ThaiPublica > เกาะกระแส > 6 ปี ‘ผกก.โจ้’ จับรถหรู 368 คัน รับส่วนแบ่ง “เงินรางวัล” กว่า 300 ล้านบาท

6 ปี ‘ผกก.โจ้’ จับรถหรู 368 คัน รับส่วนแบ่ง “เงินรางวัล” กว่า 300 ล้านบาท

26 สิงหาคม 2021


อธิบดีกรมศุล ฯแจง ‘ผกก.โจ้’ 6 ปี จับรถหรู 368 คัน นำของกลางประมูลขายทอดตลาดกว่า 1,000 ล้านบาท รับส่วนแบ่งจาก “เงินรางวัล” 30% หรือประมาณ 300 ล้านบาท ด้านดีเอสไอ ตรวจพบ “ลัมโบร์กินี” ของ “ธิติสรรค์” เกี่ยวข้องคดีรถหรูสำแดงราคาต่ำที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของอัยการสูงสุด

หลังจากที่ปรากฏคลิปเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำสถานีตำรวจภูธรเมืองนครสวรรค์ ร่วมกันใช้ถุงคลุมศรีษะผู้ต้องหาคดียาเสพติด เพื่อเรียกรับเงินจำนวน 2 ล้านบาท เป็นเหตุให้ผู้ต้องหาเสียชีวิต เผยแพร่ในโซเชียลมีเดีย จนกลายเป็นคดีสะเทือนขวัญ ดับอนาคตของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรเมืองนครสวรรค์ (ผู้กำกับโจ้) ซึ่งคนในวงการสีการู้จักกันดีในนามของ “โจ้เฟอร์รารี่” นายตำรวจไฮโซ ผู้ครอบครองรถหรู – รถซูเปอร์คาร์จำนวน 29 คัน ต้องออกจากราชการ และตกเป็นผู้ต้องหาในคดีร่วมกันฆ่าผู้อื่น โดยทรมาน หรือ โดยกระทำทารุณโหดร้าย

เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2564 นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร และพ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ในฐานะที่รับผิดชอบคดีรถหรูสำแดงราคาต่ำ จึงต้องออกมาชี้แจงผลการตรวจสอบรถยนต์หรู 29 คัน ที่อยู่ในความครอบครองของผู้กำกับโจ้

นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร

นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า หลังจากที่ปรากฏเป็นข่าวขึ้นมา ตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่กรมศุลกากรตรวจสอบรถหรูที่อยู่ในความครอบครองของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ทั้งหมด 29 คัน พบว่า มีชื่อ พ.ต.อ.ธิติสรรค์เป็นเจ้าของรถกว่า 10 คัน ที่เหลือเป็นชื่อคนอื่น ในจำนวนรถหรูที่ พ.ต.อ.ธิติสรรค์มีชื่อเป็นเจ้าของนั้นมีอยู่ 2 คัน เป็นรถที่ได้มาการที่กรมศุลกากรนำออกมาประมูลขายในปี 2555 ยี่ห้อ เบนท์ลี่ย์ (Bentley) จำนวน 1 คัน และในปี 2558 ยี่ห้อ ปอร์เช่ (Porsche) รุ่น 911 อีก 1 คัน ส่วนที่เหลือนั้น พ.ต.อ.ธิติสรรค์ซื้อมาจากตัวแทนจำหน่ายรถหรูทั่วไป

นายพชร กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบของกรมศุลกากร พบว่าชื่อของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อยู่ในฐานข้อมูลกรมศุลกากร ในฐานะเจ้าของสำนวนคดีรถหรู ในช่วงปี 2554 – 2560 โดย พ.ต.อ.ธิติสรรค์ สามารถจับกุม และนำรถหรูส่งให้กับกรมศุลกากรขายทอดตลาด รวมทั้งสิ้น 368 คัน ซึ่งกรมศุลกากรได้นำออกประมูลขายไปได้ 363 คัน อีก 5 คัน ขายไม่ได้ ยังเป็นของตกค้างอยู่ที่กรมศุลกากร

ถามว่า พ.ต.อ.ธิติสรรค์ ได้รับเงินรางวัลเจ้าหน้าที่ไปเท่าไหร่ นายพชร กล่าวว่า ยังไม่สามารถตอบได้ในขณะนี้ แต่จากการประเมินราคารถหรูทั้ง 363 คัน ก่อนนำออกมาประมูลมีมูลค่าประมาณ 500 ล้านบาท แต่ผลการประมูลปรากฎว่าขายได้กว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งกรณีที่ไม่มีผู้แจ้งเบาะแส หรือ แจ้งความนำจับ ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร 2469 ที่บังคับใช้อยู่ในขณะนั้น กำหนดจัดสรรเงินรางวัลแก่เจ้าหน้าที่ 30% ของรายได้จากการขายของกลาง แต่ถ้ามีผู้แจ้งเบาะแส เจ้าหน้าที่จะได้รับเงินรางวัล 25% และต้องจ่ายให้ผู้แจ้งเบาะแสอีก 30% รวมอัตราการจ่ายเงินสินบนและรางวัลสูงสุดไม่เกิน 55% ของรายได้จากขายของกลาง

“กรณีที่กรมศุลกากรนำรถหรูที่ผู้กำกับโจ้เป็นเจ้าของสำนวนคดีมาประมูลขายได้เงินกว่า 1,000 ล้านบาท นั้น ก็ไม่ได้หมายความว่า ผู้กำกับโจ้จะได้เงินไปคนเดียว 300 ล้านบาท เงินรายได้จากการขายทั้งหมดจะต้องนำไปหักค่าใช้จ่ายในการจัดงานประมูล และจัดสรรปันส่วนให้กับทีมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดตามที่กฎหมายศุลกากรกำหนดด้วย” นายพชร กล่าว

  • 17 ปีสินบนรางวัลกรมศุลฯ “เจ้าหน้าที่-สายสืบ” รับเงิน 15,181 ล้านบาท – อธิบดีระบุสังคายนา กม. ใหม่ เกลี่ยความเหลื่อมล้ำ
  • มหากาพย์นำเข้ารถหรู (15): เปิดต้นต่อชงเรื่องเสนอรองอธิบดี – ยกเลิกคืนภาษี “ซูเปอร์คาร์”
  • มหากาพย์นำเข้ารถหรู : ดัดหลัง “เกรย์ มาร์เก็ต” กรมศุลดูใบขนฯขาออก 4 ยี่ห้อ รถตกค้างที่ด่านฯ 800 คัน – ลือ!ลงขันเด้งอธิบดี
  • ส่วนกรณีการฟอกรถหรูให้ถูกต้องตามกฎหมาย โดยการนำรถมาจอดทิ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับ และรถหรูที่ลักลอบนำเข้าจากประเทศมาเลเซียมาส่งให้กรมศุลกากร เพื่อดำเนินการขายทอดตลาด โดยการถอด ECU ออกแล้วมาซื้อจากกรมศุลกากรไปในราคาถูก หรือ “ล็อกสเปค” นั้น นายพชร กล่าวต่อว่า “กรณีนี้เป็นคดีตำนานไปแล้วตั้งแต่ปี 2560 หลังจากกรมการขนส่งทางบกแก้ไขระเบียบใหม่ ไม่รับจดทะเบียนรถยนต์ผิดกฎหมายทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์แยกชิ้นส่วนมาจดประกอบ และรถยนต์ลักลอบนำเข้า เมื่อกรมการขนส่งทางบกไม่รับจดทะเบียน ตามระเบียบกรมศุลกากรก็ไม่สามารถนำรถยนต์ที่ผิดกฎหมายออกมาประมูลขายได้ กรณีฟอกรถหรูจึงเป็นคดีตำนาน โดยกรมศุลกากรร่วมกับกรมการขนส่งทางบก คัดเลือกรถยนต์ออกมาประมูลขายครั้งสุดท้ายปี 2563 เป็นรถยนต์ตกค้าง ซึ่งเป็นกรณีที่ผู้นำเข้าไม่มานำรถยนต์ออกจากด่านศุลกากรภายในกำหนดเวลา ปัจจุบันจึงมีรถยนต์จดประกอบ และรถยนต์ลักลอบนำเข้าที่ไม่สามารถนำออกมาประมูลได้ เพราะเป็นรถยนต์ผิดกฎหมาย กรมการขนส่งไม่รับจดทะเบียน ตกค้างอยู่ที่กรมศุลกากรกว่า 1,000 คัน ทุบทำลายทิ้ง ก็ไม่ได้ เพราะเป็นทรัพย์สินของหลวง ทางคณะทำงานของกรมศุลกากรเสนอให้มีการแยกเป็นอะไหล่ขาย แต่ก็ยังไม่เป็นที่ยุติ เพราะต้องศึกษาให้รอบด้านก่อน”

    นายพชร กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีผู้นำเข้าอิสระ หรือ “เกรย์มาร์เก็ต” นำเข้ารถยนต์หรูมาสำแดงราคากับเจ้าหน้าที่ศุลกากรต่ำกว่าความเป็นจริง ปัจจุบันไม่ค่อยมีใครกล้าทำแล้ว เพราะสามารถตรวจเช็คราคารถยนต์ในตลาดต่างประเทศผ่านทางเว็บไซต์ได้ หากสำแดงราคาต่ำผิดปกติมาก เจ้าหน้าที่ศุลกากรก็ไม่กล้าตรวจปล่อยรถยนต์ เพราะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกหลายหน่วยงานช่วยกันตรวจสอบราคา ไม่ได้มีแค่กรมศุลกากรหน่วยงานเดียวที่ทำหน้าที่ตรงนี้ แต่อาจจะมีการหลบเลี่ยงได้บ้าง แต่ไม่มีผลกระทบมากนัก เช่น อุปกรณ์ส่วนที่ติดมากับรถยนต์ หรือ “Option” กรมศุลกากรไม่สามารถตรวจเช็คราคาได้ เพราะโรงงานผู้ผลิตรถยนต์ไม่ได้แยกขาย จึงไม่มีราคา ส่วนที่ขายอยู่ตามท้องตลาด ก็ใช้ไม่ได้ ต้องใช้ราคาของโรงงานผู้ผลิตเท่านั้น

    พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI)

    ด้าน พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กล่าวว่า จากการตรวจสอบรถยนต์หรูที่อยู่ในความครอบครองของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ จำนวน 29 คัน พบว่ารถยนต์ยี่ห้อลัมโบร์กินี หมายเลขตัวรถ ZHWEC1ZD6ELA อยู่ในคดีพิเศษที่ 199/2560 ซี่งในขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินคดีกับผู้นำเข้าที่ร่วมกันกระทำความผิดรวม 8 ราย ร่วมกันนำรถยนต์ใหม่สำเร็จรูปจากต่างประเทศเข้ามาในราชอาณาจักร โดยสำแดงราคานำเข้าต่ำกว่าราคาซื้อขายที่แท้จริง 9,512,525.61 บาท เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษี ทำให้รัฐได้รับความเสียหายรวมทั้งสิ้น 31,201,083.08 บาท ประกอบด้วย ภาษีนำเข้าขาด 7,610,020.00 บาท , ภาษีสรรพสามิตขาด 19,025,050.27 บาท , ภาษีมูลค่าเพิ่มขาด 2,663,507.48 บาท โดยผู้ต้องหาทั้ง8 คน มีความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 (มาตรา 27 และมาตรา 115 จัตวา แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469) พระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 (มาตรา 165 มาตรา 167 แห่งพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2527) และตามประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษสรุปสำนวนคดีส่งพนักงานอัยการแล้วเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2562 สารบบระบุว่าปัจจุบันคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของอัยการสูงสุด

    ทั้งนี้ คดีพิเศษที่กรมสอบสวนคดีพิเศษรับผิดชอบในส่วนที่เกี่ยวกับรถยนต์ราคาแพง (รถหรู)ความผิดที่เกี่ยวกับการสำแดงราคานำเข้าเป็นเท็จต่ำกว่าราคาซื้อขายที่แท้จริงทั้งหมด มีจำนวนทั้งสิ้น 216 คดี และได้สอบสวนเสร็จสิ้นส่งสำนวนการไปยังพนักงานอัยการแล้ว จำนวน 150 คดี และอยู่ระหว่างดำเนินการ จำนวน 66 คดี

    อนึ่ง จากการที่สำนักข่าวออนไลน์ไทยพับลิก้าใช้สิทธิ ตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 ขอข้อมูลสถิติการจ่ายเงินสินบนรางวัลจากกรมศุลกากรช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ก่อนที่ พ.ร.บ. ศุลกากร 2560 มีผลบังคับใช้ พบว่า ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2549-2558 มีผู้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 กรณีลักลอบนำเข้าสินค้า ถูกยึดของกลางขายทอดตลาด และกรณีหลบเลี่ยงภาษีต้องจ่ายค่าปรับ 2-4 ของมูลค่าสินค้า รวมกันคิดเป็นมูลค่าประมาณ 31,432 ล้านบาท โดยกรมศุลกากรนำเงินจำนวนนี้มาจัดสรรจ่ายเป็นเงินสินบนและรางวัลทั้งสิ้น 8,514 ล้านบาท โดยจ่ายให้ผู้แจ้งเบาะแส (สายสืบ) 3,939 ล้านบาท และจ่ายเป็นเงินรางวัลเจ้าหน้าที่ผู้จับกุม (ศุลกากร, ตำรวจ, ดีเอสไอ) 4,576 ล้านบาท ส่วนที่เหลือนำส่งกระทรวงการคลังเป็นรายได้แผ่นดินประมาณ 22,918 ล้านบาท