ThaiPublica > คอลัมน์ > Hospital Playlist จะเยียวยาทุกสิ่ง

Hospital Playlist จะเยียวยาทุกสิ่ง

31 กรกฎาคม 2021


1721955

“ผมเคยได้รับคอมเม้นต์แย่ ๆ มากมายจำพวก…หมอดี ๆ แบบนี้มีที่ไหนในโลก?…นี่มันโลกแฟนตาซีเพ้อฝันชัด ๆ! เป้าหมายของผมคือทำซีรีส์ให้คุณฉุกคิดได้ว่า ฉันอยากจะเป็นและฉันสามารถเป็นคนที่ดีขึ้นได้ ดังนั้นผมจึงจำเป็นต้องมีตัวละครแสนดี เพราะแฟนตาซีสำหรับผมคือ…ผมหวังอยากจะให้ทุกคนบนโลกนี้เป็นคนดี” ชิน วอน-โฮ ผู้กำกับ Hospital Playlist กล่าว

ชิน วอน-โฮ แม้จะกำกับซีรีส์มาแค่ 5 เรื่อง แต่ทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครล้มแชมป์เขาได้ เพราะเขาคือเจ้าของสถิติ 4 เรื่องบนตาราง 20 ซีรีส์ช่องเคเบิลที่มีคนดูสูงสุดตลอดกาล นั่นก็คือ อันดับ 18 Reply 1994 (2013), อันดับ 16 Prison Playbook (2018), อันดับ 5 Reply 1988 (2015) และเรื่องที่เรากำลังเอ่ยถึงคราวนี้ที่กำลังออนแอร์ซีซั่น 2 อยู่ตอนนี้ อยู่ในอันดับ 9 Hospital Playlist (2020 และ 2021)

ขณะที่เขียนบทความชิ้นนี้ ท่ามกลางวิกฤติโควิดระบาดหนักในไทย ทิพานัน ศิริชนะ ข้าราชการการเมือง ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพิ่งออกมาขู่ประชาชนว่า “กลุ่มขบวนการเด็กเลี้ยงแกะที่สร้างภาพ สร้างสถานการณ์นั้น ขอให้คำนึงถึงความเป็นคน เลิกการกระทำดังกล่าวเสีย…หากเจ้าหน้าที่ต้องเสียเวลากับการตรวจสอบเรื่องโกหก หรือข่าวปลอม หลายชีวิตอาจจะได้รับการช่วยเหลือไม่ทันเวลา” ขณะที่ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ออกมารับลูกทันทีว่า “จะเอาผิดคนเฟคนิวส์จัดฉากทำเป็นเสียชีวิตข้างถนน”

ในเวลาเดียวกับนายประยุทธ์ก็สั่งกสทช.ให้ตัดสัญญาณเนตคนเผยแพร่เฟคนิวส์ได้ทันที แล้วก็มีไลน์กรุปสภาคณาจารย์จุฬาฯ หลุดออกมาว่า “ระวัง ตอนนี้มีการส่งภาพคนตายริมถนน คลิปคนล้ม คนนอนชัก เขากำลังตามจับอยู่ มันมีการรับจ้างไปล้มที่ต่าง ๆ ถ่าย ส่งคลิป แล้วก็ลุกขึ้นจากไป” โดยไม่มีหลักฐานชัดเจนสักอย่างว่าภาพคนล้มตายข้างถนนเป็นการจัดฉาก ทั้งที่หลายสื่อแน่ชัดว่ามีผู้เสียชีวิตกลางตลาดจริง ตายในร้านสะดวกซื้อจริง และมีคนโดดตึกตายจริง หรือถูกทอดทิ้งให้ตายคาบ้านจริง สิ่งเหล่านี้กลับไม่ได้รับการเยียวยาแก้ไข รายแล้วรายเล่าเพิ่มขึ้นอย่างน่าสลด และสร้างความบอบช้ำเจ็บแค้นแก่ประชาชนเป็นจำนวนมาก แต่รัฐกลับเลือกจะจัดการขั้นเด็ดขาดด้วยการปิดปากประชาชนกับเรื่องที่ไม่มีมูล

ไม่เพียงเท่านั้นวันถัดมาก็มี “ข่าวลือ” ที่ชาวเนตมั่นใจว่าเป็นอีกครั้งที่ทางการปล่อยออกมาเพื่อหวังจะเบนความสนใจกรณีกลุ่มวีวีไอพีจะแอบฉกวัคซีนไฟเซอร์ที่ส่งตรงจากอเมริกาและเพิ่งมาถึงในวันเดียวกันนั้น

ท่ามกลางปัญหาเรื้อรังที่ประดังประเดมาสุมกับปัญหาใหม่ ๆ Hospital Playlist น่าจะเหมาะที่สุดในเวลาแบบนี้ ดังที่ผู้กำกับ ชิน วอน-โฮ ได้บอกว่าเขาจงใจให้เรื่องนี้เป็นแฟนตาซี ทุกคนเป็นคนดีแสนดีราวกับอยู่ในฝัน เพราะสิ่งที่เขาหวังอยากให้เป็นจริงคือทุกคนบนโลกใบนี้เป็นคนดี มีความสุข มีการให้อภัย มีความเข้าอกเข้าใจ มีความเป็นเพื่อนมนุษย์ และปราศจากทุกข์ภัยร้ายใดใด ซึ่งไม่เคยเป็นจริงบนโลกใบนี้เลย

การได้ดูซีรีส์เรื่องนี้ในยามนี้จึงเสมือนการหลีกลี้จากโลกแห่งความเป็นจริงชั่วครู่ ไปสู่โลกจินตนาการที่เต็มไปด้วยความหวัง เพื่อรับการเยียวยาก่อนจะตื่นมาต่อสู้รับรู้ความสูญเสียต่าง ๆ ที่ถาโถมเข้ามา

และอย่างที่ผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่ายต่างเห็นพ้องต้องกันว่า “จริง ๆ แล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นขณะนี้เป็นเพียงแค่การเริ่มต้น เพราะจุดเดือดที่จะทบทวีไปยิ่งกว่านี้ น่าจะเกิดขึ้นในช่วง สิงหาคม-กันยายนที่กำลังจะมาถึง”

ถ้าจำไม่ผิดในซีรีส์ The Producers (2015) เคยบอกไว้ว่า “ในเกาหลีรายการทีวีที่เรียกเรตติ้งได้ดีที่สุดคือรายการอาหาร หรือไม่ก็เกี่ยวกับการแพทย์ เพราะเรื่องปากท้อง เรื่องการมีชีวิตรอดเป็นเรื่องที่ผู้คนกังวลมากที่สุด” จึงไม่น่าแปลกใจที่เกาหลีมีซีรีส์เกี่ยวกับอาหารและการแพทย์เยอะมาก อาทิ

อาหาร Let’s Eat, Wok of Love, Dae Jang Geum, Oh my ghost, Late Night Restaurant, Temperature of love, Itaewon Class, Eccentric! Chef Moon, The Baker King

การแพทย์ Emergency Couple, Good Doctor, Dr. Romantic, Doctors, Blood, Doctor Prisoner, Doctor Stranger, Doctor John, Medical Top Team, Hospital Ship, Cross, Descendants of the Sun, A Poem A Day, Live Up to Your Name

แต่ Hospital Playlist เป็นเพียงเรื่องเดียวที่เกี่ยวกับการแพทย์ในชาร์ตท็อป 20 ยอดวิวสูงสุดตลอดกาลทางช่องเคเบิล (ส่วนในชาร์ตตลอดกาลช่องฟรีทีวีคือ Descendants of the Sun) อะไรทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ต่างไปจากซีรีส์การแพทย์เรื่องอื่น ๆ

โดยภาพรวมซีรีส์เรื่องนี้เกี่ยวกับอาจารย์หมอวัยกลางคน 5 คน พวกเขาเคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนแพทย์กันมาก่อน ต่างคนต่างมีนิสัยเฉพาะตัว แต่กลับสนิทแน่นแฟ้นคอยช่วยเหลือร่วมมือกันทำงานในแผนกต่าง ๆ ที่แต่ละคนรับผิดชอบ แล้วเมื่อยามว่างพวกเขาจะรวมวงกันในชื่อ 99s ที่จะหยิบเพลงฮิตเก่า ๆ เมื่อ 20-30 ปีก่อนมาร้องด้วยกัน ดังนั้นหากสังเกตจากชื่อ Hospital Playlist นอกจากนี้จะเป็นซีรีส์ในโรงพยาบาลแล้ว แต่ละตอนยังมีเพลงติดหูอีกตอนละ 1 เพลงที่มีเนื้อหาเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ในตอนนั้น ๆ ด้วย

บทบาทของอาจารย์หมอทั้ง 5

อี อิ๊ก-จุน ศัลยแพทย์ทั่วไป พ่อม่ายลูก 1 อารมณ์ดี ยิงมุขฮาได้ตลอดเวลา แสดงโดย โจ จอง-ซ็อก (Nokdu Flower, Two Cops, Jealousy Incarnate) ด้วยความที่ จอง-ซ็อก โด่งดังจากแวดวงละครเวทีมากว่าทศวรรษ ก่อนจะโดดมาแสดงหนังและซีรีส์ (ละครเวทีเรื่องดังของเขาคือ มิวสิเคิลกะเทยหัวขบถ Hedwig and the Angry Inch โดยเขาแสดงเป็น เฮดวิก ที่ผลัดกันแสดงตัวนี้กับ ยู ยอน-ซ็อก ด้วย) ทำให้การแสดงของเขามีชั้นเชิงเป็นอย่างยิ่ง ผู้กำกับ ชิน ถึงกับชมว่า “ในฐานะผู้กำกับ ผมคิดเสมอว่าจะถ่ายทอดความรู้สึกที่ต้องการออกมาได้อย่างไรให้มีความสดใหม่ แล้วทันใดนั้น จอง-ซ็อกจะโยนสิ่งที่ผมคาดไม่ถึงออกมา ในโทนที่ผมต้องการได้อย่างพอดิบพอดี ผมชอบความไม่ยึดติดรูปแบบของเขามาก เขามีทักษะในการแสดงอารมณ์ สีหน้าท่าทางได้อย่างเป็นอิสระ ผมไม่เคยเบื่อเลยที่เห็นเขาแสดง”

อัน จอง-วอน กุมารศัลยแพทย์ รักเด็กและแม้เขาจะเป็นเด็กดีเชื่อฟังแม่มาตลอด แต่ก็มุ่งมั่นอยากจะเป็นบาทหลวง ขณะที่แม่คาดหวังอยากให้เขาแต่งงาน เพราะพี่ชายเขาเป็นบาทหลวงไปแล้วคนหนึ่ง จอง-วอน เป็นคนขี้งก เพราะเขาเก็บเงินไว้เพื่อการกุศล แสดงโดย ยู ยอน-ซ็อก (Mr. Sunshine, Dr. Romantic, Reply 1994) จอง-วอน เป็นตัวละครที่ซีซั่นแรกเย็นชาต่อผู้หญิง เพราะมุ่งมั่นจะไปเป็นบาทหลวง แต่ซีซั่นสองเขากลับกลายร่างเป็นหนุ่มคลั่งรักที่เล่นเอาคนดูจิกหมอนยิ้มเขินได้ตลอดเวลา ผู้กำกับชินให้ความเห็นว่า “บทของ ยู ยอน-ซ็อก ต้องแสดงกับคนไข้เด็ก ๆ ที่ควบคุมได้ยาก แต่เขากลับเข้ากับเด็กเหล่านั้นได้อย่างเป็นธรรมชาติมาก เขาน่าเอ็นดูมากเวลาสื่อสารกับเด็ก ๆ”

คิม จุน-วอน ศัลยแพทย์หัวใจและทรวงอก ปากร้ายใจดี แข็งนอกแต่อ่อนในอย่างมาก ตัวละครขี้เหงาเอาแต่ใจ แต่มีพัฒนาการสูงในการเรียนรู้และปรับตัวเข้ากับคนรอบข้างได้เป็นอย่างดี แสดงโดย จุง คยอง-โฮ (Crash Landing on You, Life on Mars, Prison Playbook) “ตัวจริงของ คยอง-โฮ เป็นคนเฟรนด์ลีย์มาก ๆ เขาอ่อนน้อมถ่อมตนกับผู้คนรอบข้างเป็นอย่างยิ่ง นั่นหมายความว่าเขากำลังแสดงบทบาทที่ตรงข้ามกับตัวตนของเขาอย่างสิ้นเชิง” ชินกล่าว

ยาง ซ็อก-ฮยอง สูตินรีแพทย์ ผู้มุ่งมั่นกับงานและรักแม่ ทำให้เขาเลือกที่จะอยู่เป็นโสดหลังจากหย่าร้างจากภรรยาคนแรก แสดงโดย คิม แด-มุง (The Sound of Your Heart, Misaeng: Incomplete Life) ชินเล่าว่า “แม้ แดมุงจะผ่านงานแสดงมาไม่มาก แต่เขาคือคนแรกที่เราเลือกเข้ามา ตัวละครนี้ควรมีลุคที่ขนาดมองเห็นไกล ๆ ก็รู้ว่าติดแม่และหงิม ๆ แต่สามารถสร้างบรรยากาศอบอุ่นออกมาได้เมื่ออยู่ใกล้ เหมือนเขาแผ่ความสุขออกมาได้จากการแสดงของเขา”

แช ซอง-ฮวา ประสาทศัลยแพทย์ หญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวในกลุ่ม เวลาว่างชอบร้องเพลงแม้จะร้องเพี้ยนก็ตาม เรียนเก่ง แสดงโดย จอน มี-โด (Mother) ผู้กำกับชินเอ่ยถึงเธอว่า “นักแสดงคนเดียวที่มีลุคเป๊ะตรงกับบทนี้อย่างชัดเจนคือ จอน มี-โด เธอมีมาดผู้ทรงภูมิแบบเด็กเรียน เก่ง ฉลาด แต่ขณะเดียวกันบางทีก็ทำอะไรคาดไม่ถึงได้เหมือนกัน นอกจากเธอจะร้องเพลงเพี้ยนแล้ว จริง ๆ เธอไม่เคยจับกีตาร์เบสมาก่อนเลย เธอต้องฝึกอย่างหนักเพื่อเล่นเบสเข้ากับคนอื่น ๆ”

กิมมิคอีกอย่างที่ซีรีส์นี้มี คือความลับที่ซ่อนไว้ ตอนนี้รีวิวหลายสำนักคาดการณ์ว่าการตัดสินใจไปทำงานต่างเมืองของ ซอง-ฮวา ในซีซั่นนี้ อาจมีนัยยะสำคัญมากกว่านั้น เป็นไปได้ไหมที่เธอกำลังสานสัมพันธ์กับใครโดยที่แม้แต่เพื่อนสนิทก็ไม่มีใครรู้ ระหว่างนี้ซีรีส์พักออกอากาศกลางคันเนื่องจากสถานการณ์โควิดระลอกใหม่ และยังเหลืออีก 6 ตอนก่อนจะจบซีซั่นนี้ รวมถึงตัวผู้กำกับชินประกาศออกมาแล้วว่าเขาวางให้เรื่องนี้มีทั้งหมด 3 ซีซั่น แปลว่าถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ปีหน้าแก๊งหมอคนเก่งจะกลับอีกอย่างแน่นอน

Hospital Playlist มีครบรส ทั้งมิตรภาพ ความหวังในการมีชีวิตอยู่ การเข้าอกเข้าใจเพื่อนมนุษย์ ดราม่าน้ำตานอง มุขฮาหัวเราะร่า ความน่ารักใสซื่อของเด็กเล็ก ๆ ความลับลึก ๆ ที่ตัวละครเก็บงำไว้จนกลายเป็นเซอร์ไพร์สคนดู และแน่นอนที่ขาดไม่ได้ มันมีส่วนที่เกี่ยวข้องกับความรักด้วย ผู้กำกับชินให้ความเห็นในมุมนี้ว่า “มันเป็นความรักของคนวัย 40 อัพที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาแล้ว 20 ปี ตอนนี้พวกเขาเลยไม่ได้ใช้ชีวิตรุ่มร้อน หรือผิดหวังฟูมฟายต่ออดีตอีกต่อไปแล้ว ไม่มีรักแรกพบอีกแล้ว และแข็งแกร่งพอที่ชีวิตจะไม่พังทลายลงเพราะเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ อีกต่อไปแล้ว”

ปัญหาแพทย์เกาหลีในช่วงที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตามใช่ว่าวงการแพทย์ในเกาหลีจะดูดีอย่างในซีรีส์ เพราะเมื่อปีก่อนในวันที่ 14 สิงหาคม แพทย์เกาหลีใต้ทั่วประเทศกว่า 10,000 คน ประกาศนัดหยุดงานประท้วงกรณีที่รัฐมุ่งจะเพิ่มจำนวนนักศึกษาแพทย์ และเสนอให้เอางบไปทุ่มกับแพทย์ฝึกหัด แทนที่จะเพิ่มฐานเงินเดือนให้กับแพทย์ที่มีอยู่แล้ว และทำงานหนักกว่าเดิมในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา

โดยรัฐเสนอให้เพิ่มจำนวนรับนักศึกษาแพทย์อีก 4,000 คน ในอีกสิบปีข้างหน้าเพื่อรองรับวิกฤติโควิดและความสุ่มเสี่ยงด้านสาธารณสุขอื่น ๆ อีกในอนาคต รวมถึงแพทย์ 3 ใน 4 ต้องออกไปประจำการในชนบทเป็นเวลาอย่างน้อย 10 ปี คิม ฮยอน-จู ผู้อำนวยการหน่วยงานสาธารณสุขกล่าวว่า “ขณะนี้จำนวนแพทย์ในเกาหลีใต้มีเพียงแค่ 2.3 คนต่อผู้ป่วย 1,000 คนเท่านั้น ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของ OECD (องค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ ในฝรั่งเศสที่มีสมาชิกทั้งหมด 35 ประเทศ) ที่กำหนดไว้ 3.4 คน ดังนั้นเพื่อสวัสดิการของประชาชน รัฐบาลมีความจำเป็นต้องเพิ่มจำนวนแพทย์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”

ขณะที่บรรดาหมอที่ออกมาลงถนนประท้วงกันคราวนี้กลับไม่เห็นด้วยต่อนโยบายดังกล่าว เพราะระบบสาธารณสุขของเกาหลีมาตรฐานเทียบเท่าค่าเฉลี่ยของประเทศสมาชิก OECD โดยปัจจุบันสมาคมแพทย์เกาหลีมีสมาชิกมากกว่า 130,000 คน และจากการคำนวณพบว่าภายในปี 2028 จำนวนแพทย์จะเพิ่มสูงกว่าค่าเฉลี่ยที่ OECD ได้ระบุไว้อยู่แล้ว

อีกทั้งในอดีตรัฐบาลเคยทดลองโครงการแพทย์ชนบทมาก่อนแล้วแต่ล้มเหลว เพราะระบบการทำงานแย่และแพทย์ไม่มีความก้าวหน้า ดังนั้นหลังจากครบ 10 ปีจึงมีจำนวนแพทย์ย้ายเข้าเมือง หรือเลือกไปทำงานในโรงพยาบาลเอกชนแทน ทำให้ศูนย์สุขภาพจะจ้างแพทย์ที่ถูกผลิตเพิ่มแทน โดยไม่มีการแก้ปัญหาแพทย์จบใหม่ที่บางส่วนต้องการกลับไปทำงานในชนบทบ้านเกิดของตนเอง

ความต้องการของกลุ่มผู้ประท้วงคือ แทนที่จะทุ่มงบไปกับการเพิ่มจำนวนนักศึกษาแพทย์ ที่มีแนวโน้มว่าอาจทำให้คุณภาพถดถอยลงเนื่องจากความไม่ก้าวหน้าในสายอาชีพแล้ว ยังทำให้โรงพยาบาลใช้งานแพทย์ในปัจจุบันหนักเกินไป เพราะมาตรฐานที่กำหนดชั่วโมงทำงานของแพทย์ที่ 80 ชั่วโมงต่อสัปดาห์แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ดังนั้นควรหันไปเพิ่มค่าตอบแทนให้กับแพทย์อย่างสมน้ำสมเนื้อมากกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ โดยเฉพาะในช่วงโควิด-19 หลายระลอกที่ผ่านมาทำให้แพทย์ทำงานหนักกว่าเดิมหลายเท่า แต่ค่าแรงกลับไม่เคยเพิ่มขึ้นเลย

อย่างไรก็ตามการประท้วงหยุดงานนี้ภายหลังกลายเป็นดราม่า เพราะสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน เนื่องจากไม่มีหมอประจำการตามโรงพยาบาล (เนื่องจากจำนวนหมอที่ออกมาประท้วงมีมากถึง 95%) อีกทั้งประชาชนที่ไม่เข้าใจต่างให้ความเห็นว่า “การมีหมอมากขึ้นไม่ดีตรงไหน แถมยังลดอัตราการแข่งสอบเข้าหมอได้อีกด้วย และยังจะทำให้มีหมอมากเพียงพอสำหรับชาวชนบทห่างไกล”

ดูซีรีส์แล้วอยากเรียนต่อหมอที่เกาหลีเป็นไปได้ไหม?

บางคนดูซีรีส์การแพทย์เกาหลีแล้วอิน อยากไปเรียนต่อหมอที่เกาหลี ต้องบอกไว้ก่อนเลยว่าเป็นไปได้ยากมาก เพราะตั้งแต่ปี 2006 รัฐบาลจำกัดโควตานักเรียนแพทย์ไว้สูงสุดที่ 3,058 คนเท่านั้น เมื่อเทียบกับผู้เข้าสอบที่มีสูงถึง 5-6 แสนต่อปี แปลว่าลำพังแค่คนเกาหลีด้วยกันเองก็แย่งชิงกันแทบตาย คงไม่เหลือที่เรียนสำหรับชาวต่างชาติอย่างแน่นอน รวมถึงหลักสูตรการสอนหมอต้องเรียนเป็นภาษาเกาหลีเท่านั้น

แถมมีข้อกำหนดไว้ว่าผู้เรียนต้องจบหลักสูตร แพทยศาสตรบัณฑิต จากมหาลัยที่กระทรวงสาธารณสุขเกาหลีรับรองซึ่งมีเพียง 97 มหาวิทยาลัยใน 27 ประเทศเท่านั้น และประเทศไทยไม่ได้อยู่ในรายชื่อดังกล่าว เช่นกัน หากคุณสามารถไปเรียนต่อได้จริง ขากลับคุณยังไม่สามารถขอขึ้นทะเบียนและขอรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมในประเทศไทยได้อีกด้วย เพราะเกาหลีใต้ไม่ใช่ประเทศที่แพทยสภาไทยรับรอง

ช่วงเดือนที่ผ่านมาแม้จะหดหู่อยู่บ้าง แต่ประเทศไทยก็มีข่าวน่าชื่นใจ 2 เรื่อง หนึ่งคือน้องเทนนิส พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ คว้าเหรียญทองโอลิปิคมาได้จากกีฬาเทควันโด ภาครัฐภาควังภาคเจ้าสัวภาคทหารและชาวบ้านต่างแห่แหนกันร่วมยินดี พร้อมกับเงินอัดฉีดที่ว่ากันว่าตอนนี้มีจำนวนสูงถึง 24 ล้านบาท แถมยังจะมีขบวนแห่รอบภูเก็ตในวันที่ 5 สิงหาคมที่จะถึงนี้(ไม่แน่ใจว่าวันดังกล่าวครบ 14 วันกักตัวแล้วหรือยัง)

ขณะที่ เจ้ย อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล ผู้กำกับไทยเพียงหนึ่งเดียวเพิ่งคว้ารางวัลจูรี่ไพรซ์จากเทศกาลหนังเมืองคานส์มาได้หมาด ๆ จากหนังร่วมสร้างไทย-โคลอมเบีย เรื่อง Memoria กลับไม่มีเงินอัดฉีดหรือขบวนแห่แหนแต่อย่างใด มีเพียงคำประกาศที่อภิชาติพงศ์ กล่าวขณะรับรางวัลว่า…

“ผมโชคดีที่ได้มายืนอยู่ตรงนี้ ในขณะที่เพื่อนร่วมชาติของผมจำนวนมากเดินทางไม่ได้ หลายคนต้องเผชิญกับความลำบากแสนสาหัสจากโรคระบาด เพราะความผิดพลาดในการบริหารงานของรัฐ การจัดการทรัพยากรและการเข้าถึงวัคซีน ผมขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทยและรัฐบาลโคลอมเบีย รวมทั้งรัฐบาลประเทศอื่น ๆ ที่อยู่ในสถานการณ์เดียวกันขอให้ตื่นขึ้นและทำงานเพื่อประชาชนของพวกคุณ เดี๋ยวนี้”

Hospital Playlist คือในโลกจินตนาการของ ชิน วอน-โฮ ที่เขา “หวังอยากจะให้ทุกคนบนโลกนี้เป็นคนดี” ในโลกแห่งความเป็นจริงประชาชนไทยถูกใส่ร้ายว่าตายจัดฉาก…