ThaiPublica > เกาะกระแส > นายกฯ วอนม็อบรถบรรทุกอย่ากดดัน สั่ง รฟท.-บขส. รับส่งสินค้าเพิ่ม — มติ ครม. ขยายวงเงินกู้ตรึงราคาพลังงาน

นายกฯ วอนม็อบรถบรรทุกอย่ากดดัน สั่ง รฟท.-บขส. รับส่งสินค้าเพิ่ม — มติ ครม. ขยายวงเงินกู้ตรึงราคาพลังงาน

16 พฤศจิกายน 2021


พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ที่มาภาพ: www.thaigov.go.th

นายกฯ วอนม็อบรถบรรทุกอย่ากดดันรัฐบาล สั่ง รฟท.-บขส. เพิ่มช่องทางขนส่ง — ย้ำรัฐบาลจัดงบฯดูแล ปชช. 25% ของ GDP มากเป็นที่ 2 ของเอเปค — มติ ครม.ขยายวงเงินกู้ตรึงราคาพลังงาน 3 หมื่นล้าน-จัดที่ดินป่าชายเลน 21 จว.อันดามัน ให้ ปชช. อยู่อาศัย 4,105 ไร่

เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2564 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ ครั้งที่ 1/2564 หรือ “ครม.สัญจร” ณ ห้องประชุมโภคีธรา โรงแรมโซฟิเทล กระบี่ โภคีธรา กอล์ฟ แอนด์ สปา รีสอร์ท จังหวัดกระบี่ โดยพลเอก ประยุทธ์ ระบุว่า ในการประชุม ครม. นอกสถานที่ในวันนี้ ได้มีการประชุมร่วมกับภาคเอกชน 5 กลุ่ม และผู้นำจังหวัดกลุ่มจังหวัดอันดามันถึงการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวในพื้นที่ โดยนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ทำแผนงานระยะสั้นเป็นระยะเวลา 1 ปี วงเงินทั้งสิ้น 494 ล้านบาท

ปลื้มนักท่องเที่ยวแห่จองห้องพักเพิ่ม

พลเอก ประยุทธ์ กล่าวว่า “วันนี้ก็ได้รับทราบความคืบหน้าในเรื่องการเปิดประเทศ และมีแนวโน้มที่ดีขึ้นเรื่อยๆ โดยการจองห้องพักมีปริมาณมากขึ้น ผมก็ได้สั่งการเรื่องวิธีการตรวจในสนามบิน ควรพัฒนาระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อประหยัดเวลา ได้รับทราบว่าชาวต่างประเทศก็พึ่งพอใจ”

เตือนสถานบันเทิงอย่าฝ่าฝืน เผยที่ผ่านมาจับแล้วหลายแห่ง

พลเอก ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า “ส่วนงานวันลอยกระทงนั้น ตนได้สั่งการให้ทุกคนระมัดระวังมากที่สุด ถ้าเราไม่ช่วยกัน ก็ไปต่อไม่ได้ การเปิดสถานที่ต่างๆ จำเป็นต้องรับฟังความคิดเห็นด้านสาธารณสุข วันนี้ก็ขอเตือนผู้ที่ยังฝ่าฝืนอยู่ เพราะทุกอย่างเป็นไปได้ยาก ไม่สามารถเป็นได้ตามกำหนดเวลา ได้มีการจับกุมสถานบันเทิงกลางคืนหลายแห่ง เพราะมีการมั่วสุมกัน ไม่ได้ปฏิบัติตามมาตรการใดๆ เลย วันหน้าเกิดปัญหาขึ้น ก็มาโทษรัฐบาลอีก

วอนม็อบรถบรรทุกอย่ากดดัน สั่ง รฟท.-บขส.เพิ่มช่องทางรับส่งสินค้า

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลต้องรอดูสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก เพราะมีแรงกดดันมาก และประเทศไทยมีกองทุนน้ำมันที่สะสมเอาไว้ ซึ่งได้ใช้งบประมาณไปหมดแล้ว และยืนยันที่จะตรึงราคาน้ำมันดีเซลให้ได้ลิตรละไม่เกิน 30 บาท โดยที่ประชุมเห็นชอบร่างหลักเกณฑ์การกู้เงินของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) โดยให้ สกนช. ดำเนินการกู้เฉพาะวงเงิน 20,000 ล้านบาทตามกรอบของกฎหมายกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีอยู่ เพื่อพยุงราคาและเตรียมพร้อมสภาพคล่องในการตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาท/ลิตร เพื่อลดผลกระทบต่อค่าครองชีพประชาชนในช่วงที่สถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกยังคงมีแนวโน้มผันผวน และคาดว่าเมื่อสถานการณ์การเข้าสู่ภาวะปกติราคาน้ำมันก็จะลดลง และในอนาคตต้องมีการสนับสนุนให้มีการใช้พลังงานไฟฟ้าในประเทศ 30% ด้วย พร้อมขอความเข้าใจจากตัวแทนผู้ประกอบการขนส่งรถบรรทุกทั่วประเทศ อย่าใช้แรงกดดันรัฐบาล เพราะต้องดูแลประชาชนทุกกลุ่มและต้องพิจารณาด้วยความละเอียดรอบคอบ และขอให้คำนึงถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับประเทศในขณะนี้ อย่างไรก็ตามได้สั่งการให้กระทรวงคมมนาคมไปจัดขนส่งทางรถไฟ และจัดรถ บขส. สำหรับขนส่งสินค้าอีกทางหนึ่งเพิ่มเติม

  • ม็อบรถบรรทุกจี้พลังงงานตรึงดีเซล 25 บาท ไม่ได้ 1 ธ.ค. “ทิ้งรถ”
  • ย้ำรัฐบาลจัดงบฯ ดูแล ปชช. 25% ของ GDP มากเป็นที่ 2 ของเอเปค

    นอกจากนี้ พลเอก ประยุทธ์ ยังกล่าวต่อว่า “ถ้าเปรียบเทียบงบประมาณในการดูแลประชาชน ผมย้ำอีกครั้งว่าประเทศไทยเป็นประเทศอันดับสองในเอเปคที่ดูแลประชาชนได้ดีที่สุดรองจากชิลี เราใช้งบประมาณถึง 25% ของจีดีพี เพราะเราเป็นห่วงประชาชนจริงๆ”

    มติ ครม. มีดังนี้

    ดร.รัชดา ธนาดิเรก-น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (ซ้าย-ขวา)
    ที่มาภาพ: www.thaigov.go.th/

    ขยายวงเงินกู้ตรึงราคาพลังงาน 3 หมื่นล้าน

    ดร.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าที่ประชุม ครม. เห็นชอบการขออนุมัติกู้ยืมเงินของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เพื่อเสริมสภาพคล่องของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง รักษาเสถียรภาพระดับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ไม่ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีพของประชาชน ดังนี้

      1. อนุมัติหลักการร่าง พ.ร.ฎ.เปลี่ยนแปลงกรอบวงเงินกู้เพื่อรักษาเสถียรภาพระดับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศ พ.ศ. …. โดยเปลี่ยนแปลงกรอบวงเงินกู้เพื่อรักษาเสถียรภาพระดับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศ เป็นจำนวนไม่เกิน 30,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันกำหนดไว้ 20,000 ล้านบาท
      2. อนุมัติการกู้ยืมเงิน โดยให้เป็นไปตามความเห็นของกระทรวงการคลัง โดยให้ สกนช. ดำเนินการกู้เฉพาะวงเงิน 20,000 ล้านบาท ตามกรอบของกฎหมายกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีอยู่ และจะดำเนินการกู้เงินเพิ่มเติมวงเงิน 10,000 ล้านบาท ได้ต่อเมื่อ ร่าง พ.ร.ฎ.ฯ มีผลบังคับใช้แล้ว

    “สำหรับแผนการกู้ยืมเงินและแผนการชำระหนี้ของ สกนช. จะเป็นการกำหนดรายละเอียดของการกู้ยืมเงินและระยะเวลาหรือช่วงเวลาในการดำเนินการต่างๆ ทั้งนี้ คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงได้มีมติเห็นชอบให้เปลี่ยนแปลงกรอบวงเงินกู้ หลักเกณฑ์การกู้ยืมเงินของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง และแผนการกู้ยืมเงินและแผนการชำระหนี้ดังกล่าวแล้ว เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 โดยแผนการเบิกจ่ายเงินกู้ที่ สกนช. ประมาณการไว้จะเริ่มเบิกเงินกู้ประมาณเดือนมิถุนายน 2565” ดร.รัชดากล่าว

    กู้ 2 หมื่นล้าน ให้ สปสช. จ่ายค่ารักษาโควิดฯ

    ดร.รัชดากล่าวว่า ที่ประชุม ครม. อนุมัติวงเงิน 20,000 ล้านบาท จากวงเงินกู้เพื่อช่วยเหลือ เยียวยา และชดเชย ให้แก่ประชาชนทุกสาขาอาชีพ ซึ่งได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติแห่งชาติ (สปสช.) ในโครงการค่าบริการสาธารณสุขภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (โครงการฯ) ปี 2564 รอบที่ 5 เพื่อเป็นค่าชดเชยค่าใช้จ่ายให้กับสถานพยาบาลรัฐและเอกชนรวมถึงผู้ให้บริการสาธารณสุขทั่วประเทศที่เกิดขึ้นจากการให้บริการสาธารณสุข เช่น ค่าบริการตรวจคัดกรอง ค่าบริการรักษาพยาบาล ค่าบริการฉีดวัคซีน และค่าตรวจวินิจฉัยและรักษาภาวะลิ่มเลือดอุดตันจากการรับวัคซีนโควิด-19 (Vaccine-induced Immune Thrombotic Thrombocytopenia หรือ VITT)

    “กรอบวงเงินที่อนุมัติให้ สปสช. วันนี้ เพื่อนำไปใช้จ่ายในโครงการสาธารณสุขภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จะช่วยแก้ไขปัญหาการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม” ดร.รัชดากล่าว

    ขยายเวลาต่างชาติที่อยู่เกิน 90 วัน อยู่ต่อได้ถึงสิ้นปีนี้

    ดร.รัชดากล่าวว่า ที่ประชุม ครม. อนุมัติหลักการร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการอนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำพวกอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ (ฉบับที่ ..) ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ เพื่อเป็นการแก้ไขและบรรเทาผลกระทบแก่คนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาอนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำพวกอยู่ในราชอาณาจักรและการแจ้งที่พักอาศัยต่อไปได้ ตั้งแต่วันที่ประกาศฉบับนี้มีผลบังคับใช้ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 ดังนี้

    1) คนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวตามประเภทการตรวจลงตรา (รวมทั้งการตรวจลงตรา Visa on Arrival)

    2) คนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว ซึ่งได้รับสิทธิตามพระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน พ.ศ. 2520 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม หรือตามประกาศกระทรวงมหาดไทยที่เกี่ยวข้อง

    3) กำหนดให้คนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเกิน 90 วัน แล้ว ครบกำหนดระยะเวลาการแจ้งที่พักอาศัย ให้ได้รับการขยายระยะเวลาการแจ้งที่พักอาศัย ตั้งแต่วันที่ประกาศฉบับนี้มีผลบังคับใช้ถึง 31 ธันวาคม 2564

    แจงเป้าหมายลงพื้นที่จังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน

    ดร.รัชดากล่าวว่า การลงพื้นที่ดูงานของคณะรัฐมนตรีในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน ซึ่งประกอบไปด้วยจังหวัดกระบี่ ตรัง พังงา ภูเก็ต ระนอง และสตูล เพื่อขับเคลื่อนนโยบายและโครงการที่สำคัญของรัฐบาลในมิติต่างๆ เช่น

  • การพัฒนาเศรษฐกิจและความสามารถในการแข่งขันของไทย ด้วยโครงการพัฒนาท่าอากาศยานระนอง และท่าอากาศยานนานาชาติกระบี่ โครงการพัฒนาปรับรุงท่าเรือภูเก็ต และโครงการนำสายสื่อสารลงดินบริเวณจุดท่องเที่ยว และก่อสร้างท่าเทียบเรืออ่าวมาหยาบริเวณจุดท่องเที่ยวเกาะพีพี
  • การสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตร ผ่านโครงการพัฒนาธุรกิจบริการดินและปุ๋ยเพื่อชุมชน โครงการยกระดับเกษตรแปลงใหญ่ โครงการเพิ่มมูลค่าและพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงามจากผลิตภัณฑ์การเลี้ยงหอยมุก
  • การพัฒนาสร้างความเข้มแข็งจากฐานราก โดยพัฒนากลุ่ม OTOP และวิสาหกิจชุมชน และโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกยางพาราและปาล์มน้ำมัน
  • ปรับปรุงระบบที่ดินทำกินและลดความเหลื่อมล้ำด้านการถือครองที่ดิน โดยการใช้ประโยชน์ที่ดินในเขต ส.ป.ภ. 4-01 การแก้ไขปัญหาที่ดินและที่อยู่อาศัย รวมถึงโครงการบ้านมั่นคง
  • การพัฒนาระบบสาธารณสุข โดยมีมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกันและการรักษาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ควบคู่กับการดำเนินงานของอาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้านกับการส่งเสริมการใช้สมุนไพรในชุมชน
  • การปฏิรูปศักภาพคนไทยทุกช่วงวัย จัดทำโครงการ NFE Data Map: ปักหมุดสร้างโอกาสทางการศึกษาของผู้พิการและด้อยโอกาส และจัดการศึกษาอาชีวศึกษาสู่ความเป็นเลิศ
  • ส่งเสริมบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ แหล่งน้ำชุมชน ด้วยโครงการการจ้างก่อสร้างขุดลอกและบำรุงรักษาชายฝั่งทะเลและบริเวณร่องน้ำกันตรัง
  • การฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน
  • ดร.รัชดากล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐบาลยังได้ดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขันและยุทธศาสตร์ชาติด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ โดยบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวงและส่วนราชการ ไม่ว่าจะเป็น 1) การพัฒนาคุณภาพด้านการท่องเที่ยวให้มีมาตรฐานอย่างยั่งยืน โดย ครม. ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโครงข่ายคมนาคมทางถนน การบริหารจัดการภัยพิบัติ ติดตามประเด็นปัญหาการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน 2) การพัฒนาระบบและสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าภาคเกษตร ประมง และปศุสัตว์ ที่มีศักยภาพในพื้นที่ เพื่อให้ชุมชนเกิดความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน ด้วยการเยี่ยมชมวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงเกษตร ตรวจเยี่ยมพื้นที่ที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และ 3) การเสริมสร้างและพัฒนาศักยภาพต้นทุนมนุษย์เพื่อนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ติดตามโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยพอเพียง การดำเนินงานตามนโยบายการจัดการศึกษาทุกระดับชั้น การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย เป็นต้น

    จัดที่ดินป่าชายเลน 21 จว. อันดามัน ให้ ปชช. อยู่อาศัย 4,105 ไร่

    น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติให้ยกเว้นมติครม.เพื่อดำเนินการจัดที่ดินเพื่อการอยู่อาศัยให้ชุมชน ในพื้นที่ป่าชายเลนประจำปีงบประมาณ 2562 และ 2563 ในท้องที่จังหวัดชายฝั่งทะเล 21 จังหวัด เพื่อนำที่ดินที่เป็นป่าชายเลน เนื้อที่รวม 4,105 ไร่ 4 ตารางวา ไปดำเนินการจัดที่ดินเพื่อการอยู่อาศัยให้ชุมชน โดยมติ ครม. เดิม เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2534, 22 สิงหาคม 2543 และ 17 ตุลาคม2543 ให้ระงับการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลนโดยเด็ดขาด รวมทั้งในพื้นที่เขตอนุรักษ์ห้ามไม่ให้อนุญาตการใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าชายเลนในทุกกรณีทั้งภาครัฐและเอกชน

    อย่างไรก็ตาม ในส่วนของค่าใช้จ่ายในการปลูกและบำรุงป่าชายเลนทดแทนไม่น้อยกว่า 20 เท่าของพื้นที่ป่าชายเลนที่ใช้ประโยชน์ ทางกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ว่าด้วยการปลูกและบำรุงป่าชายเลนทดแทนเพื่อการอนุรักษ์หรือรักษาสภาพแวดล้อม กรณี การดำเนินการโครงการใดๆของหน่วยงานของรัฐที่มีความจำเป็นต้องเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลน ปี 2556 ต่อไป โดยที่ผ่านมา ครม. เคยมีมติให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติ ครม. เพื่อนำพื้นที่ที่เป็นป่าชายเลนไปจัดที่ดินตามนโยบายรัฐบาล ในลักษณะเดียวกันมาแล้ว และได้มีการมอบหนังสืออนุญาตให้จังหวัดเพื่อจัดที่ดินให้แก่ชุมชนเข้าทำประโยชน์ไปแล้วบางส่วน

    สำหรับพื้นที่เป้าหมาย 21 จังหวัดที่ขอยกเว้นมติ ครม. ในครั้งนี้ ได้แก่ จังหวัดระยอง, จันทบุรี, ตราด, ชลบุรี, ฉะเชิงเทรา, สมุทรปราการ, สมุทรสงคราม, สมุทรสาคร, เพชรบุรี, ประจวบคีรีขันธ์, ชุมพร, สุราษฎร์ธานี, นครศรีธรรมราช, สงขลา, ปัตตานี, ระนอง, พังงา, กระบี่, ภูเก็ต, สตูล และตรัง

    เสนอ 6 อุทยาน 1 ป่าชายเลน ขึ้นทะเบียนมรดกโลก

    น.ส.ไตรศุลีกล่าวว่า ที่ประชุม ครม. เห็นชอบให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นำเสนอแหล่งมรดกทางธรรมชาติพื้นที่แหล่งอนุรักษ์ทะเลอันดามัน เพื่อเสนอขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกเข้าสู่บัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) ของศูนย์มรดกโลก ต่อศูนย์มรดกโลก ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส และ ครม. ยังได้เห็นชอบเอกสารบัญชีรายชื่อเบื้องต้น พื้นที่แหล่งอนุรักษ์ทะเลอันดามัน เพื่อเสนอขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลก

    สำหรับข้อมูลแหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติที่เสนอครั้งนี้ เป็นพื้นที่แหล่งอนุรักษ์ทะเลอันดามัน ครอบคลุมพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ ระนอง พังงา และภูเก็ต ประกอบด้วย 6 พื้นที่อุทยาน และ 1 พื้นที่ป่าชายเลน พื้นที่รวม 290,800 เฮกตาร์ หรือประมาณ 2,908 ตารางกิโลเมตร แบ่งเป็นพื้นที่นำเสนอ 1,159.55 ตารางกิโลเมตร และพื้นที่กันชน 1,748.45 ตารางกิโลเมตร โดยพื้นที่ในจังหวัดระนอง ได้แก่ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะระนอง มีลักษณะเด่นคือ มีป่าชายเลนที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ พบซุ้มหินชายฝั่งและถ้ำทะเลที่สวยงาม พบสัตว์หายากหลากหลายชนิด เช่น ชะนีมือขาว ค้างคาวแม่ไก่เกาะ, อุทยานแห่งชาติแหลมสน ลักษณะเด่น มีความเชื่อมโยงระหว่างแหล่งที่อยู่อาศัยทางทะเลและชายฝั่งที่หลากหลายและเป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำที่สำคัญ เช่น เต่าหญ้า และป่าชายเลนจังหวัดระนอง มีลักษณะเด่นคือ เป็นพื้นที่ป่าชายเลนแห่งแรกของโลกที่ได้รับการประกาศให้เป็นพื้นที่สงวนชีวมณฑล

    สำหรับจังหวัดพังงา ได้แก่ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ มีลักษณะเด่นคือ มีแนวปะการังขนาดใหญ่ที่ก่อตัวต่อเนื่องกันเป็นลักษณะซึ่งจัดได้ว่ามีการพัฒนาสูงสุดในประเทศไทย จึงเป็นแหล่งดำน้ำที่สวยงามและมีชื่อเสียงระดับโลก, อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน ลักษณะเด่น อุดมไปด้วยปะการังหลายชนิดที่สมบูรณ์ที่สุดของประเทศ โดยเป็นแนวปะการังน้ำลึกและเป็นที่อยู่ของสัตว์ทะเลหายาก เช่น กระเบนราหู วาฬหัวทุย และโลมา และอุทยานแห่งชาติเขาลำปี-หาดท้ายเหมือง มีลักษณะเด่นคือ เป็นแหล่งวางไข่ที่สำคัญของเต่ามะเฟืองที่เหลืออยู่เพียงแห่งเดียวบนชายฝั่งแผ่นดินใหญ่ทางตะวันออกของมหาสมุทรอินเดีย และจังหวัดภูเก็ต ได้แก่ อุทยานแห่งชาติสิรินาถ มีลักษณะเด่นคือ มีแนวปะการังริมฝั่ง ทอดตัวยาวขนานกับชายฝั่งถึงเกาะภูเก็ตทางใต้

    ทั้งนี้ หากประเทศไทยจัดส่งเอกสารบัญชีรายชื่อเบื้องต้น พื้นที่แหล่งอนุรักษ์ทะเลอันดามัน เพื่อเสนอขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลก ให้ศูนย์มรดกโลกได้ภายในวันที่ 15 เมษายน 2565 จะได้รับการนำเสนอต่อคณะกรรมการมรดกโลกในการประชุมสมัยสามัญครั้งที่ 45 เพื่อให้การรับรองการเข้าสู่บัญชีรายชื่อเบื้องต้นของศูนย์มรดกโลกและจะสามารถจัดส่งเอกสารการนำเสนอเป็นมรดกโลกได้ตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นไป

    ยกเว้นค่าธรรมเนียมต่อใบอนุญาตมัคคุเทศก์

    น.ส.ไตรศุลีกล่าวว่า ที่ประชุม ครม. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมการต่ออายุใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวและใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์ โดยมีรายละเอียดตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอดังนี้ คือ ยกเว้นค่าธรรมเนียมการต่ออายุใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวครั้งละ 2,000 บาท และการต่ออายุใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวสาขา ครั้งละ 1,000 บาท เป็นระยะเวลา 2 ปี และยกเว้นค่าธรรมเนียมการต่ออายุใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์ครั้งละ 200 บาท เป็นระยะเวลา 5 ปี นับแต่วันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ

    ทั้งนี้เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (โควิด-19) ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยว ธุรกิจการท่องเที่ยวเกิดความชะงัก ผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ขาดสภาพคล่องทางการเงินอย่างหนัก ทำให้ขาดรายได้แต่ยังรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต่อการประกอบธุรกิจหรือประกอบอาชีพ ดังนั้น การยกเว้นค่าธรรมเนียมดังกล่าวจะเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ในระยะเร่งด่วน เพื่อให้สามารถหล่อเลี้ยงธุรกิจและประกอบอาชีพในภาวะวิกฤต

    สำหรับการยกเว้นค่าธรรมเนียมในครั้งนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้รายงานว่าจะทำให้กองทุนคุ้มครองธุรกิจนำเที่ยวไม่ได้รับเงินจากค่าธรรมเนียมรวมทั้งสิ้น 32.75 ล้านบาท

    เสนอไทยเป็นเจ้าภาพจัด “เมกะอีเวนต์” 3 งาน หนุนท่องเที่ยว

    น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ที่ประชุม ครม. ได้เห็นชอบในหลักการให้ประเทศไทยเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการงานเมกะอีเวนต์ รวม 3 รายการ ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ(TCEP) เสนอ ประกอบด้วย งาน Expo2028 Phuket-Thailand ในปี 2571 และมหกรรมพืชสวนโลก 2 งาน ได้แก่ มหกรรมพืชสวนโลกอุดรธานี (ระดับ B)ในปี 2569 และพืชสวนโลกนครราชสีมา (ระดับ A1)ในปี 2572

    โดยการเป็นเจ้าภาพการจัดงานเมกะอีเวนต์ดังกล่าวจะมีส่วนสำคัญในการพัฒนาและต่อยอดโครงสร้างพื้นฐานในด้านต่างๆ เพื่อรองรับนักเดินทางจากทั่วโลก สร้างการจ้างงานผลักดันการเติบโตของจีดีพี พัฒนาบุคลากรที่เกี่ยวข้อง ทั้งด้านนวัตกรรมการเกษตร การแพทย์ ภาคบริการและภาคท่องเที่ยว ตลอดจนการพัฒนาหลังการจัดงานให้เป็นพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ในระยะยาว

    ทั้งนี้ หากประเทศไทยได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพเมกะอีเวนต์ทั้ง 3 งาน กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ประเมินว่าจะสามารถสร้างเงินสะพัดในประเทศไทยรวม 100,173 ล้านบาท ผลักดันการเติบโตให้จีดีพีได้ 68,520 ล้านบาท สร้างรายรับภาษีให้ภาครัฐ 20,641 ล้านบาท และ สร้างการจ้างงาน 230,442 คน

    น.ส.ไตรศุลีกล่าวว่า สำหรับการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงาน Expo2028-Phuket, Thailand มีเป้าหมายเพื่อผลักดันบทบาทของประเทศไทยและภูเก็ตให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub) ให้เป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับโลก และเป็นเวทีแลกเปลี่ยนนวัตกรรมการให้บริการสาธารณสุขในอนาคตเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของโลกในปริบทหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

    ทั้งนี้ หากไทยได้รับเลือกเป็นเจ้าภาพ คาดว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าร่วมงาน 4.93 ล้านคน เป็นชาวไทย ร้อยละ 54 และต่างชาติ ร้อยละ 46 สร้างเงินสะพัด 49,231 ล้านบาท ผลักดันการเติบโตของจีดีพีได้ 39,357 ล้านบาท เกิดรายรับภาษีภาครัฐ 9,512 ล้านบาท เกิดการจ้างงาน 113,439 คน

    น.ส.ไตรศุลีกล่าวว่า สำหรับการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมพืชสวนโลก อุดรธานี ในปี 2569 จะเป็นงานที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการพัฒนาด้านพืชสวนของไทย เป็นเวทีการแลกเปลี่ยนทางวิชาการและเทคโนโลยีพืชสวนระดับชาติและนานาชาติ ส่งผลให้เกิดการต่อยอดด้านนวัตกรรมการเกษตร การวิจัยด้านความหลากหลายทางชีวภาพสร้างพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ให้เป็นศูนย์กลางการค้า การลงทุนในอนุภูมิภาคแม่น้ำโขง (GMS) ผลักดันจังหวัดอุดรธานีเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมด้านการเกษตรใน GMS และต่อยอดสู่เศรษฐกิจ BCG Model

    หากประเทศไทยได้รับเลือกเป็นเจ้าภาพ คาดว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าร่วมงาน 3.6 ล้านคน เป็นชาวไทย ร้อยละ 70 และต่างชาติ ร้อยละ 30 สร้างเงินสะพัด 32,000 ล้านบาท ผลักดันการเติบโตของจีดีพี 20,000 ล้านบาท เกิดรายรับภาษีภาครัฐ 7,700 ล้านบาท เกิดการจ้างงาน 81,000 คน ระยะเวลา 134วัน ระหว่างวันที่ 1 พ.ย. 2569- 14 มี.ค. 2570 สถานที่จัดงานคือ พื้นที่ชุ่มน้ำหนองแด ตำบลกุดสระ อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี พื้นที่รวม 1,030 ไร่

    รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ส่วนการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงานพืชสวนโลก นครราชสีมา ในปี 2572 นอกจากจะเพื่อแสดงความก้าวหน้าด้านพืชพันธุ์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านการผลิตพืชสวนแบบครบวงจรของไทย และเป็นเวทีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ข้อมูลข่าวสารด้านพืชสวนและการเกษตรกับนานาประเทศแล้ว ยังจะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจ การกระจายความเจริญและโอกาสที่จะนำไปสู่การลดความเหลื่อมล้ำเชิงพื้นที่ต่อไป

    หากประเทศไทยได้รับเลือกเป็นเจ้าภาพคาดว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าร่วมงาน 2.6-4 ล้านคน เป็นชาวไทย ร้อยละ 85 และต่างชาติ ร้อยละ 15 สร้างเงินสะพัด 18,942 ล้านบาท ผลักดันการเติบโตของจีดีพีได้9,163 ล้านบาท เกิดรายรับภาษีภาครัฐ 3,429 ล้านบาท เกิดการจ้างงาน 36,003 คน ระยะเวลาจัดงาน 110 วัน ระหว่างวันที่ 10 พ.ย. 2572 –28 ก.พ. 2573 สถานที่จัดงาน พื้นที่ป่าสาธารณประโยชน์โคกหนองรังกา ตำบลเทพาลัย อำเภอคง จังหวัดนครราชสีมา จำนวน 678 ไร่

    ตั้ง “พิทักษ์ อุดมวิชัยวัฒน์” คุมกรมการค้าต่างประเทศ

    น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ที่ประชุม คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในเรื่องแต่งตั้งข้าราชการระดับสูง และผู้บริหารหน่วยงานของรัฐมีรายละเอียดดังนี้
    1. เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงการต่างประเทศ)

    คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 4 ราย เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่างและสับเปลี่ยนหมุนเวียน ดังนี้

      1. นายชุตินทร คงศักดิ์ รองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ให้ดำรงตำแหน่ง เอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ สิงคโปร์ สาธารณรัฐสิงคโปร์
      2. นางวิลาวรรณ มังคละธนะกุล อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย ให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
      3. นายปิยภักดิ์ ศรีเจริญ เอกอัครราชทูตประจำกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ให้ดำรงตำแหน่ง เอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมานามา ราชอาณาจักรบาห์เรน
      4. นายทวีเกียรติ เจนประจักษ์ อัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ สิงคโปร์ สาธารณรัฐสิงคโปร์ ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานการค้าและเศรษฐกิจไทย ณ ไทเป

    ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ซึ่งการแต่งตั้งข้าราชการให้ไปดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำต่างประเทศตามข้อ 1. และ 3. ได้รับความเห็นชอบจากประเทศผู้รับ

    2. เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงศึกษาธิการ)

    คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเสนอแต่งตั้ง นายพิเชฐ โพธิ์ภักดี ศึกษาธิการภาค สำนักงานศึกษาธิการภาค 10 สำนักงานปลัดกระทรวง ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงศึกษาธิการ เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป

    3. เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้)

    คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ เสนอรับโอนข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงมหาดไทย และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง สังกัดศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 2 ราย เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ดังนี้

      1. นายศรัทธา คชพลายุกต์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงมหาดไทย ดำรงตำแหน่ง รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้

      2. นายบุญพาศ รักนุ้ย รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงมหาดไทย ดำรงตำแหน่ง รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้

    ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป โดยผู้มีอำนาจสั่งบรรจุทั้งสองฝ่ายได้ตกลงยินยอมในการโอนแล้ว

    4. เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงพาณิชย์)

    คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง เพื่อเป็นการสับเปลี่ยนหมุนเวียนและเพื่อทดแทนผู้ที่เกษียณอายุราชการ ดังนี้

      1. นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
      2. นายพิทักษ์ อุดมวิชัยวัฒน์ รองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ให้ดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ
      3. นายวันชัย วราวิทย์ ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ให้ดำรงตำแหน่ง รองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง

    ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป

    อ่าน มติ ครม. ประจำวันที่ 16 พฤศจิกายน 2564 เพิ่มเติม