคงค้างต่อ GDP ภายหลังการปรับปรุงแผนในครั้งนี้จะอยู่ที่ร้อยละ 62.76 ซึ่งไม่เกินร้อยละ 70 ตามกรอบการบริหารหนี้สาธารณะที่คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐกำหนด ทั้งนี้ ประมาณ 70% ของหนี้สาธารณะจะเป็นเงินกู้เพื่อการลงทุน แบ่งเป็น ด้านคมนาคม 26% ด้านการศึกษาและวิทยาศาสตร์ 13% ด้านเศรษฐกิจและสังคม 13% ด้านสาธารณูปการ 9% ด้านลงทุนทั่วไป 6% และด้านสาธาณสุข 2%

ลงทุนระบบสายส่งไฟฟ้าในอีอีซี 1.52 หมื่นล้าน

ดร.รัชดา กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.อนุมัติเพิ่มวงเงินลงทุนจำนวน 2 โครงการ รวมวงเงิน 15,200 ล้านบาท ประกอบด้วย 1) โครงการปรับปรุงระบบส่งไฟฟ้าบริเวณภาคตะวันออก เพื่อเสริมความมั่นคงระบบไฟฟ้า (โครงการ TIPE) เพิ่มวงเงินลงทุนจำนวน 9,000 ล้านบาท จากเดิมที่อนุมัติไว้ 12,000 ล้านบาท รวมวงเงินลงทุนโครงการทั้งสิ้น 21,000 ล้านบาท 2) โครงการระบบส่งไฟฟ้าเพื่อรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ ระยะที่ 3 (โครงการ IPP3) เพิ่มวงเงินลงทุนจำนวน 6,200 ล้านบาท จากเดิมที่อนุมัติไว้ 7,250 ล้านบาท รวมวงเงินลงทุนโครงการทั้งสิ้น 13,450 ล้านบาท โดยใช้วงเงินงบประมาณลงทุนในปี พ.ศ.2564 และปี พ.ศ.2565 ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ

ความจำเป็นที่ต้องปรับเพิ่มวงเงินลงทุนในครั้งนี้ เนื่องจากพื้นที่ดำเนินการก่อสร้างระบบโครงข่ายไฟฟ้าของทั้ง 2 โครงการ อยู่ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นพื้นที่โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ทำให้ราคาที่ดินและทรัพย์สินที่ต้องนำมาใช้ในการคำนวณค่าทดแทนกรรมสิทธิ์ที่ดินและทรัพย์สินปรับเพิ่มขึ้น จึงต้องนำราคาประเมินทุนทรัพย์ที่ดิน ปี พ.ศ.2559 – 2562 ที่ยังมีผลบังคับใช้ในปี พ.ศ.2563 ในอัตรา 7.45 เท่า มาใช้เป็นเกณฑ์ในการคำนวณค่าทดแทนตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานกำหนด ทำให้ค่าทดแทนมีราคาสูงกว่าราคาที่ประมาณการไว้ กระทรวงพลังงานจึงต้องเสนอเพิ่มวงเงินลงทุนดังกล่าว สำหรับรายละเอียดโครงการ มีดังนี้

โครงการปรับปรุงระบบส่งไฟฟ้าบริเวณภาคตะวันออกเพื่อเสริมความมั่นคงระบบไฟฟ้า (โครงการ TIPE) มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงระบบไฟฟ้าให้สามารถรองรับโรงไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้นและแก้ไขข้อจำกัดด้านระบบกระแสลัดวงจรในระยะยาว คาดว่าจะก่อสร้างสายส่งไฟฟ้าแรงสูงและสถานีไฟฟ้าแรงสูงแล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม 2570 ปัจจุบัน มีสายส่งไฟฟ้าแรงสูงที่ก่อสร้างเสร็จแล้ว 2 แห่ง อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างอีก 5 แห่ง

ส่วนโครงการระบบส่งไฟฟ้าเพื่อรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ ระยะที่ 3 (โครงการ IPP3) มีวัตถุประสงค์เพื่อเชื่อมโยงโรงไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ ระยะที่ 3 ปริมาณ 5,000 เมกะวัตต์ เข้ากับระบบของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการจัดส่งไฟฟ้าไปยังภาคตะวันออกและภาคกลาง คาดว่าจะก่อสร้างสายส่งไฟฟ้าแรงสูงและสถานีไฟฟ้าแรงสูงแล้วเสร็จภายในเดือนมีนาคม 2566 เพื่อรองรับการจ่ายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าบริษัทเอกชนที่ผ่านการคัดเลือก ซึ่งมีกำหนดจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ในวันที่ 31 มีนาคม 2566 ปัจจุบัน กำลังดำเนินการก่อสร้างสายส่งไฟฟ้าแรงสูง 3 แห่ง

เลือกตั้ง ส.ส.เขต 3 ราชบุรี แทน “ปารีณา”

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดราชบุรี เขตเลือกตั้งที่ 3 แทนตำแหน่งที่ว่าง พ.ศ…ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งเสนอ

ทั้งนี้ การออกพระราชกฤษฎีกานี้เลือกตั้งดังกล่าว เนื่องจากศาลฎีกามีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 7 เม.ย. 2565 ให้ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ พ้นจากตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดราชบุรี ตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค. 2564 อันเป็นวันที่ศาลฎีกามีคำสั่งให้น.ส.ปารีณา หยุดปฏิบัติหน้าที่

ประกอบกับ รัฐธรรมนูญ มาตรา 105 วรรคหนึ่ง กำหนดให้กรณีที่ตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งว่างลงเพราะเหตุอื่นใด นอกจากถึงคราวออกตามอายุของสภาผู้แทนราษฎร์ หรือเมื่อมีการยุบสภาผู้แทนราษฎร ให้ดำเนินการตราพระราชกฤษฎีกาเพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรขึ้นแทนตำแหน่งที่ว่าง ภายใน 45 วันนับแต่วันที่ตำแหน่งนั้นว่างลง เว้นแต่อายุของสภาผู้แทนราษฎรจะเหลือไม่ถึง 180 วัน

ทั้งนี้ คณะกรรมการการเลือกตั้งคาดว่าจะมีการเลือกตั้งได้ในวันที่ 15 พ.ค. 2565

อนุมัติเงินกู้ 211 ล้าน หนุน ‘ใบยาไฟโตฟาร์ม’ ผลิตวัคซีนโควิดฯ

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้เงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ2564 ซึ่งได้อนุมัติโครงการศึกษาความปลอดภัย (Safety) ความสามารถในการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน (Immunogenicity) และประสิทธิภาพ(Vaccine Efficiency) ของแคนดิเดตซับยูนิตวัคซีนสำหรับป้องกันโรคโควิด19 ที่ใช้พืชเป็นแหล่งผลิตในมนุษย์ระยะ 2a โดยบริษัทใบยาไฟโตฟาร์ม จำกัด ของสถาบันวัคซีนแห่งชาติ กรอบวงเงิน 211 ล้านบาท โดยให้ใช้จ่ายจากเงินกู้ภายใต้แผนงาน/โครงการกลุ่มที่ 1 (การแพทย์/สาธารณสุข) ตามบัญชีท้ายพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) กู้เงินเพิ่มเติม พ.ศ. 2564 พร้อมกับมอบหมายให้สถาบันวัคซีนแห่งชาติ ร่วมกับบริษัทใบยาไฟโตฟาร์ม จำกัด เร่งดำเนินการจัดทำแผนฉุกเฉิน (Contingency Plan) เพื่อเตรียมการสำหรับรองรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากปัจจัยต่างๆ ที่ทำให้ไม่สามารถดำเนินการทดสอบการฉีดวัคซีนในมนุษย์ภายในเดือน ก.ค. 2565 ตามแผนดำเนินโครงการ เพื่อให้สามารถดำเนินการเบิกจ่ายงบประมาณตามโครงการให้แล้วเสร็จภายในเดือน ธ.ค. 2565 รวมถึงจัดทำแผนเร่งรัดการดำเนินโครงการในระยะที่ 3 เสนอคณะกรรมการกลั่นกรองฯ พิจารณาภายในระยะเวลา 2 สัปดาห์นับจากวันที่ ครม. ได้อนุมัติโครงการ

พร้อมกันนี้ ครม. ได้อนุมัติให้นำวงเงินกู้เพื่อการตามมาตรา 5(2) (เพื่อช่วยเหลือ เยียวยา และชดเชย ให้แก่ประชาชนทุกสาขาอาชีพ ซึ่งได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด19) วงเงิน 211 ล้านบาท มาใช้เพื่อการตามมาตรา 5(1) (เพื่อแก้ไขปัญหาการระบาดของโรคโควิด19) เพื่อดำเนินโครงการศึกษาความปลอดภัยฯ ของสถาบันวัคซีนและบริษัทใบยาไฟโตฟาร์ม จำกัด ข้างต้น

ทั้งนี้ หลังจากการอนุมัติปรับปรุงการใช้งบประมาณครั้งนี้ ทำให้วงเงินตาม พ.ร.ก. กู้เงิน เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 เหลืออยู่ 74,250 ล้านบาท จากวงเงินทั้งหมด 500,000 ล้านบาท

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ครม. ยังได้อนุมัติให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการ Thailand Festival Experience ใน 3 โครงการย่อย โดยให้ขยายระยะเวลาโครงการจากเดิมที่สิ้นสุดเดือนเดือนเม.ย. 2565 เป็นสิ้นสุดเดือน ก.ค. 2565 พร้อมกับเปลี่ยนแปลงพื้นที่การจัดงานในแต่ละกิจกรรมให้ครอบคลุมเมืองหลักทางการท่องเที่ยวประเทศ

รวมถึงเปลี่ยนแปลงชื่อโครงการและกิจกรรมภายใต้โครงการย่อย 3 โครงการ ประกอบด้วย 1. โครงการ Dazzling of The Andaman เปลี่ยนชื่อเป็น Dazzling of the Art 2. โครงการ Music Festival & Rhythm in Memory เปลี่ยนชื่อกิจกรรมย่อย Beach music festival เป็น Music Heritage festival และ 3. โครงการ Music Festival & Rhythm in Memory เปลี่ยนชื่อกิจกรรมย่อย Rock on the Boat Music Festival เป็น Rock on the Beach Music Festival

มอบ รมว.กระทรวงทรัพยากรลงนามปฏิญญากลาสโกว์ฯ

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ที่ประชุม ครม. เห็นชอบให้ประเทศไทยเข้าร่วมปฏิญญากลาสโกว์ของผู้นำด้านป่าไม้และการใช้ประโยชน์ที่ดิน และมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นผู้ลงนามในหนังสือแจ้งยืนยันการเข้าร่วมปฏิญญาฯ เพื่อนำส่งให้สหราชอาณาจักรต่อไป โดยปฏิญญากลาสโกว์มีวัตถุประสงค์ ในการเน้นย้ำถึงความสำคัญของการจัดการป่าไม้ ความหลากหลายทางชีวภาพและการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างยั่งยืน รวมทั้งแสดงความมุ่งมั่นที่จะดำเนินการเพื่อลดการสูญเสียป่าไม้และความเสื่อมโทรมของที่ดินภายในปี ค.ศ. 2030 ตลอดจนเปลี่ยนผ่านสู่การใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้มีประเด็นสำคัญประกอบด้วย การอนุรักษ์ป่าไม้และระบบนิเวศบนบก เพื่อเร่งให้เกิดการฟื้นฟูป่าไม้และระบบนิเวศ, สนับสนุนนโยบายการค้าและการพัฒนาที่เชื่อมโยงกับการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน, การสร้างภูมิคุ้มกันให้กับชุมชนท้องถิ่น พัฒนาการเกษตรให้ยั่งยืนและมีผลกำไร เสริมสร้างการรับรู้คุณค่าของผืนป่า ตระหนักถึงสิทธิของชนพื้นเมืองดั้งเดิมและชุมชนท้องถิ่นโดยสอดคล้องกับกฎหมายภายในและตราสารระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง , ดำเนินการหรือปรับเปลี่ยนนโยบายการเกษตรยั่งยืนและความมั่นคงด้านอาหาร เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเกษตรที่ยั่งยืนส่งเสริมความมั่นคงด้านอาหารและเกิดประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม, สนับสนุนด้านการเงินเพื่อการเกษตรและการจัดการป่าไม้ที่ยั่งยืน และการอำนวยความสะดวกให้เกิดเงินทุนหมุนเวียนให้สอดคล้องกับเป้าหมายการฟื้นฟูพื้นที่ป่าและที่ดินจากความเสื่อมโทรม

น.ส.ไตรศุลี ว่ากระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แจ้งว่า การเข้าร่วมปฏิญญาฯครั้งนี้ จะเป็นการสนับสนุนการดำเนินงานของประเทศไทยตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ในการเพิ่มพื้นที่ป่าไม้ให้ได้ร้อยละ 55 และเป้าหมายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี ค.ศ.2050 และมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปีค.ศ.2065 ตามที่นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถ้อยแถลงของประเทศไทยในการประชุมสุดยอดผู้นำโลก (World Leaders Summit) ของ COP26 เมื่อวันที่ 1-2 พฤศจิกายน 2564 ณ เมืองกลาสโกว์ สหราชอาณาจักร รวมถึงเป็นการสร้างบทบาทและภาพลักษณ์ของประเทศไทยด้านการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์ทรัพยากรป่าไม้และที่ดินอย่างยั่งยืนในเวทีระหว่างประเทศ

ทั้งนี้นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร ในฐานะประธานการประชุม COP26 ได้มีหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีของไทยเพื่อเชิญให้ประเทศไทยเข้าร่วมปฏิญญากลาสโกว์ เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2564 ซึ่งใกล้กับวันที่จะมีการประชุม COP26 คือวันที 29 ตุลาคม-12 พฤศจิกายน 2564 จึงทำให้ประเทศไทยไม่สามารถเข้าร่วมปฏิญญาฯได้ทันในช่วงที่มีการประชุม COP26 เนื่องจากการเข้าร่วมจะต้องผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนเสนอครม.เพื่อเห็นชอบ โดยปัจจุบันมีประเทศสมาชิกประกาศเข้าร่วมปฏิญญาแล้ว 143 ประเทศ จากทั้งหมด 197 ประเทศ เหลืออีก 54 ประเทศ

จัดงบกลางให้ สตช.เคลียร์หนี้ ‘การบินไทย’ 937 ล้าน

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉิน หรือ จำเป็น กรอบวงเงิน 937 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการชำระหนี้ค่าซ่อมบำรุงอากาศยานปีงบประมาณ 2563 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมอนุมัติให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก่อหนี้ผูกพันเกินกว่าที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ภายในกรอบวงเงิน 937 ล้านบาท

ทั้งนี้เนื่องจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับจัดสรรงบประมาณตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ในแผนงานยุทธศาสตร์รักษาความสงบภายในประเทศ โครงการการบังคับใช้กฎหมายอำนวยความยุติธรรม และบริการประชาชน กิจกรรมการบังคับใช้กฎหมายและบริการประชาชน รายการค่าซ่อมบำรุงอากาศยานจำนวนเงิน 949 ล้านบาท แต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยกองบินตำรวจ ได้บริหารสัญญากับบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เกินกว่าวงเงินที่ได้รับจัดสรรจำนวนเงิน 937 ล้านบาท ซึ่งเป็นการก่อหนี้ผูกพันเกินกว่า หรือ นอกเหนือไปจากที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ในเบื้องต้นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยกองบินตำรวจได้ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 เพื่อชำระหนี้รายการค่าซ่อมบำรุงอากาศยานปีงบประมาณ 2563 จำนวนเงิน 975 ล้านบาท แต่ได้เจรจาต่อรองภาระหนี้ที่เกิดขึ้นจริงกับผู้บริหารแผนของบริษัทการบินไทยเรียบร้อยแล้ว สรุปยอดเงินที่กองบินตำรวจได้ก่อหนี้ผูกพันไว้เกินกว่าวงเงินงบประมาณ 2563 เงินต้นรวมดอกเบี้ย ณ วันที่ 2 ธันวาคม 2564 จำนวนเงิน 937 ล้านบาท โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องดำเนินการชำระหนี้ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 เมษายน 2565 ตามผลการพิจารณาของคณะผู้บริหารแผนโดยความเห็นชอบจากคณะกรรมการเจ้าหนี้ เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการเพิ่มขึ้น

ทางบริษัทการบินไทยระบุว่า หากสำนักงานตำรวจแห่งชาติชำระหนี้ตามคำบังคับของศาล รวมจำนวนเงิน 937 ล้านบาท ให้แก่บริษัทจนครบถ้วน ภายในวันที่ 30 เมษายน 2565แล้ว บริษัทจะไม่ติดใจเรียกร้องให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติชำระหนี้ตามคำบังคับของศาลในส่วนที่เหลืออีกต่อไป

เห็นชอบความร่วมมือผลิตครูสอนภาษาจีน

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบร่างกรอบความร่วมมือว่าด้วยการส่งเสริมความร่วมมือด้านการเรียนการสอนภาษาจีนระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กับศูนย์แลกเปลี่ยนและส่งเสริมความร่วมมือด้านภาษาจีนระหว่างประเทศ กระทรวงศึกษาธิการแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อกระชับความร่วมมือในด้านการแลกเปลี่ยนภาษาและวัฒนธรรม การพัฒนาหลักสูตรภาษาจีนและการสอนภาษาจีนและอาชีวศึกษาและเทคโนโลยี พร้อมทั้งอนุมัติให้ปลัดกระทรวง อว.เป็นผู้ลงนามในกรอบความร่วมมือฯดังกล่าว ร่วมกับนายหม่า เจี้ยนเฟย ผู้อำนวยการศูนย์ความร่วมมือด้านภาษาจีนฯ ซึ่งคาดว่าจะมีพิธีลงนามในวันที่ 20 เมษายน 2565 โดยทาง อว.จะเรียนเชิญสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี ประธานสถาบันขงจื่อเส้นทางสายไหมทางทะเล ลงนามเป็นพยาน

สำหรับกรอบความร่วมมือฯครั้งนี้จะมีผลนับตั้งแต่วันที่ทั้ง 2 ฝ่ายลงนาม โดยจะมีอายุ 5 ปี และขยายเวลาออกไปอีก 5 ปีโดยอัตโนมัติ เว้นแต่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแจ้งยกเลิกเป็นลายลักษณ์อักษรให้อีกฝ่ายหนึ่งได้ทราบล่วงหน้าอย่างน้อย 90 วัน โดยมีกรอบแนวทางความร่วมมือ เช่น การดำเนินการโครงการให้ทุนการศึกษาแก่ครูสอนภาษาจีนในระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก การพัฒนาอาจารย์และครูผู้สอนระดับอาชีวศึกษาในด้านภาษาจีนและอาชีวศึกษาและเทคโนโลยี และการจัดส่งครูอาสาสมัครสอนภาษาจีนไปยังสถาบันอุดมศึกษา

นอกจากนี้ ครม.ยังให้ความเห็นชอบร่างกรอบความร่วมมือว่าด้วยการส่งเสริมความร่วมมือด้านการเรียนการสอนภาษาจีน ระหว่างกระทรวงศึกษาธิการของไทยกับศูนย์แลกเปลี่ยนและส่งเสริมความร่วมมือด้านภาษาจีนระหว่างประเทศ กระทรวงศึกษาธิการของจีน พร้อมอนุมัติให้ปลัดกระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้ลงนามในกรอบความร่วมมือฯ เพื่อใช้เป็นแนวทางการดำเนินความร่วมมือในด้านการส่งเสริมและพัฒนาการศึกษาภาษาจีนระหว่างประเทศ เช่น การพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนภาษาจีน การวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนการสอนภาษาจีน และการมอบทุนการศึกษาและฝึกอบรมครูสอนภาษาจีนชาวไทย

ตั้งบอร์ด กฟผ. “กุลิศ สมบัติศิริ” เป็นประธานฯ

นางสาวไตรศุลี กล่าวว่า วันนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ/เห็นชอบในเรื่องแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการและผู้บริหารระดับของหน่วยงานรัฐมีดังนี้

1. การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม)

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ แต่งตั้งนายกุศล โชติรัตน์ รองอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป

2. การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี)

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอแต่งตั้งนายธัชชญาณ์ณัช เจียรธนัทกานนท์ ให้ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง ตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายอนุชา นาคาศัย) ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 12 เมษายน 2565 เป็นต้นไป

3. การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทยแทนตำแหน่งที่ว่างลง

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเสนอแต่งตั้งนายระพี ผ่องบุพกิจ เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย แทนนายพินิจ พัวพันธ์ กรรมการอื่นเดิมที่ลาออก ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 12 เมษายน 2565 เป็นต้นไป โดยให้ผู้ได้รับแต่งตั้งอยู่ในตำแหน่งได้เพียงเท่ากำหนดเวลาของผู้ซึ่งตนแทน

4. การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงพลังงานเสนอแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย รวม 9 คน เนื่องจากประธานกรรมการและกรรมการอื่นเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2565 ดังนี้

    1. นายกุลิศ สมบัติศิริ ประธานกรรมการ
    2. พลเอก สมศักดิ์ รุ่งสิตา กรรมการ
    3. นางสาวนันธิกา ทังสุพานิช กรรมการ
    4. นายพรพจน์ เพ็ญพาส กรรมการ
    5. นายธนาวัฒน์ สังข์ทอง กรรมการ
    6. นายสหรัฐ บุญโพธิภักดี กรรมการ
    7. นางสาวนิรมาณ ไหลสาธิต กรรมการ
    8. รองศาสตราจารย์กุลยศ อุดมวงศ์เสรี กรรมการ
    9. นายพรชัย ฐีระเวช ผู้แทนกระทรวงการคลัง กรรมการ

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 12 เมษายน 2565 เป็นต้นไป

5. ขออนุมัติต่อเวลาการดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ครั้งที่ 1

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ให้นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ต่อไปอีก 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2565 ถึงวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566 เนื่องจากยังมีภารกิจที่ต้องปฏิบัติอย่างต่อเนื่องเพื่อให้บังเกิดผลสำเร็จตามเป้าหมาย

อ่าน มติ ครม.ประจำวันที่ 12 เมษายน 2565 เพิ่มเติม