ThaiPublica > ข่าวประชาสัมพันธ์ > รองประธานธนาคารโลกประจำภูมิภาคเอเซียตะวันออกและแปซิฟิกเยือนไทยหารือการทำงานร่วมกัน

รองประธานธนาคารโลกประจำภูมิภาคเอเซียตะวันออกและแปซิฟิกเยือนไทยหารือการทำงานร่วมกัน

20 กันยายน 2022


ข่าวประชาสัมพันธ์

นางมานูเอลา วี. เฟอโร (Manuela V. Ferro) รองประธานธนาคารโลกประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก ได้เข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ

รองประธานธนาคารโลกประจำภูมิภาคเอเซียตะวันออกและแปซิฟิกเยือนประเทศไทยเพื่อหารือเกี่ยวกับการทำงานร่วมกัน

เมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2565 – นางมานูเอลา วี. เฟอโร (Manuela V. Ferro) รองประธานธนาคารโลกประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก ได้เข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เพื่อหารือเกี่ยวกับความท้าทายในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และการสนับสนุนของธนาคารโลกต่อลําดับความสําคัญด้านการพัฒนาของประเทศไทย

ระหว่างการเยือนประเทศไทยครั้งแรกอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 14 กันยายน นางเฟอโรได้พูดถึงประเทศไทยว่าอัตราการฉีดวัคซีนสูง การเปิดประเทศและยุทธศาสตร์ในการฟื้นฟูหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิดที่ประสบความสำเร็จในการหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังนั้นทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับความท้าทายด้านเศรษฐกิจที่มีอยู่อย่างต่อเนื่องซึ่งความท้าทายเหล่านี้มีความเชื่อมโยงกับมาตรการด้านเศรษฐกิจเพื่อรองรับกับภาวะเงินเฟ้อที่มีอัตราสูงและราคาพลังงานที่พุ่งสูงขึ้นทั่วโลก รวมถึงความพยายามของประเทศไทยในรูปแบบต่างๆเพื่อกระตุ้นและสนับสนุนการลงทุนรวมไปถึงการลงทุนในโครงการต่างๆที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น รถยนต์หรือยานพาหนะที่ขับเคลื่อนด้วยกำลังไฟฟ้า สำหรับการหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมนั้นไดมุ่งเน้นไปที่ประเด็นความสำคัญของประเทศไทยในฐานะเป็นเจ้าภาพในการจัดงานประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิกที่กำลังจะมาถึงระหว่างวันที่ 18 -19 พฤศจิกายนนี้ และความจำเป็นของระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งในประเทศไทยและการเชื่อมต่อภายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตลอดจนแนวทางต่างๆที่ธนาคารโลกสามารถให้การสนับสนุนในวาระนี้ได้

นางมานูเอลา วี. เฟอโร กล่าวว่า “อัตราการเติบโตที่สูงของประเทศไทยสามารถช่วยลดความยากจนจากร้อยละ 65 ในปี พ.ศ.2531 เป็นร้อยละ 9 ในปี พ.ศ.2561 จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และเมื่อล่าสุดราคาพลังงานและราคาอาหารทั่วโลกได้พุ่งขึ้น รวมถึงอัตราดอกเบี้ยก็ได้เพิ่มสูงขึ้นอีก ส่งผลให้การเติบโตอย่างยั่งยืนเป็นเรื่องที่ยากขึ้นไป แต่รัฐบาลไทยสามารถจัดการกับสถานการณ์รุนแรงเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี พวกเราจากธนาคารโลกหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ทำงานร่วมกันเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยต่อไป”

เศรษฐกิจของประเทศไทยกำลังอยู่ในภาวะฟื้นตัว โดยได้รับการสนับสนุนจากการบริโภคของภาคเอกชนและภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวดีเกินคาด อ้างอิงตามรายงานตามติดเศรษฐกิจไทยฉบับล่าสุดของธนาคารโลก (Thailand Economic Monitor) อย่างไรก็ตามประเทศไทยมีการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในอัตราที่ช้าที่สุดในบรรดาประเทศหลักๆ ในภูมิภาคอาเซียน เศรษฐกิจไทยขยายตัวในอัตราร้อยละ 2.4 ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2565 หลังจากที่มีการเติบโตในอัตราร้อยละ 1.5 ในปี 2564 การผ่อนคลายนโยบายการเดินทางในหลายๆประเทศช่วยกระตุ้นให้ภาคการท่องเที่ยวค่อยๆฟื้นตัวขึ้นมา ความพยายามของประเทศไทยในการสร้างความหลากหลายด้านเศรษฐกิจจะช่วยทำให้ประเทศไทยสามารถรับมือกับผลกระทบด้านสภาพภูมิอากาศที่ร้ายแรงในอนาคตได้

ธนาคารโลกมีความสัมพันธ์อันดีกับรัฐบาลไทยมายาวนานกว่า 70 ปี โดยมีการให้เงินกู้แก่ประเทศไทยครั้งแรกในปี พ.ศ. 2493 เพื่อปรับปรุงระบบขนส่งของประเทศไทย รวมถึงปรับปรุงทางรถไฟ ท่าเรือ และทางหลวง และสนับสนุนโครงการชลประทานที่เป็นประโยชน์ต่อเกษตรกร ปัจจุบันการมีส่วนร่วมของธนาคารโลกในประเทศไทยเกี่ยวข้องกับการหารือด้านนโยบายเศรษฐกิจ ความช่วยเหลือด้านเทคนิคโดยให้คําปรึกษาด้านวิชาการ และการสนับสนุนการดำเนินการในประเด็นที่หลากหลาย อาทิเช่น รักษาการขยายตัวทางเศรษฐกิจในอัตราสูงได้อย่างยั่งยืน การพัฒนาชุมชน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การศึกษา การลงทุนในระบบโครงสร้างพื้นฐาน และการปฏิรูปกฎระเบียบเพื่อพัฒนาการอํานวยความสะดวกต่อการประกอบธุรกิจ