ThaiPublica > คอลัมน์ > Don’t F**k with Cats: Hunting an Internet Killer จากคดีสะเทือนขวัญทาสแมวสู่คดีสะท้านโลก

Don’t F**k with Cats: Hunting an Internet Killer จากคดีสะเทือนขวัญทาสแมวสู่คดีสะท้านโลก

31 มกราคม 2021


1721955

***บทความนี้จงใจจะไม่เฉลยปมสำคัญ

**ทาสแมวควรตั้งสติก่อนดู

*ใครไม่ดูถือว่าพลาดมาก!

Don’t F**k with Cats: Hunting an Internet Killer (2019)เหตุเกิดเพราะเรื่องจิ๊บจ๊อยแท้ๆ เมื่อเกรียนคีย์บอร์ดนายหนึ่งโพสต์คลิปกระตุกติ่งบรรดาทาสแมวอย่างรุนแรง สำหรับเราทั่วไปอาจมองว่าเล็กน้อย แต่ไม่ใช่ในสายตามนุษย์ป้าเนิร์ดเน็ตอย่าง ดีแอนนา ทอมป์สัน ด้วยเหตุผลที่เธอว่า “เพราะโลกอินเทอร์เน็ตมันไร้พรมแดน มันจึงไม่มีขื่อมีแป มันเป็นที่แสนสุข ได้เข้าไปส่องดูรูปเด็กน้อยน่ารักบ้องแบ๊วแสนวิเศษ…

แต่ก็ยังมีชาวเน็ตอีกจำพวกที่ชอบคลิกไปเปิดดูมุมมืดอันเสื่อมทราม คลิปโป๊ คลิปโหด คนโดนถีบตกกะได ทารุณคนแก่ แมนๆ ตีกันข้างถนน ล้อเลียนเหยียดชาติศัตรู แต่ก็ไม่มีใครสนใจจะตั้งกฎอะไร แต่ถึงไม่มีกฎ ในมุมมืดเสื่อมๆ มันก็ยังมีกฎที่ไม่ได้ตราไว้ แล้วถึงจะไม่ถูกระบุไว้ แต่เป็นอันรู้ทั่วกันคือ ‘กฎข้อศูนย์ ‘ และกฎข้อศูนย์ มันแปลว่า อย่าเผือกไปยุ่งกับแมวโว้ยไอ้สันขวาน!”

จากนั้นป้าดีแอนนาก็เล่าว่าเธอทำงานในลาสเวกัส เมืองบาปที่ผู้คนแห่แหนมาเล่นพนัน เล่นยา และทำเรื่องสกปรกกัน แต่งานของเธอคือ…เจ้าหน้าที่วิเคราะห์ข้อมูลของคาสิโนใหญ่หลายแห่ง ควบคุมสอดส่องอุปกรณ์เทคโนโลยีทั้งหมดในการเล่นพนัน มาถึงตรงนี้คนดูคงเริ่มรู้แล้วว่า ดีแอนนาคือมนุษย์ป้าจอมสอดและส่องแถมยังรู้ดีเรื่องโปรแกรมคอมพ์สุดไฮเทคพอตัว แม้แต่ตัวเธอเองยังเรียกตัวเองว่า “ฉันคือพวกเนิร์ดเน็ตตามตำราเป๊ะ”

ดีแอนนา ทอมป์สัน

ช่วงพักผ่อนหลังเลิกงานของเธอก็เหมือนคนอื่นทั่วไป เล่นกับหมา เซิร์ชเน็ต สำรวจดราม่าต่างๆ ผ่านเฟซบุ๊กที่เธอใช้ยูสเซอร์ปลอมว่า Baudi Moovan เพื่อปิดบังตัวตน และมันดัดแปลงมาจากชื่อเพลงโปรดของเธอ Body Moving (2009) ของวงบีสตี้บอยส์ เธอเล่าต่ออีกว่า

“ในโลกออนไลน์ฉันเป็นใครก็ได้ ฉันทำให้โลกนี้ดีกว่าเดิมได้ หรือไม่ก็เป็นคนฉลาดสุดๆ หรือเป็นเจ้าหญิงก็ยังได้…ฉันเป็นใครก็ได้บนโลกออนไลน์”

“ปลายปี 2010 ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับแฟนมาถึงจุดจบที่ย่ำแย่ ฉันอยากจะจมดิ่งไปกับเรื่องอะไรก็ได้ที่ทำให้ลืมๆ มันไปเร็วๆ แล้ววันหนึ่งก็เจอผู้คนแห่กันโพสต์คลิปนั้นขึ้นมาบนเฟซบุ๊ก” ดีแอนนาเล่าว่ามันเป็นคลิปความยาวไม่กี่นาที มีชื่อว่า ‘1 หนุ่ม 2 เหมียว’ มียอดดิสไลก์ 500 เท่าของยอดไลค์ “ทีแรกฉันก็ว่ามันน่ารักดีนะคลิปนี้” เป็นภาพแมวเหมียวซุกข้างๆ กันสองตัว มือคนถ่ายค่อยๆ ลูบหัวน้องเหมียวอย่างเอ็นดู…จากนั้นเจ้าของคลิปก็วางกล้องลง ถ่ายตัวเองภายใต้เสื้อมีฮู้ดอำพรางหน้า ก่อนที่เขาจะยัดน้องเหมียวทั้งคู่ลงถุงสุญญากาศ แล้วดูดอากาศออกกระทั่งมันตัวแข็งทื่อไปต่อหน้าต่อตากล้อง T T

แม้ว่า “อย่าฆ่าสิ่งมีชีวิต” จะถูกบัญญัติไว้ในข้อห้ามทุกศาสนา แต่มนุษย์ฆ่าสิ่งมีชีวิตมากมายทุกวินาทีทั่วโลก ทั้งแบบที่นำมาเป็นอาหาร หรือไล่ล่าฆ่าเพื่อความสนุก ฆ่ากันได้แม้แต่คนด้วยกัน แต่ดังที่ป้าดีแอนนาได้กล่าวไว้ว่า “กฎข้อศูนย์ (ในเน็ต) มันแปลว่า อย่าเผือกไปยุ่งกับแมวโว้ยไอ้สันขวาน!” เพราะแมวมันน่ารัก มันจึงง่ายต่อกระแสเดือดทัวร์ลงผู้คนแห่แหนกันจองกฐินเพียบ แต่ไม่มีใครเอาผิดเจ้าของคลิปนั้นได้เลย หนำซ้ำมันยังถูกโพสต์ถูกทำซ้ำแชร์ต่อๆ กันไป จนถึงขั้นมีไอ้บ้าบางรายทำคลิปเลียนแบบออกมาก็มี บางคนอยากดังก็โพสต์ดื้อๆ ว่า “ฉันนี่แหละคือไอ้สันขวานคนนั้น” แล้วเรื่องก็ลุกลามไปจนถึงจุดที่ไม่มีใครคาดมาก่อน

สิ่งที่เราเล่ามาถึงตรงนี้คือเวลาเพียง 8 นาทีในช่วงเกริ่นนำเรื่องของมินิซีรีส์เรื่องนี้เท่านั้น มันมีความยาวตอนละชั่วโมง และมีแค่ 3 ตอนจบ แต่คุณจะไม่สามารถละสายตาได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว แล้วอันที่จริงนี่ไม่ใช่เรื่องแต่ง ไม่ใช่แม้แต่ด็อกคู-ดรามา แต่มินิซีรีส์เรื่องนี้คือสารคดีแท้ๆ ที่เล่าสนุกอย่างกับหนัง พลิกผันหักมุมทุกช่วงตอน สะเทือนใจสุดๆ เป็นไปตามไทม์ไลน์ แต่กลับยากจะคาดเดา ขยักเล่าก่อนจะค่อยๆ เผยทีละปม แล้วขมวดใหม่จนซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ จากคดีที่ดูไม่เป็นสาระ ลามกลายเป็นคดีใหญ่โตสนั่นโลก

เพราะเมื่อคลิปนี้ถูกโพสต์ลงบนโลกออนไลน์ มันไม่ได้แปลว่าไอ้เด็กเกรียนคีย์บอร์ดคนนั้นมันอาศัยอยู่ข้างบ้านสักหน่อย เพราะนอกจากคนทั้งโลกจะได้เห็นคลิปโดยทั่วกันแล้ว ยังเดาไม่ได้ด้วยว่าคนร้ายโพสต์มาจากมุมไหนของโลก แต่ป้าดีแอนนาและผองเพื่อนชาวเนิร์ดเน็ตกลับช่วยกันจนได้ เมื่อเธอเริ่มทำกรุ๊ปรวบรวมทาสแมวผู้คลั่งแค้น และอยากจะไล่ล่ากระชากหน้ากากมือฆ่าโฉดชั่วรายนี้มาลงโทษให้สาใจ รายละเอียดทุกซอกมุมถูกขุดคุ้ยจนเข้าใกล้ และใกล้ขึ้น โดยไม่เฉลียวใจว่า อาจเกิดฆาตกรรมเลียนแบบ หรือไม่ก็มือฆ่าก็อาจแฝงตัวเข้ามาในกรุ๊ป หรือออกจากโลกออนไลน์แล้วหันกลับมาไล่ล่าเธอในโลกออฟไลน์ก็เป็นได้ เหนือสิ่งอื่นใด ดีแอนนาไม่เคยคาดคิดว่าการผดุงคุณธรรมที่พวกเธอทำ มันกลับยิ่งกระตุ้นให้มือฆ่าอยากจะฆ่าเหยื่อที่ไม่ใช่แค่แมวอีกต่อไป

“เพียงแค่ 2 สัปดาห์ ซีรีส์เรื่องนี้ก็ไต่ขึ้นเป็น 1 ในท็อป 5 อันดับซีรีส์ห้ามพลาดทันทีที่ออนไลน์บนเน็ตฟลิกซ์” คือคอมเม้นต์หนึ่งในชาวเน็ตคอหนังจากเว็บ Rotten Tometoes จนเรตติ้งพุ่งไปที่ 8/10 และอีกคอมเม้นต์ยังชมว่า “มีเนื้อหาชวนติดตาม ชวนตั้งคำถาม ลุ้นระทึก ซับซ้อน สนุกลืมตาย แต่ทั้งหมดนี้คืออาชญากรรมในโลกแห่งความเป็นจริง” ไปจนถึงขั้นคว้ารางวัลเอมมีอะวอร์ด ในสาขาบทโดดเด่นสำหรับซีรีส์ที่ไม่ใช่เรื่องแต่ง

ผู้กำกับ มาร์ก เลวิส เผยว่า…

“ผมไม่ได้ต้องการจะทำซีรีส์แนวไล่ล่าระทึกขวัญ ซีรีส์เรื่องนี้ไม่ได้ต้องการนำเสนอเพียงด้านนั้น เรื่องนี้กำลังบอกเราถึงทุกสิ่งเกี่ยวกับวัฒนธรรมอินเทอร์เน็ตในยุคเรา เกี่ยวกับการไล่ล่าไขว่คว้าการมีตัวตนบนโลกออนไลน์ แต่สิ่งที่มัดใจให้ผมอยากจะกำกับมัน เพราะตัวเรื่องเองมันทำงานในจิตใจกับคนที่ได้ดู มันถ่ายทอดช่วงเวลาอันแสนระทึกชวนขนหัวลุกที่เกิดขึ้นกับชีวิตเราได้จริงๆ”

ดีแอนนาให้สัมภาษณ์นิตยสารวาไรตีว่า “ในซีรีส์มีประเด็นนึงที่ถูกตัดออกไป คือ มีบ่อยเหมือนกันที่ฆาตกรพยายามจะสื่อสารกับเรา เขาจะโพสต์บนออนไลน์ แล้วติดแฮชแท็กชื่อล็อกอินของฉัน ครั้งหนึ่งเขาโพสต์โควตของนีทซ์เชอว่า ‘ใครก็ตามที่ต่อสู้กับสัตว์ประหลาดควรระวังตัวไว้ด้วยว่าในระหว่างนั้นเขาจะไม่กลายเป็นสัตว์ประหลาดไปเสียเอง และถ้าคุณจ้องมองลงไปในเหวนานพอ นรกก็จะจ้องกลับมาหาคุณ’ มันหมายความว่า เฮ้ ระวังไว้ให้ดีเถอะ เพราะยิ่งเธอเข้ามาแหยมกับฉัน เธอก็จะกลายเป็นเหมือนฉันนั่นแหละ”

ปี 2012 มีผู้พบกระเป๋าเดินทางเก่าๆ ถูกทิ้งไว้ในตรอกเล็กๆ ในเมืองมอนทรีออล พร้อมกับในวันถัดมายังมีกล่องปริศนาอีก 2 กล่อง ถูกส่งไปยังพรรคการเมืองฝ่ายอนุรักษนิยมและฝ่ายเสรีนิยมของประเทศแคนาดา… เป็นคุณจะเดาถูกไหมว่าใน 3 กล่องนี้บรรจุอะไรเอาไว้ และอาชญากรทำสิ่งนี้ไปทำไม บอกใบ้ให้เล็กน้อยว่า จากนั้นคดีนี้ก็กลายเป็นคดีสะเทือนขวัญระดับโลก โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากคลิปฆ่าแมวคลิปนั้นเมื่อสองปีก่อน

FYI: สิ่งที่ซีรีส์ไม่ได้เล่า

จริงๆ แล้วฆาตกรเป็นลูกชายคนโต และครอบครัวเขามีลูกทั้งหมด 3 คน ตอนเด็กๆ แม่จะหมกมุ่นจู้จี้ในเรื่องความสะอาดเป็นอย่างมาก และเธอมักจะขังลูกๆ ไว้ไม่ให้ออกนอกบ้าน รวมถึงครั้งหนึ่งเธอเคยขังกระต่าย อันเป็นสัตว์เลี้ยงของลูกๆ เธอไว้ในที่หนาวเย็นเพื่อปล่อยให้มันแข็งตาย ส่วนพ่อของเขาได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นจิตเภท และพวกเขาหย่าร้างกันในปี 1994 ก่อนที่ตัวฆาตกรจะย้ายไปอยู่กับย่า

เขาเริ่มเข้าสู่แวดวงหนังโป๊เกย์ในปี2003 รับงานเปลื้องผ้าและเพื่อนเที่ยวกับทั้งชายและหญิง เคยปรากฏเป็นนายแบบนิตยสาร fab โตรอนโต โดยใช้นามแฝงว่าจิมมี ในปี 2007 เขาเคยไปออดิชันซีรีส์เรื่อง Cover Guy แต่ไม่ถูกคัดเลือก เขาทำศัลยกรรมพลาสติกหลายครั้ง และร่วมรายการประเภทศัลยกรรมเมกโอเวอร์ ตำรวจระบุว่าเขามีเฟซบุ๊กอย่างน้อย 70 บัญชี และ อีก 20 เว็บไซต์ภายใต้ชื่อที่ต่างกัน

ในซีรีส์มีอีกหลายปมที่เผยให้คนดูรู้เลยว่า แม้แต่ตำรวจก็ไม่มีวันรู้ แต่น่าสนใจว่าแก๊งมนุษย์ลุงป้าเนิร์ดเน็ตที่มีดีแอนนาเป็นแกนนำกลับไขปริศนานั้นให้กระจ่างแจ่มด้วยสมมติฐานที่เชื่อถือได้ โดยเฉพาะพวกเขาสามารถบอกได้ทันทีว่า โพสต์นับหมื่นๆ โพสต์บนโลกออนไลน์ที่น่าจะเป็นคนร้าย ชิ้นไหนคือคนร้ายตัวจริง จากการศึกษาวิธีคีย์ หรือเคาะวรรค หรือการใช้รูปประโยคซ้ำๆ ไปจนถึงหนังที่คนร้ายปลาบปลื้ม เพราะในขณะเดียวกัน คนร้ายที่พวกเธอยังไม่เคยเจอตัวกันจั๋งๆ ก็สนุกกับการค่อยๆ ปล่อยปริศนาให้ฝั่งมนุษย์ป้าขบคิด แล้วยิ่งเขาสนุกกับการโพสต์เรื่องเฟกปลอมๆ ของเขาบนโลกออนไลน์มากเท่าไร ยิ่งง่ายต่อการแกะร่องรอยทางดิจิทัล (digital footprint) มากเท่านั้น

ซีรีส์นี้น่าจะไม่จบเศร้า ถ้าทั้งหมดที่เล่ามาเป็นแค่เรื่องแต่ง แต่มันยิ่งเศร้าเมื่อคนดูรู้แต่ต้นว่ามันคือเรื่องจริง และยิ่งตอกย้ำให้เรารู้ด้วยว่า มนุษย์ทำสิ่งโหดเหี้ยมเกินคาดเดาและเกินกว่าจะสรรหาคำใดมาบรรยายได้อย่างเหลือเชื่อจริงๆ

ฆาตกรทำอย่างหนักในการจะทำให้เป็นที่สนใจของสื่อ และสุดท้ายเขาทำได้จริงๆ ไม่ใช่เพียงแต่สื่อในประเทศเท่านั้น สื่อทั่วโลกต่างจับจ้องข่าวสะท้านโลกครั้งนี้ แล้วภายใน 2 ปี ที่ฆาตกรเดินทางมาไกลถึงจุดนี้ จนล่าสุดยังได้กลายเป็นสารคดีเน็ตฟลิกซ์ มันเริ่มต้นขึ้นเพราะเขากลายเป็นจุดสนใจจากคดีเล็กๆ ในคลิปฆ่าแมวนั้นเอง

สิ่งนี้ก่อคำถามขึ้นในใจ อย่างที่ดีแอนนาทิ้งท้ายไว้ในซีรีส์ว่า…

“สิ่งหนึ่งที่กวนใจฉัน แล้วบางคืนทำให้ฉันนอนไม่หลับ คือคำถามที่ว่า เรามีส่วนในการก่อเหตุของฆาตกรหรือเปล่า… พวกเราทำให้เขายิ่งหลงตัวเอง จนเขาทำมันมากยิ่งขึ้นหรือเปล่า เรากระตุ้นให้เขาทำ เราทำให้ปีศาจแข็งแกร่งขึ้น หรือเราสร้างปีศาจตนนี้ขึ้นมาด้วยมือเราเองกันแน่”