ThaiPublica > เกาะกระแส > ม็อบผู้ค้าสลากรายย่อยบุกทำเนียบ ทวงโควตา – “สลากดิจิทัล” 7.1 ล้านใบ ขายหมดเกลี้ยง

ม็อบผู้ค้าสลากรายย่อยบุกทำเนียบ ทวงโควตา – “สลากดิจิทัล” 7.1 ล้านใบ ขายหมดเกลี้ยง

18 กรกฎาคม 2022


เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2565เวลา 12.00 น. นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายมงคลชัย สมอุดร รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ลงไปรับหนังสือร้องเรียนจากกลุ่มชมรมเครือข่ายผู้ค้าลอตเตอรี่รายย่อยจังหวัดเลย ประมาณ 350 คน เดินทางมาปักหลักที่บริเวณทำเนียบรัฐบาล ณ บริเวณเชิงสะพานชมัยมรุเชฐ ทำเนียบรัฐบาล

กองสลากฯเผยผลการจำหน่าย “สลากดิจิทัล” กว่า 7.1 ล้านใบ ขายหมดเกลี้ยงภายใน 1 วันกับอีก 7 ชั่วโมง – สคร.แถลงผลการจัดเก็บรายได้ 9 เดือนแรกของปี’65 สำนักสลากฯยังคงครองแชมป์นำส่งรายได้เข้าคลังสูงสุด 38,997 ล้านบาท แซง ปตท.-ออมสิน

เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2565เวลา 12.00 น. นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายมงคลชัย สมอุดร รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ลงไปรับหนังสือร้องเรียนจากกลุ่มชมรมเครือข่ายผู้ค้าลอตเตอรี่รายย่อยจังหวัดเลย ประมาณ 350 คน เดินทางมาปักหลักที่บริเวณทำเนียบรัฐบาล ณ บริเวณเชิงสะพานชมัยมรุเชฐ ทำเนียบรัฐบาล

นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้กลุ่มชมรมเครือข่ายผู้ค้าลอตเตอรี่รายย่อย จังหวัดเลย นัดสวมเสื้อสีชมพู และเดินทางมาชุมนุมประท้วง ณ บริเวณเชิงสะพานชมัยมรุเชฐ ทำเนียบรัฐบาล ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา เพื่อขอความเป็นธรรม กรณีผู้ค้าลอตเตอรี่รายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากการมาตรการแก้ปัญหาขายสลากเกินราคาของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยมองว่าการแก้ปัญหาสลากฯเกินราคาของรัฐบาลไม่เป็นธรรม ยังไม่ครอบคลุมถึงกลุ่มผู้ค้ารายย่อย และเอื้อประโยชน์กลุ่มทุนรายใหญ่ อย่างไรก็ตาม สถานการณ์การชุมนุมเป็นไปอย่างสงบ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำรั้วแผงเหล็ก พร้อมเจ้าหน้าที่ยืนแถวกั้น และมีการปิดกั้นการจราจรความสงบเรียบร้อย

นายอนุชา กล่าวต่อว่า รัฐบาลคำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชนทุกกลุ่ม และมีเจตนาที่ต้องการแก้ปัญหาสลากแพง โดยไม่มีการเลือกปฏิบัติกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเป็นการเฉพาะ คำนึงถึงเพียงประชาชนทุกคนทั่วประเทศจะต้องได้รับความเป็นธรรม ต้องสามารถซื้อสลากฯ ได้ในราคา 80 บาท ขณะที่รัฐบาลมีความตั้งใจที่จะดูแลพี่น้องประชาชนที่เป็นผู้ค้าสลากทุกกลุ่มด้วยเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ ในส่วนของรายละเอียดและข้อเท็จจริง ขอให้ผู้ค้าได้แจ้งประเด็นปัญหาดังกล่าวแก่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลได้โดยตรง ซึ่งหากเป็นความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นจริง ทางรัฐบาลจะร่วมมือกับสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ความช่วยเหลือ เยียวยาผู้ค้าสลากรายย่อยอย่างแน่นอน

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2565 นายจีระศักดิ์ น้อยก่ำ ประธานชมรมเครือข่ายผู้ค้าลอตเตอรี่รายย่อยจังหวัดเลย และผู้ค้าทั่วประเทศ หรือ “สจ.โก้” ได้ออกแถลงการณ์ผ่านเฟซบุ๊กของชมรมฯมีใจความว่า สืบเนื่องจากสำนักงานสลากฯได้ออกมาตรการแก้ปัญหาขายสลากเกินราคา และพยายามจัดสรรโควตาสลากให้กับผู้ค้ารายย่อยตัวจริงนั้น ถือว่าเป็นเรื่องดี แต่กับล้มเหลวโดยสิ้นเชิง โดยเห็นได้จากการประกาศแถลงข่าวครั้งแรกวันที่ 23 ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมาประกาศยกเลิกตัวแทนจำหน่ายสลากระบบเสรีใหม่ทั้งหมด ทำให้ผู้ค้าสลากตัวจริงเดือดร้อน และออกมาเรียกร้องให้คืนสิทธิ์ จนผู้บริหารของสำนักงานสลากฯต้องออกแก้ข่าวใหม่ว่าไม่มีการยกเลิกระบบเสรีแต่ประการใด

ต่อมา สำนักงานสลากฯ ออกประกาศวันที่ 30 ธันวาดม 2564 ให้มีการเปิดลงทะเบียนระบบซื้อ-จองสลากล่วงหน้าใหม่ในวันที่ 1 -31 มกราคม 2565 มีคนมาลงทะเบียน 9 แสนกว่าราย และจำต้องทำการ Random หรือ สุ่มคัดเลือกตัวแทนจำหน่ายสลากให้ได้ 200,000 ราย ปรากฎว่าจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่ได้ดำเนินการแต่อย่างใด ซึ่งผู้อำนวยการ และบอร์ดบริหารของสำนักงานสลากฯ มีพฤติกรรมจัดสรรโควตา เอื้อต่อนายทุนและไร้ความสามารถในการบริหาร ซึ่งมีดังต่อไปนี้

    1. การให้ผู้ที่ลงทะเบียนปี 2565 ลงทะเบียนขายสลากดิจิทัล โดยไม่ได้ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติ จึงมีนายทุนเกณฑ์คนมาสมัครเป็นตัวแทนจำหน่ายในระบบดิจิทัล ซึ่งผู้บริหารของสำนักงานสลากฯ ก็ออกมายอมรับว่ามีกลุ่มทุนอยู่ในระบบสลากสลกดิจิทัล
    2. การเปิดจุดจำหน่ายสลาก 80 บาททั่วประเทศที่มีอยู่แล้ว และจะขยายไปขายตามปั้มน้ำมันอีก โดยจัดสรรโควตาสลากให้ถึง 25 เล่มต่อคน แทนที่จะกระจายให้ผู้ค้าสลากตัวจริง คนละ 5 เล่ม ซึ่งเป็นการกระจายรายได้ไห้ประชาชน แต่ผู้บริหารสำนักงานสลากฯ กลับไม่คำนึงถึงคนเดินขายที่ยึดเป็นอาชีพหลัก ดังนั้น จึงเป็นนโยบายที่เอื้อต่อนายทุน
    3. ปล่อยให้เอกชนขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ทั้ง ๆที่รู้ว่าเอกชนมีการรวบรวมสลากจากทั่วประเทศ เป็นเหตุที่ทำให้สลากแพงเกินกว่าที่รัฐกำหนด ยังปล่อยปะละเลย และ ไม่มีมาตรการใดๆ ออกมา แทนที่จะออกกฎหมาย หรือ หามาตรการป้องกันปราบปรามในการรวมเล่ม รวมชุดและขายส่ง แต่กลับไม่ทำ มีแต่ออกกฎหมายจับกุมผู้ค้าเดินขายเกินราคาเท่านั้น
    4. ผู้อำนวยการสำนักงานสลากฯ และบอร์ดบริหารชุดนี้ ได้เพิกเฉยไม่ให้ความสำคัญกับผู้ด้อยโอกาส และชาวบ้านหาเช้ากินค่ำ ในยามที่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 และเกิดวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่เป็นเช่นนี้ แทนที่จะกระจายรายได้ให้กับประชาชนให้ได้มากที่สุด กลับไปเอื้อต่อนายทุน

จึงเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี ปลดผู้อำนวยการ และบอร์ดบริหารสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล และให้จัดสรรโควตาสลากให้กับผู้ค้าสลากตัวจริงที่จะไปยืนยันตัวตนในที่ 17 กรกฎาคม 2565 นี้ที่ทำเนียบรัฐบาล

ดังนั้น ทางชมรมฯ จึงขอประกาศขับเคลื่อนการชุมนุมเรียกร้อง เพื่อความเป็นธรรมและความถูกต้องในวันที่ 17 กรกฎาคม 2565 ที่ทำเนียบรัฐบาลเป็นต้นไป จนกว่าจะได้รับการแก้ไข

นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพากร ในฐานะประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล

ในวันเดียวกันนี้ นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพากร ในฐานะประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวถึงผลการจัดจำหน่ายสลากดิจิทัล งวดประจำวันที่ 1 สิงหาคม 2565 จำนวน 7,167,500 ใบ (เพิ่มขึ้นมาจากงวดที่แล้ว 2 ล้านใบ) ว่า ทางสำนักงานสลากฯ เริ่มเปิดขายสลากดิจิทัลใบละ 80 บาท ผ่านแอปฯ “เป๋าตัง” ตั้งแต่เวลา 6.00 น.ของวันที่ 17 กรกฎาคม 2565 ปรากฎว่าสลากดิจิทัล ได้รับความสนใจจากประชาชนอย่างมาก ใช้เวลาขาย 1 วัน กับ 7 ชั่วโมง สลากดิจิทัลกว่า 7.1 ล้านใบ ขายหมดเกลี้ยงในเวลา 13.57 น. ของวันที่ 18 กรกฎาคม 2565

  • บอร์ดสลากฯเคาะขาย ‘ลอตเตอรี่ดิจิทัล’ 5 ล้านใบ ผ่านแอปเป๋าตัง 2 มิ.ย.นี้
  • เพิ่มสลากออนไลน์ 20 ล้านใบ ท้าพิสูจน์ “ความจริงใจ” รัฐบาลประยุทธ์ แก้หวยแพง
  • ‘กองสลากฯ’ แชมป์ส่งรายได้เข้ารัฐสูงสุด 23,644 ล้านบาท
  • รัฐเตรียมขายหวย 3 ตัว จะมอมเมาไปถึงไหน?
  • 8 ปี รัฐบาลประยุทธ์ ปั้มหวย 37 เป็น 100 ล้านใบ/งวด หาเงินโปะถังแตก
  • ส่วนนางปานทิพย์ ศรีพิมล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) แถลงถึงผลการจัดเก็บเงินนำส่งรายได้แผ่นดินจากรัฐวิสาหกิจและกิจการที่กระทรวงการคลังถือหุ้นต่ำกว่า 50% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 (1 ตุลาคม 2564 – 30 มิถุนายน 2565) ว่า สคร. สามารถจัดเก็บเงินนำส่งรายได้แผ่นดินจากรัฐวิสาหกิจ และกิจการที่กระทรวงการคลังถือหุ้น รวมทั้งสิ้นจำนวน 116,130 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 14,643 ล้านบาท หรือ คิดเป็น 81% ของเป้าหมายการจัดเก็บรายได้นำส่งคลังในปีงบประมาณ 2565 จำนวน 142,800 ล้านบาท โดยรัฐวิสาหกิจที่นำส่งรายได้เข้าคลังมากที่สุด อันดับ 1 สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลนำส่งรายได้เข้าคลัง 38,997 ล้านบาท , อันดับ 2 บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ส่งรายได้เข้าคลัง 29,198 ล้านบาท, อันดับ 3 ธนาคารออมสินส่งรายได้เข้าคลัง 14,607 ล้านบาท , อันดับ 4 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ส่งรายได้เข้าคลัง 9,919 ล้านบาท , อันดับ 5 การไฟฟ้านครหลวง ส่งรายได้เข้าคลัง 3,325 ล้านบาท , อันดับ 6 การยาสูบแห่งประเทศไทย ส่งรายได้เข้าคลัง 2,619 ล้านบาท , อันดับ 7 การท่าเรือแห่งประเทศไทย ส่งรายได้เข้าคลัง 2,610 ล้านบาท , อันดับ 8 การทางพิเศษแห่งประเทศไทย ส่งรายได้เข้าคลัง 2,600 ล้านบาท , อันดับ 9 ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ส่งรายได้เข้าคลัง 2,374 ล้านบาท , อันดับ 10 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ส่งรายได้เข้าคลัง 1,345 ล้านบาท และรัฐวิสาหกิจ และกิจการฯ ส่งรายได้เข้าคลัง 8,536 ล้านบาท