ธนากร คมกฤส
พระราชบัญญัติการพนันของบ้านเราถูกวิจารณ์มากในแง่ของความเก่าแก่ เพราะถูกตราขึ้นมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2478 นับเป็นเวลากว่า 80 ปี แม้จะถูกปรับปรุงแก้ไขบ้างในระยะเวลาที่ผ่านมา แต่ก็มักจะเป็นการปรับแก้ในรายละเอียดที่ไม่ใช่สาระหลัก
แต่อีกเรื่องหนึ่งที่ไม่ค่อยมีใครตั้งข้อสังเกต คือ พ.ร.บ.การพนัน 2478 เป็นกฎหมายที่มีขนาดเล็กมาก มีทั้งหมดเพียง 17 มาตรา เทียบกับภารกิจ “รับมือกับการพนัน” ซึ่งถือเป็นอบายมุขมวลใหญ่ จึง เปรียบเสมือนการเอามือเล็กที่ต้องไปปิดตูดใหญ่ ซึ่งไม่น่าเพียงพอจะรับมือได้
หากลองเทียบกับกฎหมายอบายมุขตัวอื่น เช่น เหล้า บุหรี่แล้ว ขนาดของพ.ร.บ.พนัน มีขนาดที่ต่างกันมากกับพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และพ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ ซึ่งมีความใหม่กว่า มีแนวคิดที่ชัดเจนกว่า มีบทลงโทษที่รุนแรงกว่า มีมิติการทำงานที่หลากหลายกว่า และมีโครงสร้างกฎมายที่แข็งแรงกว่า (แสดงดังตาราง)
จากตารางขอจะขยายความให้เห็น “จุดอ่อน” ของพ.ร.บ.การพนันให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ดังนี้
หนึ่ง พ.ร.บ.พนัน = “มือเล็ก”
ความเล็กของพ.ร.บ.การพนัน 2478 นอกจากจะอยู่ที่การมีเพียง 17 มาตรา ขณะที่พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มี 45 มาตรา และพ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ มี 74 มาตรา (เนื่องจากเป็นการแก้ไขปรับปรุงเพื่อควบรวมกฎหมายสองฉบับ คือ พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ 2535 และพ.ร.บ.คุ้มครองสุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรี่ 2535 เข้าไว้เป็นฉบับเดียวกัน)
ความแตกต่างที่เห็นได้ชัด คือ พ.ร.บ.ทั้งสองต่างมีฐานคิดที่ชัดเจนในการจะ “ควบคุม” เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และผลิตภัณฑ์ยาสูบ จึงกำหนด “กลไกการควบคุม” ไว้อย่างแข็งแรง คือ
-
ก) คณะกรรมการกำหนดนโยบายระดับชาติ เป็นผู้กำหนดวิสัยทัศน์และกำกับทิศทาง
ข) คณะกรรมการควบคุม เป็นผู้กำกับดูแลความรับผิดชอบของผู้ประกอบการ และกำกับการทำงานของหน่วยงานผู้บังคับใช้กฎหมาย
ค) สำนักงานคณะกรรมการ เป็นมือไม้ในการลงมือทำ โดยมีกลไกผู้รับผิดชอบลงไปถึงระดับจังหวัด ที่สามารถตรวจสอบความรับผิดชอบไปได้ตลอดสาย “เป็นมือไม้ที่มีขนาดใหญ่”
ขณะที่พ.ร.บ.การพนันมีมือที่ขนาดเล็กมาก ทำให้การบังคับใช้กฎหมายไม่เป็นจริง ทำให้การพนันจำพวกต้องห้ามทั้งหลายลักลอบเล่นกันเกลื่อนบ้านเกลื่อนเมืองอย่างที่รู้ ๆ กันอยู่
สอง พ.ร.บ.พนัน = “มือเดียว”
อีกความแตกต่างหนึ่งของ พ.ร.บ.การพนัน 2478 กับพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และ พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ คือ การมีมิติการทำงานด้านการปกครองเพียงด้านเดียว คิดเพียงแค่ “ห้าม” หรือ “ให้” เล่นการพนันเท่านั้น โดยไม่ได้คิดจะทำงานกับการลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการพนันเลย
ขณะที่เมื่อเปรียบเทียบกับอีกสองพ.ร.บ.ที่กล่าวมา จะเห็นว่า พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีหมวดที่ว่าด้วย “การบำบัดรักษาหรือฟื้นฟู” และพ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบมีหมวดที่ว่าด้วย “การคุ้มครองสุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรี่” อันเป็นการเติมมิติการทำงานด้านสุขภาพลงไปด้วย
เพราะในความเป็นจริงการพนันไม่ว่าจะเป็นการพนันประเภท “ต้องห้าม” หรือ “ไม่ห้าม” ล้วนสามารถส่งผลมากกว่าการเสียเงินทองของมีค่า แต่ส่งผลต่อความเครียดและคุณภาพชีวิตของผู้คน ทั้งในแง่ประสิทธิภาพการใช้ชีวิตประจำวัน และความสัมพันธ์ในครอบครัว อันเกิดจากการเล่นพนันจนเป็นปัญหา ยิ่งในปัจจุบันที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศให้ “การติดพนันเป็นโรคทางจิตเวชอย่างหนึ่งที่มีสาเหตุมาจากอาการสมองติดการพนัน” ด้วยแล้ว ก็สมควรอย่างยิ่งที่ต้องเพิ่มมิติการทำงานด้านสุขภาพในกระบวนการทำงานควบคุมการพนัน
สาม พ.ร.บ.พนัน = “มือเบา”
อีกประเด็นหนึ่งที่เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์พ.ร.บ.การพนัน 2478 กันค่อนข้างมาก คือ การมีบทลงโทษที่เบา โดยมีระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไปจนถึง 3 ปี และปรับตั้งแต่ 500 ไปจนถึง 5,000 บาทเท่ากันทั้งฝ่าย “เจ้ามือ” “ผู้โฆษณาชักชวน” และ “ผู้เข้าเล่น” ซึ่งจริง ๆ แล้วน่าจะมีฐานความผิดที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะโทษของเจ้ามือ
ทั้งหลายทั้งปวงน่าจะมาจากสาเหตุสำคัญ คือ การ “คิดไม่ขาด” กับการพนัน ไม่ฟันธงให้ชัดว่าการพนันเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สร้างผลกระทบได้หลายทางและหลายทอด ฉะนั้น ต้อง “ควบคุม” อย่างแข็งแรง ไม่ต่างจากหลักคิดในการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และผลิตภัณฑ์ยาสูบ
หากพ.ร.บ.การพนัน 2478 ไม่ถูกแก้ไขปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพกว่านี้ ก็คงเป็นเพียง “มือเล็กอุดตูดใหญ่” ที่ถึงอย่างไรก็ปิดปัญหาไว้ไม่อยู่ ปล่อยให้การพนันเต็มบ้านเกลื่อนเมืองต่อไป