ThaiPublica > คอลัมน์ > จีนมีแผนฝึกร่วมกับทหารนานาชาติ

จีนมีแผนฝึกร่วมกับทหารนานาชาติ

8 กันยายน 2021


กวี จงกิจถาวร

Shared Destiny-2021
การซ้อมรบเพื่อการรักษาสันติภาพระหว่างประเทศเริ่มขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ 6
กันยายน มณฑลเหอหนานของจีน และนับเป็นครั้งแรกที่กองทัพจีนจัดการซ้อมรบ โดยมีทหารจากจีน มองโกเลีย ปากีสถานและไทยเข้าร่วม การฝึกซ้อมจะมีไปจนถึงวันที่ 15 กันยายน 2564 ที่มาภาพ : https://twitter.com/PDChina/status/1434773363675725825/photo/1

กองทัพปลดแอกแห่งชาติของประเทศจีนมีแผนฝึกกองกำลังรักษาสันติภาพร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านรวมทั้งประเทศไทย มองโกเลีย และปากีสถาน ระหว่างวันที่ 6 ถึง 15 กันยายน 2564 ที่ศูนย์ฝึกในจังหวัดเหอนาน

การฝึกครั้งนี้ถือว่าเป็นก้าวแรกของกองทัพปลดแอกแห่งชาติของจีน นอกเหนือจากการพัฒนาอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัยแล้ว จีนต้องการมีความเป็นสากลและแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับทหารต่างประเทศมากขึ้น ต้องถือว่าเป็นแผนยุทธศาสตร์ใหม่ทางด้านการป้องกันประเทศของจีนที่จะแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาขีดความสามารถของการทหารจีน ที่สามารถร่วมมือวางแผนและฝึกรบร่วมกับต่างประเทศได้

ที่น่าสังเกตคือ ทหารจีนไม่ค่อยเข้าร่วมกิจกรรมความช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรมในต่างประเทศ ซึ่งน่าจะเพราะความไม่คุ้นเคย ประเด็นนี้กองทัพจีนพยายามปรับปรุง จีนมีความระมัดระวังมากในเรื่องการฝึกร่วมรักษาสันติภาพนานาชาติ

รัฐบาลจีนในยุคประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เข้าใจดีว่า อานุภาพด้านความมั่นคงต้องมาพร้อมกับพลังเศรษฐกิจและสนับสนุนด้วยซอฟต์เพาเวอร์อื่นๆ

ในอดีตกองทัพปลดแอกแห่งชาติของจีนมีบทบาทสำคัญในการปกป้องอธิปไตยแห่งดินแดนของจีนอย่างเดียว แต่ในปัจจุบัน จีนได้กลายเป็นมหาอำนาจแข่งกับสหรัฐอเมริกาในทุกๆ มิติ จำเป็นต้องเพิ่มบทบาทมากขึ้นในประเด็นความมั่นคงและเสถียรภาพในโลก ต้องยอมรับว่าบทบาทจีนทางด้านความมั่นคงเป็นเรื่องใหม่ซึ่งรัฐบาลจีนและกองทัพจีนยังต้องเรียนรู้อีกมากมาย

ขณะนี้ภาพลักษณ์จีนไม่ค่อยดี มักจะถูกตราหน้าว่าเป็น “นักรบหมาป่า” ชอบแสดงลัทธิความเป็นเจ้า จีนมักออกมาปฏิเสธว่านั่นเป็นการโฆษณาชวนเชื่อของโลกตะวันตกที่ต้องการใส่ร้ายจีน

ในเวทีการเมืองระหว่างประเทศ ภาพลักษณ์ของแต่ละประเทศเป็นรื่องที่แข่งขันกันมาก โดยผ่านสื่อทุกแพลตฟอร์ม โดยเฉพาะโซเชียลมีเดีย เพื่อสร้างภาพลักษณ์และมายาคติที่สอดคล้องผลประโยชน์แห่งชาติ สงครามในโลกโซเชียลกำลังเป็นสงครามหลักของมหาอำนาจ เพราะเกี่ยวข้องกับเรื่องความมั่นคงทางไซเบอร์อีกด้วย

ส่วนทางด้านพลังเศรษฐกิจ จีนมีความคาดหวังว่าจะกลายเป็นมหาอำนาจเศรษฐกิจอันดับหนึ่งของโลกภายใน5-6 ปี ข้างหน้า เพราะอัตราการเจริญเติบโตในยุควิกฤติโควิด-19 ก็ยังไม่ได้หยุดชะงักอย่างที่มีการคาดการณ์ไว้ ปีหน้าจีนหวังว่าการเติบโตของเศรษฐกิจจีนจะกลับมามีพลวัตเหมือนเดิม

ผลประโยชน์จีนทั่วโลกได้เพิ่มขึ้นมากในช่วงสามสิบปีที่ผ่านมา เนื่องจากเศรษฐกิจโตขึ้นทุกปีอย่างไม่หยุดยั้ง ตกเป็นเป้าหมายการโจมตีของโลกตะวันตกที่กล่าวหาว่าจีนเอาเปรียบและต้องการเข้าไปครอบครองเป็นอาณานิคมทางเศรษฐกิจ โดยผ่านโครงการ “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” (Belt and Road Initiatives)

จีนต้องระมัดระวังมากไม่ให้การฝึกร่วมทหารนานาชาติครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นการเสริมสร้างศักยภาพทหารจีน เพื่อจะเอามาต้านอิทธิพลทหารสหรัฐอเมริกาในภูมิภาคนี้ในอนาคต ทั้งสามประเทศนี้ที่จะฝึกร่วมกับจีนมีความสัมพันธ์ทางทหารใกล้ชิดกับสหรัฐอเมริกาเช่นกัน

ที่มาภาพ : https://twitter.com/PDChina/status/1434773363675725825/photo/2

ในสมัยก่อน จีนมีการฝึกกับต่างประเทศในลักษณะที่เป็นทวิภาคีมากกว่า ทุกคนรู้จักการฝึกร่วมระหว่างรัสเซียกับจีน ซึ่งมีขึ้นทุกปี และเป็นการฝึกที่ครบรูปแบบ ครั้งล่าสุดได้ฝึกร่วมผ่านไปแล้วเมื่อต้นปี ในช่วงสิบปีที่ผ่านมาจีนพยายามเพิ่มเครือข่ายความร่วมมือทางด้านความมั่นคงเพื่อเพิ่มความเป็นสากลมากขึ้น แสดงถึงทัศนคติใหม่ของทหารจีนที่จะต้องมีบทบาทมากขึ้นในเวทีการเมืองโลก โดยเฉพาะในเรื่องรักษาสันติภาพในพื้นที่ขัดแย้งภายใต้กรอบความร่วมมือขององค์การสหประชาชาติ

จีนเป็นมหาอำนาจที่อิงองค์การสหประชาชาติมากที่สุด มุ่งเน้นเรื่องเกี่ยวกับกองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาชาติ เพื่อขยายภาพลักษณ์ว่าจีนเป็นประเทศรักษาสันติภาพ น้อยคนที่จะรู้ว่ารัฐบาลจีนมีงบช่วยเหลือจำนวนมากทางด้านกองกำลังรักษาสันติภาพระหว่างประเทศอยู่เสมอ ต่างกับสหรัฐอเมริกาในสมัยของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเงินสนับสนุนส่วนนี้ลดลงไปมาก

ต้องติดตามและประเมินผลอย่างใกล้ชิดว่าการฝึกร่วมที่จังหวัดเหอนานในลักษณะนี้จะพัฒนาไปทางใด แน่นอนที่สุดกองทัพปลดแอกแห่งชาติจีนจะไม่หยุดเพียงเท่านี้ คงต้องเพิ่มจำนวนประเทศที่มาฝึกในครั้งต่อๆ ไป คงต้องขยายผลออกไปอย่างน้อยๆ เพื่อแสดงให้ประชาคมโลกรับรู้ว่ากองทัพแดงนั้นไม่ได้อุดอู้อยู่ในถ้ำแบบที่โลกตะวันตกชอบตราหน้า