Hesse004
คอหนังเกาหลีที่เริ่มติดตามหนังรักเกาหลีในยุคบุกเบิกเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน คงจำหนังรักโรแมนติคอย่าง Il Mare (2000) ผลงานกำกับของ Lee Hyun-Seung ที่ว่าด้วยการพบรักกันข้ามเวลาผ่านการเขียนจดหมายและส่งทางตู้ไปรษณีย์
Il Mare นับเป็นจุดเริ่มต้นของหนังเกาหลีที่ต่อมากลายเป็น Soft power และทำให้อุตสาหกรรมภาพยนตร์เกาหลีเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักของการสะสมทุนวัฒนธรรม จนต่อยอดมาสู่ Creative Economy ในที่สุด
หนังรักเกาหลีอีกเรื่องที่ออกฉายต่อจาก Il Mare คือ Wanee & Junah (2001) ผลงานกำกับของ Kim Yong Gyun หนังว่าด้วยความรักระหว่าง Kim Junah พระเอกนักเขียนไส้แห้ง นำแสดงโดย Joo Jin Mo และ Lee Wanee นางเอกนักวาดการ์ตูน Animation ที่กำลังไปได้ดีในอาชีพนักวาดการ์ตูน
ความน่าสนใจของหนังเรื่องนี้ คือ บทหนังที่ดูแล้ว “เนิบช้า” แต่กลับไม่ได้รู้สึกอึดอัด …หากแต่ละฉากตอนนั้นแฝงไปด้วยสัญลักษณ์ต่าง ๆ ที่มีความหมาย
ความรักของวัยหนุ่มสาว พัฒนามาสู่การทดลองเริ่มต้นชีวิตคู่ของ Wanee และ Junah ทั้งคู่เลือกที่จะอยู่ด้วยกันก่อนแต่งงาน ตามประสาค่านิยมคนรุ่นใหม่ในยุค Y2K
…อย่างไรก็ดีเมื่อย้อนไปเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน รูปแบบการใช้ชีวิตแบบนี้ ดูจะแหวกขนบธรรมเนียมเกาหลีไม่น้อย
Wanee ยังมีความทรงจำกับรักแรกของตัวเอง โดยเลือกเก็บความทรงจำนั้นไว้ที่ห้องซึ่ง “ปิดตาย” ในบ้านที่ทั้งคู่อยู่
Wanee ไม่ยอมให้ Junah เข้าไปในห้องนี้ เช่นเดียวกับที่เธอเองก็ไม่เคยย่างกรายเข้าไปเหมือนกัน
ข้อห้ามนี้ทำให้ Junah สงสัยว่า ในห้องนั้นมีอะไร
การเก็บความทรงจำเหมือนเก็บของไว้ในห้อง…บางคนเลือกที่จะเก็บของดี และเดินเข้าไปชื่นชมมันทุกครั้งที่อยากได้พลังใจ
แต่บางคนกลับเลือกเก็บของแย่ ๆ ไว้ โดยไม่เคยคิดที่จะปล่อยทิ้ง หรือจัดวางมันให้อยู่ในที่ที่ควรอยู่
ที่น่าสนใจ คือ การก้าวข้ามผ่านความทรงจำที่ขมขื่น บางคนเลือกที่จะลืม แต่บางคนกลับเลือกที่จะเก็บมันไว้
ความรักของ Wanee และ Junah ก็เช่นกัน เพียงแต่ Junah กลับกลายเป็น “เหยื่อ” ของความทรงจำอันเลวร้ายของ Wanee เพียงเพราะภายในใจของเธอยังก้าวผ่านมันไม่ได้
ความรู้สึกของ Kim Junah ที่มีต่อห้องซึ่งปิดตายของ Wanee เหมือนกับเพลง “โลกที่เธอไม่ให้ฉันเข้าไป” ของ บอย ตรัย ภูมิรัตน์
เมื่อเราอายุมากขึ้นเรื่อย ๆ มันมีความทรงจำบางอย่างที่ยังฝังใจ และเราเองก็ไม่ต้องการให้มันกลับมาทำร้ายหรือหลอกหลอนความรู้สึกตัวเอง
แต่ความทรงจำเหล่านี้ บางทีเราอยากลืม แต่เอาเข้าจริงเรากลับดันจดจำมันได้ซะงั้น…
Junah กลายเป็นเหยื่อของความทรงจำรักแรกของ Wanee ขณะที่ Wanee เองพยายามที่จะ Move on ก้าวข้ามจากมันไปให้ได้
ผมชอบประโยคที่ Junah เขียนไว้หนังสือนิยายของเขาว่า
“อย่ามองกลับไป เพราะลมจะทำให้เธอแสบตา”
เราไม่จำเป็นต้องหันหลังกลับไปมอง หากรู้ว่าสิ่งที่มันผ่านมาแล้วนั้น มันกลับมาหลอกหลอนชีวิตให้ไม่มีความสุขกับปัจจุบัน
…โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องเริ่มต้นใหม่กับใครอีกคน
เสน่ห์ของหนังเรื่องนี้อีกอย่าง คือ เพลง OST ภาษาอังกฤษ ชื่อ I wish you love ร้องโดย Lisa Ono นักร้อง Bossa Nova ชาวญี่ปุ่นที่เติบโตในบราซิล
ผมขอทิ้งท้ายเนื้อเพลงบางตอนไว้
My breaking heart and I agree
That you and I could never be
So with my best, my very best
I set you free
I wish you shelter from the storm
A cozy fire to keep you warm
But most of all
When snowflakes fall
I wish you love