ThaiPublica > ประเด็นร้อน > COVID-19 พลิกโลก > จีน คุมไวรัสเดลตาระบาดระลอกล่าสุดได้ใน 35 วัน

จีน คุมไวรัสเดลตาระบาดระลอกล่าสุดได้ใน 35 วัน

24 สิงหาคม 2021


ที่มาภาพ:https://www.globaltimes.cn/page/202108/1232256.shtml

จีนควบคุมการแพร่ระบาดในวงกว้างครั้งล่าสุดได้ภายใน 35 วัน หลังจากที่จำนวนผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ยืนยัน(confirmed cases )ในประเทศเป็นศูนย์ในวันจันทร์ที่ 23 สิงหาคม แม้มีรายงานผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการในช่วงท้ายของวัน ซึ่งผู้เชี่ยวชาญระบุว่า เป็นการพิสูจน์ให้เห็นถึงประสิทธิภาพของโมเดลของจีนในการควบคุมการระบาดของไวรัส

นับตั้งแต่พบผู้ติดเชื้อรายแรกในการระบาดครั้งล่าสุดที่เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคมที่สนามบินในหนานจิง เมืองหลวงของมณฑลเจียงซูทางตะวันออกของจีน การระบาดรอบล่าสุดส่งผลกระทบมากกว่า 10 จังหวัดและภูมิภาค และนับเป็นการแพร่ระบาดในวงกว้างมากที่สุดนับตั้งแต่การระบาดที่อุบัติขึ้นที่อู่ฮั่นในปี 2020 และจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ต่อวันเกิน 100 ราย

นายหวัง กวงฟา ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินหายใจที่โรงพยาบาล Peking University First Hospital ให้สัมภาษณ์สำนักข่าว โกลบอลไทมส์ (Global Times)ของจีนเมื่อวันที่ 23 สิงหาคมว่า กลยุทธ์การควบคุมการแพร่ระบาดให้มีผู้ป่วยเป็นศูนย์ที่แม่นยำและเฉียบขาดของจีนได้ปกป้องประเทศจากการระบาดระลอกใหม่อีกครั้ง แม้เป็นการระบาดของไวรัสเดลตาที่กระจายได้ง่ายและมีผลกระทบพื้นที่กว้างขึ้น เป็นการพิสูจน์อีกครั้งถึง…

ประสิทธิผลของโมเดลการรับมือโรคระบาดของจีนซึ่งเน้นมาตรการ “สี่เร็ว” หรือ “Four-Early”ได้แก่ การตรวจหาเชื้อให้เร็ว การรายงานให้เร็ว การกักตัวให้เร็ว และการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ให้เร็ว

นักภูมิคุ้มกันวิทยาจากปักกิ่งรายหนึ่งที่ไม่ขอเปิดเผยชื่อกล่าวกับโกลบอลไทมส์ว่า ด้วยโมเดลการควบคุมไวรัสให้เป็นศูนย์นี้ จีนสามารถขจัดการแพร่ระบาดของโรคได้ภายใน 35 วัน ในอนาคต การตอบสนองของจีนอาจรวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น เนื่องจากจีนพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนได้ทุกเมื่อ เมื่อเผชิญกับการกลายพันธุ์ที่เกิดขึ้นใหม่และสถานการณ์การระบาดใหญ่

จีนจะยังคงใช้โมเดลการควบคุมการระบาดให้เป็นศูนย์ต่อไป ในเวลาเดียวกัน นักภูมิคุ้มกันวิทยาแนะนำว่าควรเพิ่มความพยายามในการกระตุ้นการฉีดวัคซีนเพื่อชะลอการแพร่เชื้อและลดอาการเจ็บป่วยรุนแรง รวมทั้งให้วัคซีนเสริมสำหรับบุคลากรที่ปฏิบัติงานแนวหน้า

หลังจาก 35 วัน โกลบอลไทมส์พบว่าในช่วงสุดสัปดาห์ สถานที่ต่างๆ เช่น ปักกิ่ง เจียงซู และเสฉวน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ประกาศว่า จะค่อยๆยกเลิกข้อจำกัดและกลับมาสู่การใช้ชีวิตและการผลิตตามปกติ

คนใช้บริการรถไฟฟ้าใต้ดินที่หนานจิง ที่มาภาพ: https://www.globaltimes.cn/page/202108/1232054.shtml

ตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม ผู้ที่เดินทางออกจากหนานจิงจะไม่ต้องแสดงผลการตรวจเชื้อที่เป็นลบ ส่วนผู้ที่ตั้งใจจะเดินทางเข้าหนานจิงจากภูมิภาคที่มีความเสี่ยงต่ำจะต้องแสดงผล QR Code สุขภาพที่เป็นสีเขียวและมีอุณหภูมิในระดับปกติเท่านั้น ขณะที่การขนส่งสาธารณะภายในเมืองก็เข้าสู่ภาวะปกติเช่นกัน

เมื่อวันที่ 23 สิงหาคมหนานจิงรายงานผู้ป่วยยืนยันในประเทศเป็นศูนย์เป็นวันที่ 10 และทั้งเมืองรายงานผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันเป็นศูนย์เป็นครั้งแรกในวันจันทร์

ตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคม มณฑลเสฉวนกลับมาเปิดให้เดินทางข้ามภูมิภาค และเส้นทางการจราจรหลักทั้งหมดในอู่ฮั่นของมณฑลหูเป่ยก็กลับมาเปิดให้ใช้งานอีกครั้งเช่นกัน ด้านปักกิ่งก็ยกเลิกการควบคุมการแพร่ระบาดในพื้นที่ โดยยกเลิกการใช้มาตรการจำกัดชุมชน 2 แห่ง ในเขตฟ่างซานในบ่ายวันอาทิตย์ และยกเลิกการล็อกดาวน์ 2 ชุมชน ใน หวางจิง เขตเฉาหยาง ในวันที่ 24 สิงหาคม

เจิ้งโจว เมืองหลวงของมณฑลเหอหนาน ทางตอนกลางของจีน ซึ่งมีผู้ป่วยในประเทศเป็นศูนย์ติดต่อกัน 8 วัน ถูกปลดออกจากภูมิภาคที่มีความเสี่ยงสูงทั้งภูมิภาค รถประจำทาง แท็กซี่ และแพล็ตฟอร์มเรียกบริการใช้รถยนต์ภายในตัวเมือง กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งในวันจันทร์

จีนควบคุมการระบาดที่ปะทุขึ้นครั้งล่าสุดแบบเดียวกับที่ควบคุมการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วในปี 2020 แต่คราวนี้จีนมีการตอบสนองที่แม่นยำยิ่งขึ้นในการติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดและบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์ เพื่อให้มั่นใจว่าการใช้ชีวิตโดยรวมของผู้คนจะดำเนินไปอย่างปกติ รวมทั้งการผลิต แม้ไวรัสเดลตาแพร่กระจายในพื้นที่หลายสิบแห่งก็ตาม นายหวังกล่าว

ตัวอย่างเช่น เมื่อไวรัสสายพันธ์เดลตาแพร่กระจายออกไป ปักกิ่งก็ยังดำเนินไปตามปกติเพียงแค่ล็อกดาวน์ชุมชนหลายแห่งหลังจากพบผู้ป่วยยืนยัน ส่วนคนในอู่ฮั่นก็เข้าแถวเพื่อทำการทดสอบตามลำดับอย่างมีระเบียบและอยู่ในความสงบ ซึ่งที่อู่ฮั่นนี้มีไม่ชุมชนราวสิบกว่าแห่งที่ถูกล็อกดาวน์

ในการตรวจหาผู้ติดเชื้อ หยางโจวได้ทำการทดสอบหาเชื้อขนาดใหญ่ 12 รอบ หนานจิงตรวจ 7 รอบ และเจิ้งโจวกำลังทำการตรวจในรอบที่ 5 เมื่อพบผู้ป่วยที่มีผลบวก ผู้ป่วยและผู้สัมผัสใกล้ชิดจะถูกกักตัวและเข้ารับการรักษา

นอกจากนี้ยังได้พบสาเหตุของปัญหา โดยผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า การจัดการที่ไม่ดีของพนักงานทำความสะอาดในหนานจิงและเจิ้งโจวเป็นจุดเริ่มต้นของการแพร่กระจายของไวรัสเดลตาจากสนามบินนานาชาติหนานจิง ลู่โข่วไปยังจังหวัดอื่น ๆ และการจัดการที่หละหลวมในที่สาธารณะและมีการแออัด เช่น ห้องเล่นไพ่นกกระจอกในหยางโจว ส่งผลให้สถานที่เหล่านี้กลายเป็นจุดศูนย์กลางพายุการแพร่ระบาดรอบนี้

ในช่วงเริ่มต้นของการระบาดของโรค หนานจิงก็ถูกสาธารณชนและผู้เชี่ยวชาญตำหนิเช่นกัน เนื่องจากการดำเนินการและสอบสวนโรคทางระบาดวิทยาค่อนข้างช้า

ประชาชนแสดงผล QR Code สุขภาพที่เป็นสีเขียว ที่มาภาพ: https://www.globaltimes.cn/page/202108/1232054.shtml

การระบาดรอบนี้ได้ให้บทเรียนบทใหญ่แก่หนานจิงและเจิ้งโจวว่า เจ้าหน้าที่ที่สนามบินและโรงพยาบาลที่กำหนดควรได้รับการตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอและต้องมีมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดที่เข้มงวดอื่นๆ ควบคู่ไปกับคลังสินค้าและสิ่งของต่างๆ การควบคุมแหล่งที่มาของการติดเชื้อและการตัดช่องทางการติดเชื้อเป็น 2วิธีหลักในการป้องกันและควบคุมการปะทุขึ้นของโรคระบาดในจีน หากผู้ที่เกี่ยวข้องล้มเหลวในการเฝ้าติดตามและป้องกันสุขภาพรายวัน ก็จะส่งผลให้การระบาดเกิดขึ้นใหม่ได้ทุกเมื่อ นายหวังกล่าว

ทีมกลไกการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แห่งสภาแห่งรัฐจีนออกประกาศ(Joint Prevention and Control Mechanism of the State Council) เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา กำหนดให้โรงพยาบาลและรัฐบาลท้องถิ่นพยายามมากขึ้นในการจัดบุคลากรควบคุมโรคระบาดภายในโรงพยาบาลให้เหมาะสม โดยไม่ลดเงินเดือนเพื่อตอบแทนความสำเร็จที่ได้มาอย่างยากลำบากในการแพร่ระบาด

ผู้เชี่ยวชาญบางคนยังกล่าวด้วยว่าในการระบาดครั้งล่าสุด การลงโทษเจ้าหน้าที่ที่หย่อนหยานในการจัดการกับโรคระบาดอย่างทันท่วงทีก็เป็นส่วนหนึ่งของโมเดลของจีนในการควบคุมการแพร่ระบาดซึ่งแสดงให้เห็นแล้วว่ามีประสิทธิภาพ มีเจ้าหน้าที่อย่างน้อย 70 คนถูกลงโทษ ซึ่งบางคนถูกปลดหรือไล่ออกจากตำแหน่ง ส่วนคนอื่นๆ ได้รับการแจ้งเตือนเรื่องการละเลยหน้าที่ในการจัดการกับการระบาดของไวรัสโควิด-19 ในท้องถิ่น

เจ้าหน้าที่อาวุโสของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของจีน (CDC) รายหนึ่งกล่าวกับโกลบอลไทมส์ว่า การให้เจ้าหน้าที่มีส่วนในการรับผิดชอบ นับว่ามีส่วนเสริมมาตรการป้องกันและควบคุมของจีน เพราะยากที่จะยกการ์ดให้สูงไว้ตลอดเวลา เนื่องจากจีนมีประชากรจำนวนมาก มีท่าเรือขนาดใหญ่หลายแห่ง มีพื้นที่กว้างใหญ่และระดับการบริหารการจัดการที่แตกต่างกันในแต่ละภูมิภาคทั่วประเทศ