สคร.จัดอันดับ 10 รัฐวิสาหกิจ ส่งรายได้เข้ารัฐสูงสุด ‘กองสลากฯ’ ครองแชมป์นำเงินส่งคลังแล้ว 23,644 ล้านบาท ส่วนภาพรวม 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2565 รัฐวิสาหกิจ-กิจการที่รัฐถือหุ้นต่ำกว่า 50% ส่งรายได้เข้ารัฐรวม 66,372 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 8,521 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2565 นางปานทิพย์ ศรีพิมล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) หรือ ‘สำนักรัฐฯ’แถลงข่าวผลการจัดเก็บเงินรายได้แผ่นดินของรัฐวิสาหกิจ ณ สิ้นไตรมาส 2 ปีงบประมาณ 2565 (1 ตุลาคม 2564 – 31 มีนาคม 2565) ว่า สคร. สามารถจัดเก็บเงินนำส่งรายได้แผ่นดินจากรัฐวิสาหกิจ และกิจการที่กระทรวงการคลังถือหุ้นต่ำกว่าร้อยละ 50 (กิจการฯ) รวมทั้งสิ้นจำนวน 66,372 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการสะสมจำนวน 8,521 ล้านบาท หรือ คิดเป็นร้อยละ 46 ของเป้าหมายการจัดเก็บในปีงบประมาณ 2565 จำนวน 142,800 ล้านบาท โดยเงินนำส่งรายได้แผ่นดินส่วนใหญ่มาจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล , บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) , การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และธนาคารออมสิน โดยรัฐวิสาหกิจที่นำส่งรายได้แผ่นดินสะสมสูงสุด 10 อันดับแรก ณ สิ้นไตรมาส 2 ปีงบประมาณ 2565 มีดังนี้
อันดับที่ 1 สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ส่งรายได้เข้าคลัง 23,644 ล้านบาท , อันดับที่ 2 บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ส่งรายได้เข้าคลัง 17,519 ล้านบาท , อันดับที่ 3 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ส่งรายได้เข้าคลัง 6,419 ล้านบาท , อันดับที่ 4 ธนาคารออมสิน ส่งรายได้เข้าคลัง 5,313 ล้านบาท , อันดับที่ 5 การท่าเรือแห่งประเทศไทย ส่งรายได้เข้าคลัง 2,610 ล้านบาท , อันดับที่ 6 การไฟฟ้านครหลวง ส่งรายได้เข้าคลัง 2,587 ล้านบาท ,อันดับที่ 7 ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ส่งรายได้เข้าคลัง 2,374 ล้านบาท , อันดับที่ 8 การทางพิเศษแห่งประเทศไทย ส่งรายได้เข้าคลัง 1,400 ล้านบาท , อันดับที่ 9 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ส่งรายได้เข้าคลัง 1,345 ล้านบาท , อันดับที่ 10 การประปาส่วนภูมิภาค ส่งรายได้เข้าคลัง 746 ล้านบาท และรัฐวิสาหกิจและกิจการอื่นฯ รวม 2,415 ล้านบาท ทั้งนี้ ข้อมูลเงินนำส่งรายได้แผ่นดินของรัฐวิสาหกิจที่กระทรวงการคลัง โดย สคร. จัดเก็บ ไม่รวมเงินนำส่งรัฐประเภทอื่น เช่น ภาษีหรือค่าธรรมเนียมอื่นๆ
สำหรับในปีงบประมาณ 2565 จะเป็นการจัดเก็บเงินนำส่งรายได้แผ่นดินจากผลประกอบการในปี 2564 ของรัฐวิสาหกิจ จึงมีความเป็นไปได้ที่ผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2564 ของรัฐวิสาหกิจอาจยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด – 19 ในระลอกที่ผ่านมา ซึ่ง สคร. จะได้มีการติดตามผลการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจอย่างใกล้ชิด โดยจะพิจารณาประกอบกับมาตรการของภาครัฐที่รัฐวิสาหกิจจะต้องเข้าไปดำเนินการเพื่อช่วยเหลือประชาชนและการลงทุนของรัฐวิสาหกิจ เพื่อให้การกำกับติดตามการนำส่งเงินรายได้แผ่นดินของรัฐวิสาหกิจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถสร้างเสถียรภาพทางการคลังได้อย่างยั่งยืน