ThaiPublica > เกาะกระแส > สรรพสามิต แจงขึ้นภาษีบุหรี่ยกแผง-เว้นยาเส้น เริ่ม 1 ต.ค.นี้

สรรพสามิต แจงขึ้นภาษีบุหรี่ยกแผง-เว้นยาเส้น เริ่ม 1 ต.ค.นี้

30 กันยายน 2021


สรรพสามิต แจงขึ้นภาษีบุหรี่ยกแผง ยกเว้นยาเส้น เริ่ม 1 ต.ค.นี้ พร้อมจัดตั้งศูนย์ปราบปรามสินค้าออนไลน์ รับมือบุหรี่เถื่อนทะลัก – จัดงบฯเกือบ 160 ล้านาท เยียวยาเกษตรกรผู้ปลูกใบยา 14,200 ราย คาดรายได้รัฐเพิ่ม 3,500-4,500 ล้านบาท – ลดการบริโภคยาสูบลง 2-3%

หลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 28 กันยายน 2564 ได้มีมติเห็นชอบโครงสร้างภาษีสรรพสามิตยาสูบใหม่ ตามที่ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังนำเสนอ โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป

เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2564 นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพสามิต ชี้แจงรายละเอียดของโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่ว่า สืบเนื่องจากปัจจุบันกรมสรรพสามิตจัดเก็บภาษีบุหรี่แบบผสม โดยมีการจัดเก็บภาษีบุหรี่ตามปริมาณ 1.20 บาทต่อมวน หรือ ซองละ 24 บาท รวมกับการจัดเก็บภาษีบุหรี่ตามมูลค่า ซึ่งมีอยู่ 2 อัตรา กล่าวคือบุหรี่ที่ตั้งราคาขายปลีกไม่เกินซองละ 60 บาท เสียภาษีที่อัตรา 20% ของราคาขายปลีกแนะนำ และบุหรี่ที่ตั้งราคาขายปลีกเกินซองละ 60 บาท เสียภาษีที่อัตรา 40% ของราคาขายปลีก หากไม่มีการปรับปรุงโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป กรมสรรพสามิตจะเริ่มเก็บภาษีตามมูลค่าในอัตราเดียว คือ 40% ของราคาขายปลีกแนะนำ รวมกับภาษีตามปริมาณอีกมวนละ 1.20 บาท ส่วนยาเส้นจัดเก็บภาษีตามมูลค่าในอัตรา 0% และเก็บภาษีตามปริมาณอีก 0.10 บาทต่อกรัม

นายลวรณ กล่าวต่อว่า แต่เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่ออุตสาหกรรมยาสูบ โดยเฉพาะเกษตรกรผู้เพาะปลูกใบยาสูบ ดังนั้น เพื่อเป็นการฟื้นฟูเยียวยาผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโดวิดฯ ให้มีระยะเวลาในการปรับตัว เพื่อรองรับกับโครงสร้างภาษีบุหรี่ซิกาแรตตามมูลค่าแบบอัตราเดียวที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จึงมีความจำเป็นต้องกำหนดโครงสร้างภาษีสรรพสามิตยาสูบใหม่ โดยคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบ ดังนี้

    1. อัตราภาษีบุหรี่ซิกาแรต จัดเก็บภาษีตามมูลค่า 25% ของราคาขายปลีกแนะนำ สำหรับบุหรี่ที่กำหนดราคาขายปลีกซองละไม่เกิน 72 บาท และ 42% ของราคาขายปลีกแนะนำ สำหรับบุหรี่ที่กำหนดราคาขายปลีกเกินซองละ 72 บาท และให้จัดเก็บภาษีตามปริมาณ 1.25 บาทต่อมวน
    2. อัตราภาษียาเส้นที่มีปริมาณการผลิตไม่เกิน 12,000 กิโลกรัมต่อปี ให้จัดเก็บอัตราภาษีตามปริมาณที่ 0.025 บาทต่อกรัม และยาเส้นที่มีปริมาณการผลิตเกิน 12,000 กิโลกรัม ให้จัดเก็บอัตราภาษีตามปริมาณที่ 0.10 บาทต่อกรัม

นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรียังได้มีมติมอบหมายให้กระทรวงการคลัง โดยกรมสรรพสามิต พิจารณาศึกษาทบทวนโครงสร้างและอัตราภาษียาสูบ ทั้งในระยะปานกลางและระยะยาว เพื่อนำไปสู่โครงสร้างแบบอัตราเดียวในอนาคตที่เหมาะสม เป็นธรรม และคำนึงถึงการแข่งขันในตลาด รวมทั้งการดูแลสุขภาพของประชาชน พร้อมทั้ง มอบหมายให้การยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลเกษตรกรผู้เพาะปลูกยาสูบทั้งในระยะสั้น และระยะยาว เพื่อให้เกษตรกรผู้เพาะปลูกยาสูบเปลี่ยนมาปลูกพืชทดแทน โดยให้สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สร้างองค์ความรู้หรือสนับสนุนทางวิชาการให้กับเกษตรกรในการปลูกพืชทดแทนเพื่อลดพื้นที่การเพาะปลูกยาสูบอีกด้วย

ถามว่าการปรับโครงสร้างภาษียาสูบครั้งนี้ ส่งผลทำให้บุหรี่ที่วางขายตามท้องตลาดปรับราคาเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ นายลวรณ ตอบว่า “ตอนนี้ยังไม่ทราบว่า การยาสูบแห่งประเทศไทย และผู้นำเข้าบุหรี่จะกำหนดราคาขายปลีกเท่าไหร่ แต่การปรับโครงสร้างภาษีครั้งนี้ ทำให้บุหรี่ที่ขายในตลาดล่าง ซึ่งปัจจุบันขายกันที่ซองละ 60 บาท มีต้นทุนภาษีเพิ่มขึ้นซองละ 4-5 บาท ส่วนบุหรี่ตลาดบนที่ขายกันที่ซองละ 90 -160 บาท มีต้นทุนภาษีเพิ่มขึ้น 7-8 บาท ทั้งนี้ยังไม่รวมกำไรและค่าการตลาดของผู้ประกอบการ ถามว่าราคาบุหรี่จะขึ้นเท่าไหร่ หากจะให้ชัดเจน คงต้องรอให้ผู้ประกอบการกำหนดราคาขายปลีกแนะนำและแจ้งมาที่กรมสรรพสามิตก่อน ซึ่งกรมสรรพสามิตจะเร่งดำเนินการออกประกาศราคาขายปลีกบุหรี่ให้แล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์ นับจากวันที่โครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่มีผลบังคับใช้”

นายลวรณ กล่าวต่อว่า โครงสร้างภาษีสรรพสามิตยาสูบใหม่ คาดว่าจะลดการบริโภคยาสูบได้ประมาณร้อยละ 2 – 3 และการปรับเพิ่มชั้นราคาบุหรี่ซิกาแรต (Threshold) ทำให้ตลาดบุหรี่ซิกาแรตมีการแข่งขันด้านราคามากขึ้น เป็นการเพิ่มโอกาสรับซื้อใบยาสูบจากเกษตรกรเพิ่มขึ้น อีกทั้ง โครงสร้างภาษีสรรพสามิตยาสูบใหม่ ทำให้ภาครัฐสามารถจัดเก็บรายได้ภาษีเพิ่มขึ้นประมาณ 3,500-4,500 ล้านบาทต่อปี แต่อาจทำให้มีบุหรี่หนีภาษีเพิ่มขึ้น ซึ่งกรมสรรพสามิตจะดำเนินการปราบปรามอย่างเข้มงวดต่อเนื่อง โดยจัดตั้งศูนย์ปราบปรามสินค้าออนไลน์

นอกจากนี้ ประชาชนยังสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการแจ้งเบาะแสการกระทำความผิด และตรวจสอบความถูกต้องของสินค้าที่ซื้อได้ด้วยตนเอง โดยใช้ Smartphone สแกน QR code บนดวงแสตมป์ รายละเอียดของสินค้า และข้อมูลการชำระภาษีก็จะปรากฏขึ้นมาทันที หรือ หากพบการกระทำผิดจากการจำหน่ายสินค้ายาสูบ สามารถแจ้งผ่านสายด่วนกรมสรรพสามิต 1713

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคกรมสรรพสามิตได้ประสานไปยังสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค กรมสรรพากร กรมการค้าภายใน เพื่อป้องกันการฉวยโอกาสในการขึ้นราคาจำหน่ายอีกด้วย นอกจากนี้ กรมสรรพสามิตได้นำเทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น ระบบการติดตามและแกะรอย (Tracking and Tracing) และ E-Stamp เป็นต้น เข้ามาช่วยในการป้องกันสินค้ายาสูบที่หนีภาษีและเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตยาสูบ

“นอกจากนี้คณะรัฐมนตรียังได้มีมติเห็นชอบในหลักการโครงการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้เพาะปลูกยาสูบ และผู้บ่มใบยาสูบอิสระที่ได้รับผลกระทบจากการลดปริมาณการรับซื้อใบยาสูบของการยาสูบแห่งประเทศไทย ฤดูการผลิต 2562/2563 โครงการดังกล่าวจะใช้งบประมาณจำนวน 159.59 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรผู้เพาะปลูกยาสูบและผู้บ่มอิสระประมาณ 14,200 ราย ทั้งนี้ กรมสรรพสามิตจะประสานการยาสูบแห่งประเทศไทยและสำนักงบประมาณ เพื่อจ่ายเงินชดเชยให้แก่เกษตรกรผู้เพาะปลูกยาสูบและผู้บ่มอิสระต่อไป” อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าว

  • คลังเตรียมขึ้นภาษียาสูบ คาดบุหรี่เถื่อนทะลัก-ยอดขายยาเส้นกระฉูด
  • สหภาพยาสูบบุกคลัง ค้านขึ้นภาษีบุหรี่ เฟส 2 ดันราคาเพิ่มซองละ 8-10 บาท
  • รื้อโครงสร้างภาษียาสูบ (1): สำรวจตลาดบุหรี่เมืองไทย ทำไมมีแค่ 2 ราคา?
  • รื้อโครงสร้างภาษียาสูบ (2): 3 ปี ภาษีบุหรี่ 2 อัตรา ใครกระทบบ้าง?
  • รื้อโครงสร้างภาษียาสูบ (3): แนะทางรอดยาสูบ จากต้นน้ำถึงปลายน้ำ